เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 30 กรกฎาคม 2025, 19:52:36
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  คิดอย่างไร..ถ้าจ.เชียงราย จะจัดการตนเอง เป็น"เชียงรายมหานคร"
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 พิมพ์
ผู้เขียน คิดอย่างไร..ถ้าจ.เชียงราย จะจัดการตนเอง เป็น"เชียงรายมหานคร"  (อ่าน 9434 ครั้ง)
AcedThai
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21


« เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 11:53:20 »

เห็นมีกระแส...จังหวัดจัดการตนเอง...หลายๆจังหวัด รวมทั้งเชียงรายเอง
ลิงคิดดู....เล่นๆ
จากเดิม...มองถึงเรื่องการบริหารแบบรวมศูนย์อำนาจ..อำนาจการสั่งการของผู้ว่า. การแก้ปัญหาภัยพิบัติ...การจัดการที่ดินในชุมชน ความเข้มแข็งของชนเผ่า....ปัญหาด้านการจัดการแหล่งท่องเที่ยว การจัดการทรัพยากร ฯลฯ... การแก้ปัญหาต่างๆในอดีตยังคง รอคำสั่ง และการตัดสินต้องรอการอนุมัติจาก กทม. ...ถ้าเชียงรายบริการจัดการแบบมหานคร เช่นกรุงเทพมหานคร...บริหารจัดการเองในจังหวัดในด้านต่างๆ...ทั้งการจัดเก็บภาษี การบริหารงานด้านต่างๆ อำนาจการตัดสินใจแก้ปัญหา ในสภาจังหวัด....

ช่วยกันคิดว่า.... เชียงรายมหานคร ....จะเกิดขึ้นได้อย่างไร หน้าตาจะเป็นอย่างไร...แล้วจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน?ฮืม
IP : บันทึกการเข้า
>> A.P.COMPUTER <<
ผู้ดูแลบอร์ด
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,390


เธอทำให้ฉันรู้และเข้าใจคำว่าสองเรา


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 11:59:22 »

ยังไม่ถึงเวลา ด้วยปัจจัยทั้งปวง สำหรับเชียงรายมหานคร

.............
IP : บันทึกการเข้า

ติดตั้งจานดาวเทียมเริ่มต้นเพียง 1,650 บาท
เลขบัญชี ธ.กรุงเทพฯ 511-031-7764 อภิชิต เรือนศ
Animato
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 595



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 12:19:10 »

ยังไม่ถึงเวลา ด้วยปัจจัยทั้งปวง สำหรับเชียงรายมหานคร

.............
+1^^
IP : บันทึกการเข้า

"You don’t get harmony when everybody sings the same note."
wiichy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 349


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 12:33:21 »

จริงๆ จุดมุ่งหมายคือเป็น โมเดลจังหวัดจัดการตนเองครับ

ตัวอย่างจังหวัดเชียงใหม่ กำลังพลักดัน พรบ เชียงใหม่มหานคร

แต่คำว่ามหานครไม่ได้หมายถึงความใหญ่โตของเมืองอะไรน่ะครับ เพียงแต่เขาเห็นว่ากรุงเทพยังมีมหานครต่อท้าย ก็เลยเอาคำว่ามหานครมาใส่ใน พรบ

จุดประสงค์ของ พรบ คือต้องการให้จังหวัดมีอำนาจในการปกครองตนเอง ลดอำนาจของการปกครองส่วนภูมิภาค ทำให้เกิดความอิสระในการทำงาน ในการพัฒนา ลดความขัดแย้ง มีงบประมาณที่จัดสรรเองได้ ไม่ต้องส่งเงินเข้าส่วนกลาง อย่างที่ทุกๆจังหวัดเป็นอยู่ ทุกวันนี้เชียงใหม่ทำเงินให้ประเทศคิดเป็นหลายสิบเปอเซ็นต์ แต่งบที่รัฐส่งกลับมาให้จังหวัดเชียงใหม่มีแค่ไม่ถึงสองเปอเซ็นต์ แล้วงบส่วนใหญ่ไปไหน ก็เข้าไปกองกันอยู่ที่ส่วนกลาง ทำให้ กทม เป็นเมืองโตเดี่ยว ส่วนจังหวัดอื่นๆ แทบคลานเอา

ความจริงแล้วทุกจังหวัดสามารถพลักดันแบบนี้ได้หมดครับ

คำว่ามหานครใน พรบ นี้ ไม่ได้หมา่ยถึงความใหญ่โต โอ่อ่าของเมืองครับ

ย้ำว่าจังหวัดไหนก็ทำได้ครับ ถ้ารัฐ ต้องการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นจริงๆ

หากเชียงรายจะทำจริงอาจใช้ชื่ออย่างอื่นก็ได้ครับ ไม่จำเ็ป็นต้องเชียงรายมหานคร เพราะบอกแล้วว่าจุดประสงค์คือการให้จังหวัดบริหารจัดการตนเอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 12:49:11 โดย wiichy » IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 12:40:46 »

เจียงใหม่ก็มีแผนจะเยียะ "เจียงใหม่มหานคร" น่อครับ
แต่ปั๋ญหายังมีนัก ถ้าเจียงฮายจะเยียะ
ผมว่าถ้าเมืองอื่นๆตี้ใหญ่กว่าเปิ้นเยียะไปก่อนดีกว่า แล้วเฮาก่อยมาสรุปบทเฮียน


ของเจียงฮายผมว่าน่าจะมี "เทศบาลเมือง" ในเขตรอบนอกพ่องจะดีกว่า
ตี้เจียงใหม่ นอกจากเปิ้นจะมี เทศบาลนครเจียงใหม่ แล้ว
ชุมชนขนาดใหญ่รอบนอกเปิ้นก็เป๋น เทศบาลเมือง ไปกั๋นหลายตี้แล้ว
เจ่น เทศบาลเมืองแม่โจ้ เทศบาลเมืองเมืองแกนพัฒนา (มีกำว่าเมือง 2 กำ)
เทศบาลเมืองแม่เหียะ เทศบาลเมืองต้นเปา เป๋นเก๊า
เทศบาลเมืองหมู่หนี้ตะก่อนก็เป๋นตำบลเป๋นหมู่บ้าน แต่ต่อมาชุมชนหนาแน่นขึ้น
เลยได้เป๋นเทศบาลเมือง มีฐานะเต้าตั๋วจั๋งหวัดบางแห่งเลยน่อ

อ้อ ตี้ จ.ผะยาว เปิ้นมี เทศบาลเมืองดอกคำได้ ตวยน่อ

อันหนี้ ผมอู้เถิงโครงสร้างก๋ารปกครองน่อครับ
ในประเด็นจริยธรรมแลความโปร่งใสในก๋ารบริหาร
จะเป๋นองค์กรปกครองระดับไหนๆ มันก็มีปั๋ญหาทั้งนั้นแล

เกยไปถามประชาชนทั่วไป
บางท่านบอกว่า "แก้ปั๋ญหางัวควายหื้อได้ก่อนเต๊อะ แล้วก่อยกึดจะยกฐานะ"
"แก้ปั๋ญหาคอร์รัปชั่นหื้อได้ก่อนเต๊อะ แล้วก่อยกึดจะยกฐานะ"

แต่บางท่านก็บอกว่า "แก้ปั๋ญหาไป ยกฐานะไปก็ได้"

เถียงกั๋นบ่ฮู้จักจบครับ


* 001.jpg (38.32 KB, 800x200 - ดู 1675 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 12:46:36 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
wiichy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 349


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 12:46:10 »



ลองดูคลิปน่ะครับ จะทำให้เข้าใจมากขึ้น


ปล. พรบ แบบนี้ เห็นใน ญี่ปุ่นชัดครับ ญี่ปุ่นไม่มีการปกครองส่วนภูมิภาคแบบไทย มีแค่ส่วนกลาง กับท้องถิ่น ญี่ปุ่นทำเรื่องนี้อย่างจริงจังหลังสงครามโลก ทำให้แต่ล่ะจังหวัดเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองจังหวัดตนเองได้ รักษาวัฒนธรรมตนเองได้
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 12:51:14 »

ปล. พรบ แบบนี้ เห็นใน ญี่ปุ่นชัดครับ ญี่ปุ่นไม่มีการปกครองส่วนภูมิภาคแบบไทย มีแค่ส่วนกลาง กับท้องถิ่น ญี่ปุ่นทำเรื่องนี้อย่างจริงจังหลังสงครามโลก ทำให้แต่ล่ะจังหวัดเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองจังหวัดตนเองได้ รักษาวัฒนธรรมตนเองได้

หันตี้ญี่ปุ่นเหมือนกั๋นครับ
แต่ประเด็นสำคัญคือ ปฏิกิริยาของ ขรก. กับ นักก๋ารเมือง ในผะเทศหนี้


* 001.jpg (38.32 KB, 800x200 - ดู 1671 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
wiichy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 349


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 12:58:26 »

ปล. พรบ แบบนี้ เห็นใน ญี่ปุ่นชัดครับ ญี่ปุ่นไม่มีการปกครองส่วนภูมิภาคแบบไทย มีแค่ส่วนกลาง กับท้องถิ่น ญี่ปุ่นทำเรื่องนี้อย่างจริงจังหลังสงครามโลก ทำให้แต่ล่ะจังหวัดเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองจังหวัดตนเองได้ รักษาวัฒนธรรมตนเองได้

หันตี้ญี่ปุ่นเหมือนกั๋นครับ
แต่ประเด็นสำคัญคือ ปฏิกิริยาของ ขรก. กับ นักก๋ารเมือง ในผะเทศหนี้


เพราะว่างบประมาณส่วนใหญ่อยู่ที่ส่วนกลางไงครับ นักการเมืองก็อยู่ส่วนกลาง อยู่เพราะงบประมาณ แต่ถ้าเราดึงงบกลับมาท้องถิ่นได้ นักการเมืองก็ต้องกลับท้องถิ่นครับเพราะงบอยู่ที่นี้ แต่นักการเมืองก็จะเจอกับการตรวจสอบของประชาชนในจังหวัดตน ประชาชนจะได้สัมผัสถึงนโยบายอันไหนจริง อันไหนทำไม่ได้ อันไหนแค่หาเสียง ถ้าเลือกตั้งเขาก็อาจจะหลุดจากตำแหน่ง ฉะนั้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของนักการเมืองเอง ของประชาชนเอง นักการเมืองก็จัต้องนึกได้แล้วว่าทำอย่างไรเขาถึงอยู่ในตำแหน่งได้นานๆ ก็คือต้องทำงานอย่างจริงจังเพื่อท้องถิ่น ไม่ใช่้ว่าได้รับการเลือกตั้งมาเพราะนายทุน หรือทุนส่วนตัว

ถึงได้บอกว่า หากรัฐ ต้องการกระจายอำนาจจริงๆ มันก็ย่อมเกิดขึ้นได้ หรือหากภาคประชาชนต้องร่วมกันจริงๆ ก็ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้

ลองดูที่คลิปครับผม อธิบายได้อย่างหมดจด ครบคลุมทุกเรื่อง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:01:12 โดย wiichy » IP : บันทึกการเข้า
หนึ่ง T100
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 476



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:03:11 »

เป็นเรื่องปกติ..มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อเมืองหลวงมีกำลังอ่อนแอ..หัวเมืองใหญ่ทั้งหลายก็อาศัย ช่วงเวลานี้ตั้งตนเป้นเอกราช  เจ๋ง สมัยรัชกาลที่ 5 เราอ่อนแอ..พระยา กลาโหมของเ้าเมืองโคราช ก็ยุให้ประกาศ เอกราช... ทุกวันนี้ 3ังหวัดภาคใต้ ก็ยังมีแนวคิด แบบนี้อยู่ อาณาักร ล้านช้างนี้ ก็น่าังทำได้..เพราะเป้นชายแดน ติด พม่า และลาว..สามารถไปขึ้นกับใครก็ได้  แต่ล้านนา คงทำไม่ได้เพราะลักษณะภูมิประเทศและ ความสัมพันธ์ของเชื้อเ้าเมือง ยังแน่นแฟ้น...มาตั้งแต่ ร.5   งงป่ะ   ยิงฟันยิ้ม  สงสัยลึกไป
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:03:37 »

ปล. พรบ แบบนี้ เห็นใน ญี่ปุ่นชัดครับ ญี่ปุ่นไม่มีการปกครองส่วนภูมิภาคแบบไทย มีแค่ส่วนกลาง กับท้องถิ่น ญี่ปุ่นทำเรื่องนี้อย่างจริงจังหลังสงครามโลก ทำให้แต่ล่ะจังหวัดเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองจังหวัดตนเองได้ รักษาวัฒนธรรมตนเองได้

หันตี้ญี่ปุ่นเหมือนกั๋นครับ
แต่ประเด็นสำคัญคือ ปฏิกิริยาของ ขรก. กับ นักก๋ารเมือง ในผะเทศหนี้


เพราะว่างบประมาณส่วนใหญ่อยู่ที่ส่วนกลางไงครับ นักการเมืองก็อยู่ส่วนกลาง อยู่เพราะงบประมาณ แต่ถ้าเราดึงงบกลับมาท้องถิ่นได้ นักการเมืองก็ต้องกลับท้องถิ่นครับเพราะงบอยู่ที่นี้ แต่นักการเมืองก็จะเจอกับการตรวจสอบของประชาชนในจังหวัดตน ประชาชนจะได้สัมผัสถึงนโยบายอันไหนจริง อันไหนทำไม่ได้ อันไหนแค่หาเสียง ถ้าเลือกตั้งเขาก็อาจจะหลุดจากตำแหน่ง ฉะนั้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของนักการเมืองเอง ของประชาชนเอง นักการเมืองก็จัต้องนึกได้แล้วว่าทำอย่างไรเขาถึงอยู่ในตำแหน่งได้นานๆ ก็คือต้องทำงานอย่างจริงจังเพื่อท้องถิ่น ไม่ใช่้ว่าได้รับการเลือกตั้งมาเพราะนายทุน หรือทุนส่วนตัว

ลองดูที่คลิปครับผม อธิบายได้อย่างหมดจด ครบคลุมทุกเรื่อง

หั้นแลครับปั๋ญหา
กรณีญี่ปุ่น เปิ้นโดนอเมริก๋ากดดันหื้อปฏิรูปก๋ารปกครอง หลังก้านสงครามโลกเตื้อตี้ 2
บ่ยอมก็ต้องยอมล่ะครับ แต่สำหรับผะเทศหนี้ ต้องถ้าผ่อกั๋นต่อไปน่อ


* 001.jpg (38.32 KB, 800x200 - ดู 1632 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
wiichy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 349


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:10:58 »

เป็นเรื่องปกติ..มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อเมืองหลวงมีกำลังอ่อนแอ..หัวเมืองใหญ่ทั้งหลายก็อาศัย ช่วงเวลานี้ตั้งตนเป้นเอกราช  เจ๋ง สมัยรัชกาลที่ 5 เราอ่อนแอ..พระยา กลาโหมของเ้าเมืองโคราช ก็ยุให้ประกาศ เอกราช... ทุกวันนี้ 3ังหวัดภาคใต้ ก็ยังมีแนวคิด แบบนี้อยู่ อาณาักร ล้านช้างนี้ ก็น่าังทำได้..เพราะเป้นชายแดน ติด พม่า และลาว..สามารถไปขึ้นกับใครก็ได้  แต่ล้านนา คงทำไม่ได้เพราะลักษณะภูมิประเทศและ ความสัมพันธ์ของเชื้อเ้าเมือง ยังแน่นแฟ้น...มาตั้งแต่ ร.5   งงป่ะ   ยิงฟันยิ้ม  สงสัยลึกไป

การให้จังหวัดปกครองตนเองไม่ได้หมายถึงการแยกตัวเป็นเอกราช แต่หากเป็นลดการขัดแย้งของทุกวันซะด้วยซ้ำไปครับ ทุกวันนี้คนต่างจังหวัดรู้สึกอึดอัด ไม่พอใจการทำงาน อยากได้อะไรให้จังหวัดก็ไม่ได้ ไม่ชอบ กทม. เพราะการปกครองแบบที่เ็ป็นอยู่นี้ครับ ทำให้การทำงานล่าช้า หากมีการกระจายอำนาจ ท้องถิ่นก็จะจัดการตัวเองได้ ลดความขัดแย้งได้ จากในคลิปน่ะครับตอนนี้มีจังหวัดที่มีความพร้อม 45 จังหวัด

ทุกวันนี้หากเกิดปฎิวัติยึด กทม ได้ทุกอย่างจบ แต่ถ้าอำนาจถูกกระจายไปหมด การยึดอำนาจก็ไม่มีความหมายแล้วครับ เพราะอำนาจอยู่ที่ส่วนกลางน้อยแล้ว

ประเทศส่วนใหญ่ใช้การปกครองแบบนี้ คือส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น แต่เขาก็ไม่ได้แยกตัวเป็นเอกราชครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:13:07 โดย wiichy » IP : บันทึกการเข้า
พลายชุมพล
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,643


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:12:39 »

น่าลอง
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:14:27 »

เป็นเรื่องปกติ..มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ เมื่อเมืองหลวงมีกำลังอ่อนแอ..หัวเมืองใหญ่ทั้งหลายก็อาศัย ช่วงเวลานี้ตั้งตนเป้นเอกราช  เจ๋ง สมัยรัชกาลที่ 5 เราอ่อนแอ..พระยา กลาโหมของเ้าเมืองโคราช ก็ยุให้ประกาศ เอกราช... ทุกวันนี้ 3ังหวัดภาคใต้ ก็ยังมีแนวคิด แบบนี้อยู่ อาณาักร ล้านช้างนี้ ก็น่าังทำได้..เพราะเป้นชายแดน ติด พม่า และลาว..สามารถไปขึ้นกับใครก็ได้  แต่ล้านนา คงทำไม่ได้เพราะลักษณะภูมิประเทศและ ความสัมพันธ์ของเชื้อเ้าเมือง ยังแน่นแฟ้น...มาตั้งแต่ ร.5   งงป่ะ   ยิงฟันยิ้ม  สงสัยลึกไป

การให้จังหวัดปกครองตนเองไม่ได้หมายถึงการแยกตัวเป็นเอกราช แต่หากเป็นลดการขัดแย้งของทุกวันซะด้วยซ้ำไปครับ ทุกวันนี้คนต่างจังหวัดรู้สึกอึดอัด ไม่พอใจการทำงาน อยากได้อะไรให้จังหวัดก็ไม่ได้ ไม่ชอบ กทม. เพราะการทำงานล่าช้า หากมีการกระจายอำนาจ ท้องถิ่นก็จะจัดการตัวเองได้ ลดความขัดแย้งได้ จากในคลิปน่ะครับตอนนี้มีจังหวัดที่มีความพร้อม 45 จังหวัด

ทุกวันนี้หากเกิดปฎิวัติยึด กทม ได้ทุกอย่างจบ แต่ถ้าอำนาจถูกกระจายไปหมด การยึดอำนาจก็ไม่มีความหมายแล้วครับ เพราะอำนาจอยู่ที่ส่วนกลางน้อยแล้ว

ประเทศส่วนใหญ่ใช้การปกครองแบบนี้ คือส่วนกลาง และส่วนท้องถิ่น แต่เขาก็ไม่ได้แยกตัวเป็นเอกราชครับ

ท่าน wiichy สีท่าต้องอธิบายหลักก๋ารกระจายอำนาจยาวเลย
ลองเปรียบเทียบ Thailand กับผะเทศอื่นๆ เจ่น ญี่ปุ่น หรืออเมริก๋า ผ่อ
สมาชิกท่านอื่นๆตี้บ่มีปื้นตางรัฐศาสตร์ น่าจะเข้าใจ๋ได้ง่ายกว่าน่อครับ


* 001.jpg (38.32 KB, 800x200 - ดู 1624 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
wiichy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 349


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:28:53 »


ท่าน wiichy สีท่าต้องอธิบายหลักก๋ารกระจายอำนาจยาวเลย
ลองเปรียบเทียบ Thailand กับผะเทศอื่นๆ เจ่น ญี่ปุ่น หรืออเมริก๋า ผ่อ
สมาชิกท่านอื่นๆตี้บ่มีปื้นตางรัฐศาสตร์ น่าจะเข้าใจ๋ได้ง่ายกว่าน่อครับ


พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้เรื่อยๆครับ เพื่อการตกตะกอนทางความคิด

ที่เปรียบเทียบกับญี่ปุ่นเพราะว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับเราที่สุด มีสถาบันกษัตริย์ มีประชาธิปไตยระบอบรัฐสภา อีกประเทศที่คล้ายเราคืออังกฤษ

ส่วนอเมริกา เขาเป็นรัฐรวม รัฐบาลกลางดูแลแค่กองทัพ คลัง การต่างประเทศ การสาธารณสุข ส่วนรัฐต่างๆ 50 กว่ารัฐเขามีอำนาจดูแลการศึกษา และอื่นๆ

IP : บันทึกการเข้า
อ็อด หมูน้อย....
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,621



« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:33:46 »

ความพร้อมยังไม่มีนะ  ผมว่า   ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ชีวิตเปรียบดังกราฟ มีขึ้นและมีลงเสมอ จงอยู่ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่ง
wiichy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 349


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:37:51 »

^^

ใช้ครับความพร้อมของคนในจังหวัดเรายังไม่มี ยังไม่เข้าใจว่าการตั้งเ็ป็นการปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษคล้าย กทม ยังไม่เข้าใจว่าการจัดการตนเองได้ ได้ประโยชน์ยังไง เลยยังไม่เกิดแรงพลัก

แต่ด้วยศักยภาพ ปัจจัยอื่นๆ เราพร้อมมานานแล้วครับ  ยิ้มเท่ห์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:41:18 โดย wiichy » IP : บันทึกการเข้า
wiichy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 349


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:48:21 »



อันนี้อีกรายการหนึ่งครับจากช่อง ThaiPBS จะเห็นประโยชน์ของการจัดการตนเองได้เลย

จากคลิป เชียงใหม่จัดเก็บภาษีทุกประเภทได้เกือบแสนล้าน แต่ทุกวันนี้ส่งเข้าส่วนกลางหมด เหลือย้อนกลับมาให้จังหวัดแค่ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเกิด พรบ นี้ขึ้นได้ เงินเหล่านี้จะถูกหักเข้าส่วนกลาง 30% ที่เหลือคือของจังหวัด มันดูเป็นงบประมาณที่จับต้องได้จริงๆกว่าทุกวันนี้ครับ
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:49:51 »


ท่าน wiichy สีท่าต้องอธิบายหลักก๋ารกระจายอำนาจยาวเลย
ลองเปรียบเทียบ Thailand กับผะเทศอื่นๆ เจ่น ญี่ปุ่น หรืออเมริก๋า ผ่อ
สมาชิกท่านอื่นๆตี้บ่มีปื้นตางรัฐศาสตร์ น่าจะเข้าใจ๋ได้ง่ายกว่าน่อครับ


พูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้เรื่อยๆครับ เพื่อการตกตะกอนทางความคิด

ที่เปรียบเทียบกับญี่ปุ่นเพราะว่าค่อนข้างใกล้เคียงกับเราที่สุด มีสถาบันกษัตริย์ มีประชาธิปไตยระบอบรัฐสภา อีกประเทศที่คล้ายเราคืออังกฤษ

ส่วนอเมริกา เขาเป็นรัฐรวม รัฐบาลกลางดูแลแค่กองทัพ คลัง การต่างประเทศ การสาธารณสุข ส่วนรัฐต่างๆ 50 กว่ารัฐเขามีอำนาจดูแลการศึกษา และอื่นๆ

ถ้าอธิบายหื้อคนทั่วไปฟังน่อครับ ระบบก๋ารเมืองระดับประเทศของญี่ปุ่นเหมือนของ Thailand น่อ
เปิ้นเลือก ส.ส. เขต + ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ แล้วไปโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีกั๋นในสภา
เหมือน Thailand เปี๊ยบ พรรคไหนมีเสียงนักก็ได้เป๋นรัฐบาล


แต่ประเด็นตี้ต่างคือ ระบบก๋ารปกครองส่วนท้องถิ่น อันหนี้ญี่ปุ่นเปิ้นฮับอเมริก๋ามา
ก่อนจะเอามาต่อยอดเป๋นแบบแผนของตั๋วเก่า
โดยก่อนสงครามโลกเตื้อตี้ 2 ผวจ.ญี่ปุ่น ก็มาจากก๋ารแต่งตั้งจากส่วนก๋างเหมือน Thailand หนี้แล

แต่หลังสงครามญี่ปุ่นต้องปฏิรูปประเทศ เพราะแรงกดดันจากอเมริก๋า
ผวจ.มาจากก๋ารเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งจั๋งหวัด แลมีสภาจั๋งหวัดโตย
อู้ซื่อๆคือ ยกเลิกก๋ารปกครองส่วนภูมิภาคไปเลยหั้นแล

แม้กลุ่ม ขรก.เก่า หรือนักก๋ารเมือง จะบ่หันโตย ก็ขัดบ่ได้
เพราะในสภาพตี้ก้านสงคราม ก๋ารจะไปขัดกับมหาอำนาจเป๋นเรื่องตี้เป๋นไปบ่ได้

จะใดก็ตาม คนญี่ปุ่นบางส่วนก็หันโตยกับก๋ารปฏิรูป เจ่น กลุ่มฝ่ายซ้าย
กลุ่มหนี้เกยโดยกวาดล้างอย่างหนักโดยรัฐบาลฝ่ายขวาของญี่ปุ่น
ในสมัยไทโช (ก่อนสงครามโลก) จนเถิงสมัยสงครามโลก
ก๋ารกระจายอำนาจเยียะหื้อคนกลุ่มหนี้ได้ลืมต๋าอ้าปาก

สังเกตว่า ผู้นำรัฐบาลก๋างของญี่ปุ่นจะเป๋นพวกนายทุน ฝ่ายขวา-กลาง
แต่ในระดับจั๋งหวัด หลายตี้ ผวจ.เป๋นคนของพรรคสังคมนิยม บ่อั้นก็พรรคคอมมิวนิสต์
เจ่น จ.เกียวโต ประชาชนตี้หั้นเปิ้นบอกว่า ถ้าเลือก ผวจ.เป๋นพวกนายทุน
เมืองเก่าเกียวโตสีท่าจะโดนขายเป๋นโฮงงานเป๋นคอนโด
เปิ้นปอใจ๋นโยบายอนุรักษ์ของพรรคฝ่ายซ้าย ก็เลยเลือก เพราะเหมาะกับท้องถิ่นเปิ้น

ส่วนจังหวัดไหนตี้เป๋นเขตอุตสาหกรรม ก็จะเลือก ผวจ. นายกเทศมนตรี แหมอย่าง
แล้วแต่คนในปื้นตี้หันว่าเหมาะสม เซิ่งรัฐบาลก๋างบ่มีอำนาจมากดดัน


* 001.jpg (38.32 KB, 800x200 - ดู 1590 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 13:58:52 »

เซาะปะเลยก็อปมาหื้ออ่านครับ

การกระจายอำนาจและการปกครองท้องถิ่นญี่ปุ่น
สรุปคำบรรยายพิเศษของ Prof.Kiyotaka Yokomichi [1]

ประเทศญี่ปุ่นแบ่งการการปกครองท้องถิ่นเป็นสองระดับ (two tiers system) คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับบน เรียกว่า Prefecture เทียบเท่ากับจังหวัดของประเทศไทย ซึ่งมีอยู่ 47 แห่ง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับล่าง คือ เทศบาล จำนวน 1,724 แห่ง

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งสองระดับมีผู้บริหารมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ผู้บริหารท้องถิ่นระดับบนเรียกว่าผู้ว่าจังหวัด (Governor) ผู้บริหารท้องถิ่นระดับล่างเรียกว่านายกเทศมนตรี (Mayor) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งสองระดับมีสภาท้องถิ่นที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่เดิมกฎหมายได้กำหนดจำนวนสมาชิกสภาท้องถิ่นไว้อย่างชัดเจน แต่ภายหลังได้ยกเลิกไป ในปัจจุบันจำนวนสมาชิกสภาท้องถิ่นขึ้นอยู่กับแต่ละท้องถิ่นว่าจะกำหนดให้มีจำนวนเท่าไร ซึ่งมักจะขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร เช่น ในท้องถิ่นขนาดใหญ่อย่างโยโกฮาม่า มีประชากร 3.5 ล้านคน มีจำนวนสมาชิกสภา 91 คน ส่วนเมืองเล็กๆ ที่มีประชากรประมาณ 5,000 คน มีสมาชิกสภา 15 คน

ความสำคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอาจพิจารณาได้จากรายจ่ายขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศที่มีมากกว่ารายจ่ายของรัฐบาล เนื่องจากภารกิจของท้องถิ่นมีจำนวนมาก เช่น โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายทั้งหมด รวมถึงตำรวจก็สังกัดอยู่กับจังหวัด ส่วนการดับเพลิง โรงเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาตอนต้นก็เป็นหน้าที่ของเทศบาล ท้องถิ่นแต่ละระดับจะมีการแบ่งภารกิจกันอย่างชัดเจน แต่เทศบาลจะมีภารกิจมากกว่าและเป็นภารกิจที่มีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดประชาชน เช่น งานทะเบียน งานเก็บขยะ น้ำเสีย การประปา สวนสาธารณะ และที่สำคัญคือ สวัสดิการสังคมของผู้สูงอายุและเด็ก

ความสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ จำนวนข้าราชการท้องถิ่นมีมากกว่าจำนวนข้าราชการส่วนกลางด้วยเช่นเดียวกัน จำนวนข้าราชการท้องถิ่นเปรียบเทียบกันระหว่างจังหวัดและเทศบาลมีจำนวนที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งรวมแล้วมีถึง 2,500,000 คน สัดส่วนของข้าราชการท้องถิ่นที่มากที่สุดคือ ครู

การกระจายอำนาจในญี่ปุ่น

การกระจายอำนาจในญี่ปุ่นเริ่มต้นในปี 1995 เหตุผลหลักคือ แม้ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีภารกิจมาก หากแต่ภารกิจเหล่านั้นเป็นภารกิจที่เป็นไปตามคำสั่ง ทิศทางของรัฐบาล หรือกระทรวงต่างๆ เพราะกระทรวงสามารถมอบอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิบัติภารกิจหน้าที่ตามคำสั่งได้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงไม่มีอิสระเท่าที่ควร ทำหน้าที่เป็นเหมือนสาขาของกระทรวงต่างๆ

จุดมุ่งหมายสำคัญของการกระจายอำนาจในปี 1995 คือ ความพยายามที่จะทำให้ท้องถิ่นมีความอิสระที่จะริเริ่มการทำงานที่จะแก้ไขปัญหาของท้องถิ่นได้มากขึ้น โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการกระจายอำนาจ (Decentralization Promotion Committee) ภายใต้กฎหมายการส่งเสริมการกระจายอำนาจ (Decentralization Promotion Law) ประธานกรรมการมาจากนักบริหารภาคเอกชนที่มีชื่อเสียง ซึ่งข้อเสนอจากคณะกรรมการนำไปสู่การประกาศใช้กฎหมายกระจายอำนาจในปี 1999 และให้มีผลบังคับใช้ในปี 2000 ถือว่าเป็นยุคใหม่ของการกระจายอำนาจที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง

หลักการสำคัญคือแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการกระจายอำนาจ จำนวน 475 ฉบับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายให้อิสระแก่ท้องถิ่น (Local Autonomy Law) หัวใจสำคัญคือ การยกเลิกหน้าที่ที่ถูกมอบ (delegation) โดยส่วนราชการ ที่ทำให้ผู้ว่าจังหวัดและนายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งต้องปฏิบัติหน้าที่ตามระบบการมอบอำนาจนั้น เช่น การจัดการดูแลแม่น้ำแม้จะอยู่ในพื้นที่จังหวัดแต่อำนาจอยู่ที่กระทรวงก่อสร้าง โดยกระทรวงจะมีสาขาในจังหวัดต่างๆ เป็นดูแลผู้จัดการแม่น้ำ ซึ่งวิธีการทำงานคือสั่งให้จังหวัดหรือเทศบาลเป็นผู้ดำเนินงานแทนประหนึ่งเป็นสาขาของกระทรวง ทำให้ท้องถิ่นต้องทำงานตามคำสั่งของกระทรวง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 70-80 ของงานที่ท้องถิ่นทำทั้งหมด

เมื่อเป็นเช่นนี้จังหวัดที่มีสถานะที่เป็นท้องถิ่น แต่งานส่วนใหญ่เป็นงานของรัฐบาลกลาง ผู้ว่าจังหวัดต้องเชื่อฟังคำสั่งของกระทรวง แต่สัดส่วนงานของเทศบาลที่ได้รับจากส่วนกลางมีไม่มากประมาณร้อยละ 30 จะเห็นว่าก่อนการปฏิรูปการกระจายอำนาจยุคใหม่นั้น เทศบาลมีอิสระในการปฏิบัติงานของตนเองมากกว่าจังหวัด ลักษณะเช่นนี้จึงเกิดปัญหาที่ผู้ว่าจังหวัดและข้าราชการท้องถิ่นเริ่มคุ้นเคยกับการทำงานตามคำสั่งมากกว่าการทำงานด้วยตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นนายกเทศมนตรีและข้าราชการท้องถิ่นก็เคยชินกับการรอคำสั่งจากกระทรวงและจังหวัดด้วย สถานการณ์แบบนี้รัฐบาลกลางจึงมีอำนาจในการควบคุมท้องถิ่นค่อนข้างสูง

นอกจากการปฏิบัติตามระบบที่งานมอบหมายให้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่าท้องถิ่นจะถูกก้าวก่ายจากส่วนกลางมากขึ้นด้วย ดังนั้น การยกเลิกระบบการมอบหมายงานออกไปเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการกระจายอำนาจในญี่ปุ่น เมื่อมีการยกเลิกการมอบอำนาจแล้ว งานที่แต่เดิมเป็นงานในหน้าที่ของกระทรวง เช่น การจัดการแม่น้ำ ก็ถูกถ่ายโอนไปที่ท้องถิ่น กระทรวงไม่มีอำนาจสั่งการแต่ให้คำปรึกษาได้ นำไปสู่การมีอิสระเสรีมากขึ้นของท้องถิ่น

ปัจจัยที่นำมาสู่ความสำเร็จในการกระจายอำนาจ ส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนของฝ่ายการเมือง ถึงแม้ว่าจะมีการต่อต้านจากกระทรวงและข้าราชการเป็นจำนวนมาก แต่ด้วยนโยบายที่มุ่งมั่นจะส่งเสริมกระจายอำนาจของนายกรัฐมนตรีโฮโซกาว่า ทำให้การกระจายอำนาจเกิดขึ้นได้จริง อีกประการคือ เรื่องการสื่อสาร การสร้างความเข้าใจระหว่างคณะกรรมการส่งเสริมการกระจายอำนาจกับข้าราชการในกระทรวงต่างๆ มีการประชุมร่วมกันและโต้แย้งทางความคิดกันบ่อยครั้งจนได้จุดร่วมที่ทุกฝ่ายยอมรับกันได้ อีกปัจจัยหนึ่งคือ กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการกระจายอำนาจได้รับการแก้ไข

ปัญหาของการกระจายอำนาจของประเทศญี่ปุ่น
1. การคลัง “ถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีอิสระ” เรื่องที่ยากและเป็นความท้าทาย คือ การเคลื่อนย้ายเงินจากรัฐบาลกลางไปสู่ท้องถิ่น แต่การจัดสรรระบบภาษีใหม่มีผลกระทบต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากท้องถิ่นที่มีฐานะทางการคลังร่ำรวยจะได้รับการจัดสรรเงินภาษีมากขึ้น ในขณะที่ท้องถิ่นที่มีฐานะยากจนได้รับการจัดสรรภาษีน้อย เกิดช่องว่างของท้องถิ่นก็มากขึ้น จึงกลับมาทบทวนเรื่องของการปฏิรูประบบเงินอุดหนุน พยายามเปลี่ยนเงินอุดหนุนเฉพาะกิจให้เป็นเงินอุดหนุนทั่วไปมากขึ้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีอิสระในการบริหารจัดการเงินอุดหนุนเหล่านั้น

2. การแทรกแซงการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยกระทรวงต่างๆ ที่ยังคงมีอยู่ หลังจากที่ยกเลิกระบบการมอบอำนาจ กระทรวงก็พยายามออกกฎระเบียบเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถแทรกแซงการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ แม้ว่าท้องถิ่นไม่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของกระทรวงแล้วแต่ถ้าออกกฎระเบียบได้สำเร็จก็จะสามารถดึงอำนาจกลับมาสั่งการท้องถิ่นได้อีก ความท้าทายคือ ทำอย่างไรจะหาทางป้องกันไม่ให้กระทรวงต่างๆ ทำเรื่องนี้สำเร็จ รัฐบาลก็พยายามระงับและไม่ปล่อยให้กฎระเบียบนี้ออกมามากขึ้น

3. การสร้างขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วน แม้ว่าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีอิสระภายใต้การกระจายอำนาจ แต่หากท้องถิ่นไม่มีขีดความสามารถในการดำเนินการที่เพียงพอ กระทรวงต่างๆ ก็จะเข้ามามีบทบาทในการให้คำแนะนำ ซึ่งจะกลายเป็นช่องทางให้กระทรวงกลับเข้ามาสั่งการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับจังหวัดมักจะไม่มีปัญหาเรื่องขีดความสามารถ มักจะมีปัญหาในระดับเทศบาลโดยเฉพาะเทศบาลขนาดเล็ก ขีดความสามารถนี้หมายรวมถึงความรู้ ความชำนาญ เทคโนโลยี และความแตกต่างในขีดความสามารถนี้เองที่เป็นเหตุผลสนับสนุนการควบรวมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้สามารถจัดบริการแก่ประชาชนได้ดีขึ้น และนอกเหนือจากการจัดบริการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังมีอำนาจในการกำหนดนโยบายหรือรูปแบบการให้บริการด้วย ดังนั้น ถ้าองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดเล็กไม่สามารถบริหารจัดการเรื่องบริการสาธารณะได้ ก็จะส่งผลให้รัฐบาลกลางเข้ามาแทรกแซงการทำงาน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แม้จะมีการปฏิรูปการกระจายอำนาจ แต่ก็มีความพยายามของกระทรวงในการเข้ามาแทรกแซงในหลายเรื่องด้วยการให้คำปรึกษาแนะนำ การพัฒนาขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจึงเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จประการหนึ่ง

4. การมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาชนควรมีส่วนร่วมในการบริหารงานท้องถิ่นมากกว่านี้ แนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชน คือ

1) การติดตามการทำงานของท้องถิ่น

2) เรียกร้องให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเปิดเผยข้อมูลให้มากขึ้น เพราะการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญในการมีส่วนร่วมของประชาชนประสบความสำเร็จ

3) การให้ความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเทศบาลมีหน้าที่ดูแลภารกิจจำนวนมากอาจส่งผลให้การบริการอย่างทั่วถึงและมาตรฐานลดลง ดังนั้น ประชาชนควรเข้ามาร่วมในการดำเนินการด้วย ในรูปขององค์กรที่ไม่แสวงกำไร หรือชุมชน เข้ามาร่วมด้วย ไม่ปล่อยให้เป็นภาระของเทศบาลทั้งหมด

ที่มา
จดหมายข่าวสถาบันพระปกเกล้า , ปีที่ 12 ฉบับที่ 6 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2554, หน้า 7.

http://www.kpi.ac.th/

อ้างอิง
↑ Prof. Kiyotaka Yokomichi ตำแหน่ง Advisor to the President; Director of Regional Policy Program; Deputy Director of Young Leaders Program (Local Governance) จาก National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) บรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษาหลักสูตรกฎหมายท้องถิ่น รุ่นที่ 3 วิทยาลัยพัฒนาการปกครองท้องถิ่น เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2554


* 001.jpg (38.32 KB, 800x200 - ดู 1594 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 14:05:34 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 07 พฤศจิกายน 2011, 14:03:29 »

ยังไม่พร้อม ครับ..ผมคิดว่า..

สังเกต ง่ายๆ เลือกตั้ง แค่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. เห็นๆกันในหมู่บ้านยังซื้อเสียง..

แก้ตรงนี้ได้...ค่อยคิดต่อที่จะจัดการ ตัวเอง...

คหสต. ครับ.
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!