รพ.ชร. หนะ ก็เหมือนโรงพยาบาลรัฐทั่วไปตามมาตราฐานรัฐนั่นแหละครับ
ถ้าคุณอยู่ใน อ.เมือง ยังโชคดีครับ เจ็บป่วย เลือกเข้าได้จะเอา โรงพยาบาลไหน เข้าใจว่า รพ.ชร. คนไข้เยอะทั้งไทยพม่า
แต่ถ้าคุณอยู่แม่สาย คุณจะรู้ว่า นรกมีจริง หมอมั่ว ทะเบียนก็มั่ว คนไข้ก็มั่ว มั่วไปหมด
พยาบาลและพนักงานที่ดี ก็ดีใจหายจนผมอดสงสารพวกเขาไม่ได้
ตอนแฟนผมตั้งท้องได้ 2 เดือน ไปฝากท้องที่ อนามัยใกล้บ้าน อนามัยส่งตัวไปตรวจเลือดที่ โรงพยาบาลแม่สาย หมอบอกว่า แฟนผมเป็นเนื้องอกในมดลูก ลูกรอดยาก ให้ทำใจ ต้องรอท้องครบ 4 เดือน จะผ่าตัดเนื้องอก โอกาศเด็กรอด 50/50
ถ้าคุณได้ยินแบบนี้คุณจะรู้สึกอย่างไร
ในใจผมไม่เชื่อหมอ เพราะมีอคติกับหมอ โรงพยาบาลแม่สายมาหลายครั้ง แต่สภาพจิตแฟนผมไม่ต้องพูด ไห้แตกกลางโรงบาลนั้นแหละ ผมตัดสินใจ ขอให้หมอเขียนใบส่งตัวเพื่อจะมาตรวจใหม่ที่ รพ.ชร. คำตอบที่ได้รับคือ ตรวจที่ไหนก็เหมือนกันแหละ พร้อมกับทำหน้าไม่พอใจตะคอกใส่คนไข้ เปรียบเหมือนว่าเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรามาแต่ชาติปางก่อน สรุปคือไม่ยอมเขียนใบส่งตัว
ผมไม่ง้อ ตัดสินใจดูเงินในกระเป๋า เอาวะ บึ่งรถไปฝากครรที่คลีนิคหมอในเมือง ยอมรับครับว่าตอนนั้นเงินก็ไม่ค่อยมี แต่ในความโชคร้ายกลายเป็นโชคดี ผมไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามหมอสูติเก่งๆในเชียงราย ไปมั่วเลย สรุปไปฝากกับหมอจุลพงษ์ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็น หมอใหญ่ รพ.ชร. ผลการตรวจที่คลีนิคกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ คุณหมอบอกว่า เนื้องอกนอกมดลูก เกิดจากฮอโมน ไม่เป็นอันตราย แต่คอยสังเกตุอาการมากกว่าปกตินิดหน่อยและกินยาตามที่หมอสั่ง ผมจึงตัดสินใจฝากพิเศษไปเลย ยอมขับรถเข้าเมืองบ่อยหน่อย
และเมื่อถึงวันคลอด หมอนัดผ่า เนื่องจากลูกตัวโต แน่นอนครับ ผ่าที่ รพ.ชร. ผมกลับมาทำใบส่งตัวที่ รพ.แม่สาย ทราบเรื่องว่า หมอคนที่บอกว่าแฟนผมเป็นเนื้องอกตอนแรกนั่นถูกย้ายไปแล้ว
คลอดวันแรก ห้องพิเศษเต็ม นอนห้องรวม แม่เจ้า นรกห้องรวม เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลรัฐ ทั้งคนไทยและต่างชาติ มั่วไปหมด พยาบาล และหมอ ไม่เพียงพอแต่ก็ได้รู้อะไรเยอะแยะเลย ที่ต่างชาติเขาเลือกจะมาเกิดที่นี่ เพราะว่าเขาหวังว่าลูกจะได้บัตรไทย ห้องรวมมี 20 กว่า เตียง เป็น ต่างชาติ ประมาณ เกือบครึ่ง คนดอย อีกส่วน เหลือคนทีอู้กำเมืองหรือพูดไทย ชัดๆ แค่ 4-5 เตียง
มาตราฐานการบริการอยู่ตรงไหน
พยาบาลแต่ละท่านต้องบอกตามตรงว่า มาตราฐานเป็นเรื่องส่วนบุคคล บางคน ดีใจหายดูแลเอาใจใส่ บางคนที่ตะคอกใส่คนไข้สุนัขไม่รับประทานก็มี สภาพห้องเละเทะ เตียงแทบจะติดกัน คนป่วยนอนบนเตียง คนเฝ้า นอนใต้เตียง เป็นค่ำคืนที่ต้องจดจำไปอีกนาน
ตกบ่ายของวันที่ 2 พยาบาลแจ้งว่า ห้องพิเศษที่จองคิวไว้ว่างแล้ว ย้ายไปห้องพิเศษอีกตึกในเวลาไม่นาน เหมือนอยู่คนละโลก พยาบาลดูแลเอาใจใส่อย่างดี (ค่าห้องคืนละ 1000) สรุปอยู่ห้องรวม 1 คืน ห้องพิเศษ 3 คืน
จ่ายไป 3000 บาท ค่าผ่าคลอด ฟรี ค่าใช้จ่ายอื่นๆก็ไปอยู่กับคลีนิค รวมๆแล้ว ก็ดีกว่าไปเอกชนแน่ๆ
ดังนั้น
- ถ้าคุณป่วยเล็กน้อย ให้ไปอนามัย(โรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพ)
- ถ้าคุณป่วยปานกลาง อาการลุ่มๆดอนๆ ให้ไปคลีนิค อย่าไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเบื้องต้น เพราะคุณต้องไปทนรอกับระบบการทำงานที่ช้า อาจทำให้ป่วยหนักกว่าเดิม กัดฟันไปคลีนิคหาหมอใหญ่ ถ้าคุณป่วยร้ายแรงหมอใหญ่จะจัดการส่งต่อคุณไปโรงพยาบาลเองและคุณจะได้รับสิทธิพิเศษข้ามขั้นตอนอันน่าเบื่อในโรงพยาบาลหลายๆอย่าง
- ถ้าคุณป่วยหนักมาก แบบว่าไม่ไหวแล้วจะเป็นจะตาย ไปโรงพยาบาลเอกชนเถอะครับ เอาชีวิตไว้ก่อน
แวะมาหาข้อมูลครับ ขอบคุณมากครับ