จัดการสิวภายในคืนเดียว ทำยังไง สิวแม้จะเป็นปัญหาเรื่องของผิวหนัง ที่สามารถรักษาและหายเองได้ก็ตาม แต่สิวนั้นมักจะมาพร้อมกับอาการอักเสบด้วย ซึ่งสำหรับบทความนี้ จะมาแนะนำวิธีการ
รักษาสิว ที่เกิดขึ้นให้หายปวดภายในคืนเดียว ด้วยอุปกรณ์แบบบ้านๆ ที่สามารถหาได้ในบ้านของเรานี่เองค่ะ
1. ไข่ไก่ (ไข่ขาว) เป็นวัตถุดิบ ที่สามารถจัดการกับสิวได้อย่างชะงัด โดยเฉพาะสิว ที่เกิดการอักเสบ เพราะไข่ขาวนั้นจะช่วยลดอาการอักเสบ และอาการปวดของสิวได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว สำหรับการใช้งานให้นำเอาไข่ขาวมาตีให้ละเอียด จากนั้นเอามาทา ที่บริเวณที่เกิดสิวทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที จึงล้างออก(หรือทิ้งไว้ทั้งคืน) ตอนเช้าสิวจะยุบหายไป หรือลดอาการอักเสบลงได้เยอะค่ะ
2. ชาเขียว สุดยอดเครื่องดื่ม ที่สามารถช่วยลดอาการอักเสบของสิวได้ เพราะมันเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่นอกจากจะช่วยจัดการกับสิวแล้ว ยังช่วยฟื้นฟูสภาพของผิวหนัง บริเวณรอบๆ หัวสิว นอกจากนั้นยังช่วยกระชับรูขมขนได้ดีอกีด้วย เพียงแค่ชงชาเขียวแก่ๆ มาทาบริเวณที่เกิดสิว หรือเอากากชามามาสก์หน้า ทิ้งเอาไว้ 15-20 นาทีล้างออก (หรือปล่อยเอาไว้ทั้งคืน) ในตอนเช้า สิวจะลดอาการอักเสบลง หรือยุบหายไป
3. ว่านหางจระเข้ เป็นสุดยอดดสมุนไพร อีกชนิดหนึ่ง ที่มีสรรพคุณ ในการกำจัดแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับผิวซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเกิดสิวได้ เพียงแค่นำเอาว่านหางจระเข้ มาปอกเปลือกเหลือแต่วุ้น แล้วหั่นทางขวางบางๆ เอาส่วนที่หั่นได้มาแปะให้ทั่วบริเวณที่เกิดสิวทิ้งเอาไว้ตลอดทั้งคืน สรรพคุณจากว่านหางจระเข้จะช่วยลดอาการอักเสบ ละลายหัวสิว และไม่ทำให้ผิวหนังเกิดริ้วรอย หรือจุดด่างดำ จากสิวเลยค่ะ
4. น้ำผึ้ง เป็นอีกหนึ่งอาหารคุณภาพ ที่มีวิตามินต่างๆ กรดผลไม้ ที่ช่วยในการจัดการกับสิวได้เป็นอย่างดี เพราะมันจะช่วยกำจัดสิ่งสกปรกอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว นอกจากนั้นแล้วน้ำผึ้ง ยังช่วยลดอาการปวดดที่เกิดจากสิวอักเสบได้ดี สำหรับการใช้งาน ให้นำเอาน้ำผึ้งแท้ มาป้ายหรือทาบริเวณที่เกิดสิวแล้วทิ้งเอาไว้ประมาณ 25-30 นาที ล้างออก จะเห็นผลไดด้ทันทีเลยว่าสิวเริ่มลดอาการอักเสบ และยุบลงได้มากกว่าเดิม
5. ยาสีฟัน เป็นตัวช่วยชั้นดีอีกชนิดหนึ่ง ที่ช่วยในการลดการอักเสบของสิว และทำให้สิวนั้นยุบหายไปได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่นำเอา ยาสีฟันแบบธรรมดา (สีขาว) มาแต้มที่หัวสิวทั้งไว้ทั้งคืน จะช่วยลดอาการปวด และทำให้สิวยุบได้ อย่างไรก็ตามสำหรับวิธีนี้ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่ายนะคะ
ที่มา :
http://www.xn--y3cmi4bd.com/2016/08/blog-post_8.html