รัฐไทย “ได้ดินแดน” รัฐไม่ไทย “เสียดินแดน” สุจิตต์ วงษ์เทศ
มติชนสุดสัปดาห์ ลงฉบับประจำวันศุกร์ ที่ 3 มิถุนายน 2554
ประเทศไทย ถ้าสืบย้อนหลังกลับไป จะพบว่ามีรากเหง้าความเป็นราชอาณาจักรเก่าสุดอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยา เป็นชื่อทางการอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากชื่อเมืองของพระรามในมหากาพย์รามายณะของอินเดีย เพื่อยอยกพระเกียรติยศของพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงครองเมืองเสมือนองค์พระราม
ชาวต่างชาติรู้จักกรุงศรีอยุธยาว่า สยาม ตามชื่อดินแดนที่มีมาแต่ดั้งเดิม ดึกดำบรรพ์ โดยเรียกเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรสยาม ตั้งแต่ราว พ.ศ. 1900 สืบมา
แต่บรรดาไพร่บ้านพลเมืองทั่วไปต่างพากันเรียกกรุงศรีอยุธยาว่า เมืองไทย แล้วเรียกตัวเองว่าคนไทย
คนไทยคำเรียกตัวเองว่า คนไทย แล้วเรียกบ้านเมืองตัวเองว่า เมืองไทย พบเป็น ลายลักษณ์อักษรเก่าสุดระหว่าง พ.ศ. 2100-2200 ในวรรณคดีเรื่องสมุทรโฆษ กับเอกสารฝรั่งเศสของลาลูแบร์
ความเป็น “คนไทย” ที่เรียกตัวเองอย่างมั่นใจว่า “คนไทย” ให้ต่างจากคนอื่น มีขึ้นครั้งแรกเมื่อไร? ยังไม่พบพยานหลักฐานตรงๆ (คำว่า ไต, ไท แปลว่า ชาว, คน ยังไม่หมายถึงคนไทยอย่างที่เข้าใจทุกวันนี้)
แต่เท่าที่พบเป็นลายลักษณ์อักษรบอกว่ามี “ไทย” ต่างจาก “ลาว” อย่างชัดเจน อยู่ในวรรณคดียุคกรุงศรีอยุธยาเรื่องสมุทรโฆษ (ตอนต้น) กล่าวถึงการละเล่นเบิกโรง ชุดลาวกับไทยฟันดาบ ว่าเป็นลาวจากเมืองพะเยา กับเป็นไทยจากเมืองสุโขทัย ดังนี้
๏ ตำนานหนึ่งมา
ลาวไทยอาสา ฟันแย่งระบิน
ใครดีได้กัน กระชั้นโดยถวิล
คค้าเอาดิน ทั้งสองบนาน
๏ กูนี้เนื้อลาว
แต่ยังพยาว บมีผู้ปาน
เขาขึ้นชื่อกู ชื่อเสียงไกรหาญ
ปานปล้นเมืองมาร ขุนมารหักหัน
—————–
๏ กูนี้ไทยแท้
ท่านนฦๅกูแล ในสุโขไทย
ไปลาดไปลอง ทุกที่มีไชย
หาญจริงเจ้าไท ธให้อาสา
จดหมายเหตุลาลูแบร์ที่จำทูลพระราชสาส์นจากราชสำนักฝรั่งเศสเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีกับสมเด็จพระนารายณ์เมื่อ พ.ศ. 2230-2231 บันทึกไว้ชัดเจนว่าชาวสยามในกรุงศรีอยุธยาสมัยนั้นเรียกตัวเองว่าไทยแล้ว ดังนี้
“ชาวสยามเรียกตนเองว่าไทย (Tàï) แปลว่าอิสระ อันเป็นความหมายตามศัพท์ในภาษาของพวกเขาอยู่ในปัจจุบัน”
เมืองไทยนอกจากเรียกตัวเองว่าไทย ยังเรียกชื่อประเทศกรุงศรีอยุธยาว่าเมืองไทย ด้วย มีในจดหมายเหตุลาลูแบร์ ว่า
“เมืองไทย (Meüang Tàï) จึงเป็นนามที่ชาวสยามใช้เรียกราชอาณาจักรสยาม (เพราะคำว่าเมือง แปลว่าราชอาณาจักร) และคำๆนี้ เขียนอย่างง่ายๆ ว่า Muanta—-ว่าเป็นราชอาณาจักรหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ชิดติดกับพะโค—–คือราชอาณาจักรสยาม เพราะ —–คำว่าสยามกับไทยนั้น เป็นคำสองคำที่แตกต่างกัน หากมีความหมายถึงประชาชนพลเมืองในประเทศเดียวกัน.”
ขอบเขตเมืองไทยดั้งเดิมเมืองไทย หรือกรุงศรีอยุธยา มีขอบเขตโดยประมาณอยู่บริเวณที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ภาคกลางของประเทศไทยทุกวันนี้)
เพราะมีพัฒนาการจากการรวมตัวกันของรัฐอื่นๆอย่างน้อย 4 รัฐ คือ รัฐละโว้(ลพบุรี), รัฐสุพรรณภูมิ(สุพรรณบุรี), รัฐสุโขทัย(สุโขทัย), รัฐนครศรีธรรมราช(นครศรีธรรมราช)
แล้วมีอาณาเขตในทิศทางต่างๆอย่างหลวมๆ (เพราะยังไม่มีสำนึกพรมแดนตายตัวอย่างปัจจุบัน) ดังนี้
เหนือ ถึง อุตรดิตถ์
ตะวันออก ถึง สระแก้ว, จันทบุรี, ตราด
ตะวันตก ถึง กาญจนบุรี, ตาก
ใต้ ถึง นครศรีธรรมราช, สงขลา
ตะวันออกเฉียงเหนือ ถึง นครราชสีมา (แต่บางช่วงเวลาอาจแผ่อิทธิพลเลียบทิวเขาพนมดงเร็กของกัมพูชา ถึงแขวงจำปาสักของลาวทุกวันนี้)
อาณาเขตประเทศไทยปัจจุบันดินแดนเหนืออุตรดิตถ์ขึ้นไปเป็นของรัฐล้านนา แต่รัฐไทยไปยึดมาในแผ่นดิน พระเจ้ากรุงธนบุรี
พ้นโคราชนครราชสีมาขึ้นไปจนถึงเวียงจันเป็นของรัฐลาว แต่รัฐไทยไปยึดมาในแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี
ใต้สงขลาลงไปเป็นของรัฐปัตตานี (กับรัฐไทรบุรี) แต่รัฐไทยไปยึดมาในแผ่นดินรัชกาลที่ 1
จะเห็นว่าเมืองไทยคือประเทศไทยดั้งเดิม มีขอบเขตจริงๆแค่ความเป็นกรุงศรีอยุธยาเท่านั้น
นอกนั้นรัฐไทย “ได้ดินแดน” เพราะไปยึดของรัฐอื่นมาเพิ่ม
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่ารัฐที่ไม่เรียกตัวเองว่าไทย คือรัฐไม่ไทย “เสียดินแดน” ให้รัฐไทย
หมายเหตุตำแหน่งสีต่างๆ ล้วนกำหนดอย่างกว้างๆ ในแผนที่เพื่อให้ดูง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ แต่ในความจริงของยุคนั้นๆ อาจต่างไป หรือทับซ้อนอยู่ด้วยกันอย่างแยกชัดเจนเหมือนแผนที่แผ่นนี้ไม่ได้ ฉะนั้นต้องเข้าใจร่วมกันว่าการลงสีเป็นเรื่องสมมุติเท่านั้น ส่วนความจริงเป็นอย่างไรต้องเปลี่ยนแปลงตามหลักฐานได้เสมอ
จากหนังสือ แผนที่ประวัติศาสตร์ (สยาม) ประเทศไทย ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ พิมพ์ครั้งแรก โดยสำนักคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) เมื่อ พ.ศ. 2550
ที่มา
http://www.sujitwongthes.com/2011/06/weekly03062554/