สวัสดีทุกท่านครับ
ผมจู๊ดครับ ขออนุญาต ใช้ user ของทีมงาน B Wash ละกัน
ก่อนอื่นต้องบอกว่าดีใจที่มีคน "ขุด" กระทู้นี้ขึ้นมา ทำให้ผมได้เข้ามาอ่าน
เมื่อก่อนเคยใช้ lpg กับ Citroen Xantia และ Citroen XM ใช้ทั้งระบบ Fix Mixer (ที่เรียกกันว่าระบบดูด) กับระบบหัวฉีด วิ่งทำงานทั่วประเทศอยู่หลายปี รวมระยะทางน่าจะเป็นแสนกิโล ไม่เคยพบปัญหาเกี่ยวกับแก๊สเลย
ตอนนี้ไปได้ Citroen Bx เครื่อง 1600 คาร์บูเรเตอร์ กับ lpg ระบบ Fix Mixer มาใช้ ก็เลยได้กลับมาอุดหนุน lpg อีกครั้ง
มีความคิดเห็น "ส่วนตัว" ย้ำว่า "ส่วนตัว" (ไม่ใช่วิชาการ) มาแลกเปลี่ยน ท่านใดมีข้อคิดเห็นอย่างไรต่อความเห็นของผม โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานอยู่กับเรื่องแก๊สรถยนต์ เ่ช่น เป็นช่างติดตั้ง เป็นช่างปรับจูน เิชิญช่วยกันแลกเปลี่ยนได้เลยครับ เพื่อประโยชน์ต่อท่านอื่นๆด้วย
ประเด็นที่ 1 เรื่องน้ำมันเครื่องเมื่อก่อนเราเข้าใจกันว่า น้ำมันเครื่องแบบธรรมดา ใช้ได้ 5000 กม แบบกึ่งสังเคราะห์ 8000 กม แบบสังเคราะห์ 10000 กม เพราะยุคนั้น มันเป็นแบบนั้นจริงๆ
ผมอยากให้ลองดูใหม่ครับ ปัจจุบัน เทคโนโลยีน้ำมันเครื่องพัฒนาไปไกลมาก เพื่อให้ทันต่อการพัฒนาของเครื่องยนต์บริษัทต่างๆ ส่วนตัวผมจึงให้ความสำคัญกับมาตรฐานของสถาบันที่ควบคุมมาตรฐานของน้ำมันเครื่องที่น่าเชื่อถือที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงทั่วโลกคือ API ( American Petroleum Institute)
http://www.api.org/ ซึ่งน้ำมันเครื่องในเมืองไทยทุกยี่ห้อ ก็ใช้มาตรฐานนี้อ้างอิงอยู่ที่ข้างกระป๋อง เช่น API : SM ซึ่งปัจจุบันมีถึง SN แล้ว
ทีนี้ ค่า SJ, SL, SM, SN มันบอกอะไร?
มันเป็นตัวอักษรที่บอกเกรดน้ำมันสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน เช่น SM ทางสถาบันทดสอบแล้วว่า ใช้งานกับ "รถเบนซิน"ในชีวิตประจำวันได้ 10,000 ไมล์ ใช่ครับ 10,000 ไมล์ = 16,000 กม. ไ้ด้ยินแล้วอย่าตกใจครับ
นั่นหมายความว่า น้ำมันเครื่องไม่ว่าจะเป็นแบบธรรมดา กึ่งสังเคราะห์ หรือสังเคราะห์แท้100% ถ้าผ่านมาตรฐาน SM แปลว่า คุณใช้ได้ถึง 10,000 ไมล์ แต่ในแง่ความเป็นจริง พบว่ามีน้อยคนนักที่จะใช้ถึง ! รวมถึงผมเองด้วยครับ เพราะมีปัจจัยอื่นที่ทำให้ต้องเปลี่ยนถ่ายก่อนถึงกำหนด ซึ่งจะเขียนถึงต่อไป
ที่สนุกกว่านั้นครับ น้ำมันเครื่องบางรุ่น ที่คนขายบอกว่า สำหรับรถยนต์ ดีเซล แต่ข้างกระป๋อง มีทั้งมาตรฐานสำหรับเครื่องดีเซล C... และมาตรฐาน API : S... ด้วย มีพรรคพวกผมบางคน เอามาใส่รถ เบนซิน เฉยเลย มันบอกว่าก็ในเมื่อได้มาตรฐานตาม API แสดงว่าใช้ได้ ข้อสำคัญถูกดี ก็ไม่เห็นรถของเพื่อนผมมันจะเป็นอะไร
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ น้ำมันเครื่องเมื่อเริ่มใช้แ้ล้วประมาณ 6 เดือน จะมีความชื้นเข้าไปจับตัว (ถึงแม้ว่าจะเป็นระบบปิดก็ตาม เช่นเดียวกับน้ำมันเบรคครับ) ดังนั้น วิ่งกี่กิโลนั่นเป็นปัจจัยหนึ่ง แต่อีกปัจจัยหนึ่งคือ เมื่อถึง 6 เดือนแล้วถึงแม้ระยะทางที่วิ่งยังไม่ถึง ก็ "ควรเปลี่ยน" ครับ อันนี้แหละน่ากลัวยิ่งกว่า