T Nakamura
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 347

|
 |
« เมื่อ: วันที่ 12 มีนาคม 2012, 16:32:56 » |
|
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นวันครบรอบ 37 ปี การเสียชีวิตของคนเชียงรายที่สำคัญคนหนึ่ง คือ ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน ใคร คือ บุญสนอง บุณโยทยาน?ดร.บุญสนอง บุณโยทยาน เป็นชาวเชียงรายโดยกำเนิด เป็นบุตรของนายสนอง บุญโยทยาน มีน้องชายร่วมบิดา มารดา อีก 1 คน
ดร.บุญสนอง เป็นอดีตหัวหน้าแผนกวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้ร่วมก่อตั้งและเลขาธิการพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย
ดร.บุญสนองสำเร็จการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2502 แล้วเข้าทำงานกับหน่วยงานของรัฐ เป็นผู้แปลเอกสารทางการเป็นภาษาอังกฤษ ทักษะภาษาอังกฤษบวกกับความคุ้นเคยที่เขามีต่อโครงสร้างของหน่วยงานรัฐไทย ทำให้ต่อมาเขาได้ทำงานเป็นนักเขียนและนักวิจัยให้กับสำนักข่าวสารอเมริกัน (United States Information Service, USIS) ในกรุงเทพฯ
ในปีพ.ศ. 2505 บุญสนองได้รับทุนการศึกษา Fulbright-Hayes Scholarship ไปศึกษาต่อระดับปริญญาโททางสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัยแคนซัส (ในพ.ศ. 2518 บุญสนองเป็นแกนนำนักศึกษาเดินขบวนมาปลดตราสัญลักษณ์นกอินทรีย์ออกจากประตูของสถานทูตอเมริกาบนถนนวิทยุ อย่างที่เขาทำหลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะระหว่างกองทัพสหรัฐอเมริกาและกองกำลังเขมรแดงจากเหตุยึดเรือสินค้า SS Mayaguez)
บุญสนองศึกษาปริญญาโทสังคมวิทยา ที่มหาวิทยาลัยแคนซัส สหรัฐอเมริกา หัวข้อวิทยานิพนธ์ "คำอธิบายทางสังคมวิทยาของต้นกำเนิดการพัฒนาที่แตกต่างกันในญี่ปุ่นและประเทศไทย" (A Sociological Explanation of the Origins of Differential Development in Japan and Thailand) ปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยคอร์แนล หัวข้อวิทยานิพนธ์ "การเปลี่ยนแปลงทางสังคมแบบเลือกปฏิบัติของไทย: การศึกษาด้วยการอ้างอิงเปรียบเทียบกับญี่ปุ่น" (Thai Selective Social Change: A Study with Comparative Reference to Japan)
ช่วงเวลาที่บุญสนองศึกษาอยู่ที่คอร์แนล เป็นช่วงเดียวกับที่ ฉลาดชาย รมิตานนท์, ยุพา คลังสุวรรณ, บัณฑร อ่อนดำ, ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, ปรานี วงษ์เทศ, ม.ร.ว.อคิน รพีพัฒน์, วารินทร์ วงศ์หาญเชาวน์, ปราโมทย์ นาครทรรพ, และอานันท์ กาญจนพันธ์ ซึ่งต่อมาจะเป็นนักวิชาการสำคัญในประเทศไทย ก็ศึกษาอยู่ที่คอร์แนลเช่นกัน ภายหลังได้รับปริญญามหาบัณฑิต บุญสนองเดินทางกลับประเทศไทย และเข้ารับตำแหน่งอาจารย์ทางสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในปีพ.ศ. 2510 เขากลับสู่อเมริกาอีกครั้งและใช้เวลา 5 ปีที่นั่นอย่างเป็นประโยชน์เต็มที่ เขาจบการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ตีพิมพ์บทความจำนวนมาก ใช้เวลาหนึ่งปีที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และอีกปีในฐานะอาจารย์พิเศษที่มหาวิทยาลัยฮาวาย เมื่อเขาเดินทางกลับประเทศไทยใน พ.ศ. 2515 เขาได้ประสบความสำเร็จเป็นนักวิชาการสังคมวิทยาที่ได้รับความยอมรับในระดับนานาชาติ ถือเป็นความสำเร็จที่เพื่อนร่วมงานชาวไทยของเขาน้อยคนจะเทียบได้ แม้กระทั่งผู้ที่อาวุโสสูงกว่าเขาหลายปีก็ตาม ตลอดช่วงเวลาที่เขาอยู่ในอเมริกา บุญสนองได้สั่งสมมากกว่าความรู้และตำแหน่งทางวิชาการ บริบททางสังคมและการเมืองส่งผลต่อเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทศวรรษดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่ขบวนการนักศึกษาต่อต้านสงครามเวียดนามเริ่มเติบโตตามมหาวิทยาลัยอเมริกัน และการรวมตัวของ Committee of Concerned Asian Scholars (CCAS) จากสถาบันเอเชียศึกษาต่างๆ รวมทั้งสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยคอร์แนล ที่บุญสนองกำลังศึกษาอยู่ ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2513 เขาได้เข้าร่วมการประชุมของ CCAS ที่ซาน ฟรานซิสโก และนำเสนอบทความชื่อ "False assumptions: the sources of difficulty in Thai economic development" เมื่อเขากลับมาเมืองไทย เขามักถูกมองว่าเป็น “อเมริกัน” เสียเหลือเกิน เพราะเขาไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคมจากมวลชน ตามที่ชนชั้นนำอื่นๆ คาดหวังว่าเหมาะสมสำหรับผู้ที่มีภูมิหลังและสถานภาพเช่นเขา เขาเป็นคนเปิดกว้าง ไม่ถือตัว และไม่ละโอกาสที่จะร่วมสนทนากับผู้คน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นคณบดีในมหาวิทยาลัยหรือคนขายบะหมี่รถเข็นตามท้องถนน เมื่อกลับเข้าทำงานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2515 เขาได้กลายเป็นหนึ่งในนักกิจกรรมแนวหน้าของมหาวิทยาลัยในทันที ในส่วนของบุญสนอง เขาเขียนบทความ เข้าร่วมการประชุม ทำงานวิจัย จัดกิจกรรมและบรรยายให้คนหนุ่มสาวที่ตื่นตัวกระตือรือล้นหลายร้อยคนฟัง ขบวนการนักศึกษาซึ่งจะได้ล้มล้างเผด็จการทหารในเวลาต่อมายังเพิ่งเริ่มก่อตัว และธรรมศาสตร์ก็เป็นศูนย์กลางของความเคลื่อนไหวนี้ ดร.บุญสนอง บุณโยทยานเสียชีวิตด้วยกระสุนปืนของผู้ลอบสังหารเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ของวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2519 ขณะดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคสังคมนิยมแห่งประเทศไทย หลังจากที่บุญสนองกำลังขับรถกลับจากงานเลี้ยงสังสรรค์ เขาถูกยิงสามนัด นัดหนึ่งเข้าที่คอและทำให้เขาเสียชีวิต แทบไม่น่าสงสัยเลยว่าสาเหตุของการลอบสังหารครั้งนี้เกี่ยวพันกับการเมือง ทำให้ไม่ค่อยมีใครคาดหวังว่าจะมีการจับกุมฆาตกรมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม ยังคงมีผู้คนอีกมากมายที่อาลัยถึงเขาอย่างสุดซึ้ง ซึ่งรวมถึงภรรยาและลูกสาวทั้งสองของเขา เพื่อนนักวิชาการ และประชาชนชาวไทย การลอบสังหารดังกล่าว เกิดขึ้นในบรรยากาศทางการเมืองที่มีความตึงเครียดอย่างมาก มีการลอบสังหารผู้นำชาวนา กรรมกร นิสิตนักศึกษา และนักการเมืองหัวก้าวหน้าถูกสังหารไปแล้วหลายราย และหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ผู้เรียกร้องประชาธิปไตยในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 อ้างอิง http://th.wikipedia.org/wiki/บุญสนอง_บุณโยทยาน http://thaienews.blogspot.com/2010/02/blog-post_6173.htmlhttp://www.free-webboard.com/view.php?nm=saedang&qid=462http://tusocant.posterous.com/?tag=บุญสนองบุณโยทยาน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2013, 16:56:56 โดย T Nakamura »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
  
ออฟไลน์
กระทู้: 2,024

|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 12 มีนาคม 2012, 22:12:10 » |
|
บุญสนอง บุญโยทยาน เป๋น 1 ในบุคคลสำคัญของเมืองเจียงฮายตี้ถูกลืม (ในหนี้ก็มี เจ้าหลวงทั้ง 4 องค์, พระครูปัญญาลังการ, หมอบริกส์, หมอด็อดด์, หมอเสม, พ.ต.ท.โทวัลเซน, อเล็กซานเดอร์ โทรางกูร (โทวัลเซน), ฯลฯ)
บ้านของบุญสนองบ่าเดี่ยวเป๋นฮ้านอาหารเจียงฮายรำลึก เป๋นโลโบ้ ไผไปต๋ำหมู่หั้นจะปะป้ายจื่อขะหนนส่วนบุคคล "ถนนบุณโยทยาน" น้องบ่าวของบุญสนองเป๋นเปื้อนกับลุงหวัน (ถวัลย์ ดัชนี) ปัจจุบัน น้องบ่าวยังอาศัยอยู่ในเมืองเจียงฮาย
สมัยสงครามโลกเตื้อตี้ 2 บุญสนองกับน้องบ่าวต้องโตยแม่ไปอยู่เมืองพาน ย้อนว่าบ้านเปิ้น (โลโบ้) ถูกทหารญี่ปุ่นยึดเป๋นก๋องบัญชาก๋าร ส่วนป้อของเปิ้นเซิ่งเป๋นปลัด ก็โดนเกณฑ์ไปฮบตี้เจียงตุ๋ง หลังสงครามสงบ ครอบครัวหนี้เถิงได้ปิกมาอยู่โตยกั๋น ได้ปิกมาอยู่บ้านในเวียง ส่วนแม่ของเปิ้นก็ได้ปิกไปเป๋นครูโฮงเฮียนดำรงฯเหมือนดังเก่า
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 12 มีนาคม 2012, 22:16:28 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
T Nakamura
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 347

|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 12 มีนาคม 2012, 22:39:50 » |
|
เคยได้เรียนกับอาจารย์ ๑ เทอม ในวิชาสังคมวิทยา
ตอนที่รู้ข่าว พวกเราถึงกับช็อค เข้าใจว่าน่าจะเกี่ยวด้วยการเมือง เพราะอาจารย์ลงสมัครเลือกตั้งสส.ด้วย
ขอบคุณครับที่ร่วมมาแบ่งปันประสบการณ์ ช่วงก่อนหน้านั้น ดร.บุญสนองสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งซ่อมที่เชียงใหม่ หลังการเสียชีวิตของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนเดิม ซึ่งก็มีกระแสตอบรับที่ดี แต่ก็มีฝ่ายตรงข้ามหลายๆ กลุ่มก็ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อหยุดเขา มีการใช้ระเบิดมือทำลายป้ายหาเสียงของเขาตามหมู่บ้านต่างๆ มีการพบอาวุธปืน M16 ผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง สุดท้ายแล้วเขาก็พ่ายแพ้ที่สนามเลือกตั้งที่เชียงใหม่ ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2519 ดร.บุญสนองตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคสังคมนิยม เพื่อกลับมาทำงานวิชาการ เขาต้องเผชิญกับการปิดกั้นแม้แต่ในหนทางวิชาการ กลุ่มฝ่ายตรงข้ามพร้อมกันให้ร้ายเขาทันทีที่เขาพยายามจะกลับเข้ามารับตำแหน่งในมหาวิทยาลัย ดังนั้น แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2519 เขาก็ยังคงเป็นเลขาธิการพรรคและให้ความช่วยเหลือผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งคนอื่นๆ ของพรรคฯ โดยวางแผนว่าจะลาออกภายหลังสิ้นสุดการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำตามดังที่ได้ตั้งใจไว้ เนื่องจากต้องมาเสียชีวิตก่อนในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2519
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
์Nate4paul
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 15 มีนาคม 2012, 22:03:57 » |
|
อยากรู้ว่าทุกวันนี้คนที่มันอยู่เบื้องหลังมันยังหน้าด้านมีชีวิตอยู่เปล่า อยากเห็นชะมัดคนพวกนี้
|
|
|
|
|
|
|
T Nakamura
ชั้นประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 347

|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2012, 22:42:22 » |
|
แล้วพี่น้องที่เหลื่ออีกคนชื่ออะหยังครับ แล้วตอนนี้ท่าอยู่ที่ไหนครับ แต่มีลุงท่านหนึ่งมีนามสกุลเดียวกับ ดร บุญสนอง บุญโยทยาน ชื่อว่า ทรัพย์สิน บุญโยทยาน บ่อฮู้ว่าเป็นญาติกันก่อครับ มีใครที่รู้จักดีช่ยตอบหน่อยให้หายสงสัยโตยครับ  เปิ้นเป๋นน้องจาย ดร.บุญสนอง บุญโยทยาน ครับ ตะก่อนเปิ้นใจ้จื้อ "กองสิน" แล้วเปลี่ยนมาใจ้จื้อ "ทรัพย์สิน" กำหลัง เดวไปเซาะหาหนังสือของลุงเปิ้นครับ เปิ้นเกยเขียนไว้ แล้วพิมพ์กับล้อล้านนาครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 20 มีนาคม 2012, 09:13:11 โดย T Nakamura »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|