เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 11:24:09
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  ใครอยากแก้กรรมให้ตัวเอง-ญาติ-เจ้ากรรมนายเวรด้วยตัวเอง(ซุปเปอร์ริชมาเชียงรายคะ)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน ใครอยากแก้กรรมให้ตัวเอง-ญาติ-เจ้ากรรมนายเวรด้วยตัวเอง(ซุปเปอร์ริชมาเชียงรายคะ)  (อ่าน 12628 ครั้ง)
นู๋เดือน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 239


ดี-โฟนลำพูน รับซื้อ-ขายสินค้าitให้ราคาสูง


« เมื่อ: วันที่ 11 สิงหาคม 2011, 21:04:20 »

คุณเคยรู้จักคนคนนี้ใหมคะ
เขาชื่อคุณซุปเปอร์ริชชี่คะเขามีวิธีแก้กรรมที่เข้าใจง่ายและสามารถที่จะฝึกปฎิบัติด้วยตัวเองคะ
ไม่ต้องเสียเงินคะลองเข้าเวปเปิดอ่านดูนะคะเพราะเคยไปฟังคำบรรยายแล้วที่เชียงใหม่รู้สึกว่าเข้าใจง่ายสามารถนำมาปฎิบัติด้วยตนเองได้คะใครที่อยากฝึกสมาธิหรือปฎิบัติกรรมฐานนะคะลองอ่านแล้วฝึกฝนดูมีประโยชน์มากคะขอบคุณมากคะ
ยิงฟันยิ้ม
http://www.superrichy.org/
เชิญร่วมฟังบรรยายฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆคะ
การบรรยาย อังคารที่ 4 ตุลาคม 2554 ณ เชียงราย
การบรรยาย, by admin.
“สมาธิเข็มทิศสู่ปัญญาและการแก้กรรม”
อังคารที่ 4 ตุลาคม 2554
เวลา 08.00-11.00 น.
ณ โรงภาพยนต์ เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ ชั้น 3 โรง 2 เซ็นทรัลพลาซา เชียงราย
สำรองที่นั่งกรอก ชื่อ-นามสกุล ด้านล่างครั

สำรองที่นั่งฟรีตามลิงค์นี้เลยคะ
http://www.superrichy.org/05-10-54/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 20 กันยายน 2011, 09:26:10 โดย นู๋เดือน » IP : บันทึกการเข้า

ดี-โฟน 53/3 หมู่ 4 ถ.สันป่าฝ้าย-บ้านธิ ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน 51000 เยื้องโรดิโอผับลำพูน tel.089-5566544,089-5558895
รับซื้อสินค้าitมือ1-2ให้ราคาสูง ตัวแทนขายปลี-ส่งกล้องวงจรปิดภายใต้แบรนด์Enerte
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 11 สิงหาคม 2011, 21:29:54 »

ช่วย จขกท แป่ะ
*************************************************

ขั้นตอนการทำสมาธิแก้กรรม “กรณีที่ทำด้วยตนเอง”

1. ก่อนจะกล่าวคำแก้กรรมต้องทำจิตให้นิ่งก่อน
(นานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับความนิ่งของแต่ละคนเพื่อปรับสภาพของเราที่ขณะนี้มีจิตและร่างกายให้เหลือแค่จิต
พอเหลือแค่จิตสิ่งที่เราจะกล่าวจากคำแก้กรรมก็จะได้ส่งถึงจิตของเจ้ากรรมนายเวร)
2. กล่าว “คำกล่าวนำก่อนทำสมาธิแก้กรรม”
3. พอกล่าวจบก็ให้ทำสมาธิอีกครั้ง นานเท่าไหร่ก็ได้
(ครั้งหลังนี้เป็นการทำสมาธิเพื่อแสดงให้เจ้ากรรมนายเวรพิจารณา
และดูว่าเราสมควรจะได้รับการอโหสิหรือยัง ทำบ่อย ๆ วันละกี่ครั้งก็ได้
แต่ขอเป็นช่วงเวลากลางวันตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน)

คำกล่าวนำก่อนทำสมาธิแก้กรรม
ถึงเจ้ากรรมนายเวรขณะนี้ลูกชื่อ นาย,นาง,นางสาว…………………..นามสกุล……………………
กำลังทำสมาธิถึงเจ้ากรรมนายเวรของลูกอยู่
ซึ่งไม่ว่าเจ้ากรรมนายเวรของลูก จะเป็นคนใกล้ตัว สัตว์ใกล้ตัว เทวดาใกล้ตัว
โดยเฉพาะ………………………………………………………
ทั้งที่มีชีวิตอยู่และดับสูญกลายเป็นจิตวิญญาณเป็นเทพแล้วก็ตาม
ชาตินี้ ภพนี้ กับชาติที่แล้ว ก็เหมือนเป็นคนละคนกันแล้ว แต่ผลกรรมยังตามมาตอบสนองอยู่
ตอนนี้ลูกได้รับรู้แล้วว่าผลกรรมมีจริง จากการที่ลูกประสบปัญหาต่าง ๆ

(บอกปัญหาหรือโรคที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้ละเอียดที่สุด)

ซึ่งลูกรู้แล้วว่ามันเจ็บปวดเพียงใด มาบัดนี้ได้รับรู้ผลกรรมที่ลูกทำไว้กับท่านในอดีตชาติแล้ว
ลูกสำนึกบาปแล้ว ลูกจึงขอทำสมาธิเพื่อให้เจ้ากรรมนายเวรเห็นว่าลูกได้สำนึกผิดแล้ว

การทำสมาธินี้ไม่ใช่การทำเพื่อเอาผลบุญให้แก่ท่าน
แต่เป็นการทำเพื่อให้รู้ว่าลูกสำนึกใน บาป บุญ คุณ โทษ กรรมเวรต่าง ๆ ที่ได้ทำไว้แล้ว
เพราะผลบุญถ้าใครอยากได้ท่านต้องปฎิบัติเอง โดยการทำความดี ทำสมาธิ ถือศีล5
โดยถ้าท่านพอใจการทำสมาธิ ขอให้ท่านนำเอาสิ่งที่ทำทิ้งไว้กับลูกกลับคืนไป
ด้วยการให้อาการและปัญหาต่าง ๆ ของลูกหายเป็นปลิดทิ้ง โดยลูกจะขอนั่งสมาธิ ณ บัดนี้

*** ควรทำในช่วงเช้าและกลางวัน เพราะจิตมีความสมบูรณ์มากที่สุด ***

อ้างอิงจาก  http://www.superrichy.org/documents/karma-self/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 11 สิงหาคม 2011, 21:49:08 โดย เมฆพัตร » IP : บันทึกการเข้า
นู๋เดือน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 239


ดี-โฟนลำพูน รับซื้อ-ขายสินค้าitให้ราคาสูง


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 11 สิงหาคม 2011, 21:31:12 »

อนุโมทนาบุญคะ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ดี-โฟน 53/3 หมู่ 4 ถ.สันป่าฝ้าย-บ้านธิ ต.บ้านกลาง อ.เมือง จ.ลำพูน 51000 เยื้องโรดิโอผับลำพูน tel.089-5566544,089-5558895
รับซื้อสินค้าitมือ1-2ให้ราคาสูง ตัวแทนขายปลี-ส่งกล้องวงจรปิดภายใต้แบรนด์Enerte
๋๋P
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,917



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 11 สิงหาคม 2011, 23:43:59 »

สาธุ สาธุ

ขอนำไปใช้ด้วยคน เพราะกรรมเยอะมาก  ยิงฟันยิ้ม


* 4.gif (7.4 KB, 55x55 - ดู 6832 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 01:07:53 »

โดยความคิดเห็นส่วนตัวน่ะครับ...ถ้าเรานับการทำสมาธิ เป็นการภาวนาอย่างหนึ่ง ดังนั้นการทำสมาธิก็ถือเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งจัดอยู่ในหมวดบุญที่เกิดจากการภาวนา=ภาวนามัย  ทานมัย=บุญเกิดจากการให้ทาน ศีลมัย=บุญเกิดจากการรักษาศีล ถ้าเรียงลำดับจากน้อยไปหามากก็จะได้  ทาน<ศีล<ภาวนา ที่นี้เมื่อเราทำการนั้งสมาธิก็เท่ากับเราได้ทำบุญใหญ่แล้ว พอออกจากสมาธิเราก็อุทิศบุญกุศลนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรและบิดามารดา บลาๆๆๆ  ถ้าท่านใดที่เคยไปเจริญภาวนาที่วัดหรือตามสำนักต่างๆหลังออกจากสมาธิก็จะมีการอุทิสส่วนกุศลตลอดจนแผ่เมตตาให้แก่เจ้ากรรมนายเวรต่างๆ ที่นี้มาว่าเรื่องของกรรมการที่เราได้ไปทำกรรมไว้แล้ว แล้วทำความดีตอบแทนและสำนึกผิดในที่นี้ก็คือการนั่งสมาธิและสำนึกผิดถ้าหากเราทำด้วยความตั้งใจจริงและบริสุทธิ์ ที่นี้มาว่าเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร เจ้ากรรมนายเวรคือใครถ้าเราหมายรวมเอาเฉพาะคน เจ้ากรรมนายเวรก็คือคนที่เราเคยทำไม่ดีกับเขาไว้ในอดีตแล้วตามมาทวงหนีกรรมกับเรา หากเขามาเห็นเราตั้งใจปฏิบัตินั้งสมาธิ รักษาศีลห้า ทำความดี และสำนึกผิดในสิ่งที่ได้กระทำไป และขอให้ยกโทษให้ ผมว่าเขาก็คงยกโทษให้ล่ะ ถ้าไม่มีความแค้นลึกซึ้งอะไรกันมากมาย
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 01:34:35 »

แต่สิ่งที่น่าจะพิจารณาคือเรื่องของวิบากกรรมนี้ซิครับที่น่ากลัว  วิบากกรรมหมายถึงผลที่ปรากฏเป็นเหตุการณ์ต่างๆนานาในชีวิตเรา เปรียบเทียบง่ายๆเราเรียนหนังสือไม่ตั้งใจเรียนผลออกมาจบปี 4 ได้เกรด 2.25  กรรมที่เราทำคือไม่ตั้งใจเรียน ผลที่เราได้รับคือ เกรด 2.25  เจ้ากรรมนายเวรของเราคือพ่อแม่ที่ส่งให้เรามาเรียนหนังสือ ถ้าเราไปขอโทษทำตัวเป็นลูกที่ดี สำนึกผิด พ่อแม่ก็จะยกโทษให้ แต่วิบากกรรมก็ยังให้ผลอยู่ วิบากกรรมก็คือสิ่งต่างๆที่ เกรด 2.25 มันจะบันดาลให้เกิดขึ้นกับชีวิตคุณ สรุปก็คือกรรมอาจจะยกโทษให้กันได้ กลายเป็น อโหสิกรรม แต่วิบากกรรมยกโทษให้ไม่ได้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องรับผลของวิบากกรรมนั้น ทั้งหมดเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวครับ....โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน!!!
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 01:40:29 »

เรื่องกรรมแม้แต่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทรงหนีไม่พ้น...ต้องรับผลของวิบากกรรมนั้นแม้หลังจากที่ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วก็ตาม...ดังตัวอย่าง

***********************************************************
แม้องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้พระอนุตรสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว
กรรมในปุเรนชาติก็ยังติดตามให้ผลจนถึงวาระสุดท้ายก่อนดับขันธปรินิพพาน
ดังที่ตรัสเล่าไว้ใน พุทธปาทาน ว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายจงฟังถึงกรรมที่เราได้กระทำไว้แล้ว"

เราเห็นภิกษุผู้อยู่ป่ารูปหนึ่ง จึงได้ถวายผ้าท่อนเก่า
ในกาลนั้นเราปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก
ผลแห่งกรรมอันเนื่องด้วยผ้าท่อนเก่านั้น ได้สำเร็จแม้ในความเป็นพระพุทธเจ้า
เราเคยเป็นนักเลงสุราชื่อ ปุนาลิ ในชาติก่อน ๆ
ได้กล่าวใส่ความพระปัจเจกพุทธเจ้าพระนามว่า สุรภี ผู้มิได้ทุษร้าย
ผลแห่งกรรมนั้น เราจึงท่องเที่ยวไปในนรกสิ้นกาลนาน
เสวยทุกขเวทนาสิ้นพันปีเป็นอันมาก
ด้วยกรรมที่เหลือนั้น ในภพสุดท้ายนี้ก็ถูกใส่ความ เพราะเหตุนางสุนทริกา
ในกาลก่อนเราได้เคยฆ่าน้องชายต่างมารดา
ด้วยเหตุแห่งทรัพย์ ผลักลงในซอกเขาเอาหินทุ่ม
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เทวทัตจึงเอาหินทุ่มเราสะเก็ดหินมาถูกหัวแม่เท้าเรา
เราเคยเป็นเด็กในหมู่บ้านชาวประมง เห็นชาวประมงฆ่าปลา ก็มีความชื่นชอบ
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราจึงเกิดการเจ็บที่ศรีษะ
เราเป็นผู้มีชื่อว่า โชติปาละ ได้เคยกล่าวกับพระสุคตพระนามกัสสปะว่า
การตรัสรู้เป็นได้โดยยาก ท่านจะได้จากต้นไม้ที่ไหนกัน
ด้วยผลแห่งกรรมนั้น เราได้บำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นอันมาก สิ้นเวลา 6 ปี
ต่อจากนั้นจึงได้บรรลุการตรัสรู้ เรามิได้บรรลุการตรัสรู้โดยตรง
ได้แสวงหาไปในทางที่ผิด เพราะถูกกรรมเก่าทวงเอา
เราสิ้นบุญสิ้นบาปแล้ว เว้นแล้วแต่จากความเดือดร้อนทั้งปวง
ไม่มีความโศก ไม่มีความคับแค้น ปราศจากอาสวะ จักปรินิพพาน

เราจะเห็นได้ว่าแม้องค์สมเด็จ สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นบรมศาสดาของเรา
ก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงผลของกรรมที่ตนได้กระทำไว้
แม้ยินดีในการฆ่าปลาของเขา ยังต้องรับผลมโนกรรมนั้นด้วยการปวดศรีษะ
แม้ได้กล่าวร้ายต่อผู้อื่นไว้ก็จะต้องถูกใส่ร้ายในชาตินี้
กรรมสนองกรรมจึงเป็นกลไกที่สลับซับซ้อนเกินกว่าจะคิดถึง
อิทธิฤทธิ์ก็ยังแพ้กรรม แม้จะมีฤทธิ์อำนาจขนาดไหน
ก็ไม่มีใครหนีกฏแห่งกรรมพ้นได้
เช่น พระโมคคัลลานะ อัครสาวกฝ่ายซ้าย
อรหันต์ผู้เรืองฤทธิ์ ขนาดม้วนแผ่นดิน ยกภูเขาทั้งลูกได้
สามารถเหาะไปเที่ยวสวรรค์หรือนรกได้ ประสานกระดูกที่แตกหักให้ติดกันได้
ก็ยังถูกวิบากกรรมติดตามทวงเอาในปั้นปลายชีวิต
สมัยที่ท่านมีชาติกำเนิดเป็นชาวบ้าน พ่อแม่ตาบอดทั้งสองข้าง
แต่ท่านยังตาบอดยิ่งกว่าทั้งที่ตาดี เพราะหลงเมียจนลืมพระคุณพ่อแม่
ด้วยเหตุที่เมียรังเกียจพ่อแม่ที่ตาบอด จึงแสร้งหาเหตุใส่ร้ายป้ายสีต่าง ๆ นา ๆ
แล้วตีอกชกตัวเองร่ำไห้ฟ้องสามี และแนะนำให้พาพ่อแม่ที่ตาบอดไปฆ่าทิ้งในป่า
ทิ้งร้างให้สัตว์ร้ายกิน เหมือนหนึ่งว่าสัตว์ทำร้ายถึงแก่ชีวิต
ฝ่ายสามีก็หลงเชื่อ นำพ่อแม่ขึ้นเกวียนทำทีไปทำกิจที่อื่น
พอถึงกลางป่าก็ทำเป็นเสียงโจรเข้าปล้น
แล้วลงมือทุบตีพ่อแม่หมายให้ตายอแทนที่พ่อแม่จะร้องให้ลูกช่วย
กลับบอกให้ลูกไปเสียไม่ต้องเป็นห่วง เพราะตนเองก็ตาบอด
ส่วนลูกยังมีภาระครอบครัวที่จะต้องรับผิดชอบอยู่
จงหนีไปเสีย ทำให้ท่านฆ่าไม่ลง
ทำทีเป็นขับไล่โจรให้หนีไป กลับนำพ่อแม่มาเลี้ยงดูตามเดิม
ผลจากกรรมนั้นทำให้ท่านถูกทุบตีตายมาถึงห้าร้อยชาติ
ดีแต่ว่ายังไม่พลั้งมือทำร้ายพ่อแม่ถึงตาย ถือเป็นอนันตริยกรรม
คือ ห้ามสวรรค์ ห้ามนิพพาน เพราะยั้งมือไว้ทันไม่ได้ถึงขั้นฆ่า
นำกลับมาเลี้ยงดูตามเดิม จึงทำให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในชาติสุดท้าย
เข้าสู่พระนิพพานได้ แต่ก็ถูกโจรป่ารุมทำร้ายกระดูกแหลกละเอียด
และเข้าใจว่าท่านตายก็เลยทิ้งไว้ในป่า
ท่านก็อาศัยอิทธิฤทธิ์ประสานกระดูกร่างกายขึ้นมาใหม่
ไป ๆ มา ๆ ก็พบโจรเหล่านี้อีก มันก็ทำร้ายท่านอีกเหมือนเดิม
จนเกิดขึ้นในครั้งที่ 3 ท่านจึงอดแปลกใจไม่ได้ว่า
บุพกรรมใดหนอท่านจึงต้องถูกโจรเหล่านี้ทุบตีทำร้ายท่าน
จนได้รู้ความจริงในอดีต จึงประสานกายขึ้นมามาใหม่
แล้วเหาะไปทูลลาพระพุทธเจ้าเข้าสู่พระนิพพาน
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 01:50:36 »

แต่การแก้กรรม(แก้เฉพาะกรรม วิบากกรรมแก้ไม่ได้) ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางเลย  ไม่ได้ส่งเสริมให้ท่านไปทำกรรมชั่วแล้วให้มาแก้กรรม
หรือล้างกรรมทีหลัง แต่แนะนำสำหรับผู้ที่ทำกรรมไม่ดีมาด้วยความประมาท
พลั้งเผลอ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ยกตัวอย่างท่านองคุลิมาล เมื่อก่อนทำด้วยความประมาท ด้วยความไม่รู้ว่าสิ่งที่กระทำนั้นเป็นบาปกรรม
วิธีที่ดีที่สุด ก็คือในเบื้องต้นทำความเห็นให้ถูกต้อง หรือเรียกว่าสัมมาทิฏฐิ
เพราะเมื่อมีสัมมาทิฏฐิแล้ว ย่อมกำจัดความเห็นผิดทั้งหลายได้
มีกัมมสัทธา เชื่อในเรื่องกรรม วิปากสัทธา เชื่อในการให้ผลของกรรม
กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อความที่มีกรรมเป็นของตน แล้วกลับมาบำเพ็ญความดี
หรือบุญตามหลักที่ควรเป็น คือให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
ในการทำความดีนี้ ถึงจะมุ่งหวังการแก้กรรมเป็นเหตุ
แต่ก็ไม่ควรกังวลว่าแก้ได้หรือไม่ได้ พึงทำใจอยู่เสมอว่า เรามีการกระทำเป็นของตน
อนึ่ง การให้ผลของกรรม เป็นเรื่องอจินไตย
ใคร ๆ ไม่ควรคิดมาก ไม่ควรกังวลมาก ให้ทำดีที่สุด
เมื่อทำดีมากๆ แล้ว กรรมไม่ดีต่าง ๆ ก็อาจจะไม่มีโอกาสให้ผล หรือตามไม่ทัน
หรือกลายเป็นอโหสิกรรมไป ต่อไปนี้ จะนำวิธีแก้กรรม
ที่ท่านผู้ที่ผ่านการศึกษาได้เสนอแนะไว้ เห็นว่าเป็นประโยชน์
เพราะเกี่ยวข้องกับการทำความดีทั้งนั้น

แนวทางสำหรับการแก้ไขวิบากกรรมให้เบาบางลงไป
คำแนะนำในการแก้กรรม
สำหรับท่านที่ผิดพลาดไปแล้ว ก็อยากขอแนะนำหนทางแก้ไข
วิบากกรรม เหล่านั้นให้บรรเทาลงไปหรือหมดไปในที่สุด
ใช้ได้กับ กรรม ทุกประเภท มีข้อแนะนำดังนี้

1.ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่กำลังติดตามให้ผลเราอยู่ทุกรูปแบบ
เพื่อให้ดวงวิญญาณนั้นเห็นว่า เรามีความตั้งใจจริงและสำนึกในผลกรรมที่ได้กระทำลงไป
เช่น การทำบุญใส่บาตร ถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน
ถวายพระพุทธรูป ถวายผ้าไตร ไถ่ชีวิตสัตว์ ฯลฯ
แล้วตั้งใจกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวของเราเท่านั้น
แต่ท่านต้องเข้าใจเสียก่อนว่า นี่เป็นเพียงทานกุศล
เป็นกุศลเบื้องต้นที่ยังหยาบอยู่ซึ่งอาจจะไม่พอเพียงสำหรับการไถ่โทษฑัณฑ์
ที่ได้กระทำผิดไว้กับเจ้ากรรมนายเวรตนนั้นก็ได้

2. การบวชพราหมณ์หรือการบวชพระ
การถือศีล 5 ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ตามเพศภาวะ
ส่วนจะเป็นการบวชกี่วันย่อมขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล
เมื่อบวชแล้วควรสวดมนต์ไหว้พระ ทำวัตรเช้า-เย็น เจริญสมาธิภาวนาให้มาก
เพราะเป็นกุศลที่ละเอียดสูงกว่าการให้ทานข้างต้น
เพราะการบวชชีพราหมณ์หรือการถือศีล 8 เป็นระดับของบุญที่สูงกว่าการให้ทาน
นอกจากจะมีโอกาสทำวัตรเช้าเย็น ก็ยังได้นั่งสมาธิแผ่ส่วนบุญส่วนกุศล
ที่เป็นทิพย์ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรอีกด้วย หรือ ถ้าเป็นกรรมหนัก
และเป็นผู้ชายก็อาจบวชพระ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรก็ยิ่งดีมาก

3. เจริญสมาธิภาวนา แม้เราจะไม่มีเวลาไปบวชถือศีลที่วัดก็ตาม
เราก็ควรจะทำบ้านให้เป็นวัด ด้วยการสวดมนต์และเจริญสมาธิภาวนาให้เป็นนิจ
เพราะบุญจากการเจริญสมาธิภาวนา เป็นกุศลที่ละเอียดมากและสูงที่สุด
ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของทุกดวงจิตดวงวิญญาณ
เพราะผู้มีกายทิพย์หรือกายละเอียดย่อมอยากได้บุญที่ละเอียดเช่นกัน
อีกประการหนึ่ง จะเป็นการคลายขันธ์หรือปรับปรุงธาตุขันธ์ให้ผ่อนคลายระงับ
เบญจขันธ์อันประกอบด้วย รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
กรรมเล็ก กรรมน้อย จะถูกขับผ่อนคลายออกจากขันธ์ได้บางส่วน
ทำให้ดีขึ้นและเกิดปิติสุขตามมา พยายามให้จิตแน่วแน่มั่นคง
จนจิตดิ่งวูบจนเกิดความสงบและสุขในใจ
แล้วแผ่เมตตาให้ดวงจิตดวงวิญญาณนั้นมาอนุโมทนา และให้เป็นอโหสิกรรมต่อกัน
เพราะองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้กล่าวว่า
หากเราทำจิตให้นิ่งสงบได้เพียงช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น ย่อมสามารถปิดอบายภูมิได้
คือ ทำความดีหนีความชั่ว ดังนั้นแม้ไม่อาจจะไปบวชชีพราหมณ์ได้
ก็อยู่ปฏิบัติเอาเองที่บ้านก็ได้ แต่ขอให้ทำจริงเท่านั้น
(ข้อ ที่ว่าปิดอบายภูมิได้นั้น หมายถึงชั่วขณะที่จิตสงบนิ่งเท่านั้น
ไม่ได้หมายความว่าปิดได้ตลอดกาล หมายความว่าถ้าตายในขณะที่จิตสงบเป็นกุศล
ก็ย่อมมีโอกาสที่จะได้ไปสู่สุคติ หรือมีสุคติเป็นที่หวัง
ที่ปิดอบายภูมิได้เด็ดขาด คือพระโสดาบันขึ้นไปเท่านั้น : พระมหาอำพร อนุตฺตโร)

4. การขออโหสิกรรม หรือ การให้อภัยทาน
ในบรรดาทานทั้งหลายอันประกอบด้วย วัตถุทาน ธรรมทานและอภัยทาน
ถือว่าอภัยทานเป็นทานในระดับปรมัตถทานบารมี
หากมีการให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน กรรมนั้นย่อมเป็นโมฆะ
หลุดพ้นจากบ่วงกรรมนั้นทันที ดังนั้นหากเจ้ากรรมนายเวรใดปรากฏตนต่อหน้าในขณะนั้น
ก็พึงประกาศขออโหสิกรรมกันทันที หากแม้ว่าอีกฝ่ายไม่ยอม
กรรมนั้นก็ย่อมดำเนินการส่งผลต่อไป สุดแท้แต่ลักษณะแห่งกรรมที่กระทำกันมา

ดังนั้น ทุกครั้งที่ทำบุญแล้วให้กรวดน้ำแผ่เมตตา
ระบุถึงเจ้ากรรมนายเวรที่อยู่ในตัวข้าพเจ้า หรือ ที่ติดตามข้าพเจ้า
ให้มาอนุโมทนาในส่วนบุญส่วนกุศลที่ข้าพเจ้าอุทิศให้นี้
และกรรมอันใดที่ได้กระทำไปโดย เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี
รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ขอให้เป็นอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เพื่อเป็นการแสดงความตั้งใจที่จะอุทิศให้แก่เขาจริง ๆ และด้วยความสำนึกผิด

5.ขอร้องไกล่เกลี่ย เมื่อทำทุกอย่างที่แนะนำแล้ว เหตุการณ์รอบ ๆ ตัว
หรือ สุขภาพการเจ็บป่วยไม่ดีขึ้น ก็ต้องหาคนกลางช่วยไกล่เกลี่ยให้
ดังนั้น “พระสงฆ์”ผู้ทรงศีล จึงเป็นทางออกที่ดี
เพราะท่านเป็นผู้ประพฤติปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และมีศีล 227
ย่อมมีวิธีการเจรจาไกล่เกลี่ยให้ เพราะเราเป็นจำเลย แต่วิญญาณที่อาฆาตเป็นโจทก์
ดังนั้นถึง แม้เราจะพยามสร้างบุญสร้างกุศลทุกรูปแบบแล้ว
เจ้ากรรมนายเวรอาจจะยังไม่ยอมก็ได้ เพราะความโกรธยังมีอยู่
จึงไม่ยอมฟังเสียงร้องขอของเรา จึงจำเป็นต้องอาศัยคนกลาง
ที่เป็นที่เคารพนับถือหรือเกรงใจกันไกล่เกลี่ยให้
โดยอาศัยจิตสำนึกในบาปบุญที่ได้กระทำมา และสร้างกุศลอยู่เสมอเป็นสำคัญ
ประกอบด้วยพระสงฆ์ที่มีบุญฤทธิ์และเมตตาจิตที่แผ่เมตตาโปรดสัตว์ผู้ทุกข์ยากทั้งหลาย
ให้เกิดปัญญาดวงตาเห็นธรรม จนยอมละวางและให้อโหสิกรรมต่อกัน
ท่านทั้งหลายอ่านมาถึงตรงนี้ คงจะมีคำถามมากมายว่า
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เจ้ากรรมนายเวรยอมอโหสิกรรมให้
ถ้าท่านอยากทราบคำตอบสุดท้ายตรงนี้ ก็ต้องติดตามเรื่องราวต่าง ๆ ทุกตัวอักษร
แล้วท่านจะได้รับคำตอบที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมที่ท่านสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง
แล้วจะเข้าใจเรื่องราวของ “กรรม” ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
อาจทำให้ท่านเกิดความรู้สึกกลัว “กรรม”
กว่าที่เคยกลัวมาว่า “เจ้ากรรมนายเวร”
ไม่ใช่แค่คำพูดที่ไว้หลอกคนให้กลัว แต่เป็นเรื่องจริง ๆ
ที่ยังไม่เคยได้รับคำอธิบายให้ชัดเจนจากที่ไหนมาก่อนเท่านั้น

เจ้ากรรมนายเวร ก็คือ ดวงจิตดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตพยาบาทกันมาแต่อดีตถึงปัจจุบัน
จะมากหรือน้อยก็ย่อมขึ้นอยู่กับ บุพกรรม ของแต่ละคน
บางดวงจิตดวงวิญญาณหากมาจุติเป็นมนุษย์เหมือนกัน ก็จะคอยจองล้างจองพลาญ
หาทางทำลายเราในทุกโอกาสทุกสถานที่ในรูปแบบต่าง ๆ กัน
ต่างกรรมต่างวาระ จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเราแปรเปลี่ยนไป
หมุนเวียนกันไป ดีบ้างแย่บ้าง สุดแท้แต่กรรมดีหรือกรรมชั่วจะส่งผล

ดังนั้น เพื่อความไม่ประมาท เราจึงควรสั่งสมบุญไว้
หมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา เอาบุญเป็นตัวนำ
เพื่อถ่วงดุลความชั่วให้ส่งผลช้าหรือไม่สามารถให้ผลได้ทัน
เพราะน้ำหนักบุญมากกว่าน้ำหนักบาปนั่นเอง
IP : บันทึกการเข้า
เมฆพัตร
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,027



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 01:53:44 »

กรรมชั่วที่เราทำด้วยเจตนา ทางกาย ทางวาจา หรือทางใจก็ตาม
ถึงเราจะไม่สามารถลบล้างได้ แต่เราสามารถทำกรรมดี
ทำดีให้มากๆ หรือดีอันยิ่งใหญ่ เพื่อไม่ให้กรรมชั่วบางชนิดมีโอกาสให้ผล
หรืออาจจะเข้าไปตัดรอนกรรมชั่วนั้นลงได้โดยเด็ดขาด ( อุปฆาตกกรรม)
หรือเข้าไปลดกรรมชั่วนั้นให้มีโอกาสให้ผลน้อยลง เบาบางลง (อุปปีฬกกรรม)

อีกทั้งกรรมดีที่เราทำนั้นก็จะไปสนับสนุนกรรมดีที่เรามีอยู่
ให้มีโอกาสให้ผลเต็มที่ (อุปัตถัมภกรรม)
เหมือนดังพระบรมราโชวาทในลักษณะที่ว่า
"เราไม่สามารถทำทุกคนให้เป็น คนดีได้ทั้งหมด
แต่เราต้องสนับสนุนคนดีให้คนดีได้ปกครองบ้านเมือง
เพื่อป้องกันคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ "
ฉะนั้น เราไม่สามารถล้างกรรมชั่วได้ทั้งหมด
แต่เราสามารถทำกรรมดี เพื่อให้กรรมดีมีอำนาจมากกว่ากรรมชั่ว
ไม่ให้กรรมชั่วมีอำนาจมากกว่า หรือไม่ให้กรรมชั่วมีโอกาสให้ผลได้
เมื่อเราทำกรรมดีมากๆ ดีอย่างที่สุด ดีอย่างยิ่งใหญ่
กรรมดีที่เราทำนั่นแหล่ะ จะเข้าไปตัดรอน
เข้าไปเบียดเบียนกรรมชั่ว ไม่ให้กรรมชั่วมีโอกาสให้ผลได้
ตัวอย่างในสมัยพุทธกาล ก็อย่างเช่น ท่านองคุลิมาล
ฆ่าคนมาเป็นร้อยเป็นพันคน แต่ทำกรรมดีอันยิ่งใหญ่คือ อรหันตมรรค อรหันตผล
ซึ่งกรรมชั่วที่จะนำไปสู่อบายภูมิเป็นอันไม่มี กลายเป็นอโหสิกรรมไป
(กรรมที่ไม่มีโอกาสให้ผล หรือให้ผลไม่ทัน หรือกรรมที่ผ่านพ้นไปแล้ว)
เพียงมีแต่เศษกรรมเล็กๆ น้อยเท่านั้น แต่นั่น

การทำความดี นั่นแหล่ะ ดีที่สุด

*************************************************
คัดลอกจาก http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=4&t=22904
IP : บันทึกการเข้า
yuan lanna
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 82


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 09:38:02 »

สาธุ สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาครับ
IP : บันทึกการเข้า
HiClassic
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 09:43:56 »

อนุโมทนา ครับ  ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
khonmieng
เพื่อชีวืต โบราณคลาสสิค
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 532


ซื้อขายเขาควาย


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 09:44:53 »

เข้าถึงโลกุตรธรรมได้ก็เริ่มหลุดจากห่วงกรรม...... ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ซื้อขายเขาควาย ปลอกเขาควาย โทรศัพย์มือถือรุ่นเก่า ธนบัตรเก่า ตะเกียงเก่า ของโบราณ ไอดีไลน์ khonmieng โทร 062-2862152
Beebie13
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 12 สิงหาคม 2011, 10:49:38 »

คุณเคยรู้จักคนคนนี้ใหมคะ
เขาชื่อคุณซุปเปอร์ริชชี่คะเขามีวิธีแก้กรรมที่เข้าใจง่ายและสามารถที่จะฝึกปฎิบัติด้วยตัวเองคะ
ไม่ต้องเสียเงินคะลองเข้าเวปเปิดอ่านดูนะคะเพราะเคยไปฟังคำบรรยายแล้วที่เชียงใหม่รู้สึกว่าเข้าใจง่ายสามารถนำมาปฎิบัติด้วยตนเองได้คะใครที่อยากฝึกสมาธิหรือปฎิบัติกรรมฐานนะคะลองอ่านแล้วฝึกฝนดูมีประโยชน์มากคะขอบคุณมากคะ
ยิงฟันยิ้ม


http://www.superrichy.org/


เห็นด้วยค่ะ ได้อ่านหนังสือของ super richy เด็กหนุ่มชาวเชียงใหม่ธรรมดาๆคนหนึ่งแต่มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดาในตัวเขา เขาสอนแก้กรรมด้วยตัวคุณเองโดยไม่ต้องเสียเงิน ให้คนอื่นแก้กรรมแทนท่านไม่ได้หรอก เพราะคุณเป็นผู้ก่อต้องแก้เอง ด้วยจิตที่นิ่งจากการนั่งสมาธิ อ่านเล่มนี้แล้วไม่กล้าทำบาปจริงๆค่ะ เพราะกรรมมันมีจริง 
IP : บันทึกการเข้า
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 07:11:30 »

ถ้าเชื่อกรรมมีจริง
แล้วจะทำทำไม ทำแล้วต้องมาแก้ืทีหลัง
เวลาผ่านไปนานแล้ว
ถ้าทฤษฏี สัมพันธภาพของ ไอน์สไตน์
ได้รับการพิสูจน์และยอมรับว่าทำได้จริง
อาจจะเชื่อว่า กรรมนั้นแก้ได้ครับ
แต่ตอนนี้ ไม่เชื่อว่า แก้ได้ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 07:18:43 โดย Ck401 » IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
boy013
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 126



« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2011, 09:01:55 »

ขออนุโมทนาด้วยละกันครับ

ต่อให้กรรมจะแก้ได้จริงๆ ผมเป็นคนนึงที่จะไม่แก้กรรรม จะยอมรับกรรม ยอมรับโทษในสิ่งที่ผมได้กระทำไว้ ไม่ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ชาตินี้หรือชาติที่แล้ว
IP : บันทึกการเข้า
Beebie13
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 21 สิงหาคม 2011, 09:41:57 »

ถ้าเชื่อกรรมมีจริง
แล้วจะทำทำไม ทำแล้วต้องมาแก้ืทีหลัง
เวลาผ่านไปนานแล้ว
ถ้าทฤษฏี สัมพันธภาพของ ไอน์สไตน์
ได้รับการพิสูจน์และยอมรับว่าทำได้จริง
อาจจะเชื่อว่า กรรมนั้นแก้ได้ครับ
แต่ตอนนี้ ไม่เชื่อว่า แก้ได้ครับ


ใช่ค่ะ แก้ไม่ได้หรอกในความเป็นจริง เพราะกรรมมันคือการกระทำ ทำแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลาเพื่อแก้ไขได้ แต่บางตำรา เขาขออณุญาตใช้คำว่า"แก้กรรม" ไม่ได้หมายถึงมาทำพิธีหรือเสียเงินทอง ทำแล้วไม่มีบาปกรรมติดตัวแบบนี้ไม่ใช่ ถ้าใครอ้างให้ทำแบบนี้ถือว่าหลอกลวง แต่ในหนังสือ Super richyหมายถึงอยากช่วยคนที่ทุกข์ใจและละอายใจในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนนั้น โดยการขออโหสิกรรมกับคนที่เราไปทำไว้กับเขา( ก็หมายถึงไปขอโทษด้วยความสำนึกผิดจริงๆนั่นแหละ) ก็แล้วแต่เขาว่าจะยกโทษให้ไหม ถึงแม้เขายกโทษให้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต้องชดใช้หนี้กรรม ตัวเราต้องได้รับผลตอบแทนเหมือนเดิมแต่จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้เพราะเราสำนึกผิดจริงๆ ถ้าเจ้ากรรมนายเวรเป็นคน คือคนที่เราไปทำผิดต่อเขา เราก็ไปขอให้เขาอโหสิกรรมให้เราพร้อมทั้งบอกกับเขาว่าขอโทษและสำนึกผิดแล้วจริงๆ ก็แล้วแต่เขานะจะให้อภัยหรือไม่เราบังคับกันไม่ได้ ถ้าเขาให้อภัยอย่างน้อยก็ลดแรงอาฆาตจากเขา จากที่คิดจะแก้แค้นเรา ก็ยกเลิกไม่ทำแล้วเพราะเราไปขอโทษเขา แต่ถ้าเจ้ากรรมนายเวรไม่ใช่คนละก็ คงต้องให้จิตนิ่งจริงๆ ถึงจะเจอเขาและไปขออโหสิกรรมต่อเขา แต่จะทำอย่างไรให้นิ่งล่ะ ก็ต้องนั่งสมาธิทีนี้ก็เข้าหลักทางพระพุทธศาสนาล่ะที่สอนให้เรานั่งสมาธิ เข้ากรรมฐาน เราต้องมาฝึกจิตล่ะว่าจะทำอย่างไรให้นิ่งที่สุด...เอาเป็นว่านั่งสมาธิก่อนแล้วจะเจอของดีเหมือนกับพระอริยสงฆ์เจ้าทำกันค่ะ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า
๋๋P
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,917



« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 00:17:22 »

ถ้าเชื่อกรรมมีจริง
แล้วจะทำทำไม ทำแล้วต้องมาแก้ืทีหลัง
เวลาผ่านไปนานแล้ว
ถ้าทฤษฏี สัมพันธภาพของ ไอน์สไตน์
ได้รับการพิสูจน์และยอมรับว่าทำได้จริง
อาจจะเชื่อว่า กรรมนั้นแก้ได้ครับ
แต่ตอนนี้ ไม่เชื่อว่า แก้ได้ครับ


ใช่ค่ะ แก้ไม่ได้หรอกในความเป็นจริง เพราะกรรมมันคือการกระทำ ทำแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลาเพื่อแก้ไขได้ แต่บางตำรา เขาขออณุญาตใช้คำว่า"แก้กรรม" ไม่ได้หมายถึงมาทำพิธีหรือเสียเงินทอง ทำแล้วไม่มีบาปกรรมติดตัวแบบนี้ไม่ใช่ ถ้าใครอ้างให้ทำแบบนี้ถือว่าหลอกลวง แต่ในหนังสือ Super richyหมายถึงอยากช่วยคนที่ทุกข์ใจและละอายใจในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำลงไปที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนนั้น โดยการขออโหสิกรรมกับคนที่เราไปทำไว้กับเขา( ก็หมายถึงไปขอโทษด้วยความสำนึกผิดจริงๆนั่นแหละ) ก็แล้วแต่เขาว่าจะยกโทษให้ไหม ถึงแม้เขายกโทษให้ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่ต้องชดใช้หนี้กรรม ตัวเราต้องได้รับผลตอบแทนเหมือนเดิมแต่จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้เพราะเราสำนึกผิดจริงๆ ถ้าเจ้ากรรมนายเวรเป็นคน คือคนที่เราไปทำผิดต่อเขา เราก็ไปขอให้เขาอโหสิกรรมให้เราพร้อมทั้งบอกกับเขาว่าขอโทษและสำนึกผิดแล้วจริงๆ ก็แล้วแต่เขานะจะให้อภัยหรือไม่เราบังคับกันไม่ได้ ถ้าเขาให้อภัยอย่างน้อยก็ลดแรงอาฆาตจากเขา จากที่คิดจะแก้แค้นเรา ก็ยกเลิกไม่ทำแล้วเพราะเราไปขอโทษเขา แต่ถ้าเจ้ากรรมนายเวรไม่ใช่คนละก็ คงต้องให้จิตนิ่งจริงๆ ถึงจะเจอเขาและไปขออโหสิกรรมต่อเขา แต่จะทำอย่างไรให้นิ่งล่ะ ก็ต้องนั่งสมาธิทีนี้ก็เข้าหลักทางพระพุทธศาสนาล่ะที่สอนให้เรานั่งสมาธิ เข้ากรรมฐาน เราต้องมาฝึกจิตล่ะว่าจะทำอย่างไรให้นิ่งที่สุด...เอาเป็นว่านั่งสมาธิก่อนแล้วจะเจอของดีเหมือนกับพระอริยสงฆ์เจ้าทำกันค่ะ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ

เชื่อเช่นนั้นเหมือนกันครับ  ยิ้มเท่ห์

ถ้าคนที่เขาทำผิดต่อเราไว้  แล้วเขามากราบขอโทษเราหลายๆ ครั้ง
เราจะไม่คิดให้อภัยเขาเลยหรือ

หรือคนที่ทำผิดต่อเราไว้ แล้วไม่เคยขอโทษเราเลย
กลับบอกว่าจะทำอะไรก็เชิญ พร้อมยอมรับโทษ

อย่างไหนที่เรา(เจ้ากรรมนายเวร) อยากจะให้อภัยเขามากกว่ากัน ?  ยิ้มกว้างๆ





* 36_1_32v.gif (14.63 KB, 68x52 - ดู 6672 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
flashi
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,797


on the internet nobody knows you’re a dog


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 00:20:00 »

แก้กรรมไม่ได้หรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นกุศโลบายให้คนคิดดีทำดีมากขึ้นก็ไม่เป็นไร ทำไปตามความเชื่อเถอะ
แต่อย่าถึงขึ้นหอยแก้กรรมนะ อันนั้นมันเลอะเทอะไปหน่อยแล้ว
IP : บันทึกการเข้า

ทุกอาชีพไม่มีไส้แห้ง ไม่ว่าอาชีพใดทั้งสิ้น ที่เมิงไส้แห้ง เพราะเมิงกระจอกไง มันอยู่ที่ใจเมิง ใจเมิงสูงเมิงก็รอด ใจเมิงกระจอกเมิงก็จน!
--- (เชิญชมคลิปเต็ม)
http://www.youtube.com/watch?v=s-g89WcO6DQ
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 04:00:05 »

กัมมัสสะโกมหิ,    เรามีกรรมเป็นของ ๆ ตน,
กัมมะทายาโท,    เราเป็นผู้รับผลของกรรม,
กัมมะโยนิ,       เรามีกรรมเป็นกำเนิด,
กัมมะพันธุ,       เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์,
กัมมะปะฏิสะระโณ,          เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย,
ยัง กัมมัง กะริสสามิ,    เราจักทำกรรมอันใดไว้,
กัลยาณัง วา ปาปะกังวา,    ดีหรือชั่วก็ตาม,
ตัสสะ ทายาโท ภะวิสสามิ,     เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นๆ  อย่างแน่นอน
IP : บันทึกการเข้า

..............
ละอ่อนโบราณ
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,466



« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 22 สิงหาคม 2011, 04:02:21 »

 ครั้งหนึ่ง ภิกษุหลายรูปเดินทางมาเฝ้าพระพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
ระหว่างทาง ณ ตำบลหนึ่ง ชาวบ้านนิมนต์ให้นั่งฉันภัตตาหารในโรงฉัน
ขณะนั้น หญิงคนหนึ่งกำลังปรุงอาหาร เปลวไฟจากเตาได้ลุกไปติดชายคา เสวียน (ของเป็นวงกลมสำหรับรองก้นหม้อ) หญ้าอันหนึ่งอยู่ที่ชายคาก็ลุกไหม้ปลิวไปในอากาศสวมเข้าไปในคอของกาตัวหนึ่งซึ่งบินมาถึงพอดี กาถูกไฟไหม้ตกลงมาตาย

     เมื่อเดินทางถึงพระเชตวันแล้ว ภิกษุพวกนั้นก็ไปทูลถามพระพุทธเจ้าถึงบาปกรรมของกานั้น พระองค์ทรงเล่าว่า

     ในอดีต ชาวนาผู้หนึ่งฝึกโคของตนไม่ได้ดังใจ โคเดินไปหน่อยหนึ่งก็นอนเสีย แม้เขาตีให้ลุกก็เดินไปหน่อยแล้วนอนเสียเหมือนเดิมชาวนาโกรธมาก เอาฟ่อนฟางพันคอโค แล้วจุดไฟ โคถูกไฟคลอกตาย ด้วยอำนาจบาปกรรมนั้น เขาหมกไหม้ในนรกอยู่นาน และด้วยเศษบาปที่เหลือ เขาเกิดเป็นกาถูกไหม้ในอากาศมาถึง ๗ ครั้งแล้ว

                                                  อรรถกถาธรรมบท ภาค ๕ เรื่องตโยชน
IP : บันทึกการเข้า

..............
หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!