มันคือ...ความจริงใช่ไหม

[LoveYou2]

ทุกวันนี้คนไทยเชื้อสายจีน ในไทยมีฐานะยังไง  (ส่วนใหญ่เจ้าของกิจการ)
....เพราะอะไร
....ทั้งๆที่บรรพบุรุษก็มาจากเมืองจีน  บางคนมาแบบเสื่อผืนหมอนใบ
....ทั้งๆที่คนไทยอยู่มานานแสนนาน

วันนี้ผมได้อ่านเจอข้อความในหนังสือเล่มนึงครับ หนังสือถามว่า
 ...อะไรบ่งบอกความรวยความจน... คำตอบคือ  "ความคิด"ครับ 
   แต่หนังสือไม่ได้บอกว่าคิดมาจากไหน.....แล้วความคิดมาจากไหน

   ผมลองนึกแล้วไม่ต้องดูที่ไหนครับ ผมขอยกตัวอย่างชีวิตของผมเองครับ
   ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่เป็นเหมือนผมครับ 
   นั่นคือ ความคิดมาจาก
   พ่อแม่  ญาติ  พี่น้อง เพื่อนๆ นั่นคือคนข้างๆตัวเราครับ
   ตั้งแต่เกิดมา พ่อแม่มักสอนเราให้เรียนเก่งๆตั้งใจเรียน ซึ่งก็เป็นคำสอนที่ถูกต้อง
   แต่ติดที่ว่า  เรียนจบสูงๆเรียนจบมาจะได้....มีงานทำ (ซึ่ง ป.ตรี ราวๆ7,940)
   ผมเป็นคนนึงที่จบมาแล้วทำงานครับ  แต่ผมก็ฝันอยากมีบ้าน มีรถ มีครอบครัว
   มีกิจการ

   

[LoveYou2]

....เมื่ออยากมีกิจการ
    พอผมอยากทำอะไรซักอย่าง  ปรึกษา พ่อแม่ มักได้คำตอบที่ว่า ทำงานก็ดีอยู่แล้วนี่
    ทำมาแล้วเจ้ง เสียเงินเปล่าๆ เสียดาย แล้วเค้าก็จะยกตัวอย่าง คนที่ล้มเหลว มาเยอะแยะไปหมดเท่าที่นึกได้
   
    ทำไมไม่ถึงปลูกฝังให้ลูกหลานเป็นเจ้าของกิจการหรือ มีกิจการของตัวเองครับ
    ผมนึกว่ามีแต่ผม  ที่เป็นแต่ถามเพื่อนก็ ทำนองเดียวกันครับ
    ส่วนมากก็จะบอกให้ลูก เรียน เรียน ๆ จบ มาทำงาน ทำงานไปซักพัก กู้เงิน
    ผ่อนรถ  ผ่อนบ้าน มีหนี้เยอะขึ้น วนเวียนอยู่อย่างนี้ครับ

    โทษทีครับ ระบายไปเยอะ ฮ่าๆ  แค่อยากขอความเห็นครับ

    เราควรเปลี่ยน วงจรชีวิตของคนไทยให้เหมือนคนจีน ยังไงดีครับ 

[LoveYou2]

ผมมีเรื่องจริงยกตัวอย่างครับ

บางครั้งเรียนไม่จบไม่ได้แปลว่าจะไม่ได้ดีครับ  (แม้อาจจะมีไม่มาก)
พี่คนนึงแถวบ้านครับ จบ ม.3เอง ทั้งๆที่รุ่นเดียวกัน จบป.ตรี ป.โท
พี่เค้าไปอยู่บริษัท เกี่ยวกับติดตั้งเครื่องปรับอากาศครับ  (เครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่)
ตั้งแต่อายุ15 จบ ม.3  ทำอยู่15ปี ครับ หลังจากทำมานาน อายุราวๆ30
ให้พ่อกับแม่กู้เงินครับ 3 แสน +เงินเก็บพี่เค้า 3แสน
มาเปิดร้านรับติดตั้งเอง ซึงตอนนี้ทำมา 5ปี จากที่ไม่มีอะไรเลยก็เริ่มมีบ้าน
มีรถหลายคัน  รับน้องๆแถวบ้านไปทำด้วย
เป็นเถ้าแก่ใหญ่เลย สร้างบ้านให้พ่อแม่ หลัง หลายล้าน จากเด็กคนนึงที่จบ ม.3
 

[flashi]

จริงๆก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะคะ การที่เราได้เป็นลูกน้องคนอื่นจะทำให้เราได้เรียนรู้งาน เรียนรู้ที่จะรับแรงกดดันจากคนที่เหนือกว่า
แต่สิ่งสำคัญคือทัศนคติของเราเป็นยังไง ทุกคนมีความฝันกันทั้งนั้น แต่บางคนกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวความไม่มั่นคง กลัวพลาด กลัวการเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
เริ่มต้นจากตัวเราก่อน แล้วสั่งสอนคนรุ่นต่อไป  

[LoveYou2]

เป็นได้ครับ (ซึ่งผมก็เป็นอยู่  )
แต่หากเป็นอยู่อย่างนี้คงต้อง ทำงานไปตลอดเพราะหากหยุดวันไหนก็ไม่มีรายได้
สมมติว่าผมมีอายุบนโลก 80 ผมไม่อยากใช้เวลา40ปีทำงาน (เรียนจบกะ20+โอ้วว)

[inta]

ผมเคยเขียนตอนกระทู้เรื่องเกี่ยวกับการออกไปทำงานต่างถิ่น    น่าจะสอดคล้องกันบ้าง
คือผมสังเกตุว่าคนต่างถิ่นมักจะตั้งตัวได้   หรือลูกไม้ถ้าหล่นไกลต้น(พ่อแม่)จะเจริญเติบโตได้ดี    มันก็จริงที่ว่าในเขตที่เจริญ   หรือผู้กุมชะตาเศรษฐกิจ   เป็นคนที่มาจากต่างแดน
มันไม่ใช่เรื่องง่าย   บางทีต้องสืบทอดกันหลายรุ่น

[Ferrari7799]

คนรวยกับคนจน ต่างกันตรงความคิด
เช่น บางคนรับจ้างทั้งวันได้200 แต่บางคนขายของแป็บเดียวได้200
ขอเพียงเพียงคุณมีโอกาสบวกและความสามารถเข้าไป
ธุรกิจไม่มีคำว่าพอเพียงมีแต่คำว่ารุ่งเรือง ตามความคิดของผมนะครับ

[ละอ่อนเทิงพลัดถิ่น]

 ผมเคยอ่านเจอในหนังสือสุภาษิตจีนครับ ท่านคิดว่าไง ที่ใดมีแสงอาทิตย์ ที่นั่นย่อมมีคนจีน

ที่ใดมีคนจีน ที่นั่นย่อมมีความรุ่งโรจน์

[Tee+]

จริงๆก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะคะ การที่เราได้เป็นลูกน้องคนอื่นจะทำให้เราได้เรียนรู้งาน เรียนรู้ที่จะรับแรงกดดันจากคนที่เหนือกว่า
แต่สิ่งสำคัญคือทัศนคติของเราเป็นยังไง ทุกคนมีความฝันกันทั้งนั้น แต่บางคนกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวความไม่มั่นคง กลัวพลาด กลัวการเริ่มต้นใหม่กับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
เริ่มต้นจากตัวเราก่อน แล้วสั่งสอนคนรุ่นต่อไป  

เยี่ยม

[LoveYou2]

คนรวยกับคนจน ต่างกันตรงความคิด   (ถั่วต้มที่สวด เย็ด เปียด)

[Vanilla]

ขอสนับสนุนให้ จขกท ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำค่ะ เราเริ่มตอนนี้ยังมีโอกาสมากกว่ายิ่งเริ่มเร็วก็ยิ่งดี หากผิดพลาดเรายังเหลือเวลาแก้มือมากกว่าคนอื่น ยิ่งถ้าเราไม่มีภาระเราจะมีอิสระในการตัดสินใจที่เด็ดขาดกว่า แต่อย่ามองคนรุ่นพ่อแม่ว่าไม่กล้าที่จะเป็นเจ้าของกิจการเพราะพวกเขาก็คงได้เห็นความเสี่ยงเหล่านั้นมาก่อน และเมื่อยิ่งมีครอบครัวยิ่งไม่กล้า ขอให้มีรายได้ที่มั่นคงเลี้ยงครอบครัวแน่นอนเป็นพอและ ขออย่างเดียวว่าอย่าตกงาน

ยุกสมัยมันก็เปลี่ยนไปแล้วโอกาสตอนนี้อาจมีมากขึ้นแต่ก็ขึ้นอยู่กับความคิดของแต่ละคนค่ะถ้ามองให้มันเป็นโอกาสมันก็คือโอกาส

[Jim2u]

* ,แล้วมันก็เกิดอีก 1 คำถามตามมา ว่าร่ำรวยแล้วมีความสุขไหม........

-   ใช่ถ้าร่ำรวยแล้วอยากได้อะไรมันก็ได้ อยากไปไหนก็ได้ไป......บางคนอาจมีความสุข
     กับตัวเลขเงินในบัญชี........... บางคนมีความสุขที่มีกิจการร้านค้า.....
     ผมเห็นคนไทยเชื้อสายจีนที่ร่ำรวยหลายๆคน เขาไปทำงานทุกวัน ดูกิจการร้านค้า
     ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ปีหนึ่ง 365 วันผมเห็นเขาหยุดวันตรุดจีนแค่ 7 วัน เขาต้องทำงาน
     358 วันต่อ 1 ปี เขาขยัน ประหยัด  อดออม ซึ่งเขาควรได้รับผลตอบแทนนั้น...

-    แต่ถ้าให้ผมเลือกผมของเป็นแบบตัวเองที่เป็นทุกวันนี้ดีกว่า ถึงจะไม่ร่ำรวย บ้านเช่า
     รถผ่อน ตอนนี้หนี้เกือบหมดแล้ว แต่ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น ใช้ชีวิตให้สนุก เมื่อเราสนุก
     คนรอบข้างเราก็มีความสุข ไม่โลภ เพียงพอ คนเรามันจะต้องการอะไรไปไมากกว่า
     ปัจจัย 4 ไม่จำเป็นต้องไปมีอย่างเขา ไม่ต้องรถป้ายแดง,ไม่ต้องมี BB ,ไม่ต้องมีโน๊ตบุก
     ไม่ต้องมีบ้านหลังใหญ่,ไม่จำเป็นต้องใส่ทอง .."ไม่จำเป็น" .. การหาเงินทรัพย์สินเงิน
     ทองมันยากอยู่แล้วแต่ที่ยากกว่านั้นคือ ทำไงไม่ให้เงินทองที่หาได้นั้นไม่ให้หมดไป
     ยังไงชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป มันช่างสั้นนัก  จะทำอะไรก็รีบทำกันไปเถอะครับ......
    
    

[LoveYou2]

ขอขอบคุณทุกความเห็นครับ
อย่างน้อยเกิดมาครั้งนึงก็ขอไปให้ถึงฝันล่ะครับ
  มะก่อนมีคนถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร  (คงไม่คิดมาก)
  แต่ถ้าถามว่าโตขึ้นทำยังไงถึงจะรวย  (คงต้องคิดยาว)
  เด๋วนี้เรื่องเงินๆทองๆจำเป็นที่สุดครับ

  บางคนอาจจะบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียง อยู่แบบพอมีพอกิน
  ก็คงต้องปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงไก่ เลี้ยงปลา อยู่บ้านล่ะครับ

  แต่เมื่อเรามาทำงานแสดงว่าเราต้องการเงิน ยิ่งมากเท่าไหร่ยิ่งดี
  ถ้าเงินเดือน15,000 แล้วกลับมาได้12,000 คงไม่มีใครยินดีใช่มั้ยครับ
  อีกอย่างคงไม่มีใครอยากทำงานไปจนวันสุดท้ายของชีวิต

  เพราะงั้นเราจะทำงานให้ตัวเอง  รึทำงานให้คนอื่นดีล่ะ

[AOWTHAI]

... ให้คิดแค่ให้เรียนสูงๆจะได้เป็นเจ้าคนนายคน

สอนประชาชนให้เข้าก็แต่ เตรียม  ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ

แต่คนพวกนี้ก็มีแต่ลูกคนที่มีฐานะ ที่จะส่งเสียได้ หรือก็คนในเครื่องแบบเองนั่นหละ ครอบคุมมายาวนานไม่กี่นามสกุล

[©®*]

มันไม่สำคัญที่ว่าคุณจบอะไรมา แต่มันสำคัญที่ว่าคุณทำอะไรเป็น

เคยได้อ่านในเวบนี้แหละครับ จำเขามา ขอบคุณเจ้าของข้อความนี้ด้วย (ขออภ้ยจำไอดีไม่ได้)

[Cupid]

* ,แล้วมันก็เกิดอีก 1 คำถามตามมา ว่าร่ำรวยแล้วมีความสุขไหม........

-   ใช่ถ้าร่ำรวยแล้วอยากได้อะไรมันก็ได้ อยากไปไหนก็ได้ไป......บางคนอาจมีความสุข
     กับตัวเลขเงินในบัญชี........... บางคนมีความสุขที่มีกิจการร้านค้า.....
     ผมเห็นคนไทยเชื้อสายจีนที่ร่ำรวยหลายๆคน เขาไปทำงานทุกวัน ดูกิจการร้านค้า
     ตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ปีหนึ่ง 365 วันผมเห็นเขาหยุดวันตรุดจีนแค่ 7 วัน เขาต้องทำงาน
     358 วันต่อ 1 ปี เขาขยัน ประหยัด  อดออม ซึ่งเขาควรได้รับผลตอบแทนนั้น...

-    แต่ถ้าให้ผมเลือกผมของเป็นแบบตัวเองที่เป็นทุกวันนี้ดีกว่า ถึงจะไม่ร่ำรวย บ้านเช่า
     รถผ่อน ตอนนี้หนี้เกือบหมดแล้ว แต่ผมมีครอบครัวที่อบอุ่น ใช้ชีวิตให้สนุก เมื่อเราสนุก
     คนรอบข้างเราก็มีความสุข ไม่โลภ เพียงพอ คนเรามันจะต้องการอะไรไปไมากกว่า
     ปัจจัย 4 ไม่จำเป็นต้องไปมีอย่างเขา ไม่ต้องรถป้ายแดง,ไม่ต้องมี BB ,ไม่ต้องมีโน๊ตบุก
     ไม่ต้องมีบ้านหลังใหญ่,ไม่จำเป็นต้องใส่ทอง .."ไม่จำเป็น" .. การหาเงินทรัพย์สินเงิน
     ทองมันยากอยู่แล้วแต่ที่ยากกว่านั้นคือ ทำไงไม่ให้เงินทองที่หาได้นั้นไม่ให้หมดไป
     ยังไงชีวิตก็ยังดำเนินต่อไป มันช่างสั้นนัก  จะทำอะไรก็รีบทำกันไปเถอะครับ......
    
    

    + 1 ครับ

[vee48]

อยู่แบบพอเพียงก็ดี แต่หากวันใดมีเรื่องร้ายแรงหรือ ฉุกเฉินที่ต้องการใช้ทรัพย์สิน เงินทอง เมื่อนั้นแหล่ะ ..จะเห็นความสำคัญของเงินทอง ทำไมบางคนเลือกที่จะให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆเพราะเค้าต้องการสภาพแวดล้อมดีๆ เวลาป่วยไข้ รับได้ไหมกะการต้องไปนอนตามทางเดินของโรงพยาบาลเพื่อรอการรักษา ถ้ารับได้ก็ไม่เป็นไรครับ หากวันไหนมันเกิดกับลูกหรือพ่อแม่ของท่าน โดยที่ไม่ใช่ตัวเองที่พอเพียงก็ได้ .. ทุกคนหาเงินให้ได้เยอะๆไม่ใช่แค่เอามาเก็บอย่างเดียวครับ แต่มันมากกว่านั้น

+10000 ค่ะ

เคยได้ยินว่า "เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต...แต่สิ่งสำคัญหลายอย่างในชีวิตต้องใช้เงินซื้อมา" อย่างเช่น อนาคตทางการศึกษา ค่าใช้จ่ายยามเจ็บไข้ของคนที่คุณรัก

[maximum]

จากที่เคยผ่านการทำงาน เป็นพนักงานบริษัท เครือข่ายมือถือ
ช่วงทำงานก็สนุก มีความสุขกับการทำงาน มากมาย
จนวันหนึ่ง ขณะขับรถไปทำงานให้บริษัท
รถเกิดอุบัติเหตุเสียหลัก ประสานงา
โชคดี เจ็บหน้าอก ซี่โครงหัก2ซี่ ฯลฯ
ถ้าผมจากไป ก็คงได้แค่พวงหรีด
ขณะนอนอยู่โรงพยาบาล ฉุกคิดได้ว่า
เรายังมีครอบครัว มีลูกๆ แล้วจะต้องมาเสี่ยงแบบนี้อีกมั้ย
คำหนึ่งที่พูดกับ ภรรยาผมก็คือ
"เราทำให้คนอี่นรวยมาเยอะแล้ว ลองทำธุรกิจเราดูบ้างดีมั้ย"
ภรรยาผมตอบ โอเค ก็เลยมาเปิดร้านเอง

[kannikok]

คำว่าอิสระ เป็นสุดยอดค่ะ เพราะ kannikok ทำงานในบริษัท ตั้งแต่อายุ ได้ 20 ตอนนี้ 30 แล้วค่ะ มาทำอาชีพอิสระค่ะ เพียงแค่เราคิดว่า สิ่งที่เราทำเรามีความสุข แล้วที่สำคัญที่สุด คือ อย่าเป็นหนี้เท่านั้นค่ะ จะอิสระมากๆ ไม่ว่าความคิด หรือการดำรงชีวิตอยู่ค่ะ ขอให้เราดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นใคร เราก็จะดูแลได้ค่ะ

[flashi]

อยู่แบบพอเพียงก็ดี แต่หากวันใดมีเรื่องร้ายแรงหรือ ฉุกเฉินที่ต้องการใช้ทรัพย์สิน เงินทอง เมื่อนั้นแหล่ะ ..จะเห็นความสำคัญของเงินทอง ทำไมบางคนเลือกที่จะให้ลูกเรียนโรงเรียนดีๆเพราะเค้าต้องการสภาพแวดล้อมดีๆ เวลาป่วยไข้ รับได้ไหมกะการต้องไปนอนตามทางเดินของโรงพยาบาลเพื่อรอการรักษา ถ้ารับได้ก็ไม่เป็นไรครับ หากวันไหนมันเกิดกับลูกหรือพ่อแม่ของท่าน โดยที่ไม่ใช่ตัวเองที่พอเพียงก็ได้ .. ทุกคนหาเงินให้ได้เยอะๆไม่ใช่แค่เอามาเก็บอย่างเดียวครับ แต่มันมากกว่านั้น

+10000 ค่ะ

เคยได้ยินว่า "เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต...แต่สิ่งสำคัญหลายอย่างในชีวิตต้องใช้เงินซื้อมา" อย่างเช่น อนาคตทางการศึกษา ค่าใช้จ่ายยามเจ็บไข้ของคนที่คุณรัก

เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง....แต่ก็ซื้อได้หลายอย่าง