|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 28 เมษายน 2011, 01:18:05 » |
|
HRD 3.0 เป็นแนวโน้มการบริหารบุคคลที่ยกระดับจิตใจผู้บริหารขึ้นไปอีก
Kotler เตือนพวกเราว่า ในโลกปัจจุบันและอนาคต สื่อสังคมพวก social media รวดเร็วมาก
ดังนั้นองค์กรใด ทำเรื่องใด ไม่ว่าดีหรือร้าย จะโดน" วิจารณ์สาธารณะ " อย่างรวดเร็ว และมากจนคาดไม่ถึง สินค้าและบริการจะโดนต่อต้านมากขึ้น ฯลฯ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 11:32:40 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 28 เมษายน 2011, 01:21:23 » |
|
เล่มนี้ซื้อมาจากร้านซีเอ็ดบุ๊ค เซ็นทรัลเชียงราย ราคา 195.- มีบัตรส่วนลด 5% เหลือ 185.25 พนักงานซีเอ็ดที่ร้านช่วยกันหาให้ ขอบคุณมากๆเลย
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 28 เมษายน 2011, 01:23:03 » |
|
ดร.วรภัทร์ แบ่งการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็น 3 รุ่น (version)
HRD 1.0 เป็นยุคที่ผู้บริหารส่วนใหญ่เอาตัวรอด
ฟาดฟัน ต่อสู้ เอาตัวรอด มองมนุษย์เป็นเครื่องจักร ทำได้ก็อยู่ ทำไม่ได้ก็ไล่ออกไป มาจากระบบการศึกษาแบบ " อุุตสาหกรรม " สอนให้จำ ไม่ได้สอนให้คิด " ใครคิดไม่ตรงกับฉัน คนนั้นสอบตก "
HRD 2.0 เป็นยุคที่ผู้บริหารเริ่มเป็นแบบ "อยู่รอดร่วมกัน" ช่วยเหลือกัน ดูแลกัน เริ่มใช้แนวคิดแบบ "การพัฒนาอย่างยั่งยืน"
HRD 3.0 อยู่อย่างมีคุณค่า สมดุลทางโลกและทางธรรม
และตอนนี้ประเทศไทยยังไม่หลุดพ้นจาก HRD 1.0 เลย และมีไม่กี่บริษัทเท่านั้น ที่เข้าใจ HRD 2.0 อย่างจริงๆจังๆ
สนใจเรื่องของ "การบริหารคน" ลองหาอ่านดูค่ะ เป็นการจุดประกายให้เราได้มากค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 12 พฤษภาคม 2011, 20:14:45 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 28 เมษายน 2011, 03:01:21 » |
|
ขอบคุณสำหรับการแนะนำ นี่ก็พึ่งอ่านหนังสืออีกเล่มจากผู้เขียนท่านเดียวกันจบไปหมาดๆอยู่พอดี  คาดว่าคงจะได้เสียตังค์ซื้อหนังสือเล่มที่แนะนำอยู่นี้ อีกแน่เลย  น่าจะมีมุม "แลกเปลี่ยน เวียนกันอ่าน" แหะ ๆ
|
|
|
|
raxerta
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 28 เมษายน 2011, 11:43:34 » |
|
ขอบคุณสำหรับการแนะนำ นี่ก็พึ่งอ่านหนังสืออีกเล่มจากผู้เขียนท่านเดียวกันจบไปหมาดๆอยู่พอดี  คาดว่าคงจะได้เสียตังค์ซื้อหนังสือเล่มที่แนะนำอยู่นี้ อีกแน่เลย  น่าจะมีมุม "แลกเปลี่ยน เวียนกันอ่าน" แหะ ๆ ไอเดียนี้โอเคเลยครับ ผมก็เคยคิด ๆ อยู่ ส่วนใหญ่หนังสือที่เราอ่านเสร็จแล้ว จะเก็บไว้ในตู้เฉยๆ
|
|
|
|
raxerta
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 28 เมษายน 2011, 11:45:03 » |
|
มาดูแนวโน้มการบริหารสมัยใหม่สำหรับผู้บริหาร เขียนโดย ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ
HRD 3.0 เติมหัวใจให้องค์กร
ดร.วรภัทร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือเรื่อง Marketing 3.0 From Products to Customers to the Human Spirit ซึ่งเขียนโดย Philip Kotler ปรมาจารย์การตลาด และอีก 2 ท่าน
ขอบคุณที่แนะนำครับ อยากให้ทุกคน อ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเองกันเยอะ ๆ จะได้มาช่วยพัฒนาบ้านเมืองเรากันครับ
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 01:48:59 » |
|
ขออนุญาตเล่าบทที่ 8 เลยนะคะ - แบบย่อๆ
เรื่อง อุปสรรคในการบริหาร ด้าน HRD (Human Resourse Development)
ซึ่ง ดร.วรภัทร์ ใช้คำว่า "อุปสรรค" หรือ "หัวข้อวิจัย" แทนคำว่า "ปัญหา"
เพราะทำให้ทุกคนรู้สึกมีส่วนร่วม ไม่แบ่งแยก ไม่ขัดแย้ง
ดร.วรภัทร์เคยคุยกับ CEO ชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีวิธีการคัดเลือกพนักงาน ในแบบของเขาเอง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 12:38:22 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 01:58:53 » |
|
(ต่อค่ะ)
HRD ยุคใหม่ ของญี่ปุ่น จะไม่ยอมรับผลผลิตทางการศึกษาแบบยุคอุตสาหกรรม เพราะพวกเขาเชื่อว่า
- ไร้คุณภาพ : มีคนได้ปริญญาโท เอก เต็มบ้าน เต็มเมือง แค่พวกเขาทำ "แบบสอบถาม" จริงบ้าง มั่วบ้าง แล้วกลับมาสรุปให้คณะอาจารย์ฟัง ...ก็จบแล้ว
- หลักสูตร สอนไม่ตรงกับที่องค์กรต้องการเลย : สถานศึกษาเต็มไปด้วยข้ออ้าง ข้อจำกัด กฎระเบียบ เจ้านายไม่อนุมัติ ฯลฯ จนองค์กรไม่เอาผลผลิตของสถานศึกษา ไม่รับพนักงานที่มาจากสถานศึกษาแบบ 1.0 แล้ว
- ระบบตัดเกรดดีจริงหรือ : เกรด A ไม่ได้แสดงว่าศิษย์เก่ง เพราะเรื่องที่สถานศึกษาสอน ไม่ตรงกับการใช้งานจริง ฯลฯ
ระบบการศึกษาในประเทศที่เจริญแล้ว ยกเลิกการตัดเกรด เปลี่ยนมาใช้ Dialogue แทน ใช้การทำงานจริง ๆ สลับการมาเข้ากลุ่มเรียนรู้
และให้ชุมชนเป็นคนตัดสินว่าควรได้ปริญญา หลายแห่งดูจาก " จิตอาสา "
- คิดไม่เป็น ใจไม่กว้าง : การเรียน การสอนในสถานศึกษายังเป็นแบบ 1.0 เช่น คิดไม่เป็น เครียด เห็นแก่ตัว ไม่มีจิตอาสา เผด็จการในห้องเรียน ฯลฯ ถ้ารับเด็กเหล่านี้เข้ามาทำงาน เราต้องปรับแก้อีกเยอะมาก เข้ามาสร้างปัญหาในองค์กรเยอะมาก จึงไม่ดูทรานสคริปต์เลยจะดีกว่า
เปลี่ยนเป็น ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยกับเรา เพื่อให้เราได้มีโอกาสสังเกต ร่วมสอน ร่วมพัฒนาตั้งแต่ต้น
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 12:48:05 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 02:37:42 » |
|
(ต่อค่ะ) ดร.วรภัทร์เล่าว่า HRD ยุคใหม่ ของญี่ปุ่น จะไม่ยอมรับผลผลิตทางการศึกษาแบบยุคอุตสาหกรรม เพราะพวกเขาเชื่อว่า
- สอนแต่ตำรา ไม่ได้ดัดสันดานลูกศิษย์มาให้เราเลย : ดังนั้นการคัดเลือกพนักงานสมัยใหม่ จะเปลี่ยนรูปแบบมาให้เขาร่วมทำงานด้วยจริงๆ และให้คนของเราดูนิสัยการทำงาน ดูทัศนคติ และอื่นๆ จะไม่มีการสัมภาษณ์เลย
- สอนแบบสุนัขหางด้วน : ท่านพุทธทาสเปรียบเทียบการศึกษาในยุคนี้ไว้ว่าเป็นแบบสุนัขหางด้วน ผู้นำทางการศึกษา หลงตนเอง หลงวัตถุ ไหลไปกับโลกธรรม 8 สิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือการทำให้ผู้เรียนมีปัญญา 3 ประการ คือ "ไตรสิกขา" คือ ปัญญากาย ปัญญาใจ ปัญญาคิด
- องค์กร ชุมชน ควรพึ่งพาตนเอง ดีกว่า : พวกเขาสร้างโรงเรียนในชุมชนเอง สร้างคนขึ้นมาเอง ดีกว่าปล่อยให้คนเหล่านี้ไปเสียเวลาในระบบ เด็กในชุมชนมากมายเสียเวลา เสียเงินทองไปมากมาย สุดท้ายก็ละทิ้งชุมชนไปทำงานแออัดในเมือง ทอดทิ้งภูมิปัญญาท้องถิ่น
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 03:23:15 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 03:08:09 » |
|
(ต่อค่ะ)
- องค์กรใดที่ำไม่ไหวตัว ก็รับผลผลิตทางการศึกษาแบบ 1.0 ไป
- ชุมชนพอเพียง ชุมชนสมัยใหม่ ไม่สนใจการศึกษาในระบบ : พวกเขาส่งลูกหลานเรียนแค่ประถมหกก็พอ ที่เหลือเรียนจากปราชญ์ชาวบ้าน ผู้รู้ท้องถิ่น ไม่ต้องทอดทิ้งถิ่นฐาน
- ผู้นำการศึกษาญี่ปุ่นคิดนานถึง 4 ปี จึงให้บางเขตเรียนครึ่งวัน หรือ 4 วัน ที่เหลือให้รับใช้สังคม ชุมชนและครอบครัว
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 12:50:36 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 03:35:47 » |
|
(ต่ออีกหน่อย)
- ตราบใดที่วงการบริหาร HRD ยังคิดแบบ ....
แบบนิติศาสตร์ (กฎหมายนำหน้า เมตตาตามหลัง) แบบรัฐศาสตร์ (ฉันจะปกครองเธอ) แบบนักธุรกิจ (เงินฟาดหัว ก็ทำงานได้) แบบศึกษาศาสตร์ (ฉันสอน เธอจำ) ......
วงการบริหาร HRD ก็ย่ำอยู่ที่ 1.0 เป็น "กบในหม้อต้ม" ต่อไป
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 11:47:27 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 03:52:32 » |
|
(ต่อ)
- ผู้บริหารยุค 1.0 ชอบบ่นว่าคนสมัยนี้ ไม่รักองค์กร ไม่ขยัน ไม่อดทน พวกนี้คาดหวังให้เด็กรุ่นใหม่คิดเหมือนตนเอง
เด็กรุ่นใหม่หลายคน มาจากการศึกษาแบบ 2.0 มีอิสระเสรีภาพทางความคิด ชินกับวง Dialogue
มองเรื่อง ความสุข และการพัฒนาอย่างยั่งยืน มากกว่าการขยัน ๆ ในแบบ 1.0 ซึ่งเขาอาจมองว่าขยันแบบเห็นแก่ตัวก็ได้
- ผู้บริหารรุ่นใหม่ ทำงานไม่เป็น แต่เป็นใหญ่ในองค์กรก็มี วิธีคิดเป็นแบบ 1.0 ก็มี แม้จบจากต่างประเทศก็ตาม พวกนี้ถูกฝึกมาให้ทำตาม KPI ของโลกวัตถุนิยม ขาดจิตสาธารณะ ขาดจิตเมตตา ไม่เคยแบ่งปัน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 11:51:20 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 04:11:29 » |
|
- ทีมบริหารไม่คุยกัน วางฟอร์มใส่กัน ปากหวานก้นเปรี้ยว พฤติกรรมแบบ 1.0
HRD สมัยใหม่อาจจัดให้ทีมบริหารคุยกันดี ๆ ไม่มีสาระบ้างก็ได้ ให้หัวเราะด้วยกัน ผจญภัย หรือ ลำบากด้วยกัน ก็จะทำให้เกิด ต้นทุนที่นึกไม่ถึง คือ ต้นทุนทางความร่วมมือ ขึ้นมาได้ และต้องทำบ่อยๆ สม่ำเสมอ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 12:57:14 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Rainyday
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 12:59:24 » |
|
จบบท 8 แล้วจ้า
ไปอ่านเต็ม ๆ กับภาษาเจ็บ ๆ คัน ๆ แทงใจดำสุด ๆ ของ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ
ซื้อได้ที่ร้านซีเอ็ดบุ๊ค เชียงราย เล่มละ 195.- เจ๊า
เอ่อ...เมื่อยลูกตาแล้ว
กระตุ้นต่อมปรับปรุงตัวเองได้หลายเรื่องทีเดียวเชียว
แต่ว่าขอแวะไปกิน ช็อคโก้ แพนเค๊ก อร่อยๆ ก่อนนะจ๊ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 13:03:10 โดย Rainyday »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
raxerta
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 15:14:31 » |
|
เป็นจริงดั่งที่คุณเขียนมา แต่ละข้อความโดน ๆ ทั้งนั้น เด็กสมัยนี้ ถูกการศึกษาแบบอุตสาหกรรม หล่อหลอมมาให้เป็นแบบที่ ดร.วรภัทร์ เขียนไว้จริง ๆ
ไม่ต้องดูที่ไหนไกล ดูอเมริกาเป็นต้นแบบระบบการศึกษาของเรา สังคมในประเทศเค้ามีแต่ความวุ่นวาย สุดท้ายระบบเศรษฐกิจก็ถึงทางตัน ฝรั่งหนีมาอยู่บ้านเราเยอะแยะ
เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า สังคมแบบคนบ้านเรานั้น ดีกว่ามากมาย ไม่เห็นต้องไปเดินตามตูดฝรั่ง
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันกัน
สงสัยต้องไปหามาอ่านบ้างแล้ว...
|
|
|
|
|