ต้องการบริจาคร่างกายในวันเกิด เดือนหน้าค่ะ ใครพอจะทราบข้อมูลบ้างค่ะ

[Kru Fai ^^]

พอดีวันเกิดปีนี้อยู่ในช่วง เบญจเพส พอดีค่ะ

แต่คิดไว้นานแล้วว่า อยากบริจาคร่างกายเพื่อเป็นครูใหญ่ ให้นักศึกษาแพทย์ได้ใช้ประโยชน์จากร่างกายของตัวเอง

ใครพอจะทราบข้อมูล สถานที่ และขั้นตอนการบริจาคช่วยบอกหน่อยนะค่ะ

คิดว่าทำกุศลร่วมกัน

ขอบคุณค่ะ

[แม่มดน้อย]

ลองติดต่อสภากาชาดไทยค่ะ หรือตามรพ.มหาวิทยาลัยต่างๆค่ะ

[พ่อลูกอ่อน]

ลองถามรพไทยดูครับ ผมบริจาคแล้ว ตอนนั้นเค้ามาตั้งโต๊ะที่bigcครับ เอกสารกรอกเสร็จก็ส่งไป รพ ม เชียงใหม่ครับ

[bm farm]

  ..น่าชื่นชมน้ำใจแต้ๆครับ...

[A BB OffRoad Freedom Club]

พรุ่งนี้ผมจะไปเชียงใหม่พอดี ไปโรงพยาบาลสวนดอกไปรับหัวหน้าคนงานผม เดี๋ยวผมขอเอกสารที่โรงพยาบาลฯมาให้นะครับ แล้วได้เรื่องประการใดผมจะ PM ไปให้นะครับ

[Kru Fai ^^]

ขอบคุณทุกข้อความนะค่ะ

ขอให้ทุกได้บุญกันถ้วนหน้านะจ๊ะ

[Kru Fai ^^]

พรุ่งนี้ผมจะไปเชียงใหม่พอดี ไปโรงพยาบาลสวนดอกไปรับหัวหน้าคนงานผม เดี๋ยวผมขอเอกสารที่โรงพยาบาลฯมาให้นะครับ แล้วได้เรื่องประการใดผมจะ PM ไปให้นะครับ

จะรอฟังข่าวนะคะ

[sangtian]

ติดต่อได้ที่ รพ. มหาราชเชียงใหม่ค่ะ ขอให้ได้บุญกุศลเยอะ ๆ ขอให้มีความสุข  สุขภาพแข็งแรงนะคะ (ใจบุญจริง ๆ)

[๋๋P]

  สาธุ สาธุ

[jajaja]

ขอแจมด้วยคนคะ คิดอยากจะบริจาคมานานแล้วเหมือนกัน
แต่ไม่รุ้ต้องทำยังไงบ้าง รพ.ที่เชียงรายไม่ได้เหรอคะ

[๋๋P]

ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกันครับ

สมมุติว่า เราประสบอุบัติเหตุแล้ว
ทางโรงพยาบาลที่รับรู้เรื่องของเราจเลยหรือ?

แล้วต้องแจ้งญาติพี่น้องไว้รึป่าว?
หากตายไปแล้ว ญาติพี่น้องไม่ยอมให้ ทำไง?
เป็นการทำพินัยกรรมอย่างหนึ่งรึป่าว?

[Yim sri]

ขอตอบเท่าที่รู้นะคะ เพราะ ได้บริจาคดวงตาให้กับสภากาชาดไทยมา
กว่า ๑๐ปีแล้ว
๑.การบริจาคอวัยวะต่างๆ จะมีเอกสารให้กรอก ซึ่งเราต้องเก็บไว้และให้ญาติพี่น้องได้รับรู้
ว่าเราได้บริจาคร่างกาย/อวัยวะ ให้ใคร เช่น ให้รพ.ศิริราช/จุฬา/เชียงใหม่ซึ่งหากผู้บริจาคเป็นอะไรไป ญาติก็สามารถติดต่อไปที่รพ.แห่งนั้นซึ่งจะดำเนินการต่อไปทันที(น่าจะรีบด่วนภายใน๒๔ ชั่วโมง )
๒. รพ.จะไม่รู้ค่ะว่า มีเหตุอะไรเกิดขึ้นกับท่านที่บริจาค ซึ่งญาติน่าจะผู้ดำเนินการแจ้งเอง
๓หากญาติไม่ยอม รพ.ก็น่าจะทำอะไรไม่ได้( กระมัง?) เพราะญาติจะเป็นผู้รู้ฝ่ายเดียว
๔. การทำพินัยกรรม ว่าจะบริจาคร่างกาย น่าจะเป็นการดีเพราะเป็นความต้องการของผู้อุทิศร่าง/อวัยวะ
๕. จะมีบัตรที่ทางรพ.ที่เราได้แจ้งจำนงค์ไว้  ติดตัวน่าจะดี เพราะสมมุติว่าเกิดอะไรขึ้นในที่ๆ ญาติไม่รู้ แต่ยังมีบัตรบริจาคอยู่ ก็สามารถติดต่อกับทางรพ.นั้นได้เป็นด่านแรก
(ขอไปหาบัตรที่ทางรพ.จุฬาได้ออกให้ตอนที่ทำบริจาคดวงตาให้รพ.)
ข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยค่ะ

[flashi]

บริจาคหมดทุกส่วนทั้งอวัยวะ ดวงตา ที่เค้าพอจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่อายุยี่สิบ
จนป่านนี้ ยังเครียล์กะแม่ไม่ได้เลยค่ะ เค้าไม่ยอมอ่ะ 

[แม่มดน้อย]

บริจาคหมดทุกส่วนทั้งอวัยวะ ดวงตา ที่เค้าพอจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่อายุยี่สิบ
จนป่านนี้ ยังเครียล์กะแม่ไม่ได้เลยค่ะ เค้าไม่ยอมอ่ะ 

บอกไปเลยค่ะ บริจาคอวัยวะได้บุญมากที่สุด เพราะได้ช่วยผู้อื่นอีกหลายชีวิต ว่าจะไปทำเรื่องบริจาคเหมือนกันค่ะ

[flashi]

บริจาคหมดทุกส่วนทั้งอวัยวะ ดวงตา ที่เค้าพอจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่อายุยี่สิบ
จนป่านนี้ ยังเครียล์กะแม่ไม่ได้เลยค่ะ เค้าไม่ยอมอ่ะ 

บอกไปเลยค่ะ บริจาคอวัยวะได้บุญมากที่สุด เพราะได้ช่วยผู้อื่นอีกหลายชีวิต ว่าจะไปทำเรื่องบริจาคเหมือนกันค่ะ

บอกไปหมดละ เค้าก็ยังมีความเชื่อของเค้าอ่ะค่ะ

[๋๋P]

บริจาคหมดทุกส่วนทั้งอวัยวะ ดวงตา ที่เค้าพอจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่อายุยี่สิบ
จนป่านนี้ ยังเครียล์กะแม่ไม่ได้เลยค่ะ เค้าไม่ยอมอ่ะ 

ถ้ามองในมุมกลับ นึกถึงใจของพ่อแม่เมื่อต้องเสียลูกที่รัก
คงทำใจไม่ได้ที่เห็นลูกที่จากไปแล้ว ต้องอยู่ในนั้นตลอด

[แม่มดน้อย]

บริจาคหมดทุกส่วนทั้งอวัยวะ ดวงตา ที่เค้าพอจะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ตั้งแต่อายุยี่สิบ
จนป่านนี้ ยังเครียล์กะแม่ไม่ได้เลยค่ะ เค้าไม่ยอมอ่ะ 

บอกไปเลยค่ะ บริจาคอวัยวะได้บุญมากที่สุด เพราะได้ช่วยผู้อื่นอีกหลายชีวิต ว่าจะไปทำเรื่องบริจาคเหมือนกันค่ะ

บอกไปหมดละ เค้าก็ยังมีความเชื่อของเค้าอ่ะค่ะ

อ่อค่ะเข้าใจ ก็เคยนึกขำๆเหมือนกันนะคะ เวลาที่คุยกะเพื่อนเรื่องบริจาคร่างกาย เพื่อนบอกไม่เอา เดี๋ยวชาติหน้ามา ไอ้นั่นหาย ไอ้นี่หลุด สมมติบริจาคดวงตา ชาติหน้ามาตาจะบอด อยากจะบอกว่า ตาดีมากกว่า

[A BB OffRoad Freedom Club]

การบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาสร้างกุศลทานอันยิ่งใหญ่ ผู้บริจาคเป็นผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ ยอมสละร่างกายของตนเอง ให้ผู้ที่ไม่เคยได้รู้จักมาก่อนได้ศึกษา โดยเพียงแต่มุ่งหวังว่า ผู้ที่ศึกษาร่างของตนจะนำความรู้ที่ได้รับนั้นไปช่วยมวลมนุษยชาติต่อไป ผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาได้สร้างกุศลทานครั้งสุดท้ายของชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด โดยได้แต่หวังว่า ผู้อยู่เบื้องหลังจะไม่ต้องทนทุกข์จากอาการเจ็บป่วย ตนเองมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดใด นอกจากได้เป็นผู้ “ให้” เท่านั้น
       
       ศ.พญ.ผาสุก มหรรฆานุเคราะห์ หัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงการอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาสำหรับนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ว่า เนื่องจากการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาขาวิชาแพทยศาสตร์นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาอวัยวะต่างๆในร่างกายของมนุษย์ให้เข้าใจถ่องแท้ ดังนั้นจึงได้จัดให้มีการรับอุทิศร่างกายจากผู้มีจิตศรัทธา
       การทำบุญด้วยการมอบร่าง เมื่อเสียชีวิตแล้วให้นักศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพได้ศึกษาหา ความรู้ เพื่อนำความรู้ที่ได้นั้นไปช่วยเหลือผู้ป่วยเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วผู้ที่จะอุทิศร่างตนเองได้ต้องมีจิตศรัทธาอย่างแรงกล้า ในพุทธศาสนาถือว่าการอุทิศร่างกายนั้นเป็นทานและกุศลอันใหญ่หลวง เมื่อเสียชีวิตแล้วจะเหลือแต่สังขารซึ่งหากเอาไปเผาหรือฝังก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรสู้อุทิศเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นต่อไปดีกว่า ดังนั้นร่างอุทิศทุกร่างคือ อาจารย์ใหญ่ของนักศึกษา"
       
       ศ.พญ.ผาสุก กล่าวต่อว่า ทางคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มอบหมายให้ภาควิชากายวิภาคศาสตร์รับผิดชอบเรื่องการอุทิศร่างกาย จากผู้มีจิตศรัทธาเมื่อเสียชีวิตแล้ว เพื่อเป็นกายวิทยาทานในการศึกษาในวิชาแพทยศาสตร์ และสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง
       
       “ผู้ที่จะอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ต้องมีอายุระหว่าง 20 – 80 ปี ต้องไม่เป็นผู้พิการทางร่างกาย จนไม่เหมาะสมแก่การศึกษา เช่น ขา แขนขาด หรือพิการแต่กำเนิดทำให้ร่างกายผิดรูป ไม่รับศพอุทิศร่างกายที่เสียชีวิตเมื่ออายุเกิน 80 ปี หรือเป็นโรคหรือเสียชีวิตจากสาเหตุต่อไปนี้ ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคเอดส์ โรคไวรัสตับอักเสบบี โรคพิษสุนัขบ้า โรคบาดทะยัก โรควัณโรคระยะรุนแรง ถูกสัตว์มีพิษกัดต่อย เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ศพที่ได้รับการผ่าตัดชันสูตรมาแล้ว”
       
       ส่วนขั้นตอนการบริจาคแบ่งตามวัตถุประสงค์ได้ 2 แบบ คือ แบบที่ 1 เพื่อให้นักศึกษาชำแหละ แบบที่ 2 เพื่อทำโครงกระดูกไว้ศึกษา (ในกรณีนี้ ต้องมีอายุ น้อยกว่า 55 ปี ในวันที่ถึงแก่กรรม หรือขึ้นกับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่)
       
       ผู้ประสงค์จะอุทิศร่างกาย สามารถขอแบบฟอร์มหนังสืออุทิศร่างกายจากเจ้าหน้าที่ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ (1 ชุด มีจำนวน 3 แผ่น) เพื่อนำไปกรอกรายละเอียดและวัตถุประสงค์ของผู้อุทิศร่างกาย ทั้ง 3 แผ่น แนบรูปถ่ายขนาด 1x1 นิ้ว หรือขนาดใกล้เคียง หน้าตรง ไม่สวมหมวก จำนวน 2 รูป (เขียน ชื่อ – สกุล ไว้ด้านหลังรูปทุกใบ) แนบสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาทะเบียนบ้านอย่างใดอย่างหนึ่งของผู้อุทิศร่างกาย
       
       จากนั้นให้ยื่นแบบฟอร์มอุทิศร่างกาย พร้อมรูปถ่าย แก่เจ้าหน้าที่เพื่อออกบัตรประจำตัวให้ สำหรับท่านที่ต้องการจะติดต่ออุทิศร่างกายทางไปรษณีย์ สามารถส่งหลักฐานดังกล่าวทางจดหมาย โดยจ่าหน้าซองพร้อมติดแสตมป์ ส่งแบบฟอร์มพร้อมรูปถ่ายไปที่ “หัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200”
       
       เมื่อภาควิชาฯ ได้รับหนังสืออุทิศร่างกายและรูปถ่ายของท่านแล้ว จะดำเนินการออกบัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกาย และส่งกลับไปตามที่อยู่ที่ระบุเอาไว้ในหนังสืออุทิศร่างกาย และขอให้ท่านพกบัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกายนั้นติดตัวไว้เสมอ หากมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ ขอความกรุณาแจ้งให้ทางภาควิชาฯ ทราบ
       
       การปฏิบัติสำหรับญาติ เมื่อผู้อุทิศร่างกายถึงแก่กรรม หรือ ผู้อุทิศร่างกายได้เสียชีวิตลง ให้ทายาทหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ติดต่อขอทราบรายละเอียดในการดำเนินการที่ ห้องอุทิศร่างกาย ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ทันที
       
       สำหรับเงื่อนไขของร่างอาจารย์ใหญ่ คือ ห้ามฉีดยารักษาสภาพศพ ก่อนที่จะติดต่อเจ้าหน้าที่ห้องอุทิศร่างกาย ซึ่งจะเป็นผู้แนะนำวิธีรักษาศพ และหากญาติต้องการตั้งศพไว้ทำบุญ สามารถตั้งได้ไม่เกิน 3 วัน เมื่อครบกำหนดแล้วเจ้าหน้าที่จะมารับศพเพื่อไปดำเนินการต่อไป
       
       - ให้ญาติดำเนินการแจ้งต่อนายทะเบียนท้องที่ และนำสำเนาใบมรณะบัตร 1 ฉบับ มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ ของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ เพื่อเป็นหลักฐานในการเคลื่อนย้ายศพออกจากพื้นที่ (ในกรณีตรงกับวันหยุดราชการ ไม่สามารถทำใบมรณะบัตรได้ ให้นำสำเนาใบรับรองการตายมามอบแทน และให้นำสำเนาใบมรณะบัตรส่งมอบให้ภาควิชาฯ ในวันทำการถัดจากวันหยุดราชการ)
       
       - ถ้าผู้อุทิศร่างกายแจ้งความจำนงอุทิศดวงตาร่วมด้วย ญาติต้องแจ้งที่ศูนย์ดวงตาภาค 10 หมายเลขโทรศัพท์ 053-945512-3, 053-945112 (นอกเวลาราชการ) ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมงนับตั้งแต่เสียชีวิต
       
       - หากผู้อุทิศร่างกายต้องการยกเลิกการอุทิศร่างกาย ขอความกรุณาแจ้งให้ภาควิชาฯ ทราบ เพื่อทางภาควิชาฯ จะได้ทำการยกเลิกหนังสืออุทิศร่างกายต่อไป
       ทางภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ขอสงวนสิทธิ์ในการไม่รับศพที่เสียชีวิตโดยผิดธรรมชาติ เช่น ศพเกี่ยวกับคดี หรืออุบัติเหตุ เป็นต้น ศพที่เสียชีวิตด้วยโรคตามระเบียบปฏิบัติสำหรับผู้ที่จะอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษข้อ 3 ศพที่อายุเกิน 80 ปี ศพที่สภาพไม่เหมาะสมแก่การนำมาศึกษา เช่น ศพเน่าเปื่อย อวัยวะขาดหาย อ้วน หรือผอมมากเกินไป ฯลฯ ศพของผู้อุทิศร่างกายที่เสียชีวิตนอกระยะทาง 300 กิโลเมตร จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
       
       ศ.พญ.ผาสุก ชี้แจงถึงขั้นตอนสุดท้ายจากการนำผู้อุทิศร่างกาย ว่าคณะแพทย์ มช.จะทำการฌาปนกิจรวม สำหรับร่างอาจารย์ใหญ่ที่ผ่านการศึกษาแล้ว
       
       “ในส่วนของการรักษาศพ หลังจากรับมอบศพเรียบร้อยแล้ว จะนำศพมาฉีดน้ำยารักษาศพและนำศพลงแช่ในน้ำยาอีกครั้งเป็นเวลา 2 ปี จึงจะนำขึ้นมาเพื่อในการศึกษา เมื่อเสร็จสิ้นการศึกษาในแต่ละปี ทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จะจัดงานฌาปนกิจรวมสำหรับร่างอาจารย์ใหญ่ที่ผ่านการศึกษาแล้ว ในแต่ละปีการศึกษาจะใช้ร่างอาจารย์ใหญ่ประมาณ 300 ร่าง ซึ่งทางโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่จะมีหนังสือเรียนเชิญญาติอาจารย์ใหญ่แต่ละท่านมาร่วมงาน เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่อาจารย์ใหญ่ทุกร่างให้ไปสู่สุขติ”
       
       ทั้งนี้ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลและพิธีพระราชทานเพลิงศพอาจารย์ใหญ่ ประจำปีการศึกษา 2551 เมื่อวันที่ 27-28 กุมภาพันธ์ และ 1 มีนาคม 2552 ที่ผ่านมา ณ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสุสานสันกู่เหล็ก โดยมีนักศึกษาแพทย์ นักศึกษาทันตแพทย์ นักศึกษาเทคนิคการแพทย์ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมเป็นเจ้าภาพ
       
       "ที่ผ่านมาภาควิชาฯได้รับความอนุเคราะห์จากผู้มีกุศลจิตเจตนาบริจาคร่างกายเพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่จำนวนมาก ในปัจจุบันนี้รถที่ใช้ในการรับร่างอาจารย์ใหญ่ มีสภาพทรุดโทรม เนื่องจากใช้มาเป็นเวลานาน และต้องเดินทางไปรับร่างอาจารย์ใหญ่ในพื้นที่ภาคเหนือหลายจังหวัด เพื่อความปลอดภัยและสมเกียรติแก่อาจารย์ใหญ่ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ ร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อจัดซื้อรถรับร่างอาจารย์ใหญ่ขึ้น ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนจัดซื้อรถรับร่างอาจารย์ใหญ่ เพื่อนำไปจัดซื้อรถตู้ดังกล่าว โดยบริจาคสมทบกองทุนได้ที่ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โทร. 0-5394-5312” ศ.พญ.ผาสุก กล่าวทิ้งท้าย

[A BB OffRoad Freedom Club]

ผมไปติดต่อมาหื้อแล้วคับพี่ที่เป็นพยาบาลเปิ้นปรินท์มาหื้อผมก็เลยขอเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้รับทราบกันครับผม
ขอบคุณครับผม
เอ บีบี
ปล.ผม 1 คนหล่ะครับที่จะบริจาคครับผม

[แม่มดน้อย]

ผมไปติดต่อมาหื้อแล้วคับพี่ที่เป็นพยาบาลเปิ้นปรินท์มาหื้อผมก็เลยขอเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้รับทราบกันครับผม
ขอบคุณครับผม
เอ บีบี
ปล.ผม 1 คนหล่ะครับที่จะบริจาคครับผม

มีใบขอบริจาคไหมเนี่ย