ช่างไฟฟ้าภายในอาคาร จะต้องมี หนังสือรับรองความรู้ความสามารถ โดย ห้องไฟฟ้า (Electrical Room)
ประกาศกระทรวงแรงงานกำหนดให้สาขาช่างไฟฟ้าภายในอาคาร เป็นอาชีพที่อาจเป็นอันตราย และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2558 มีผลให้ตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2559 ผู้ที่ทำงานช่างไฟฟ้าภายในอาคารต้องมีหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ โดยขั้นตอนที่จะได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถนั้น จะต้องผ่านการประเมิน 3 ส่วน คือ ความรู้ความสามารถต้องผ่านมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ ประสบการณ์การทำงาน ดูจากประวัติการทำงาน และคุณลักษณะเฉพาะ ทัศนะคติในการทำงาน จากศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถกลาง (หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน) หรือ ศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถตามมาตรา 26/4 (2) ที่เป็นองค์กรอาชีพ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2557
*** ตอนนี้มีประกาศแค่ช่างไฟฟ้าในอาคารก่อนนะ ส่วนช่างอื่นๆคงมีออกประกาศมานะเรื่อยๆนะ (ต้องค่อยติดตามกันต่อไป)
--------------------------------------------------
สรุปสาระสำคัญพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557
--------------------------------------------------
๑. ความเป็นมา
*** พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557
- ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2557 โดยจะมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 90 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม 2558 เป็นต้นไป)
- โดยเป็นกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ.2545
ซึ่งยังไม่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำกับดูแล ผู้ประกอบอาชีพที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ
ดังนั้น เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับมาตรฐานฝีมือแรงงานของผู้ประกอบอาชีพในประเทศไทยให้มีมาตรฐาน และคุ้มครองความปลอดภัยสาธารณะจากการทำงาน
*** หลังจากนั้นมีประกาศของกระทรวงแรงงาน เรื่อง กำหนดสาขาอาชีพ ที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ ซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ที่ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ ซึ่งออกตาม พรบ.ดังกล่าว ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2558 โดยจะมีผลบังคับเมื่อพ้นกำหนด 365 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป (ดังนั้นประกาศฉบับดังกล่าวจึงเริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2559 เป็นต้นไป)
--------------------------------------------------
๒. สาระสำคัญ
*** หลักการ
พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2557
- กำหนดให้การประกอบอาชีพในสาขาอาชีพ ตำแหน่งงาน หรือลักษณะงานใดที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ
- และต้องดำเนินการโดยผู้มีความรู้ความสามารถที่ได้รับการรับรองความรู้ความสามารถ
- โดยมีระบบการประเมินเพื่อรับรองความรู้ความสามารถ
- และให้นายทะเบียนหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจควบคุมการดำเนินการของศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ
- กำหนดให้ค่าธรรมเนียมที่ได้รับจากการรับรองความรู้ความสามารถตกเป็นของกองทุนพัฒนาฝีมือแรงงาน
- เพื่อนำไปใช้ในการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการรับรองความรู้ความสามารถ
- อีกทั้งกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่กฎหมายกำหนด
- เพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้ประกอบกิจการเข้าร่วมในกระบวนการพัฒนาฝีมือแรงงาน
- รวมทั้งปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
*** สรุปสาระสำคัญ
๑. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีอำนาจประกาศกำหนด สาขาอาชีพ หรือตำแหน่งงานหรือลักษณะงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ หรือต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถ ต้องดำเนินการ
โดยผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ
๒. ให้มีการประเมินเพื่อรับรองความรู้ความสามารถ มีศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถ ทำหน้าที่ประเมินและออกหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ
๓. ให้มีสมุดประจำตัว เพื่อบันทึกประวัติของบุคคลการศึกษา การฝึกอบรม การสัมมนา การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน การประกอบอาชีพหรือการทำงานที่ผ่านมาเพื่อประโยชน์ในการจ้างงาน
๔. ให้มีการปรับผู้ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
--------------------------------------------------
*** การรับรองความรู้ความสามารถ คืออะไร
- ผู้ประกอบอาชีพที่จะทำงานในสาขาอาชีพ ตำแหน่งงานหรือลักษณะงานที่อาจเป็นอันตราย
ต่อสาธารณะ
- หรือต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ต้องผ่านการประเมิน
- เพื่อรับรองความรู้ความสามารถ
- โดยวัดค่าทักษะฝีมือความรู้ความสามารถ ประสบการณ์หรือความสำเร็จในการประกอบอาชีพ และคุณลักษณะส่วนบุคคล
- โดยยื่นคำขอต่อกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือศูนย์ประเมินความรู้ความสามารถตามมาตรา 26/4 (2) เพื่อขอประเมินความรู้ความสามารถ
- เมื่อผ่านการประเมินก็จะได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ
--------------------------------------------------
*** สมุดประจำตัว คืออะไร
- สมุดประจำตัวเป็นเอกสารที่ใช้ในการบันทึกประวัติของบุคคลในส่วนที่เกี่ยวกับการศึกษา การฝึกอบรม การสัมมนา การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน การประกอบอาชีพ การทำงานที่ผ่านมา หรือข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพหรือการจ้างงาน
- สมุดประจำตัวเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบอาชีพหรือลูกจ้างที่ประสงค์จะนำข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาชีพหรือการจ้างงานมาขอให้นายทะเบียนบันทึกข้อมูลไว้ให้
- โดยผู้ที่ประสงค์จะมีสมุดประจำตัวต้องยื่นคำขอต่อนายทะเบียน ณ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน หรือหน่วยงานภายในสังกัดกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พร้อมด้วยเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับข้อมูลที่จะขอให้บันทึก
- เช่น เอกสารทางการศึกษา หนังสือรับรองการผ่านงาน หนังสือรับรองที่ได้จากการฝึกอบรมหรือการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน เป็นต้น
- สมุดประจำตัว อาจใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประเมินเพื่อรับรองความรู้ความสามารถและเพื่อประโยชน์ในการจ้างงาน
--------------------------------------------------
*** ผู้ประกอบกิจการจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
- ผู้ประกอบกิจการที่มีการจ้างงานในสาขาอาชีพ ตำแหน่งงาน หรือลักษณะงานที่อาจเป็นอันตรายต่อสาธารณะ หรือต้องใช้ผู้มีความรู้ความสามารถ
- ซึ่งต้องดำเนินการโดยผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานประกาศกำหนด
- จะต้องจ้างผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถเข้าทำงานในตำแหน่งงานดังกล่าว
- หากผู้ประกอบกิจการฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามหมื่นบาท
- และผู้ปฏิบัติงานที่ไม่มีหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพันบาท
--------------------------------------------------
*** ประโยชน์ที่จะได้รับ
1. ประโยชน์ต่อสาธารณะ
เพื่อเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยสาธารณะ จากความเสียหายที่เกิดจากผู้ประกอบอาชีพ ไม่มีความชำนาญในการทำงานอย่างแท้จริง อันส่งผลกระทบต่อตัวผู้ประกอบอาชีพเอง ต่อผู้ประกอบกิจการชุมชน สังคม และส่งผลกระทบต่อศักยภาพในการการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ
2. ประโยชน์ที่นายจ้างจะได้รับ
(1) นายจ้างสามารถคัดเลือกบุคคลที่มีทักษะฝีมือ ความรู้ความสามารถ ความชำนาญเฉพาะและเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นอย่างแท้จริงเข้าทำงาน เพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Productivity) ลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากผู้ปฏิบัติงานที่ขาดความรู้ความสามารถ
(2) เพิ่มเติมหลักเกณฑ์ของผู้ประกอบกิจการที่ไม่ต้องส่งเงินสมทบเข้ากองทุนพัฒนาฝีมือแรงงานอีกสองกรณี ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการที่มีลูกจ้างที่เข้ารับการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติและผ่านการทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ และผู้ประกอบกิจการที่มีลูกจ้างผ่านการรับรองความรู้ความสามารถ
(3) ประโยชน์ที่จะได้รับการพิจารณาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายที่แสดงให้เห็นว่าเป็นผู้ประกอบกิจการซึ่งจ้างงานผู้ได้รับหนังสือรับรองความรู้ความสามารถ
3. ประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับ
(1) ทำให้มีการพัฒนาและยกระดับฝีมือของผู้ประกอบอาชีพให้มีมาตรฐานฝีมือและทักษะที่สูงขึ้น มีผลการปฏิบัติงานที่มีคุณภาพ ลดความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายจากการทำงาน
(2) เป็นการคัดกรองผู้ปฏิบัติงานในตำแหน่งงานต่างๆ ให้มีทักษะฝีมือ ความรู้ความสามารถ ความชำนาญเฉพาะและเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นอย่างแท้จริง
(3) สามารถขอให้นายทะเบียนบันทึกข้อมูลในสมุดประจำตัวในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การฝึกอบรม การสัมมนา การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน การประกอบอาชีพ การทำงานที่ผ่านมา เพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพหรือการจ้างงาน
http://library2.parliament.go.th/giventake/content_nla2557/law87-261257-19.pdfhttp://www.dsd.go.th/Content/themes/Files/Ministry%20of%20Labor.PDF 700