เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 14:43:39
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  รัฐไทย “ได้ดินแดน” รัฐไม่ไทย “เสียดินแดน”: สุจิตต์ วงษ์เทศ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน รัฐไทย “ได้ดินแดน” รัฐไม่ไทย “เสียดินแดน”: สุจิตต์ วงษ์เทศ  (อ่าน 4332 ครั้ง)
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 22:58:51 »

รัฐไทย “ได้ดินแดน” รัฐไม่ไทย “เสียดินแดน”
สุจิตต์ วงษ์เทศ
มติชนสุดสัปดาห์ ลงฉบับประจำวันศุกร์ ที่ 3 มิถุนายน 2554


ประเทศไทย ถ้าสืบย้อนหลังกลับไป จะพบว่ามีรากเหง้าความเป็นราชอาณาจักรเก่าสุดอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา
กรุงศรีอยุธยา เป็นชื่อทางการอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากชื่อเมืองของพระรามในมหากาพย์รามายณะของอินเดีย เพื่อยอยกพระเกียรติยศของพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงครองเมืองเสมือนองค์พระราม
ชาวต่างชาติรู้จักกรุงศรีอยุธยาว่า สยาม ตามชื่อดินแดนที่มีมาแต่ดั้งเดิม ดึกดำบรรพ์ โดยเรียกเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรสยาม ตั้งแต่ราว พ.ศ. 1900 สืบมา
แต่บรรดาไพร่บ้านพลเมืองทั่วไปต่างพากันเรียกกรุงศรีอยุธยาว่า เมืองไทย แล้วเรียกตัวเองว่าคนไทย
 
คนไทย
คำเรียกตัวเองว่า คนไทย แล้วเรียกบ้านเมืองตัวเองว่า เมืองไทย พบเป็น ลายลักษณ์อักษรเก่าสุดระหว่าง พ.ศ. 2100-2200 ในวรรณคดีเรื่องสมุทรโฆษ กับเอกสารฝรั่งเศสของลาลูแบร์
ความเป็น “คนไทย” ที่เรียกตัวเองอย่างมั่นใจว่า “คนไทย” ให้ต่างจากคนอื่น มีขึ้นครั้งแรกเมื่อไร? ยังไม่พบพยานหลักฐานตรงๆ (คำว่า ไต, ไท แปลว่า ชาว, คน ยังไม่หมายถึงคนไทยอย่างที่เข้าใจทุกวันนี้)
แต่เท่าที่พบเป็นลายลักษณ์อักษรบอกว่ามี “ไทย” ต่างจาก “ลาว” อย่างชัดเจน อยู่ในวรรณคดียุคกรุงศรีอยุธยาเรื่องสมุทรโฆษ (ตอนต้น) กล่าวถึงการละเล่นเบิกโรง ชุดลาวกับไทยฟันดาบ ว่าเป็นลาวจากเมืองพะเยา กับเป็นไทยจากเมืองสุโขทัย ดังนี้

๏ ตำนานหนึ่งมา
ลาวไทยอาสา  ฟันแย่งระบิน
ใครดีได้กัน   กระชั้นโดยถวิล
คค้าเอาดิน   ทั้งสองบนาน
๏ กูนี้เนื้อลาว
แต่ยังพยาว   บมีผู้ปาน
เขาขึ้นชื่อกู   ชื่อเสียงไกรหาญ
ปานปล้นเมืองมาร  ขุนมารหักหัน
—————–
๏ กูนี้ไทยแท้
ท่านนฦๅกูแล  ในสุโขไทย
ไปลาดไปลอง  ทุกที่มีไชย
หาญจริงเจ้าไท  ธให้อาสา

จดหมายเหตุลาลูแบร์ที่จำทูลพระราชสาส์นจากราชสำนักฝรั่งเศสเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรีกับสมเด็จพระนารายณ์เมื่อ พ.ศ. 2230-2231 บันทึกไว้ชัดเจนว่าชาวสยามในกรุงศรีอยุธยาสมัยนั้นเรียกตัวเองว่าไทยแล้ว ดังนี้
“ชาวสยามเรียกตนเองว่าไทย (Tàï) แปลว่าอิสระ อันเป็นความหมายตามศัพท์ในภาษาของพวกเขาอยู่ในปัจจุบัน”

เมืองไทย
นอกจากเรียกตัวเองว่าไทย ยังเรียกชื่อประเทศกรุงศรีอยุธยาว่าเมืองไทย ด้วย มีในจดหมายเหตุลาลูแบร์ ว่า
“เมืองไทย (Meüang Tàï) จึงเป็นนามที่ชาวสยามใช้เรียกราชอาณาจักรสยาม (เพราะคำว่าเมือง แปลว่าราชอาณาจักร) และคำๆนี้ เขียนอย่างง่ายๆ ว่า Muanta—-ว่าเป็นราชอาณาจักรหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ชิดติดกับพะโค—–คือราชอาณาจักรสยาม เพราะ —–คำว่าสยามกับไทยนั้น เป็นคำสองคำที่แตกต่างกัน หากมีความหมายถึงประชาชนพลเมืองในประเทศเดียวกัน.”
 
ขอบเขตเมืองไทยดั้งเดิม
เมืองไทย หรือกรุงศรีอยุธยา มีขอบเขตโดยประมาณอยู่บริเวณที่ราบลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ภาคกลางของประเทศไทยทุกวันนี้)
เพราะมีพัฒนาการจากการรวมตัวกันของรัฐอื่นๆอย่างน้อย 4 รัฐ คือ รัฐละโว้(ลพบุรี), รัฐสุพรรณภูมิ(สุพรรณบุรี), รัฐสุโขทัย(สุโขทัย), รัฐนครศรีธรรมราช(นครศรีธรรมราช)
แล้วมีอาณาเขตในทิศทางต่างๆอย่างหลวมๆ (เพราะยังไม่มีสำนึกพรมแดนตายตัวอย่างปัจจุบัน) ดังนี้
เหนือ ถึง อุตรดิตถ์
ตะวันออก ถึง สระแก้ว, จันทบุรี, ตราด
ตะวันตก ถึง กาญจนบุรี, ตาก
ใต้ ถึง นครศรีธรรมราช, สงขลา
ตะวันออกเฉียงเหนือ ถึง นครราชสีมา (แต่บางช่วงเวลาอาจแผ่อิทธิพลเลียบทิวเขาพนมดงเร็กของกัมพูชา ถึงแขวงจำปาสักของลาวทุกวันนี้)

อาณาเขตประเทศไทยปัจจุบัน
ดินแดนเหนืออุตรดิตถ์ขึ้นไปเป็นของรัฐล้านนา แต่รัฐไทยไปยึดมาในแผ่นดิน พระเจ้ากรุงธนบุรี
พ้นโคราชนครราชสีมาขึ้นไปจนถึงเวียงจันเป็นของรัฐลาว แต่รัฐไทยไปยึดมาในแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี
ใต้สงขลาลงไปเป็นของรัฐปัตตานี (กับรัฐไทรบุรี) แต่รัฐไทยไปยึดมาในแผ่นดินรัชกาลที่ 1
จะเห็นว่าเมืองไทยคือประเทศไทยดั้งเดิม มีขอบเขตจริงๆแค่ความเป็นกรุงศรีอยุธยาเท่านั้น
นอกนั้นรัฐไทย “ได้ดินแดน” เพราะไปยึดของรัฐอื่นมาเพิ่ม
หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่ารัฐที่ไม่เรียกตัวเองว่าไทย คือรัฐไม่ไทย “เสียดินแดน” ให้รัฐไทย

หมายเหตุ
ตำแหน่งสีต่างๆ ล้วนกำหนดอย่างกว้างๆ ในแผนที่เพื่อให้ดูง่ายๆ เข้าใจง่ายๆ แต่ในความจริงของยุคนั้นๆ อาจต่างไป หรือทับซ้อนอยู่ด้วยกันอย่างแยกชัดเจนเหมือนแผนที่แผ่นนี้ไม่ได้ ฉะนั้นต้องเข้าใจร่วมกันว่าการลงสีเป็นเรื่องสมมุติเท่านั้น ส่วนความจริงเป็นอย่างไรต้องเปลี่ยนแปลงตามหลักฐานได้เสมอ
จากหนังสือ แผนที่ประวัติศาสตร์ (สยาม) ประเทศไทย ของ สุจิตต์ วงษ์เทศ พิมพ์ครั้งแรก โดยสำนักคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) เมื่อ พ.ศ. 2550

ที่มา
http://www.sujitwongthes.com/2011/06/weekly03062554/


* 001.jpg (284.04 KB, 822x1032 - ดู 8240 ครั้ง.)

* 001.jpg (260.39 KB, 822x1032 - ดู 12721 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 มิถุนายน 2011, 23:23:21 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
Jeekuk
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 09:09:37 »

๏ ตำนานหนึ่งมา
ลาวไทยอาสา  ฟันแย่งระบิน
ใครดีได้กัน   กระชั้นโดยถวิล
คค้าเอาดิน   ทั้งสองบนาน
๏ กูนี้เนื้อลาว
แต่ยังพยาว   บมีผู้ปาน
เขาขึ้นชื่อกู   ชื่อเสียงไกรหาญ
ปานปล้นเมืองมาร  ขุนมารหักหัน

ลาวจะมาจาก ลว ลัวะ ตามราชวงค์ แม่นก่อ
IP : บันทึกการเข้า
natta2533
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 199


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 10:58:50 »

ซอบลือละคับเรื่องอย่าง  ต้องฮีบไปเซาะอ่านซะแล้ว
IP : บันทึกการเข้า
nansom
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 461



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 10 มิถุนายน 2011, 22:37:35 »

ต้องตวยหาเอกสารบ่าเก่าของล้านนา กรุงเทพฯเอาไปสมัยปฏิรูปบ้านเมือง บ่าหล้างเอาไปเผาเหียหมดแล้วก๊า ในนั้น จะมีเรื่องของเฮากับม่านกับเม็งจ๊าดนัก ช่วงล้านนาอยู่กับม่านหรือพม่า หลักฐานมันแทบจะบ่มี มันเป๋นไปได้อย่างใด สองร้อยกว่าปี๋ก่อนหนา เซาะผ่อกั๋นกำเต๊อะ
IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 18:20:47 »

 ท่าน nansom ครับ

เป็นแค่ความสงสัยโดยส่วนตัวนะครับ


  ไม่ทราบว่าหลังจากฟื้นม่านในปีพศ.2317 เอกสารตำนานเก่าของล้านนายังอยู่หรือไม่ครับ เพราะปีต่อมาเชียงใหม่ก็ได้กลายเป็นเมืองร้างกว่าจะกลับมาตั้งเมืองได้อีกครั้งก็เป็นปี พศ.2339 รวมเป็นเมืองร้างอยู่ 21ปี  ตามประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ครับ

 หลังจากที่เชียงใหม่ตกเป็นประเทศราชของไทยแล้ว พม่ายังพยายามยึดเชียงใหม่กลับคืนโดยยกกองทัพเข้าเมืองมาหลายครั้ง (ครั้งแรก พ.ศ. ๒๓๑๘) พระยาจ่าบ้านป้องกันเมืองเชียงใหม่อย่างเข้มแข็ง แต่ในที่สุดก็รักษาเมืองไว้ไม่ได้เพราะผู้คนมีน้อยและอยู่ในสภาพอดอยาก ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวถึงสภาพบ้านเมืองเชียงใหม่ในขณะนั้นว่า " … เจ้าพระยาจ่าบ้านมีกำลังฉกรรจ์ ๑,๙๐๐ ข้ามขางเวียงอยู่ ผู้คนเป็นอันอยากน้ำกั้นเข้ามามากนัก ช้าง ม้า วัว ควาย เป็ด ไก่ หมู หมา หัวบุกหัวบอน หัวกล้วย … จั๊กก่า จะเล้อ จิ้งหรีด ตึ๋กแตน ก็บ่ค้าง …" และ "ยามนั้นเวียงเชียงใหม่เป็นห่ารกอุกต้นอันด้วยคุ่มเครือเขาเถาวัลย์ เป็นที่แรดช้างเสือหมีผู้คนก็บ่หลายข้อนกันอยู่เท่าพอหมดแต่ร่มชายคาแลฯ หนทางเดินไปมาหากันเหตุว่าบ่มีโอกาสจักแผ้วจักถาง"
 พระยาจ่าบ้านจึงต้องถอยไปตั้งมั่นที่วังพร้าวและลำปาง เมื่อกองทัพพม่ากลับไปพระยา จ่าบ้านก็จะกลับไปตั้งเมืองเชียงใหม่อีกในช่วงเวลาสั้นๆ จึงเป็นลักษณะกลับไปกลับมา และช่วงปลายสมัยธนบุรี เชียงใหม่ถูกปล่อยให้เป็นเมืองร้างรวมทั้งเมืองอื่นๆ ในล้านนาไทยด้วย จะมีแต่เมืองลำปางที่เป็นแหล่งที่มั่นของฝ่ายไทย



IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 18:30:09 »


ส่วนข้อความของท่าน สุจิตต์ วงษ์เทศ
ด้วยความเคารพครับ
ในความคิดเห็นของผม

ไม่ว่าจะไทย หรือลาว แม้แต่เขมรก็เถอะ (ทฤษฎีเขมรไม่ใช่ขอม)

 ต่างก็ยึดดินแดนของคนอื่นมาทั้งนั้น
ผู้สูญเสียดินแดนตัวจริงวันนี้ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ครับ


* Khmer Empire and Mon Kingdom.jpg (29.52 KB, 343x400 - ดู 1880 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
khao e to
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 135



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2011, 18:40:25 »


 แผนที่สุวรรณภูมิก่อนที่จะมีอาณาจักรของชนชาติ ไท ลาว
ถ้าหากท่านสงสัยประการใด ขอให้ไปถามคนที่ทำแผ่นที่นะครับ


* Khmer Empire.png (167.13 KB, 450x630 - ดู 3336 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!