กระทู้สาระดีๆ มักไม่ค่อยมีคนอ่านคนตอบครับ แต่ถ้าแนวหื่นหาของเทียม แนวกระซิบอย่าบอกใคร หรือหาคนนวดช่วงล่างหวิวๆ แบบนั้นมาอ่านเป็นพันถึงหลายพัน
สงสัยว่า 1. ทำถนนแถวบ้าน วันเดียวรถก็พากันวิ่งปร๋อ....ไม่เห็นต้องรอเวลาตามวิชาการมากมาย หากถนนทรุดเสียหายฟ้องใครผิดครับระหว่างหน่วยงานสร้างกับฝ่ายรถ หรือมาโทษผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่มาเทดี
2. ชาวบ้านตาดำๆอย่างผม ซื้อตอนกรีตคือสั่งแล้วรอจ่ายเงิน ช่างก็มาเกลี่ยมาเท จบ... แต่กระทู้จะสื่อเพื่อตรวจคุณภาพระดับวิชาการมืออาชีพเป็นการเฉพาะ แก่แพลนปูน หรือ จะบอกความไม่ดีของปูนที่ซื้อ ให้ชาวบ้านคอยจับผิดผู้รับเหมา หรือผู้รับเหมาจับผิดคนขายปูนกันครับ
3 ขอบคุณสำหรับความรู้ แต่อ่านไปก็ออกแนวเซลล์ขายรถครับ อยู่ค่ายไหนค่ายนั้นก็ดีโคตรๆทั้งๆที่เพิ่งโจมตีเค้ามาหยกๆจากอีกยี่ห้อ ผมเองเกิดมาเกินครึ่งอายุคน ยังไม่สามารถหาข้อพิสูจน์ได้เลยว่า ยักษ์ใหญ่สายโฆษณาอย่าง Cpac หรือเจ้าตลาดสายขายดีปูนนก ใครดีกว่ากัน เจ้าของกระทู้เล่าให้ฟังหน่อยสิครับ
ผมจะตอบให้ครับ คือ ที่ผมนำวิดีโอของ CPAC มาให้ชมเพราะ CPAC เค้าจัดทำให้ประชาชนดูกันฟรีๆ เลยหามาให้เพาะถ้าจะให้ผมนั่งทำเอง
คงยาวน่ะครับ
*ในส่วนค่ายไหนดีหรือไม่ดีผมตอบได้คือ ดีทุกค่ายครับ ปูซีเมนต์ของนกหรือช้างก็ไม่ต่างอะไรกันมากเลย คอนกรีตทุกวันนี้มันต่างกันคือ MIX DESIGN ที่แต่ละแพลนปูนจะสร้างสรรค์ ส่วนผสมออกมาขายให้กับลูกค้านั่นเอง ส่วนผสมก็คือ ปูน ทราย หิน น้ำ ซึ่งไอ้ตัวส่วนผสมนี่แหละครับมันเป็นตัวกำหนด ราคาขาย ซึ่งส่วนผสมไม่ได้เผื่อหรืออะไรเลยก็อาจจะทำให้ ราคาถูกแต่เสี่ยง ซึ่งทางลูกค้าสามารถตรวจสอบคุณภาพสินค้าโดนสามารถขอ MIX DESIGN จากทุกแพลนได้และสามารถสั่งให้ QC มาเก็บตัวอย่างคอนกรีตเพื่อนำไปทดสอบและขอใบรับรองผลเทสจากแพลนนั้นๆเลยครับเพื่อการที่คอนกรีตเกิดการเสียหาย เราก็สามารถจ้างทางสำนักต่างๆเพื่อมาตรวจสอบทั้งด้านคอนกรีตและด้านก่อสร้างว่าส่วนไหนทำให้คอนกรีตเกิดการเสียหายครับ เพื่อความสบายใจของเราเองครับ
*หัวข้อต่อไปคือ รถวิ่งผ่านหนึ่งวันเนาะครับ ในความคิดของผม ผมก็กล่าวโทษผู้ดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งก่อสร้างโดยขาดความรู้อันเหมาะสมพ่วงไปถึง เทศบาลที่จัดจ้างช่าง คนตรวจงานคุมงานช่างประจำ อบต.หรือเทศบาล เราต้องพิจารณาแล้วครับ ว่าบุคคลเหล่านี้มาเป็น ข้าราชการ ช่างของ เทศบาล อบต. แล้วปล่อยปะละเลยจุดนี้ได้อย่างไรเพราะอย่างน้อยต้องปิดถนน 7 วันและช่วง 7 วันนั้นต้องบ่มคอนกรีตให้ชื้นสม่ำเสมอ ซึ่งเราสามารถประสานกับทางผู้ใหญ่บ้าน สท. ที่เป็นคนเปี่ยมด้วยคุณธรรม ช่วยกันเรียกร้องให้ทางเทศบาลและผู้รับเหมาออกมารับผิดชอบ แต่ถ้าจะดีคือเราต้องช่วยกัน ถ่ายรูปเป็นหลักฐานไว้ ว่าวันนี้ สมมุติ 21/02/2559 เทถนนหน้าบ้าน ต่อมา 22/02/2559 เปิดใช้งานถนนหน้าบ้าน ถ้าเรียกร้องแล้วทางเทศบาลนิ่งเฉย เราสามารถนำหลักฐานไปแจ้งกับสำนักงานตรวจสอบการทุจริตแห่งชาติได้เลยครับ เพราะแบบนี้ เทศบาลต้องมีเอี่ยวแน่นอน
*หัวข้อต่อไป คือในส่วนของให้จับผิดแพลนปูน หรือ ผู้รับเหมา ขอเปลี่ยนเป็นเรียกว่าคอยตรวจสอบดีกว่าครับ ซึ่งมันไม่ได้มีข้อเสียเลยครับที่เราจะคอยตรวจสอบในสิ่งที่เราซื้อมาในราคา แสนแพง ให้คงประสิทธิภาพเต็มที่ ในตัวนี้หลักๆผมแนะนำให้ตรวจสอบทั้ง 2 ด้านอย่างที่ผมบอกคือ
อันนี้สำคัญ
1.สั่งซื้อคอนกรีตผสมเสร็จแพลนไหนก็ตาม บอกให้เอา MIX DESIGN ติดมาพร้อมกับรถทันที ไม่มี ไม่ซื้อ
2.เอา QC มาเก็บตัวอย่างคอนกรีตที่หน้างาน 6 ลูกต่อ 25 คิว เมื่อหน้าคอนกรีต มาดๆแล้วให้เขียนสลักลงหน้าตัวอย่างคอนกรีตให้เรียบร้อย
แล้วเตรียม เป หรือ ถังน้ำ ไว้เพื่อบ่มตัวอย่างคอนกรีตหลังจาก QC มาแกะแบบไว้ที่หน้างาน แล้วนำไปเทสหาค่ากำลังได้ที่สำนักงานกลางต่างๆครับ
3.คอนตรวจสอบหรือเฝ้าเวลาเท อย่าให้เกิดการแอบเติมน้ำเด็ดขาด ทางหนังสือเทคโนโลยีคอนกรีต บอกไว้ว่าถ้าท่านอยากได้คอนกรีตที่มีความเหลวมาก
มีอยู่ 2 วิธีคือ
1.สั่ง MIX DESIGN โดยเฉพาะคือ ให้แพลนออก MIX DESIGN ใหม่ในความเหลวที่คุณต้องการแล้ว ความแข็งแรงยังคงเดิม ในส่วนนี้ อาจจะเพิ่ม ซีเมนต์ไป 50-100 ต่อคิว ตามความเหลวที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น (St 240 Sl หรือ สลัม(ความเหลว) 12.50 (+- บวก ลบ)
2.5 ซม)คือ สลัม 10-15 ซม. จากปกติทั่วไป สลัม 5-10 ซม.
2.อันนี้ผมก็ยังไม่เคยใช้นะครับ แต่มันจะมีน้ำยา จำพวกทำให้คอนกรีตเหลวขึ้นแต่ไม่แตกตัวผสมลงไปใน คอนกรีตเลยครับ แต่ก็ต้องดูสัดส่วนให้พอเหมาะด้วยนะครับ
ส่วนการตรวจสอบงานของผู้รับเหมา ต้องคอยดูตั้งแต่การผูกเหล็ก มัดเหล็ก หรือ แม้แต่เหล็กเป็นสนิมนี่ก็ปัญหาใหญ่มากเลยครับ ไหนจะระดับ
แนวราบในชิ้นงานต่างๆอีก ถ้าจะให้ดี หาจ้าง คอนเซา มาคอยตรวจสอบดูแลหน้างานแทนเราดีกว่าครับถ้าไม่ว่าง เพราะทางนั้นจะได้ปะทะ
ความรู้กันอย่างจังเลยแหละครับ
โปรดอ่านแล้วพิจารณาด้วยนะครับ อ่าคือกระทู้นี้ผมไม่ขายของและไม่โอย แบรนใดๆเลยครับ แค่อยากจะบอกให้รู้ว่า อย่าเชื่อใจอะไรง่ายๆกับด้านงานก่อสร้าง ยิ่งราคาถูก ยิ่งต้องตรวจสอบให้ดีไม่งั้น อาจจะเจอการลดต้นทุน ได้ครับ ลองๆ หามาอ่านไว้ก้ได้ครับ โครงสร้างวิศวะกรรม หรือ คอนกรีตเทคโนโลยี สำหรับคนที่อยากจะสร้างบ้าน บ้านของท่านจะได้อยู่ยาวนานๆ
อันนี้แถมครับ อยากรู้ว้าปูนซีเมนต์ของช้างหรือดอกบัวหรือนกอันไหนดีกว่ากัน เรามาดูกันครับวัตถุดิบหลักที่ใช้ในกระบวนการผลิตคือ หินปูน (Limestone) ซึ่งได้จากการระเบิดหินจากภูเขาหินปูน แต่หินปูนที่ได้ยังมีขนาดใหญ่ จึงต้องนำมาลดขนาดโดยเครื่องย่อย (Crusher) เพื่อให้เหมาะสมกับกระบวนการผลิตขั้นต่อไป วัตถุดิบอื่นคือ ดินดาน (Shale) และวัตถุดิบปรับแต่งคุณสมบัติ (Corrective Materials) ซึ่งใช้เฉพาะบางตัว เพื่อให้ได้ส่วนประกอบทางเคมีตามค่ามาตรฐานที่กำหนด วัตถุดิบอื่นเหล่านี้ก็ต้องผ่านเครื่องย่อยเพื่อลดขนาดให้เหมาะสมเช่นกัน วัตถุดิบที่ผ่านการย่อยแล้วจะถูกนำมาเก็บไว้ที่กองเก็บวัตถุดิบ (Storage Yard) จากนั้นก็จะลำเลียงไปยังหม้อบดวัตถุดิน (Raw Mill) ต่อไป
หม้อบดวัตถุดิบ (Raw Mill) มีหน้าที่บดหินปูน ดินดาน และวัตถุดิบปรับแต่งคุณสมบัติให้เป็นผงละเอียดซึ่งเรียกว่า วัตถุดิบสำเร็จ (Raw Meal) การควบคุมอัตราส่วนของวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่หม้อบดวัตถุดิบมีความสำคัญ เนื่องจากอัตราส่วนของวัตถุดิบที่เหมาะสมจะทำให้วัตถุดิบสำเร็จมีคุณสมบัติทางเคมีที่เหมาะสมกับการเผา
หลังจากผ่านกระบวนการบดแล้ว จึงส่งวัตถุดิบสำเร็จไปยังยุ้งผสมวัตถุดิบสำเร็จ (Raw Meal Homogenizing Silo) เพื่อเก็บและผสมวัตถุดิบสำเร็จให้เป็นเนื้อเดียวกัน ก่อนส่งไปเผาในหม้อเผาแบบหมุน (Rotary Kiln) กระบวนการเผาช่วงแรกเป็น ชุดเพิ่มความร้อน (Preheater) จะค่อยๆ เพิ่มความร้อนให้แก่วัตถุดิบสำเร็จ แล้วส่งวัตถุดิบสำเร็จไปเผาในหม้อเผา ซึ่งมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นจนถึงประมาณ 1,200 - 1,400 องศาเซลเซียส จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมีตามลำดับ จนในที่สุดกลายเป็นปูนเม็ด (Clinker) จากนั้นทำให้ปูนเม็ดเย็นลง แล้วจึงลำเลียงปูนเม็ดไปเก็บไว้ที่ยุ้งเก็บ เพื่อรอการบดปูนเม็ดต่อไป
ขั้นตอนการบดปูนเม็ดให้กลายเป็นปูนซีเมนต์ ทำโดยนำปูนเม็ดมาผสมกับยิปซัม (Gypsum) แล้วบดให้ละเอียดเป็นผงในหม้อบดซีเมนต์ (Cement Mill) ความละเอียดในการบดและอัตราส่วนระหว่างปูนเม็ดกับยิปซัมต้องเลือกอย่างเหมาะสม เพื่อให้ได้ปูนซีเมนต์ที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ จากนั้นจะลำเลียงปูนซีเมนต์ไปเก็บไว้ในยุ้งเก็บปูนซีเมนต์ผง (Cement Silo) เพื่อรอการจำหน่ายต่อไป
ทำโดยนำปูนเม็ดมาผสมกับยิปซัม ตัวนี้แหละครับที่เป็นตัวกำหนดว่า ปูนซีเมนต์ของแบรนด์ไหนดีกว่ากัน ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้เลย ว่าแบรนด์ไหนใส่อะไรเยอะกว่ากัน ยกตัวอย่างง่ายๆสมมุติ แบรนด์ตรา วัว ใส่ Clinker หรือปูเม็ด 90 % ยิปซั่ม 10 % นั่นก็ออกมาเป็น ปอร์ทแลนด์ตราวัวใน สูตรของเค้า ซึ่งผมไม่สามารถ อธิบายได้เลยว่าอันไหนดีกว่ากันจริงๆเพราะผมไม่ทราบถึงส่วนผสมจุดนั้น คงต้องวัดกันที่ การใช้งานจริงๆละครับผม
แต่ถ้าเป็นคอนกรีตผสมเสร็จจากแพลน เราสามารถตรวจสอบได้โดยการเทสเลยครับ ว่าขึ้นได้แค่ไหน นั่นจึงเป็นวิธีที่ดีครับ ในความสบายใจเขาทางผู้ซื้อ