เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 เมษายน 2024, 22:07:56
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  บอร์ดกลุ่มชมรม
| |-+  ชมรมคนรักรถ
| | |-+  ควันขาว
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ควันขาว  (อ่าน 5947 ครั้ง)
17utd
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 196


รัก เชียงราย ยูไนเต็ด


« เมื่อ: วันที่ 26 พฤษภาคม 2011, 19:42:06 »

สอบถามหน่อยครับ
ผมใช้ฟอร์ดเรนเจอร์ ปี 38  ยิงฟันยิ้ม เวลาตอนเช้าๆสตาร์ท หรือเวลาเครื่องเย็น จะมีควันขาว ประมาณ 5 วินาที แต่พ่อขับไม่มีควันนะครับ ไม่ทราบว่าสาเหตุมาจากอะไร บางคนบอกว่ามาจากหัวฉีดหรือไม่ก็ปั้ม ถ้าจะเอาไปเช็คร้านไหนดีครับ แนะนำหน่อยครับ ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
❆ べò⊹⊱⋛⋋ล้Olล็กๆ ⋌⋚⊰⊹ ⓛ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 895


หอยแครงจัมโบ้&หอยนางรม


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 08:52:12 »

ควันขาว คือ น้ำมันที่เผาไหม้ไม่หมด ครับ อาจจะมาทั้งจาก น้ำมันเครื่อง และ น้ำมันเชื้อเพลิง

จาก นมค เช่น เครื่องหลวมหรือ เสียหาย
จาก น้ำมันเครื่อง เช่น รถดีเซล ที่ติดเครื่องตอนเช้า เครื่องเย็นก็จะมีออกมาบ้าง

แต่จะแก้ให้ดีที่สุด โดยใช้ น้ำมันเครื่องดีๆ ให้มันขึ้นไปซีล ลูกสูบและกระบอกสูบ ทันทีที่สตาร์ท

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

- เครื่องดีเซลเนี่ย ตอนติดเครื่องมันเย็นมาก การเผาไหม้ ไม่สมบูรณ์ น้ำมันเหลือ เผาไหม้ ไม่หมด เลยออกมาเป็นควันขาว และยังขึ้นอยู่กับ ค่าซีเทนที่เติมด้วย

- น้ำมันเครื่อง ไม่แน่ใจว่าใช้อะไร ตอนเช้ามันยังไม่ออกฤทธิ์ เคลือบผนังกระบอกสูบ
IP : บันทึกการเข้า
pom_9963
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,742


โปรแกรมสำเร็จรูปให้เช่า Line >> itsmypoodle


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 09:15:23 »

เครื่องเย็นแล้วมีควันขาว พอเครื่องร้อนได้ที่แล้วไม่มี ผมว่าปกตินะ เนื่องจากเครื่องเย็นความชื้นในท่อมันมีอยู่ ยิ่งรถที่นานๆเอามาขับทีก็ยิ่งเยอะ ใช้เวลาวอร์มเครื่องนานขึ้นกว่าควันขาวจะหาย แต่ถ้าเป็นควันดำนี่น่ากลัวกว่าครับ ต้องเอาไปตรวจเช็คแล้ว
IP : บันทึกการเข้า
17utd
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 196


รัก เชียงราย ยูไนเต็ด


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2011, 15:43:37 »

เครื่องเย็นแล้วมีควันขาว พอเครื่องร้อนได้ที่แล้วไม่มี ผมว่าปกตินะ เนื่องจากเครื่องเย็นความชื้นในท่อมันมีอยู่ ยิ่งรถที่นานๆเอามาขับทีก็ยิ่งเยอะ ใช้เวลาวอร์มเครื่องนานขึ้นกว่าควันขาวจะหาย แต่ถ้าเป็นควันดำนี่น่ากลัวกว่าครับ ต้องเอาไปตรวจเช็คแล้ว

ขอบคุณครับ
ควันขาว คือ น้ำมันที่เผาไหม้ไม่หมด ครับ อาจจะมาทั้งจาก น้ำมันเครื่อง และ น้ำมันเชื้อเพลิง

จาก นมค เช่น เครื่องหลวมหรือ เสียหาย
จาก น้ำมันเครื่อง เช่น รถดีเซล ที่ติดเครื่องตอนเช้า เครื่องเย็นก็จะมีออกมาบ้าง

แต่จะแก้ให้ดีที่สุด โดยใช้ น้ำมันเครื่องดีๆ ให้มันขึ้นไปซีล ลูกสูบและกระบอกสูบ ทันทีที่สตาร์ท

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

- เครื่องดีเซลเนี่ย ตอนติดเครื่องมันเย็นมาก การเผาไหม้ ไม่สมบูรณ์ น้ำมันเหลือ เผาไหม้ ไม่หมด เลยออกมาเป็นควันขาว และยังขึ้นอยู่กับ ค่าซีเทนที่เติมด้วย

- น้ำมันเครื่อง ไม่แน่ใจว่าใช้อะไร ตอนเช้ามันยังไม่ออกฤทธิ์ เคลือบผนังกระบอกสูบ
ขอบคุณครับ
IP : บันทึกการเข้า
❆ べò⊹⊱⋛⋋ล้Olล็กๆ ⋌⋚⊰⊹ ⓛ
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 895


หอยแครงจัมโบ้&หอยนางรม


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 09:18:36 »

 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
กบฏ
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,025



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2011, 13:34:46 »

อาจจะเป็นที่แหวนครับ...(แหวนสูบ)
IP : บันทึกการเข้า

จากสูงสุด สู่สามัญ
touywpp
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 129



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 03 มิถุนายน 2011, 16:26:41 »

ผมคัดลอกมาอีกที วิธีดูควันที่ปลายท่อ สามารถบอกอาการ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่ คนที่ดูรถชั้นครูได้ถ่ายทอดวิธีให้ผมรับรู้มา และก็ยังจำติดตัวไว้ เพราะไม่มากไม่มาย แต่ผลที่ได้ ค่อนข้างแน่นอนครับ
กับปลายท่อบอกอาการ
เคยสังเกต เขม่าปลายท่อ กันมั๊ยครับ
เขม่า เหล่านั้น ก็คือ ผลจากการเผาไหม้ในเครื่องยนต์นั่นเอง และด้วย การที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า ส่วนผสมที่ดี บอกได้แน่นอนกับคำว่า “เครื่องสมบูรณ์” และ “วิ่งเต็ม” แต่ว่า เราเอง จะใช้การทราบจากการจูนเพียงอย่างเดียว ไม่มากพอหรอกครับ
เพราะส่วนผสมในการเผาไหม้นั้น หนาไป บางไป บางที รอบมันก็กวาดพรวดๆ วิ่งได้ดี จนเราอาจไม่ทราบความจริงกันเลยก็ได้
ดังนั้น คราบเขม่าที่จับอยู่ นี่แหละ คือหลักฐานที่จะบอกได้ว่า รถเรา วิ่งดีจริงหรือยัง


ร่องรอยที่ 1 เขม่าสีเทาเกือบขาวหรือขาวแห้งๆ เลย
นี่ คือการบ่งบอกถึง ส่วนผสมในการเผาไหม้ ที่บางเกินไป หรือ องศาไฟจุดระเบิด ที่แรงเกินครับ(ไฟแก่ไป) อย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องธรรมดา การเผาไหม้ ที่ส่วนผสมบางเกินไปนั้น โอกาสเกิดความเสียหายต่อ ลูกสูบ และ ความร้อนสะสม จะมีสูงมากนะครับ หากเกิดจาก ไฟที่แก่จัด และ ส่วนผสมที่บางเกิน อาจเกิดการสึกหรอ หรือ ส่งผลทำให้ หัวลูกสูบทะลุได้ และ ความร้อนสะสมในเครื่องที่มากเกินไป มีผลเสียมากในการวิ่งระยะยาวๆ นะครับ ดังนั้น หากพบว่า เขม่าปลายท่อนั้น ขาวแห้งๆ ล่ะก็ การปรับจูนน์โดยการเพิ่ม ส่วนผสมให้หนาขึ้นอีกนิด จะเป็นคำตอบที่ดี ในการช่วยลดปัญหานี้ได้ครับ


ร่องรอยที่ 2 เขม่าสีดำเข้ม มีคราบเขม่าแห้งๆ สีดำติดที่ปลายท่อและรอบนอก
เคย เห็นรถดีเซลปรับปั๊มมะ ท่อดำตะมิดตะหมี เหมือน … ของสตรีผู้โชกโชน (หมายถึงผิวสาวผิวดำที่ต้องทำงานตากแดดแรงๆทั้งวัน นะ) อ่า ไอ้ท่อปลายเขม่าดำปิ้ดปี๋ นี่แหละครับ ที่มาของคำว่า หนาเกินเหตุ บางคนบอก บ้านรวย ไม่กลัว แดกจัดไม่ว่า ขอให้วิ่ง ความคิดนั้น ผิดนะครับ เพราะ ส่วนผสมที่หนาเกินไปนั้น จะไปแย่งในส่วนของอากาศที่จะเข้ามาผสม เพื่อให้ได้กำลังอัดที่พอเหมาะ และ ทำให้เครื่องยนต์ มีสัดส่วนการเผาไหม้ที่ผิดเพี้ยน และ เผาไหม้ไม่หมดจด ด้วย ดังนั้น การจูฯที่หนาเกินไปนั้น นอกจาก รถจะไม่วิ่งแล้ว ยังส่งผลถึง คราบเขม่าที่จะจับหนาตาม วาล์ว หัวลูกสูบ ทางเดินไอเสีย และ หัวเทียน ส่งผลให้หัวเทียนบอดได้ง่ายขึ้น และ ถ้าไปจับตามหัวลูกสูบ ก็มีผลให้ สัดส่วนในห้องเผาไหม้ลดลงอีก (เป็นที่มาของการวิ่งไม่ออก) และ ถ้าไปจับที่วาล์ว และ บ่าวาวล์มากๆ ก็ส่งผลถึงบ่าวาล์วสกปรก วาล์วปิดไม่สนิท กำลังอัด ตกอีกนะครับ ดังนั้น ส่วนสมที่หนาเกินไปนั้น ไม่มีผลดีหรอกครับ นอกจากเปลืองน้ำมัน เท่านั้นเอง เปลี่ยน ทัศนะคติใหม่กันนะครับ ความพอดี นั่นคือ สัจจะธรรมที่เที่ยงแท้ บนโลกใบนี้ครับ


ร่องรอยที่ 3 อันตราย
เขม่าดำมาก มีคราบเหนียวติดอยู่ที่ท่อและปลายท่อรอบนอก ลักษณะเป็น คราบน้ำมันแฉะๆ
อย่าง ที่บอกเลยครับ อันตราย ชั้นครูเลยครับ เพราะนั่นคือที่มาของการ สึกหรอ และ หลวม รวมถึง มีปัญหาหนักๆภายในเครื่องยนต์แล้วครับ เพราะคราบเหนียวๆ แฉะๆ ที่ได้มานั่นก็คือ น้ำมันเครื่อง ที่ปนออกมาในปริมาณที่เยอะเกินไป นั่นคือ สาเหตุของการหลวมของเครื่องยนต์ครับ ถ้าเจออาการนี้ แต่ยังไม่มีควันขาวปน อย่ารอให้มีครับ รีบเปิดฝาเช็คภายในกันเลยครับ ก่อนที่มันจะสายเกินแก้


ร่องรอยที่ 4 นี่สิเจ๋งจริง
เขม่า ที่ติด เป็นสีเทาจางๆ ไม่เข้มมาก แห้งๆ เมื่อป้ายออกมาเป็นเขม่าเหมือนผงถ่านแห้งๆ ละเอียด นี่แหละครับ เครื่องยนต์ที่ สมบูรณ์แบบที่สุด

IP : บันทึกการเข้า
สิงห์ปืนไว หัวใจอ่อนแอ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,296


เปลี่ยนemailเป็น jatupongbandu96@gmail.comครับ


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 27 มกราคม 2012, 19:15:58 »

ผมคัดลอกมาอีกที วิธีดูควันที่ปลายท่อ สามารถบอกอาการ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ที่ คนที่ดูรถชั้นครูได้ถ่ายทอดวิธีให้ผมรับรู้มา และก็ยังจำติดตัวไว้ เพราะไม่มากไม่มาย แต่ผลที่ได้ ค่อนข้างแน่นอนครับ
กับปลายท่อบอกอาการ
เคยสังเกต เขม่าปลายท่อ กันมั๊ยครับ
เขม่า เหล่านั้น ก็คือ ผลจากการเผาไหม้ในเครื่องยนต์นั่นเอง และด้วย การที่เรารู้กันอยู่แล้วว่า ส่วนผสมที่ดี บอกได้แน่นอนกับคำว่า “เครื่องสมบูรณ์” และ “วิ่งเต็ม” แต่ว่า เราเอง จะใช้การทราบจากการจูนเพียงอย่างเดียว ไม่มากพอหรอกครับ
เพราะส่วนผสมในการเผาไหม้นั้น หนาไป บางไป บางที รอบมันก็กวาดพรวดๆ วิ่งได้ดี จนเราอาจไม่ทราบความจริงกันเลยก็ได้
ดังนั้น คราบเขม่าที่จับอยู่ นี่แหละ คือหลักฐานที่จะบอกได้ว่า รถเรา วิ่งดีจริงหรือยัง


ร่องรอยที่ 1 เขม่าสีเทาเกือบขาวหรือขาวแห้งๆ เลย
นี่ คือการบ่งบอกถึง ส่วนผสมในการเผาไหม้ ที่บางเกินไป หรือ องศาไฟจุดระเบิด ที่แรงเกินครับ(ไฟแก่ไป) อย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องธรรมดา การเผาไหม้ ที่ส่วนผสมบางเกินไปนั้น โอกาสเกิดความเสียหายต่อ ลูกสูบ และ ความร้อนสะสม จะมีสูงมากนะครับ หากเกิดจาก ไฟที่แก่จัด และ ส่วนผสมที่บางเกิน อาจเกิดการสึกหรอ หรือ ส่งผลทำให้ หัวลูกสูบทะลุได้ และ ความร้อนสะสมในเครื่องที่มากเกินไป มีผลเสียมากในการวิ่งระยะยาวๆ นะครับ ดังนั้น หากพบว่า เขม่าปลายท่อนั้น ขาวแห้งๆ ล่ะก็ การปรับจูนน์โดยการเพิ่ม ส่วนผสมให้หนาขึ้นอีกนิด จะเป็นคำตอบที่ดี ในการช่วยลดปัญหานี้ได้ครับ


ร่องรอยที่ 2 เขม่าสีดำเข้ม มีคราบเขม่าแห้งๆ สีดำติดที่ปลายท่อและรอบนอก
เคย เห็นรถดีเซลปรับปั๊มมะ ท่อดำตะมิดตะหมี เหมือน … ของสตรีผู้โชกโชน (หมายถึงผิวสาวผิวดำที่ต้องทำงานตากแดดแรงๆทั้งวัน นะ) อ่า ไอ้ท่อปลายเขม่าดำปิ้ดปี๋ นี่แหละครับ ที่มาของคำว่า หนาเกินเหตุ บางคนบอก บ้านรวย ไม่กลัว แดกจัดไม่ว่า ขอให้วิ่ง ความคิดนั้น ผิดนะครับ เพราะ ส่วนผสมที่หนาเกินไปนั้น จะไปแย่งในส่วนของอากาศที่จะเข้ามาผสม เพื่อให้ได้กำลังอัดที่พอเหมาะ และ ทำให้เครื่องยนต์ มีสัดส่วนการเผาไหม้ที่ผิดเพี้ยน และ เผาไหม้ไม่หมดจด ด้วย ดังนั้น การจูฯที่หนาเกินไปนั้น นอกจาก รถจะไม่วิ่งแล้ว ยังส่งผลถึง คราบเขม่าที่จะจับหนาตาม วาล์ว หัวลูกสูบ ทางเดินไอเสีย และ หัวเทียน ส่งผลให้หัวเทียนบอดได้ง่ายขึ้น และ ถ้าไปจับตามหัวลูกสูบ ก็มีผลให้ สัดส่วนในห้องเผาไหม้ลดลงอีก (เป็นที่มาของการวิ่งไม่ออก) และ ถ้าไปจับที่วาล์ว และ บ่าวาวล์มากๆ ก็ส่งผลถึงบ่าวาล์วสกปรก วาล์วปิดไม่สนิท กำลังอัด ตกอีกนะครับ ดังนั้น ส่วนสมที่หนาเกินไปนั้น ไม่มีผลดีหรอกครับ นอกจากเปลืองน้ำมัน เท่านั้นเอง เปลี่ยน ทัศนะคติใหม่กันนะครับ ความพอดี นั่นคือ สัจจะธรรมที่เที่ยงแท้ บนโลกใบนี้ครับ


ร่องรอยที่ 3 อันตราย
เขม่าดำมาก มีคราบเหนียวติดอยู่ที่ท่อและปลายท่อรอบนอก ลักษณะเป็น คราบน้ำมันแฉะๆ
อย่าง ที่บอกเลยครับ อันตราย ชั้นครูเลยครับ เพราะนั่นคือที่มาของการ สึกหรอ และ หลวม รวมถึง มีปัญหาหนักๆภายในเครื่องยนต์แล้วครับ เพราะคราบเหนียวๆ แฉะๆ ที่ได้มานั่นก็คือ น้ำมันเครื่อง ที่ปนออกมาในปริมาณที่เยอะเกินไป นั่นคือ สาเหตุของการหลวมของเครื่องยนต์ครับ ถ้าเจออาการนี้ แต่ยังไม่มีควันขาวปน อย่ารอให้มีครับ รีบเปิดฝาเช็คภายในกันเลยครับ ก่อนที่มันจะสายเกินแก้


ร่องรอยที่ 4 นี่สิเจ๋งจริง
เขม่า ที่ติด เป็นสีเทาจางๆ ไม่เข้มมาก แห้งๆ เมื่อป้ายออกมาเป็นเขม่าเหมือนผงถ่านแห้งๆ ละเอียด นี่แหละครับ เครื่องยนต์ที่ สมบูรณ์แบบที่สุด


ใช้ได้กับเครื่องยนตร์เบนซินเท่านั้นครับยกเว้นร่องรอยที่3ข้อเดียวที่อาการนี้มันจะเกิดขึ้นกับเครื่องยนตร์ทั้ง2ประเภท อาการควันขาวตอนเช้าๆถ้าเกิดตอนเช้าขณะเครื่องยนตร์ยังเย็นเกิดจากความชื้นที่ค้างอยู่ในท่อไอเสียแล้วโดนความร้อนเลยกลายเป็นไอน้ำออกมา แต่ถ้าเป็นควันจากน้ำมันเครื่องอันเกิดจากแหวนลูกสูบหลวมหรือยางหมวกวาวล์แข็งมันจะมีควันออกตลอดเวลาแล้วน้ำมันเครื่องก็จะหายหรือที่เรียกว่ารถกินน้ำมันเครื่องนี่แหละครับ แต่ถ้าออกมาพักเดียวแล้วหายฏไอน้ำนี่แหละครับจะเป็นมากตอนอากาศเย็นด้วยถ้าอากาศไม่เย็นก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ ลองดูอีกทีนะครับว่าเป็นไอน้ำหรือไอน้ำมันเครื่อง ขออนุญาติคุณที่ตอบคำถามนี้ด้วยนะครับ
IP : บันทึกการเข้า

ไม่ซื้อ-ขาย ก่อนเห็นสินค้าจริงครับ
เจตน์ครับ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,166



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 28 มกราคม 2012, 07:42:27 »

น่าจะการเผาไหม้ไม่หมดครับเครื่องหลวมและอากาศหนาวก็เป็นไปได้ครับ   ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!