9 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป พ่อแม่ที่มีลูกอายุ7ปีบริบูรณ์
อย่าลืมพาไปทำบัตรประชาชน ตามประกาศ
พรบ.บัตรประชาชน ฉบับที่ 3 พ.ศ.2554
ต้องทำภายใน60วัน เมื่ออายุครบ 7 ปีบริบูรณ์ สามารถใช้บัตรได้แปดปีนับจากวันเกิด โดยเด็กอายุ 7 - 14ปี มีมากกว่า 8 ล้านคน
ที่มา
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2554/A/034/64.PDFขอเพิ่มรายละเอียดที่ชัดเจน9 ก.ค.นี้ เด็กอายุครบ 7 ปีต้องมีบัตรประชาชน
ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชบัญญัติ บัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 โดยกฎหมายฉบับนี้ จะมีผลบังคับเมื่อพ้นกำหนดหกสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (9 กรกฎาคม 2554)
สาระสำคัญของกฎหมายคือ การกำหนดให้ ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งมีอายุตั้งแต่เจ็ดปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกินเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ และมีชื่อในทะเบียนบ้านต้องมีบัตรตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
ทั้งนี้ บัตรให้ใช้ได้นับแต่วันออกบัตรและมีอายุแปดปีนับแต่วันเกิดของผู้ถือบัตรที่ถึงกำหนดภายหลังจากวันออกบัตร
บัตรที่ยังไม่หมดอายุในวันที่ผู้ถือบัตรมีอายุครบเจ็ดสิบปีบริบูรณ์ ให้ใช้บัตรนั้นต่อไปได้ตลอดชีวิต
สำหรับ อัตราค่าธรรมเนียม
(1) การออกบัตร ฉบับละ 100 บาท
(2) การออกใบแทนใบรับ ฉบับละ 10 บาท
(3) การขอคัดและรับรองสำเนาข้อมูลเกี่ยวกับบัตร ฉบับละ 10 บาท
ทั้งนี้ เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทย ทุกคนต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนไว้ใช้แสดงตนเพื่อประโยชน์ในการเข้ารับบริการสาธารณะของรัฐ จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการการออกบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับการที่รัฐจะนำ เทคโนโลยีมาใช้ในการบริการประชาชนในด้านต่าง ๆ ผ่านทางบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อประโยชน์ของผู้ถือบัตรประจำตัวประชาชน
เนื้อหาข่าวจาก
บัตรประชาชน 'เด็ก7ขวบ'
วันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคม 2554 เวลา 8:54 นทันทีที่พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2554 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญให้ผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ แต่ไม่เกิน 70 ปีบริบูรณ์ และมีชื่อในทะเบียนบ้านต้องมีบัตรตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้ โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 60 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งก็ราวเดือนกรกฎาคมนี้ จำได้ว่าเมื่อครั้งที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาได้พิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ บรรดาผู้ทรงเกียรติในสภาได้อภิปรายแสดงความคิดเห็นทั้งคัดค้านและสนับสนุนกันอย่างกว้างขวาง แต่สุดท้ายเสียงส่วนใหญ่ก็ผ่านให้ความเห็นชอบ
เหตุผลในการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ระบุไว้ในตอนท้ายว่า “โดยที่เป็นการสมควรกำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทยทุกคนต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนไว้ใช้แสดงตนเพื่อประโยชน์ในการเข้ารับบริการสาธารณะของรัฐ จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการการออกบัตรประจำตัวประชาชน เพื่อให้สอดคล้องกับการที่รัฐจะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริการประชาชนในด้านต่าง ๆ ผ่านทางบัตรประจำตัวประชาชน” นอกจากนี้ยังมุ่งแก้ปัญหาการสวมตัวบุคคลโดยคนต่างด้าวให้ทำได้ยากขึ้น เพราะการพิสูจน์ตัวทำได้ง่ายขึ้น
แม้เวลานี้จะมีเสียงคัดค้านไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย ฉบับนี้ แต่ก็คงไม่เป็นผล จากนี้ไปเหลือเวลาอีกไม่ถึง 60 วันแล้ว สำหรับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องต้องออกระเบียบ กฎกระทรวงรองรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และวิธีการให้บริการแก่ประชาชน โดยครั้งนี้กฎหมายครอบคลุมถึงเด็กอายุ 7-14 ปี จึงถือเป็นภาระหน้าที่ของบิดา มารดา และผู้ปกครองไปโดยปริยายที่ต้องเป็นผู้ร่วมดำเนินการด้วย คาดหวังว่าหน่วยงานเกี่ยวข้องจะได้เตรียมแผนงานและเร่งประชาสัมพันธ์ไปยังบิดา มารดา และผู้ปกครองได้เข้าใจถึงแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง เหมาะสมต่อไป
หากการดำเนินงานพบปัญหาอุปสรรคที่เกินอำนาจ หน้าที่ฝ่ายปฏิบัติแล้ว ฝ่ายนโยบายก็จำต้องพิจารณาทบทวนกฎหมายดังกล่าว มิให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ประเด็นสำคัญกลุ่มคนที่ต้องทำบัตรประจำตัวประชาชนระหว่างช่วงอายุ 7-14 ปี ประมาณ 8 ล้านคนนี้ สมควรได้รับประโยชน์จากการบริการสาธารณะของรัฐอย่างแท้จริง ขออย่าได้มีผู้ฉกฉวยผลประโยชน์การทำบัตรประจำตัว 8 ล้านใบอย่างไม่โปร่งใส เฉกเช่นกรณีการทำบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ (สมาร์ทการ์ด) อีกเลย มิเช่นนั้นจะถูกครหาว่านักการเมืองและข้าราชการสมคบทุจริตออกกฎหมายเอื้อประโยชน์พวกพ้อง โดยเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นตัวประกัน หรือเปิดช่องให้มีการปลอมบัตรประจำตัวประชาชนตั้งแต่ยังเด็ก.
ที่มา
