เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 23 กรกฎาคม 2025, 07:59:11
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  มาตรฐาน รพ.เชียงราย มีแค่นี้หรือ?
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] 5 พิมพ์
ผู้เขียน มาตรฐาน รพ.เชียงราย มีแค่นี้หรือ?  (อ่าน 7302 ครั้ง)
Ossy
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 485



« ตอบ #60 เมื่อ: วันที่ 20 กันยายน 2013, 19:20:00 »

น่าจะแยก รพ.ประจำอำเภอเมืองออกมาอีกที่หนึ่งนะ เหมือน รพ.ชุมชนที่มีประจำอยู่ทุกอำเภอน่ะ คนที่อยู่อำเภอเมืองถ้าเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ก้อจะได้ไม่ต้องไปรอตรวจกันเป็นกระจุกอยู่ตรงนั้น    รพ.ไทยก็รับดูแลผู้ป่วยเฉพาะทาง และรับส่งต่อจาก รพ.ชุมชน ก้อพอ เพราะเป็น รพ.ศูนย์ แต่ทุกวันนี้เป็น รพ.สูน (สูนอะสูนอาน)

จริง ๆ แล้ว เรามีสถานีอนามัยกันเกือบทุกตำบล
เดี๋ยวนี้เปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
เจ็บป่วยเล็กน้อย ก็น่าจะไปที่อนามัยก่อน แล้วค่อยส่งต่ออำเภอ ส่งต่อจังหวัด
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การวินิจฉัยเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่อนามัยเป็นเรื่องสำคัญ

เรื่องแบบนี้ผมถือว่าเป็นเรื่องของนโยบายในภาพรวมของกระทรวงสาธารณสุข
แต่ทุกวันนี้หลาย ๆ เรื่องในบ้านเรา ประชาชนก็ขนขวายช่วยเหลือกันเอาเอง ตามมีตามเกิดครับ


IP : บันทึกการเข้า

จุดยืนของทุกคนคือ ส้นตีนตัวเองครับ
บินก
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 704



« ตอบ #61 เมื่อ: วันที่ 20 กันยายน 2013, 19:43:00 »

ไม่อยากจะบอกว่า ตาของแฟนผมถูก พยาบาลกับหมอฝึกงาน....ตาย(ขอใช้คำนี้นะใครโลกสวยหาว่ามันแรงไปผมขออภัยด้วยแต่ถ้าเป็นญาติพี่น้องคุณคุณก็คงจะรู้สึกเหมือนผม)
เพราะ อะไร เพราะ ตาเป็นแค่หอบหืด ไปหาหมอ หมอเปิด O2 ให้ แต่แม่งเปิดแรงจนควันเต็มที่ครอบจมูก ซักพัก ตาแฟนผมก็พยายาม จะพูดจะบอกแต่ทำไม่ได้ แล้วก็ชักตัวเกร็ง แล้วก็ดิ้น หมอและพยาบาลก็เดินมาแบบสโลวโมชั่นว่า ใจเย็นๆตา ซักพักญาติพี่น้องก็โวยวายตะโกนเรียกหมอมาดู ก็เหมือนเดิม เดินสะบัดตูดมาบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ซักพัก ภาพฝังใจผมทุกวันนี้ คุณเคยเห็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายไหม คนที่พูดไม่ได้ ใช้แค่หางตาดูลูกหลาน เอื้อมมือมาเหมือนจะบอกว่าช่วยเอามันออกไปที หายใจออกไม่ได้เพราะเปิด O2 แรง หายใจเข้าได้อย่างเดียว ซักพักตาก็หมดสติแล้วก็เสียชีวิตลง

จากก่อนหน้านี้ปกติดี ยังบอกให้ผมไปซื้อขนมเกลือมาให้อยู่เลย สรุปแล้ว เราจะบอกว่าหมอผิดก็ไม่ได้(กลัวงานเข้า)

สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจก็คือ ตาของผม เพิ่งเสียเมื่อ 12 ส.ค. เป็นเหมือนกัน พี่ชายผมเป็นคนเห็น ว่าพยาบาลมาเร่งเครื่อง O2 หรือ อ๊อกซิเจน ที่เลข 5 พี่ผมเลยรีบโทรถามเพื่อนที่เป้นพยาบาลว่า ปกติเขาเปิดเลขอะไร เพื่อนพี่ผมก็บอก เลข 1-3(ถ้าจำไม่ผิด)แล้วบอกให้พี่รีบไปลด แต่ภาพที่พี่ผมเห็นนั้น คือ (ที่พี่เล่าให้ฟัง) คืออาการเหมือนที่ผมเล่าให้ฟังอันแรกเลย  แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครกล้าไปว่าให้โรงบาล

โรงบาลแรกที่เล่าเป็น ของรัฐ ในเชียงราย  โรงบาลที่สองเป็นของเอกชน ในเชียงราย
กรุณาเฝ้าญาติของคุณอย่างใกล้ชิดด้วย  เมื่ออยู่โรงบาล  เพราะมีสิทธิ์ที่จะเจอคนสะเพร่า เหมือนที่ผมเจอ

ปัจจุบันผมเข้าโรงบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ไม่ได้ เนื่องจากเมื่อเข้าผมจะเกิดอาการวิกลจริต ใจสั่น หัวใจเต้นแรง หน้ามืด ปวดท้อง นอนไม่หลับ

คุณ saphon อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปนะคะ เกี่ยวกับเรื่องออกซิเจน เพราะตอนนี้เราต้องดูแลคุณตาที่ต้องใส่ออกซิเจนตลอดเวลา ก็พอจะรู้บ้างนะคะ ในเคสของคุณตาแฟนคุณนี้ เราคิดว่าไม่เกี่ยวกับการเปิดออกซิเจนเยอะหรอกค่ะ เพราะตอนที่คุณบอกว่าเปิดเยอะจนควันออก อันนี้เขาน่าจะพ่นยาขยายหลอดลมให้นะคะ ต้องเปิดเยอะหน่อย และจะมีควันสีขาวออกมา (เปิดได้ถึง 10) หลังจากพ่นแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นสาย ก็เปิดได้ถึง 5 แต่ถ้าเป็นครอบอยู่ ก็เปิดได้ถึง 10 ค่ะ เปิดเยอะยิ่งทำให้ออกซิเจนเข้าปอดได้ดี ไม่ควรไปลดลงเองนะคะ (หากลดลงแล้ว ค่าออกซิเจนจะน้อย คนไข้อาจตายได้ค่ะ) แต่ที่คุณตาแฟนคุณชักนั้นเพราะออกซิเจนที่ได้รับไม่พอมากกว่าค่ะ ที่เพื่อนคุณบอกมาก็ถูกค่ะ แต่เป็นปกติจริงๆ คือคนไข้ปกติ แต่เคสตาคุณนี้ เป็นหนักค่ะ เขาต้องเปิดเยอะๆ เพราะยกตัวอย่างตาเรา ถ้า 10 แล้วค่าออกซิเจนไม่ได้ (ที่บ้านซื้อเครื่องวัดออกซิเจนไว้เองเลยค่ะ) ก็สอดท่อช่วยหายใจค่ะ ในกรณีนี้ เราคิดว่าพยาบาลเขาทำถูกแล้วค่ะ (คุณไม่ได้บอกว่า ปรัลออกซิเจนลงตามที่เพื่อนบอกรึเปล่า) แต่เขาดูแลคนไข้น้อยไป ควรช่วยเหลือฉุกเฉินมากกว่านี้
IP : บันทึกการเข้า
yingza089
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 278



« ตอบ #62 เมื่อ: วันที่ 20 กันยายน 2013, 19:43:58 »

มีเรื่องเล่าเหมือนกันกับ รพ.นี้ คือลูกชายมีอาการชักเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วค่ะ หมอจึงทำการเอกซเรย์สมองแล้วแจ้งว่าน้องมีไข่พยาธิที่สมอง ก็ได้ให้ยาฆ่าไข่พยาธิ โดยที่ไม่ได้ให้ดูฟิล์มแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้าที่น้องจะชัก ขอเล่าย้อน ( ได้พาน้องไปถอนฟันที่อนามัยแห่งหนึ่งค่ะ โดยตอนถอนได้เข้าไปนั่งกับน้องเห็นหมอฉีดยาชาแล้วถอนเลย ไม่รอให้ยาออกฤทธิ์ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องกลับมาบ้านแล้วมีอาการชักหรือเปล่า เพราะตอนที่น้องชักได้พาน้องไปที่อนามัยแห่งนี้เพื่อให้ออกซิเจนและรอรถพยาบาลมารับ ได้ยิน จนท.ที่อนามัยโทรคุยกับทางโรงพยาบาลจนวุ่นวายเลยว่าเป็นเพราะน้องถอนฟันหรือเปล่า  ตอนนั้นน้องอายุประมาณ 7 ขวบค่ะ แอบข้องใจนิดๆว่าเขาจะช่วยกันเพื่อปกปิดความผิดหรือเปล่า  ) กลับมาถึง รพ. หมอได้ให้ยาฆ่าพยาธิ แต่ยังไม่ได้ให้ทานยากันชัก พอกลับมาถึง บ้านได้ 1 วันน้องก็ชักอีก จึงได้นำส่ง รพ.อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้หมอก็ได้ให้น้องทานยาตลอด 2 ปีจนกว่าจะดีขึ้น พอครบกำหนด 2 ปี หมอเริ่มลดยาลง ทุกครั้งที่ลดยาลง ( 3 ครั้ง ) น้องก็ชักทุกที เปลี่ยนยาบ่อยจนสงสารลูก  ตอนนี้น้องทานยามา 3 ปีกว่าแล้ว ยาตัวนี้จะส่งผลต่อ ตับ ไต ของเด็ก(เนื่องจากทานยาเป็นเวลานาน ) ปัญหาที่ยังคาใจคือ น้องชักเพราะไข่พยาธิในสมองจริงหรือเปล่า เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่น้องถอนฟันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เรื่องนี้ได้สอบถามทาง รพ. แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่เอาฟิล์มเอกซเรย์มาให้ดูเลย ว่าในสมองน้องมีไข่พยาธิตรงไหน  ตอนนี้หมอพูดไรมาก็ต้องเชื่อ ให้ทานยาอะไรก็ต้องทาน  เหมือนรอดูว่าลูกจะได้โรคอะไรเพิ่มมาอีกหรือไม่ในอนาคต ไม่มีวิธีไหนเลยที่จะช่วยเขาได้  หัวอกคนเป็นแม่จะทุกข์ใจมากแค่ไหนที่ไม่สามารถหาวิธีช่วยลูกได้ดีกว่านี้แล้ว  ที่นำเรื่องนี้มาแชร์ไม่ได้จะโทษว่าเป็นความผิดอะไรของใครนะคะ  แค่อยากมีพื้นที่ระบาย ตอนนี้เป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้วที่ในใจยังไม่หายสงสัยเรื่องนี้ หรือคงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็เรามันคนจนนี่คะ ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรได้มากกว่านี้ ต้องทนใช้สิทธิบัตรทองไป )  แต่ถ้าใครมีวิธีแนะนำที่ดีว่านี้ จะกราบขอบพระคุณอย่างสูงเลยค่ะ ถือว่าช่วยเด็กคนหนึ่งนะคะ

เป็นกำลังใจให้คุณแม่ค่ะ ขอให้น้องหายไวๆนะคะ
IP : บันทึกการเข้า
toonza
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 277


« ตอบ #63 เมื่อ: วันที่ 20 กันยายน 2013, 19:57:57 »

มาเป็นพักๆหลังจากหายไปนาน รพ. ร้องไห้
IP : บันทึกการเข้า
kuh
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 233


« ตอบ #64 เมื่อ: วันที่ 20 กันยายน 2013, 20:14:46 »

ร.พแม่สายอำมหิตกว่านี้อีกครับให้คนไข้ออกจากโรงพยาบาลทั้งๆที่มีไข้สูงเหตุผลเพราะไม่มีเตียงว่างตอนนี้คนไข้คนนั้นเสียแล้วครับ คนๆนั้นคือแม่ผมเองครับ
IP : บันทึกการเข้า
[T][o][d]SaPhon
My name's Todsaphon
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,064

พื้นที่ส่วนบุคคล


« ตอบ #65 เมื่อ: วันที่ 20 กันยายน 2013, 20:42:02 »

ไม่อยากจะบอกว่า ตาของแฟนผมถูก พยาบาลกับหมอฝึกงาน....ตาย(ขอใช้คำนี้นะใครโลกสวยหาว่ามันแรงไปผมขออภัยด้วยแต่ถ้าเป็นญาติพี่น้องคุณคุณก็คงจะรู้สึกเหมือนผม)
เพราะ อะไร เพราะ ตาเป็นแค่หอบหืด ไปหาหมอ หมอเปิด O2 ให้ แต่แม่งเปิดแรงจนควันเต็มที่ครอบจมูก ซักพัก ตาแฟนผมก็พยายาม จะพูดจะบอกแต่ทำไม่ได้ แล้วก็ชักตัวเกร็ง แล้วก็ดิ้น หมอและพยาบาลก็เดินมาแบบสโลวโมชั่นว่า ใจเย็นๆตา ซักพักญาติพี่น้องก็โวยวายตะโกนเรียกหมอมาดู ก็เหมือนเดิม เดินสะบัดตูดมาบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ซักพัก ภาพฝังใจผมทุกวันนี้ คุณเคยเห็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายไหม คนที่พูดไม่ได้ ใช้แค่หางตาดูลูกหลาน เอื้อมมือมาเหมือนจะบอกว่าช่วยเอามันออกไปที หายใจออกไม่ได้เพราะเปิด O2 แรง หายใจเข้าได้อย่างเดียว ซักพักตาก็หมดสติแล้วก็เสียชีวิตลง

จากก่อนหน้านี้ปกติดี ยังบอกให้ผมไปซื้อขนมเกลือมาให้อยู่เลย สรุปแล้ว เราจะบอกว่าหมอผิดก็ไม่ได้(กลัวงานเข้า)

สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจก็คือ ตาของผม เพิ่งเสียเมื่อ 12 ส.ค. เป็นเหมือนกัน พี่ชายผมเป็นคนเห็น ว่าพยาบาลมาเร่งเครื่อง O2 หรือ อ๊อกซิเจน ที่เลข 5 พี่ผมเลยรีบโทรถามเพื่อนที่เป้นพยาบาลว่า ปกติเขาเปิดเลขอะไร เพื่อนพี่ผมก็บอก เลข 1-3(ถ้าจำไม่ผิด)แล้วบอกให้พี่รีบไปลด แต่ภาพที่พี่ผมเห็นนั้น คือ (ที่พี่เล่าให้ฟัง) คืออาการเหมือนที่ผมเล่าให้ฟังอันแรกเลย  แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครกล้าไปว่าให้โรงบาล

โรงบาลแรกที่เล่าเป็น ของรัฐ ในเชียงราย  โรงบาลที่สองเป็นของเอกชน ในเชียงราย
กรุณาเฝ้าญาติของคุณอย่างใกล้ชิดด้วย  เมื่ออยู่โรงบาล  เพราะมีสิทธิ์ที่จะเจอคนสะเพร่า เหมือนที่ผมเจอ

ปัจจุบันผมเข้าโรงบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ไม่ได้ เนื่องจากเมื่อเข้าผมจะเกิดอาการวิกลจริต ใจสั่น หัวใจเต้นแรง หน้ามืด ปวดท้อง นอนไม่หลับ

คุณ saphon อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปนะคะ เกี่ยวกับเรื่องออกซิเจน เพราะตอนนี้เราต้องดูแลคุณตาที่ต้องใส่ออกซิเจนตลอดเวลา ก็พอจะรู้บ้างนะคะ ในเคสของคุณตาแฟนคุณนี้ เราคิดว่าไม่เกี่ยวกับการเปิดออกซิเจนเยอะหรอกค่ะ เพราะตอนที่คุณบอกว่าเปิดเยอะจนควันออก อันนี้เขาน่าจะพ่นยาขยายหลอดลมให้นะคะ ต้องเปิดเยอะหน่อย และจะมีควันสีขาวออกมา (เปิดได้ถึง 10) หลังจากพ่นแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นสาย ก็เปิดได้ถึง 5 แต่ถ้าเป็นครอบอยู่ ก็เปิดได้ถึง 10 ค่ะ เปิดเยอะยิ่งทำให้ออกซิเจนเข้าปอดได้ดี ไม่ควรไปลดลงเองนะคะ (หากลดลงแล้ว ค่าออกซิเจนจะน้อย คนไข้อาจตายได้ค่ะ) แต่ที่คุณตาแฟนคุณชักนั้นเพราะออกซิเจนที่ได้รับไม่พอมากกว่าค่ะ ที่เพื่อนคุณบอกมาก็ถูกค่ะ แต่เป็นปกติจริงๆ คือคนไข้ปกติ แต่เคสตาคุณนี้ เป็นหนักค่ะ เขาต้องเปิดเยอะๆ เพราะยกตัวอย่างตาเรา ถ้า 10 แล้วค่าออกซิเจนไม่ได้ (ที่บ้านซื้อเครื่องวัดออกซิเจนไว้เองเลยค่ะ) ก็สอดท่อช่วยหายใจค่ะ ในกรณีนี้ เราคิดว่าพยาบาลเขาทำถูกแล้วค่ะ (คุณไม่ได้บอกว่า ปรัลออกซิเจนลงตามที่เพื่อนบอกรึเปล่า) แต่เขาดูแลคนไข้น้อยไป ควรช่วยเหลือฉุกเฉินมากกว่านี้

ขอบคุณที่ชี้แนะนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
Joobjaeng
Single mom
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,297



« ตอบ #66 เมื่อ: วันที่ 21 กันยายน 2013, 08:49:51 »

มีเรื่องเล่าเหมือนกันกับ รพ.นี้ คือลูกชายมีอาการชักเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วค่ะ หมอจึงทำการเอกซเรย์สมองแล้วแจ้งว่าน้องมีไข่พยาธิที่สมอง ก็ได้ให้ยาฆ่าไข่พยาธิ โดยที่ไม่ได้ให้ดูฟิล์มแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้าที่น้องจะชัก ขอเล่าย้อน ( ได้พาน้องไปถอนฟันที่อนามัยแห่งหนึ่งค่ะ โดยตอนถอนได้เข้าไปนั่งกับน้องเห็นหมอฉีดยาชาแล้วถอนเลย ไม่รอให้ยาออกฤทธิ์ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องกลับมาบ้านแล้วมีอาการชักหรือเปล่า เพราะตอนที่น้องชักได้พาน้องไปที่อนามัยแห่งนี้เพื่อให้ออกซิเจนและรอรถพยาบาลมารับ ได้ยิน จนท.ที่อนามัยโทรคุยกับทางโรงพยาบาลจนวุ่นวายเลยว่าเป็นเพราะน้องถอนฟันหรือเปล่า  ตอนนั้นน้องอายุประมาณ 7 ขวบค่ะ แอบข้องใจนิดๆว่าเขาจะช่วยกันเพื่อปกปิดความผิดหรือเปล่า  ) กลับมาถึง รพ. หมอได้ให้ยาฆ่าพยาธิ แต่ยังไม่ได้ให้ทานยากันชัก พอกลับมาถึง บ้านได้ 1 วันน้องก็ชักอีก จึงได้นำส่ง รพ.อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้หมอก็ได้ให้น้องทานยาตลอด 2 ปีจนกว่าจะดีขึ้น พอครบกำหนด 2 ปี หมอเริ่มลดยาลง ทุกครั้งที่ลดยาลง ( 3 ครั้ง ) น้องก็ชักทุกที เปลี่ยนยาบ่อยจนสงสารลูก  ตอนนี้น้องทานยามา 3 ปีกว่าแล้ว ยาตัวนี้จะส่งผลต่อ ตับ ไต ของเด็ก(เนื่องจากทานยาเป็นเวลานาน ) ปัญหาที่ยังคาใจคือ น้องชักเพราะไข่พยาธิในสมองจริงหรือเปล่า เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่น้องถอนฟันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เรื่องนี้ได้สอบถามทาง รพ. แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่เอาฟิล์มเอกซเรย์มาให้ดูเลย ว่าในสมองน้องมีไข่พยาธิตรงไหน  ตอนนี้หมอพูดไรมาก็ต้องเชื่อ ให้ทานยาอะไรก็ต้องทาน  เหมือนรอดูว่าลูกจะได้โรคอะไรเพิ่มมาอีกหรือไม่ในอนาคต ไม่มีวิธีไหนเลยที่จะช่วยเขาได้  หัวอกคนเป็นแม่จะทุกข์ใจมากแค่ไหนที่ไม่สามารถหาวิธีช่วยลูกได้ดีกว่านี้แล้ว  ที่นำเรื่องนี้มาแชร์ไม่ได้จะโทษว่าเป็นความผิดอะไรของใครนะคะ  แค่อยากมีพื้นที่ระบาย ตอนนี้เป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้วที่ในใจยังไม่หายสงสัยเรื่องนี้ หรือคงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็เรามันคนจนนี่คะ ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรได้มากกว่านี้ ต้องทนใช้สิทธิบัตรทองไป )  แต่ถ้าใครมีวิธีแนะนำที่ดีว่านี้ จะกราบขอบพระคุณอย่างสูงเลยค่ะ ถือว่าช่วยเด็กคนหนึ่งนะคะ

เป็นกำลังใจให้คุณแม่ค่ะ ขอให้น้องหายไวๆนะคะ

ขอบคุณนะคะ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

https://www.facebook.com/herbcareclub/?ref=aymt_homepage_panel

Line: joobjaengka
Tel : 0931387459 / 0873036897
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #67 เมื่อ: วันที่ 24 กันยายน 2013, 16:59:32 »

ไม่อยากจะบอกว่า ตาของแฟนผมถูก พยาบาลกับหมอฝึกงาน....ตาย(ขอใช้คำนี้นะใครโลกสวยหาว่ามันแรงไปผมขออภัยด้วยแต่ถ้าเป็นญาติพี่น้องคุณคุณก็คงจะรู้สึกเหมือนผม)
เพราะ อะไร เพราะ ตาเป็นแค่หอบหืด ไปหาหมอ หมอเปิด O2 ให้ แต่แม่งเปิดแรงจนควันเต็มที่ครอบจมูก ซักพัก ตาแฟนผมก็พยายาม จะพูดจะบอกแต่ทำไม่ได้ แล้วก็ชักตัวเกร็ง แล้วก็ดิ้น หมอและพยาบาลก็เดินมาแบบสโลวโมชั่นว่า ใจเย็นๆตา ซักพักญาติพี่น้องก็โวยวายตะโกนเรียกหมอมาดู ก็เหมือนเดิม เดินสะบัดตูดมาบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ซักพัก ภาพฝังใจผมทุกวันนี้ คุณเคยเห็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายไหม คนที่พูดไม่ได้ ใช้แค่หางตาดูลูกหลาน เอื้อมมือมาเหมือนจะบอกว่าช่วยเอามันออกไปที หายใจออกไม่ได้เพราะเปิด O2 แรง หายใจเข้าได้อย่างเดียว ซักพักตาก็หมดสติแล้วก็เสียชีวิตลง

จากก่อนหน้านี้ปกติดี ยังบอกให้ผมไปซื้อขนมเกลือมาให้อยู่เลย สรุปแล้ว เราจะบอกว่าหมอผิดก็ไม่ได้(กลัวงานเข้า)

สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจก็คือ ตาของผม เพิ่งเสียเมื่อ 12 ส.ค. เป็นเหมือนกัน พี่ชายผมเป็นคนเห็น ว่าพยาบาลมาเร่งเครื่อง O2 หรือ อ๊อกซิเจน ที่เลข 5 พี่ผมเลยรีบโทรถามเพื่อนที่เป้นพยาบาลว่า ปกติเขาเปิดเลขอะไร เพื่อนพี่ผมก็บอก เลข 1-3(ถ้าจำไม่ผิด)แล้วบอกให้พี่รีบไปลด แต่ภาพที่พี่ผมเห็นนั้น คือ (ที่พี่เล่าให้ฟัง) คืออาการเหมือนที่ผมเล่าให้ฟังอันแรกเลย  แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครกล้าไปว่าให้โรงบาล

โรงบาลแรกที่เล่าเป็น ของรัฐ ในเชียงราย  โรงบาลที่สองเป็นของเอกชน ในเชียงราย
กรุณาเฝ้าญาติของคุณอย่างใกล้ชิดด้วย  เมื่ออยู่โรงบาล  เพราะมีสิทธิ์ที่จะเจอคนสะเพร่า เหมือนที่ผมเจอ

ปัจจุบันผมเข้าโรงบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ไม่ได้ เนื่องจากเมื่อเข้าผมจะเกิดอาการวิกลจริต ใจสั่น หัวใจเต้นแรง หน้ามืด ปวดท้อง นอนไม่หลับ

คุณ saphon อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปนะคะ เกี่ยวกับเรื่องออกซิเจน เพราะตอนนี้เราต้องดูแลคุณตาที่ต้องใส่ออกซิเจนตลอดเวลา ก็พอจะรู้บ้างนะคะ ในเคสของคุณตาแฟนคุณนี้ เราคิดว่าไม่เกี่ยวกับการเปิดออกซิเจนเยอะหรอกค่ะ เพราะตอนที่คุณบอกว่าเปิดเยอะจนควันออก อันนี้เขาน่าจะพ่นยาขยายหลอดลมให้นะคะ ต้องเปิดเยอะหน่อย และจะมีควันสีขาวออกมา (เปิดได้ถึง 10) หลังจากพ่นแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นสาย ก็เปิดได้ถึง 5 แต่ถ้าเป็นครอบอยู่ ก็เปิดได้ถึง 10 ค่ะ เปิดเยอะยิ่งทำให้ออกซิเจนเข้าปอดได้ดี ไม่ควรไปลดลงเองนะคะ (หากลดลงแล้ว ค่าออกซิเจนจะน้อย คนไข้อาจตายได้ค่ะ) แต่ที่คุณตาแฟนคุณชักนั้นเพราะออกซิเจนที่ได้รับไม่พอมากกว่าค่ะ ที่เพื่อนคุณบอกมาก็ถูกค่ะ แต่เป็นปกติจริงๆ คือคนไข้ปกติ แต่เคสตาคุณนี้ เป็นหนักค่ะ เขาต้องเปิดเยอะๆ เพราะยกตัวอย่างตาเรา ถ้า 10 แล้วค่าออกซิเจนไม่ได้ (ที่บ้านซื้อเครื่องวัดออกซิเจนไว้เองเลยค่ะ) ก็สอดท่อช่วยหายใจค่ะ ในกรณีนี้ เราคิดว่าพยาบาลเขาทำถูกแล้วค่ะ (คุณไม่ได้บอกว่า ปรัลออกซิเจนลงตามที่เพื่อนบอกรึเปล่า) แต่เขาดูแลคนไข้น้อยไป ควรช่วยเหลือฉุกเฉินมากกว่านี้

ขอบคุณที่ชี้แนะนะครับ

อันนี้ไม่แน่ใจในการทำงานนะครับแต่พออ่านแล้วต้องขอบอกก่อนครับ ว่า O2 ที่มีควันออกนั้นจริงๆแล้วไม่ใช่ควันนะครับ
ความจริงมันคือน้ำครับ คือปรกติ O2 ที่จ่ายมามันจะแห้งมากครับไม่สามารถปล่อยเข้าไปในระบบการหายใจได้โดยตรงครับ
ไม่งั้นจะทำให้ระบบการหายใจระคายเคืองและอักเสบได้ จึงต้องใส่น้ำไว้ในกระเปาะO2 เพื่อที่จะทำความชื้นเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบการหายใจครับ ควันที่คุณว่าความจริงมันก็คือไอน้ำนั้นเองครับแต่ทำให้แตกตัวกลายเป็นโมเลกุลเล็กๆ
สงสารคุณตาก็สงสารแต่คุณเล่นพิมพ์ซะผมยิ้มเลย ก็แบบว่าคนนอกจะไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ ก็ให้ความรู้ไปละกันครับเผื่อใครมีคุณตาคุณยาย ต้องดม O2 ก็อย่าลืมใส่น้ำในกระเปาะด้วย ห้ามให้ O2 กับผู้ป่วยโดยตรงเด็ดขาดครับ ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #68 เมื่อ: วันที่ 24 กันยายน 2013, 17:06:42 »

มีเรื่องเล่าเหมือนกันกับ รพ.นี้ คือลูกชายมีอาการชักเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วค่ะ หมอจึงทำการเอกซเรย์สมองแล้วแจ้งว่าน้องมีไข่พยาธิที่สมอง ก็ได้ให้ยาฆ่าไข่พยาธิ โดยที่ไม่ได้ให้ดูฟิล์มแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้าที่น้องจะชัก ขอเล่าย้อน ( ได้พาน้องไปถอนฟันที่อนามัยแห่งหนึ่งค่ะ โดยตอนถอนได้เข้าไปนั่งกับน้องเห็นหมอฉีดยาชาแล้วถอนเลย ไม่รอให้ยาออกฤทธิ์ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องกลับมาบ้านแล้วมีอาการชักหรือเปล่า เพราะตอนที่น้องชักได้พาน้องไปที่อนามัยแห่งนี้เพื่อให้ออกซิเจนและรอรถพยาบาลมารับ ได้ยิน จนท.ที่อนามัยโทรคุยกับทางโรงพยาบาลจนวุ่นวายเลยว่าเป็นเพราะน้องถอนฟันหรือเปล่า  ตอนนั้นน้องอายุประมาณ 7 ขวบค่ะ แอบข้องใจนิดๆว่าเขาจะช่วยกันเพื่อปกปิดความผิดหรือเปล่า  ) กลับมาถึง รพ. หมอได้ให้ยาฆ่าพยาธิ แต่ยังไม่ได้ให้ทานยากันชัก พอกลับมาถึง บ้านได้ 1 วันน้องก็ชักอีก จึงได้นำส่ง รพ.อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้หมอก็ได้ให้น้องทานยาตลอด 2 ปีจนกว่าจะดีขึ้น พอครบกำหนด 2 ปี หมอเริ่มลดยาลง ทุกครั้งที่ลดยาลง ( 3 ครั้ง ) น้องก็ชักทุกที เปลี่ยนยาบ่อยจนสงสารลูก  ตอนนี้น้องทานยามา 3 ปีกว่าแล้ว ยาตัวนี้จะส่งผลต่อ ตับ ไต ของเด็ก(เนื่องจากทานยาเป็นเวลานาน ) ปัญหาที่ยังคาใจคือ น้องชักเพราะไข่พยาธิในสมองจริงหรือเปล่า เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่น้องถอนฟันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เรื่องนี้ได้สอบถามทาง รพ. แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่เอาฟิล์มเอกซเรย์มาให้ดูเลย ว่าในสมองน้องมีไข่พยาธิตรงไหน  ตอนนี้หมอพูดไรมาก็ต้องเชื่อ ให้ทานยาอะไรก็ต้องทาน  เหมือนรอดูว่าลูกจะได้โรคอะไรเพิ่มมาอีกหรือไม่ในอนาคต ไม่มีวิธีไหนเลยที่จะช่วยเขาได้  หัวอกคนเป็นแม่จะทุกข์ใจมากแค่ไหนที่ไม่สามารถหาวิธีช่วยลูกได้ดีกว่านี้แล้ว  ที่นำเรื่องนี้มาแชร์ไม่ได้จะโทษว่าเป็นความผิดอะไรของใครนะคะ  แค่อยากมีพื้นที่ระบาย ตอนนี้เป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้วที่ในใจยังไม่หายสงสัยเรื่องนี้ หรือคงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็เรามันคนจนนี่คะ ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรได้มากกว่านี้ ต้องทนใช้สิทธิบัตรทองไป )  แต่ถ้าใครมีวิธีแนะนำที่ดีว่านี้ จะกราบขอบพระคุณอย่างสูงเลยค่ะ ถือว่าช่วยเด็กคนหนึ่งนะคะ


ถ้าเกิดจากไข่พยาธิจริงลองทำเมนูกระเจียบเขียวให้น้องกินบ่อยๆสิครับ เห็นเขาบอกว่ากระเจียบเขียวจะช่วยกำจัดไข่พยาธิได้ ที่ญี่ปุ่นเขาเอาไปอบแล้วทานเล่นกันเลยครับสมุนไพรไทย ถ้ากลัวเรื่องตับเรื่องไต ก็ลองหาน้ำสมุนไพรที่ช่วยล้างสารพิษมาให้น้องดื่มเป็นครั้งๆก็ได้ครับ อย่างเช่นพวกย่านาง รางจืดอะไรพวกนี้ หรือเห็ดหลินจือก็ช่วยล้างสารพิษออกจากตับ และบำรุงไตได้นะครับ ไม่ได้โฆษณานะครับแต่ก็แนะนำเท่าที่จะำทำได้ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
Zone_ic
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,369


« ตอบ #69 เมื่อ: วันที่ 24 กันยายน 2013, 23:33:20 »

อย่างว่าเห็นใจทั้ง สองฝ่าย แต่ผมว่าระยะหลัง โรงบาลเชียงรายดีขึ้นเยอะนะครับ ทั้งการพูดจาของ พยาบาล ทั้งหมอ  ก็น่าเห็นใจ พยาบาล กับหมอนะครับ งานเขาเยอะมากจิงๆ อย่างหมอที่ผมพาแฟนไปฝากท้อง คนไปฝากท้องเยอะมาก แต่คุณหมอก็ดูแลดีมาก ผมเห็นหมอกับพยาบาลทำงานแล้วยังเหนื่อยแทนเลย  ดูหมอแทบจะไม่มีเวลาพักเที่ยงเลย หมอพยาบาลมีเยอะเราจะไปเหมารวมว่า รพ.เชียงราย มาตรฐานไม่ดี ไม่ถูกต้องหรอกครับ หมอบางคนทุ่มเทกับงานมาก ถ้าต้องมาเสียเพราะหมอเพียงไม่กี่คน เขาก็คงหมดกำลังใจที่จะทำงานต่อไปแล้ว
ละครับ หมอดีๆ มีเยอะ พยาบาลดีๆ ก็มีเยอะ เราอาจจะไปเจอแค่บางคนที่บริการไม่ประทับใจ
ก็อย่าไปว่าเหมารวมเลยครับ คนดีๆ ตั้งใจทำงานเขาจะหมดกำลังใจเปล่าๆ
IP : บันทึกการเข้า
Joobjaeng
Single mom
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,297



« ตอบ #70 เมื่อ: วันที่ 25 กันยายน 2013, 14:22:07 »

มีเรื่องเล่าเหมือนกันกับ รพ.นี้ คือลูกชายมีอาการชักเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้วค่ะ หมอจึงทำการเอกซเรย์สมองแล้วแจ้งว่าน้องมีไข่พยาธิที่สมอง ก็ได้ให้ยาฆ่าไข่พยาธิ โดยที่ไม่ได้ให้ดูฟิล์มแต่อย่างใด ซึ่งก่อนหน้าที่น้องจะชัก ขอเล่าย้อน ( ได้พาน้องไปถอนฟันที่อนามัยแห่งหนึ่งค่ะ โดยตอนถอนได้เข้าไปนั่งกับน้องเห็นหมอฉีดยาชาแล้วถอนเลย ไม่รอให้ยาออกฤทธิ์ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องกลับมาบ้านแล้วมีอาการชักหรือเปล่า เพราะตอนที่น้องชักได้พาน้องไปที่อนามัยแห่งนี้เพื่อให้ออกซิเจนและรอรถพยาบาลมารับ ได้ยิน จนท.ที่อนามัยโทรคุยกับทางโรงพยาบาลจนวุ่นวายเลยว่าเป็นเพราะน้องถอนฟันหรือเปล่า  ตอนนั้นน้องอายุประมาณ 7 ขวบค่ะ แอบข้องใจนิดๆว่าเขาจะช่วยกันเพื่อปกปิดความผิดหรือเปล่า  ) กลับมาถึง รพ. หมอได้ให้ยาฆ่าพยาธิ แต่ยังไม่ได้ให้ทานยากันชัก พอกลับมาถึง บ้านได้ 1 วันน้องก็ชักอีก จึงได้นำส่ง รพ.อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้หมอก็ได้ให้น้องทานยาตลอด 2 ปีจนกว่าจะดีขึ้น พอครบกำหนด 2 ปี หมอเริ่มลดยาลง ทุกครั้งที่ลดยาลง ( 3 ครั้ง ) น้องก็ชักทุกที เปลี่ยนยาบ่อยจนสงสารลูก  ตอนนี้น้องทานยามา 3 ปีกว่าแล้ว ยาตัวนี้จะส่งผลต่อ ตับ ไต ของเด็ก(เนื่องจากทานยาเป็นเวลานาน ) ปัญหาที่ยังคาใจคือ น้องชักเพราะไข่พยาธิในสมองจริงหรือเปล่า เพราะมันเกิดขึ้นหลังจากที่น้องถอนฟันแค่ไม่กี่ชั่วโมง เรื่องนี้ได้สอบถามทาง รพ. แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่ก็ไม่เอาฟิล์มเอกซเรย์มาให้ดูเลย ว่าในสมองน้องมีไข่พยาธิตรงไหน  ตอนนี้หมอพูดไรมาก็ต้องเชื่อ ให้ทานยาอะไรก็ต้องทาน  เหมือนรอดูว่าลูกจะได้โรคอะไรเพิ่มมาอีกหรือไม่ในอนาคต ไม่มีวิธีไหนเลยที่จะช่วยเขาได้  หัวอกคนเป็นแม่จะทุกข์ใจมากแค่ไหนที่ไม่สามารถหาวิธีช่วยลูกได้ดีกว่านี้แล้ว  ที่นำเรื่องนี้มาแชร์ไม่ได้จะโทษว่าเป็นความผิดอะไรของใครนะคะ  แค่อยากมีพื้นที่ระบาย ตอนนี้เป็นเวลา 3 ปีกว่าแล้วที่ในใจยังไม่หายสงสัยเรื่องนี้ หรือคงต้องเป็นอย่างนี้ต่อไป ก็เรามันคนจนนี่คะ ไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรได้มากกว่านี้ ต้องทนใช้สิทธิบัตรทองไป )  แต่ถ้าใครมีวิธีแนะนำที่ดีว่านี้ จะกราบขอบพระคุณอย่างสูงเลยค่ะ ถือว่าช่วยเด็กคนหนึ่งนะคะ


ถ้าเกิดจากไข่พยาธิจริงลองทำเมนูกระเจียบเขียวให้น้องกินบ่อยๆสิครับ เห็นเขาบอกว่ากระเจียบเขียวจะช่วยกำจัดไข่พยาธิได้ ที่ญี่ปุ่นเขาเอาไปอบแล้วทานเล่นกันเลยครับสมุนไพรไทย ถ้ากลัวเรื่องตับเรื่องไต ก็ลองหาน้ำสมุนไพรที่ช่วยล้างสารพิษมาให้น้องดื่มเป็นครั้งๆก็ได้ครับ อย่างเช่นพวกย่านาง รางจืดอะไรพวกนี้ หรือเห็ดหลินจือก็ช่วยล้างสารพิษออกจากตับ และบำรุงไตได้นะครับ ไม่ได้โฆษณานะครับแต่ก็แนะนำเท่าที่จะำทำได้ ยิ้ม

ขอบพระคุณมากๆๆนะคะที่แนะนำ ไว้จะเอาไปทำให้น้องทานดู  รู้สึกมีกำลังใจขึ้นเยอะเลยที่พบมิตรดีๆๆใน ชรฟก. ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
IP : บันทึกการเข้า

https://www.facebook.com/herbcareclub/?ref=aymt_homepage_panel

Line: joobjaengka
Tel : 0931387459 / 0873036897
ครูตุ๋ม
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 190


« ตอบ #71 เมื่อ: วันที่ 29 กันยายน 2013, 08:38:08 »

ในทุกสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีอยู่ด้วยกัน  แต่น่าเห็นใจคนดีที่ต้องได้รับผลกระทบของการกระทำของคนไม่ดี... (ผมก็เคยเจอคุณป้าพยาบาลวินิจฉัยโรคและตัดสินใจการรักษาแทนหมอเมื่อนานมาแล้ว และก็ได้ต่อว่ากันไปเล็กน้อย)  แต่ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยได้ใช้บริการเท่าไรครับ
ให้กำลังใจทุกคนครับ อยากให้เจอแต่หมอและพยาบาลหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลที่ดีๆ ครับ
IP : บันทึกการเข้า
แม่หมู
อย่าไปมองดูเวลาที่เขามา
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 34


เป็นไรไปอีก


« ตอบ #72 เมื่อ: วันที่ 29 กันยายน 2013, 12:31:43 »

 แลบลิ้น ลังเล
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 15 ตุลาคม 2013, 13:48:12 โดย varinda » IP : บันทึกการเข้า
คนริมทาง27/30
DavidsofAJ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,005



« ตอบ #73 เมื่อ: วันที่ 29 กันยายน 2013, 12:40:23 »

อย่างว่าเห็นใจทั้ง สองฝ่าย แต่ผมว่าระยะหลัง โรงบาลเชียงรายดีขึ้นเยอะนะครับ ทั้งการพูดจาของ พยาบาล ทั้งหมอ  ก็น่าเห็นใจ พยาบาล กับหมอนะครับ งานเขาเยอะมากจิงๆ อย่างหมอที่ผมพาแฟนไปฝากท้อง คนไปฝากท้องเยอะมาก แต่คุณหมอก็ดูแลดีมาก ผมเห็นหมอกับพยาบาลทำงานแล้วยังเหนื่อยแทนเลย  ดูหมอแทบจะไม่มีเวลาพักเที่ยงเลย หมอพยาบาลมีเยอะเราจะไปเหมารวมว่า รพ.เชียงราย มาตรฐานไม่ดี ไม่ถูกต้องหรอกครับ หมอบางคนทุ่มเทกับงานมาก ถ้าต้องมาเสียเพราะหมอเพียงไม่กี่คน เขาก็คงหมดกำลังใจที่จะทำงานต่อไปแล้ว
ละครับ หมอดีๆ มีเยอะ พยาบาลดีๆ ก็มีเยอะ เราอาจจะไปเจอแค่บางคนที่บริการไม่ประทับใจ
ก็อย่าไปว่าเหมารวมเลยครับ คนดีๆ ตั้งใจทำงานเขาจะหมดกำลังใจเปล่าๆ
+1 ครับจริงๆๆผมไปบ่อยมากเจอบ่อยๆแต่ทำใจเอาครับ
IP : บันทึกการเข้า

RateX
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 308



« ตอบ #74 เมื่อ: วันที่ 29 กันยายน 2013, 23:39:22 »

คุกมีไว้ขังหมา โรงพยาบาลมีไว้ ฆ่าคนจน

 ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

การถก เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ ถือเป็นเรื่องดี
แต่ การเถียง เพื่อที่จะให้ตัวเองชนะ ถือว่าเป็นเรื่อง โง่
anan_nun
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 260


« ตอบ #75 เมื่อ: วันที่ 01 ตุลาคม 2013, 09:16:52 »

(อยากถามความคิดเห็นครับ ไม่อยากตั้งกระทู้ใหม่) ถ้าสมมุติว่าเราแอบเห็นพยาบาลปฏิบัติกับคนไข้ไม่เท่าเทียมกัน
เช่น พยาบาลเป็นญาติกับคนไข้ ก็จะดูแลคนไข้คนนั้นเป็นอย่างดีหรือดูแลเป็นพิเศษ แต่กับคนไข้รายอื่นๆที่ไม่ใช่ญาติก่อจะดูแลไม่เท่าเทียมกันหรือไม่ค่อยมาดูแลเหมือนญาติตัวเองเช่นเวลามาตรวจคนไข้หรือมาทำความสะอาดก็จะทำแบบแรงๆ จนคนไข้เจ็บ เราพอจะมีวิธีทำอย่างไรได้บ้าง หรือปล่อยเลยตามเลย
(เข้าใจนะครับว่าญาติตัวเองก็รัก แต่ควรปฏิบัตืให้เท่าเทียมกันนะครับ)
IP : บันทึกการเข้า
bkav
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,799


« ตอบ #76 เมื่อ: วันที่ 01 ตุลาคม 2013, 11:16:39 »

(อยากถามความคิดเห็นครับ ไม่อยากตั้งกระทู้ใหม่) ถ้าสมมุติว่าเราแอบเห็นพยาบาลปฏิบัติกับคนไข้ไม่เท่าเทียมกัน
เช่น พยาบาลเป็นญาติกับคนไข้ ก็จะดูแลคนไข้คนนั้นเป็นอย่างดีหรือดูแลเป็นพิเศษ แต่กับคนไข้รายอื่นๆที่ไม่ใช่ญาติก่อจะดูแลไม่เท่าเทียมกันหรือไม่ค่อยมาดูแลเหมือนญาติตัวเองเช่นเวลามาตรวจคนไข้หรือมาทำความสะอาดก็จะทำแบบแรงๆ จนคนไข้เจ็บ เราพอจะมีวิธีทำอย่างไรได้บ้าง หรือปล่อยเลยตามเลย
(เข้าใจนะครับว่าญาติตัวเองก็รัก แต่ควรปฏิบัตืให้เท่าเทียมกันนะครับ)

อาจจะเป็นความเร่งรีบของพยาบาล คนไข้อาการรุนแรงต่างกัน เพราะถัดจากเตียงญาติท่านก็มีอีกหลายเตียงต้องรีบปฏิบัติ ในเวลาจำกัดก่อนที่หมอใหญ่จะมาตรวจ ประมาณนี้
IP : บันทึกการเข้า
anan_nun
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 260


« ตอบ #77 เมื่อ: วันที่ 01 ตุลาคม 2013, 11:33:35 »

(อยากถามความคิดเห็นครับ ไม่อยากตั้งกระทู้ใหม่) ถ้าสมมุติว่าเราแอบเห็นพยาบาลปฏิบัติกับคนไข้ไม่เท่าเทียมกัน
เช่น พยาบาลเป็นญาติกับคนไข้ ก็จะดูแลคนไข้คนนั้นเป็นอย่างดีหรือดูแลเป็นพิเศษ แต่กับคนไข้รายอื่นๆที่ไม่ใช่ญาติก่อจะดูแลไม่เท่าเทียมกันหรือไม่ค่อยมาดูแลเหมือนญาติตัวเองเช่นเวลามาตรวจคนไข้หรือมาทำความสะอาดก็จะทำแบบแรงๆ จนคนไข้เจ็บ เราพอจะมีวิธีทำอย่างไรได้บ้าง หรือปล่อยเลยตามเลย
(เข้าใจนะครับว่าญาติตัวเองก็รัก แต่ควรปฏิบัตืให้เท่าเทียมกันนะครับ)

อาจจะเป็นความเร่งรีบของพยาบาล คนไข้อาการรุนแรงต่างกัน เพราะถัดจากเตียงญาติท่านก็มีอีกหลายเตียงต้องรีบปฏิบัติ ในเวลาจำกัดก่อนที่หมอใหญ่จะมาตรวจ ประมาณนี้
ครับผม
IP : บันทึกการเข้า
maximumfast
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 427


เด็กแนววว


« ตอบ #78 เมื่อ: วันที่ 01 ตุลาคม 2013, 13:29:55 »

รพ.ชร. หนะ ก็เหมือนโรงพยาบาลรัฐทั่วไปตามมาตราฐานรัฐนั่นแหละครับ
ถ้าคุณอยู่ใน อ.เมือง ยังโชคดีครับ เจ็บป่วย เลือกเข้าได้จะเอา โรงพยาบาลไหน  เข้าใจว่า รพ.ชร. คนไข้เยอะทั้งไทยพม่า
แต่ถ้าคุณอยู่แม่สาย คุณจะรู้ว่า นรกมีจริง หมอมั่ว ทะเบียนก็มั่ว คนไข้ก็มั่ว มั่วไปหมด
พยาบาลและพนักงานที่ดี ก็ดีใจหายจนผมอดสงสารพวกเขาไม่ได้

ตอนแฟนผมตั้งท้องได้ 2 เดือน ไปฝากท้องที่ อนามัยใกล้บ้าน อนามัยส่งตัวไปตรวจเลือดที่ โรงพยาบาลแม่สาย หมอบอกว่า แฟนผมเป็นเนื้องอกในมดลูก ลูกรอดยาก ให้ทำใจ ต้องรอท้องครบ 4 เดือน จะผ่าตัดเนื้องอก โอกาศเด็กรอด 50/50

ถ้าคุณได้ยินแบบนี้คุณจะรู้สึกอย่างไร

ในใจผมไม่เชื่อหมอ เพราะมีอคติกับหมอ โรงพยาบาลแม่สายมาหลายครั้ง แต่สภาพจิตแฟนผมไม่ต้องพูด ไห้แตกกลางโรงบาลนั้นแหละ ผมตัดสินใจ ขอให้หมอเขียนใบส่งตัวเพื่อจะมาตรวจใหม่ที่ รพ.ชร. คำตอบที่ได้รับคือ ตรวจที่ไหนก็เหมือนกันแหละ พร้อมกับทำหน้าไม่พอใจตะคอกใส่คนไข้ เปรียบเหมือนว่าเขาเป็นเจ้ากรรมนายเวรเรามาแต่ชาติปางก่อน สรุปคือไม่ยอมเขียนใบส่งตัว

ผมไม่ง้อ ตัดสินใจดูเงินในกระเป๋า เอาวะ บึ่งรถไปฝากครรที่คลีนิคหมอในเมือง ยอมรับครับว่าตอนนั้นเงินก็ไม่ค่อยมี แต่ในความโชคร้ายกลายเป็นโชคดี ผมไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามหมอสูติเก่งๆในเชียงราย ไปมั่วเลย สรุปไปฝากกับหมอจุลพงษ์ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็น หมอใหญ่ รพ.ชร. ผลการตรวจที่คลีนิคกลายเป็นเรื่องโอละพ่อ คุณหมอบอกว่า เนื้องอกนอกมดลูก เกิดจากฮอโมน ไม่เป็นอันตราย แต่คอยสังเกตุอาการมากกว่าปกตินิดหน่อยและกินยาตามที่หมอสั่ง ผมจึงตัดสินใจฝากพิเศษไปเลย ยอมขับรถเข้าเมืองบ่อยหน่อย

และเมื่อถึงวันคลอด หมอนัดผ่า เนื่องจากลูกตัวโต แน่นอนครับ ผ่าที่ รพ.ชร. ผมกลับมาทำใบส่งตัวที่ รพ.แม่สาย ทราบเรื่องว่า หมอคนที่บอกว่าแฟนผมเป็นเนื้องอกตอนแรกนั่นถูกย้ายไปแล้ว

คลอดวันแรก ห้องพิเศษเต็ม นอนห้องรวม แม่เจ้า นรกห้องรวม เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลรัฐ ทั้งคนไทยและต่างชาติ มั่วไปหมด พยาบาล และหมอ ไม่เพียงพอแต่ก็ได้รู้อะไรเยอะแยะเลย ที่ต่างชาติเขาเลือกจะมาเกิดที่นี่ เพราะว่าเขาหวังว่าลูกจะได้บัตรไทย ห้องรวมมี 20 กว่า เตียง เป็น ต่างชาติ ประมาณ เกือบครึ่ง คนดอย อีกส่วน เหลือคนทีอู้กำเมืองหรือพูดไทย ชัดๆ แค่ 4-5 เตียง

มาตราฐานการบริการอยู่ตรงไหน 

พยาบาลแต่ละท่านต้องบอกตามตรงว่า มาตราฐานเป็นเรื่องส่วนบุคคล บางคน ดีใจหายดูแลเอาใจใส่ บางคนที่ตะคอกใส่คนไข้สุนัขไม่รับประทานก็มี สภาพห้องเละเทะ เตียงแทบจะติดกัน คนป่วยนอนบนเตียง คนเฝ้า นอนใต้เตียง เป็นค่ำคืนที่ต้องจดจำไปอีกนาน

ตกบ่ายของวันที่ 2 พยาบาลแจ้งว่า ห้องพิเศษที่จองคิวไว้ว่างแล้ว ย้ายไปห้องพิเศษอีกตึกในเวลาไม่นาน เหมือนอยู่คนละโลก พยาบาลดูแลเอาใจใส่อย่างดี (ค่าห้องคืนละ 1000) สรุปอยู่ห้องรวม 1 คืน ห้องพิเศษ 3 คืน

จ่ายไป 3000 บาท ค่าผ่าคลอด ฟรี ค่าใช้จ่ายอื่นๆก็ไปอยู่กับคลีนิค รวมๆแล้ว ก็ดีกว่าไปเอกชนแน่ๆ

ดังนั้น
- ถ้าคุณป่วยเล็กน้อย ให้ไปอนามัย(โรงพยาบาลสงเสริมสุขภาพ)
- ถ้าคุณป่วยปานกลาง อาการลุ่มๆดอนๆ ให้ไปคลีนิค  อย่าไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเบื้องต้น เพราะคุณต้องไปทนรอกับระบบการทำงานที่ช้า อาจทำให้ป่วยหนักกว่าเดิม กัดฟันไปคลีนิคหาหมอใหญ่ ถ้าคุณป่วยร้ายแรงหมอใหญ่จะจัดการส่งต่อคุณไปโรงพยาบาลเองและคุณจะได้รับสิทธิพิเศษข้ามขั้นตอนอันน่าเบื่อในโรงพยาบาลหลายๆอย่าง
- ถ้าคุณป่วยหนักมาก แบบว่าไม่ไหวแล้วจะเป็นจะตาย ไปโรงพยาบาลเอกชนเถอะครับ เอาชีวิตไว้ก่อน
IP : บันทึกการเข้า

ดินสอดำ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 461



« ตอบ #79 เมื่อ: วันที่ 06 ตุลาคม 2013, 08:27:46 »

ไม่อยากจะบอกว่า ตาของแฟนผมถูก พยาบาลกับหมอฝึกงาน....ตาย(ขอใช้คำนี้นะใครโลกสวยหาว่ามันแรงไปผมขออภัยด้วยแต่ถ้าเป็นญาติพี่น้องคุณคุณก็คงจะรู้สึกเหมือนผม)
เพราะ อะไร เพราะ ตาเป็นแค่หอบหืด ไปหาหมอ หมอเปิด O2 ให้ แต่แม่งเปิดแรงจนควันเต็มที่ครอบจมูก ซักพัก ตาแฟนผมก็พยายาม จะพูดจะบอกแต่ทำไม่ได้ แล้วก็ชักตัวเกร็ง แล้วก็ดิ้น หมอและพยาบาลก็เดินมาแบบสโลวโมชั่นว่า ใจเย็นๆตา ซักพักญาติพี่น้องก็โวยวายตะโกนเรียกหมอมาดู ก็เหมือนเดิม เดินสะบัดตูดมาบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ซักพัก ภาพฝังใจผมทุกวันนี้ คุณเคยเห็นลมหายใจเฮือกสุดท้ายไหม คนที่พูดไม่ได้ ใช้แค่หางตาดูลูกหลาน เอื้อมมือมาเหมือนจะบอกว่าช่วยเอามันออกไปที หายใจออกไม่ได้เพราะเปิด O2 แรง หายใจเข้าได้อย่างเดียว ซักพักตาก็หมดสติแล้วก็เสียชีวิตลง

จากก่อนหน้านี้ปกติดี ยังบอกให้ผมไปซื้อขนมเกลือมาให้อยู่เลย สรุปแล้ว เราจะบอกว่าหมอผิดก็ไม่ได้(กลัวงานเข้า)

สิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจก็คือ ตาของผม เพิ่งเสียเมื่อ 12 ส.ค. เป็นเหมือนกัน พี่ชายผมเป็นคนเห็น ว่าพยาบาลมาเร่งเครื่อง O2 หรือ อ๊อกซิเจน ที่เลข 5 พี่ผมเลยรีบโทรถามเพื่อนที่เป้นพยาบาลว่า ปกติเขาเปิดเลขอะไร เพื่อนพี่ผมก็บอก เลข 1-3(ถ้าจำไม่ผิด)แล้วบอกให้พี่รีบไปลด แต่ภาพที่พี่ผมเห็นนั้น คือ (ที่พี่เล่าให้ฟัง) คืออาการเหมือนที่ผมเล่าให้ฟังอันแรกเลย  แต่ก็อย่างว่า ไม่มีใครกล้าไปว่าให้โรงบาล

โรงบาลแรกที่เล่าเป็น ของรัฐ ในเชียงราย  โรงบาลที่สองเป็นของเอกชน ในเชียงราย
กรุณาเฝ้าญาติของคุณอย่างใกล้ชิดด้วย  เมื่ออยู่โรงบาล  เพราะมีสิทธิ์ที่จะเจอคนสะเพร่า เหมือนที่ผมเจอ

ปัจจุบันผมเข้าโรงบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ไม่ได้ เนื่องจากเมื่อเข้าผมจะเกิดอาการวิกลจริต ใจสั่น หัวใจเต้นแรง หน้ามืด ปวดท้อง นอนไม่หลับ

คุณ saphon อาจเข้าใจคลาดเคลื่อนไปนะคะ เกี่ยวกับเรื่องออกซิเจน เพราะตอนนี้เราต้องดูแลคุณตาที่ต้องใส่ออกซิเจนตลอดเวลา ก็พอจะรู้บ้างนะคะ ในเคสของคุณตาแฟนคุณนี้ เราคิดว่าไม่เกี่ยวกับการเปิดออกซิเจนเยอะหรอกค่ะ เพราะตอนที่คุณบอกว่าเปิดเยอะจนควันออก อันนี้เขาน่าจะพ่นยาขยายหลอดลมให้นะคะ ต้องเปิดเยอะหน่อย และจะมีควันสีขาวออกมา (เปิดได้ถึง 10) หลังจากพ่นแล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นสาย ก็เปิดได้ถึง 5 แต่ถ้าเป็นครอบอยู่ ก็เปิดได้ถึง 10 ค่ะ เปิดเยอะยิ่งทำให้ออกซิเจนเข้าปอดได้ดี ไม่ควรไปลดลงเองนะคะ (หากลดลงแล้ว ค่าออกซิเจนจะน้อย คนไข้อาจตายได้ค่ะ) แต่ที่คุณตาแฟนคุณชักนั้นเพราะออกซิเจนที่ได้รับไม่พอมากกว่าค่ะ ที่เพื่อนคุณบอกมาก็ถูกค่ะ แต่เป็นปกติจริงๆ คือคนไข้ปกติ แต่เคสตาคุณนี้ เป็นหนักค่ะ เขาต้องเปิดเยอะๆ เพราะยกตัวอย่างตาเรา ถ้า 10 แล้วค่าออกซิเจนไม่ได้ (ที่บ้านซื้อเครื่องวัดออกซิเจนไว้เองเลยค่ะ) ก็สอดท่อช่วยหายใจค่ะ ในกรณีนี้ เราคิดว่าพยาบาลเขาทำถูกแล้วค่ะ (คุณไม่ได้บอกว่า ปรัลออกซิเจนลงตามที่เพื่อนบอกรึเปล่า) แต่เขาดูแลคนไข้น้อยไป ควรช่วยเหลือฉุกเฉินมากกว่านี้

ขอบคุณที่ชี้แนะนะครับ

......ปีหน้าคนไข้ประกันสังคมต้องไปใช้บริการ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ คงจะวุ่นวายแน่ ไงฝากช้วยเตรียมรองรับเรื่องนี้ด้วย.
IP : บันทึกการเข้า

หน้า: 1 2 3 [4] 5 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!