เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 23 กรกฎาคม 2025, 14:40:48
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  สิ้นเกจิดัง ต๋นบุญแห่งล้านนา 'ครูบาดวงดี' รวมอายุขัย104ปี
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน สิ้นเกจิดัง ต๋นบุญแห่งล้านนา 'ครูบาดวงดี' รวมอายุขัย104ปี  (อ่าน 1888 ครั้ง)
taekeuk_poomse
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2010, 11:30:26 »

สิ้นเกจิดังล้านนา 'ครูบาดวงดี' รวมอายุขัย104ปี


สิ้น เกจิชื่อดังล้านนา "ครูบาดวงดี สุภัทโท" วัดท่าจำปี เชียงใหม่ รวมอายุ 104 ปี พรรษา 83 หลังอาพาธด้วยโรคชรา มีโรคแทรกซ้อน ช่วงสายคณะศิษยานุศิษย์จะได้หารือเตรียมเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลต่อ...

เมื่อ ช่วงเช้ามืดวันที่ 6 ก.พ. ที่พระมงคลวิสุต (หลวงปู่ครูบาดวงดี) พระครูสุภัทรสีลคุณ ฉายา สุภัท โท อายุ 104 ปี พรรษา 83 เจ้าอาวาสวัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ พระเกจิชื่อดังที่มีอายุยืนที่สุดของแผ่นดินล้านนา มีลูกศิษย์อยู่ทั่วประเทศ ซึ่งได้อาพาธด้วยโรคชรา มีโรคแทรกซ้อน อาการทรุด พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชเชียงใหม่ ตึกศรีพัฒน์ ชั้น 4 ห้อง 1 และได้มรณภาพลงแล้วที่ห้องไอซียู ชั้น 4 ตึกศรีพัฒน์

ผู้สื่อข่าวได้ รับการเปิดเผยจาก นายสมคิด สมทอง ลูกศิษย์ทราบว่า หลวงปู่ได้อาพาธ ทางลูกศิษย์เคยส่งไปรักษาที่ ร.พ.บำรุงราษฎร์ กรุงเทพฯ จนกระทั้งทาง ร.พ.อนุญาตให้นำหลวงปู่กลับมาพักฟื้นที่วัดท่าจำปี ได้ประาณ 2 เดือน ก่อนหน้าประมาณ 1 อาทิตย์ อาการหลวงปู่ไม่ดีขึ้น เนื่องจากแพทย์ตรวจภายหลังพบว่ามีเลือกออกในกระเพาะอาหาร ทางลูกศิษย์จึงพามารักษาที่ ร.พ.มหาราชนคร เชียงใหม่ แต่ท่านได้ละสังขารเมื่อตอนเช้ามืดของวันนี้ ซึ่งในช่วงสายทางคณะศิษยานุศิษย์ จะได้หารือเพื่อเตรียมเคลื่อนศพหลวงปู่ นำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดท่าจำปีต่อไป

ประวัติ
หลวง ปู่ครูบาดวงดี สุภัทโท ถือกำเนิดที่บ้านท่าจำปี ต.ทุ่งสะโตก อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เป็นคนพื้นเพบ้านท่าจำปีมาแต่กำเนิด บิดามารดา เป็นชาวไร่ชาวนา โยมบิดาชื่อ พ่ออูบ โยมมารดาชื่อ แม่จั๋นติ๊บ (สมัยนั้นยังไม่มีการใช้นามสกุล) หลวงปู่ถือกำเนิดในแผ่นดินรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ตรงกับสมัยพ่อเจ้าอินทวิชยานนท์ (เจ้ามหาชีวิต) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 26 เดือนเมษายน พ.ศ. 2449 หลวงปู่มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 8 คน เป็นชาย 4 คน เป็นหญิง 4 คน หลวงปู่เป็นลำดับที่ 7 และมีน้องสุดท้องชื่อแม่นิน

เริ่มต้นชีวิตในผ้ากาสาวพัตร
เมื่อ หลวงปู่อายุได้ 11 ปี ได้ติดตามพ่อแม่ไปทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารแด่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัย ซึ่งขณะนั้นท่านครูบาถูกทางการจังหวัดลำพูน นำตัวมากักขังบริเวณที่วัดพระธาตุเจ้าหริภุญชัย (วัดหลวงลำพูน) ในข้อหาเป็นพระอุปัชฌาย์เถื่อนไม่มีหนังสืออนุญาตบวชพระ เมื่อท่านครูบาเจ้าฯได้เห็นเด็กชายดวงดี ท่านก็มีเมตตาอย่างสูงเรียกเข้าไปหาพร้อมกับบอกพ่อแม่ว่า "กลับไปให้เอาไปเข้าวัดเข้าวา ต่อไปภายหน้าจะได้พึ่งพาไหว้สามัน" นับเป็นพรอันประเสริฐ ยิ่งในการที่ท่านครูบาเจ้าฯได้พยากรณ์พร้อมกับประสาทพรให้หลวงปู่ตั้งแต่ยัง เด็กหลังจากที่เดินทางกลับถึงบ้าน ไม่กี่วันต่อมา บิดาก็นำขันข้าวตอกดอกไม้ พร้อมกับนำตัวเด็กชายดวงดีไปถวายฝากตัวเป็นศิษย์ (ขะโยม) ในท่านครูบาโปธิมา ซึ่งเป็นอธิการวัดท่าจำปี ใกล้ๆบ้านนั่นเอง ครูบาโปธิมาก็ได้พร่ำสอนหนังสือของทางการบ้านเมืองสมัยนั้น หลังจากสั่งสอนเด็กชายดวงดีจนพออ่านออกเขียนได้ ท่านครูบาโปธิมาก็ย้ายจากวัดท่าจำปีไปเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง ห่างจากวัดท่าจำปีไปเล็กน้อย

ท่าครูบาสิงหะ เจ้าอาวาสท่านต่อมาได้ให้เด็กชายดวงดีศึกษาเป็นขะโยม(เด็กในวัด) อยู่กับคณูบาสิงหะได้ไม่นาน ครูบาสิงหะก็มรณภาพ คงเหลือสามเณรสิงห์แก้วดูวัดท่าจำปีแทนและทำหน้าที่สั่งสอนลูกศิษย์ไปด้วย หลังจากทำบุญประชุมเพลิงครูบาสิงหะแล้วสามเณรสิงห์แก้วก็ลาสิกขาจึงทำให้วัด ท่าจำปีร้างรกไม่มีเจ้าอาวาสติดต่อกันถึง 3 ปี ในขณะที่วัดร้างรานั้น หลวงปู่หรือเด็กชายดวงดีขณะนั้นก็ทำหน้าที่ดูแลวัดอย่างที่เคยปฏิบัติมา เช่น ปัดกวาดกุฏิวิหาร จัดขันดอกไม้บูชาพระ ตักน้ำคนโท(น้ำต้น)ถวายพระพุทธรูปตลอดเวลา

ต่อมาคณะศรัทธาวัดท่า จำปี ได้อาราธนานิมนต์ท่านครูบาโสภามาเป็นเจ้าอาวาสวัดท่าจำปี เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตกอีก ตำแหน่งด้วย ทำให้วัดท่าจำปีเกิดความสำคัญขึ้นมาอย่างยิ่ง เพราะนอกจากท่านครูบาโสภณจะเป็นเจ้าคณะตำบลแล้ว ท่านยังเป็นพระสหธรรมมิกที่มีอายุพรรษารุ่นราวคราวเดียวกันกับม่านคณุบาศีล ธรรมศรีวิชัย มีผู้คนเคารพนับถือมากมายถึงกับขนานนามท่านว่า "ตุ๊เจ้าตนบุญตนวิเศษแห่งล้านนา" จริงๆ เพราะท่านมีบุญญาอภินิหารปรากฏแก่สายตาคนทั้งหลาย ซึ่งเป็นที่ร่ำลือถึงเหตุการณ์ต่างๆอย่างไม่ลดละตราบจนทุกวันนี้

หลัง จาก เด็กชายดวงดีศึกษาภาษาพื้นเมืองได้คล่องแคล่ว อายุได้ 13 ปีพอดีท่านครูบาโสภาจึงนำเด็กชายดวงดีไปปรึกษากับท่านครูบาศรีวิชัย ซึ่งขณะนั้นท่านได้ขึ้นมาบูรณะปฏิสังขรณ์ทางเมืองเชียงใหม่ พ.ศ.2462 ท่านครูบาศรีวิชัยมีความพอใจเด็กชายดวงดีมาก ท่านครูบาโสภาก็เล่าเรื่องการบวชเณรให้ท่านครูบาศรีวิชัยฟัง ท่านก็บอกกับครูบาโสภณว่า "ถ้าบวชพระแล้วก็หื้อขึ้นมาจำพรรษาอยู่วัดพระสิงห์นี่แหละ จะได้เป็นเพื่อนกับนายสิงห์ดำ" (ซึ่งเป็นหลานแท้ๆของท่านครูบาศรีวิชัย)ซึ่งมีหน้าที่ปลงเกศาให้กับท่าน ครูบาศรีวิชัย

ในขณะที่หลวงปู่อยู่จำพรรษากับท่าครูบาเจ้าศรีวิชัย นับ ตั้งแต่เป็นสามเณรใหม่ๆนั้นและเดินทางปฏิบัติเล่าเรียนอยู่กับท่านครูบาเจ้า ศรีวิชัยนั้น ท่านอายุได 28 ปี เป็นช่วงที่ท่านครูบาเจ้าศรีวิชัยต้องอธิกรณ์ข้องกล่าวหาต่างๆนาๆ เช่นการบุกรุกป่าสงวน ซ่องสุมผู้คน ตั้งตนเป็นผีบุญ จนถึงกับถูกจับส่งตัวไปตัดสินความที่กรุงเทพฯ เนื่องจากถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่โต เมื่อคณะสงฆ์ในเขตปกครองแขวงบ้านแมง (อ.สันป่าตอง)ขอลาออกจากการปกครองเมืองเชียงใหม่ถึง 60 วัด ท่านครูบาโสภาวัดท่าจำปี ท่านครูบาปัญญา วัดท่ากิ่งแลหลวง ก็ถูกไต่สวนจนต้องนำคณะศิษย์หนีหนีไปแสวงบุญก่องสร้างวิหานพระพุทธบาท ฮังฮุ้ง ในเขตประเทศพม่าจนไม่ยอมกลับมาอีกเลย บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของท่านครูบาศรีวิชัยต้องแยกย้ายกันไปแสวงบุญคนละทิศละ ทาง คงค้างแต่ท่านครูบาขาวปีทำหน้าที่ดูแลวัดสิงห็ และเป็นหัวแรงในการก่อสร้างวัดวาอารามที่ค้างไว้

ต่อมาท่านครูบาศรี วิชัยถูกชำระความพ้นผิดเดินทางกลับเมืองลำพูนอยู่ได้ไม่นาน ก็ถึงแก่มรณภาพที่วัดจามเทวี เมื่ออายุได้ 61 ปี ซึ่งขณะนั้นหลวงปู่ดวงดีอายุได้ 32 ปี หลวงปู่ได้เดินทางไปก่อสร้างวัดวาอารามเจริญรอยตามท่านครูบาศรีวิชัยผู้เป็น พระอาจารย์ หลังจากนั้นก็ติดตามครูบาเจ้าอภิชัยผ้าขาวปีมาสร้างวิหารวัดท่าจำปีหลวงปู่ เดินทางกลับมาก่อสร้างวัดท่าจำปี ขณะนั้นอายุได้ 42 ปีได้รับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตกจากท่านครูบาโสภาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าหลวงปู่จะมีตำแหน่งหน้าที่ทางการคณะสงฆ์ก็ตาม ท่านก็มิได้ละเลยข้อวัตรปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งท่านมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ในระหว่างที่มาดำรงค์ตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อจากท่านครูบาโสภา หลวงปู่ก็มิได้สร้างแต่เฉพาะวัดท่าจำปีเท่านั้น ทุกวัดในละแวกเดียวกันหลวงปู่ก็ช่วยเหลือเป็นแรงสำคัญไม่ว่าถนนหนทาง อุโบสถ วิหาร เจดีย์ สะพาน หรือแม้แต่โรงเรียน โรงพยาบาล หลวงปู่ก็ให้ความอุปถัมภ์บำรุง แม้กระทั่งวัดในเขตอำเภอสันป่าตอง หรือต่างอำเภอ หรือต่างจังหวัด จนไม่สามารถนำมาบรรยายได้ทั้งหมด

หน้าที่การคณะสงฆ์และสมณศักดิ์
หลวงปู่ครูบาดวงดีสุภัทฺโท ปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะตำบลทุ่งสะโตก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๙๒

-วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ได้รับสถาปนาประทวนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวนเจ้าคณะตำบล

-วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทที่ "พระสุภัทรสีลคุณ" ณ พุทธมณฑล จังหวัด นครปฐม

-ปัจจุบันหลวงปู่เจริญอายุครบ 104ปี(83 พรรษา) .
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2010, 11:40:55 โดย บ่าวสองเมือง(เจียงใหม่-น่าน) » IP : บันทึกการเข้า
coccus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2010, 20:00:52 »


ตกใจค่ะ!!! เพราะเพิ่งไปที่วัดเมื่อวันเสาร์ที่ 2 อยู่เลย แต่ไม่เจอเพราะท่านอยู่ในห้อง

ป้ายงดเยี่ยม  เลยได้แค่กราบอยู่หน้าห้อง ร้องไห้ ร้องไห้

IP : บันทึกการเข้า
Manual
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2010, 20:47:35 »

ครูบา แต้ๆ
ตนบุญของล้านนาอีกรูป ครับ
IP : บันทึกการเข้า
[ตา-รา-บาว]
"^^"
ผู้ดูแลบอร์ด
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,240


-หนุ่มบาวเองคร๊าฟ-


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2010, 20:52:01 »

ที่จริงทราบข่าวตั้งแต่เช้าละครับ อึ่งมากครับวงการศาสนาเราเสีย อริยเจ้าหลายองค์ในเวลาใกล้ๆกัน ก่อนหน้านี้ก็หลวงปู่เจือ ปิยสีโล แล้วก็มาครูบาดวงดีอีก ส่วนตัวนับถือท่านมาก กราบส่งท่านเข้าสู่พระนิพพานครับ
IP : บันทึกการเข้า

"เป็นอยู่อย่างต่ำ มุ่งกระทำอย่างสูง"
--พุทธทาส--
แก้วซอมพอ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,066



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2010, 20:53:37 »

ไหว้สา..ครูบาเจ้า...ตนบุญแห่งเมืองล้านนา...
IP : บันทึกการเข้า

...มากคนมากเรื่องรู้.......................ตอแหล
จริงบ่จริงตอแย.............................เร่งเร้า
          มากมายเรื่องวอแว........................จักขุ่น...ใจเฮย
           เพียงคิด หยิกหยอกเย้า ................อย่าได้  หาความ
۰•ฮักแม่จัน©®
เลวบ้างในบางเวลา
ผู้ดูแลบอร์ด
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,048


"มารบ่มี บารมี บ่เกิด.."


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2010, 21:00:45 »

อนิจฺจา วต สงฺขารา
อุปฺปาทวยธมฺมิโน
อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ
เตสํ วูปสโม สุโขติ ฯ


สาธุ....
IP : บันทึกการเข้า

"ทำบุญเท่าไรก็ไม่สามารถลบล้างบาปได้ บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป"

ไม่มีใครหรอกที่จะเลวโดยสันดาน ..
หากแต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ทำ
คนเมือง ณ กว่างกรุง
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 553


กำหนดชีวิตตัวเอง หรือรอให้คนอื่นมากำหนดชีวิตเรา..


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 06 กุมภาพันธ์ 2010, 22:36:44 »


ขอบคุณสำหรับข่าว..
IP : บันทึกการเข้า

"กว่างเจียงของ"
TOP_AAD
top_aad@hotmail.com
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 685



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 07 กุมภาพันธ์ 2010, 16:22:42 »

ส่งครูบา สู่สรวงสวรรค์
IP : บันทึกการเข้า

1.เทียนสะเดาะเคราะห์ สืบชะตา บูชาโชค
2.เทียนมหาโภคทรัพย์ขี้ไร้กลายเป็นเศรษฐี ดั่งแก้วสารพัดนึก สมปรารถนา พลิกชีวิต ร่ำรวยๆ
isuzuman
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 125


.............


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 08 กุมภาพันธ์ 2010, 13:24:59 »

ขอบคุณที่หาประวัติท่านมาให้อ่านครับ
IP : บันทึกการเข้า
NostradaMo~
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2010, 18:58:28 »

ครูบาอายุ104ปี น้อยกว่าคุณย่าผม7ปีแต่คุณย่าผมเสียไปเมื่อปี47
การได้นั่งคุยกับคุณแก่อายุเกินร้อย(มีชีวิตอยู่ในรัชสมัยร.5)นั้นวิเศษครับ ได้เห็นมุมมองการใช้ชีวิตสมัยก่อน ความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ สัตว์ป่า ข้าวปลาอาหาร มีความสมบูรณ์มาก การพูดคุยยังมีติดภาษาพ่อขุนรามอยู่ เพราะดีครับ ดิบๆจริงใจ ย่าผมแข็งแรงครับ ตัวเล็ก ไม่อ้วน ขนาดตอนอายุ90กว่าแล้วยังหุงหาอาหารกินเองได้ ย่าจะชอบทำเองครับ มีผักกับปลาแห้ง กล้วยสุก ข้าวเหนียว แต่ตอนที่เสียนั้น ท่านนอนอย่างเดียวครับไม่มีแรงเดินเป็นเวลาเกือบ2ปีจะไปไหนก็แถเอา ท่านนอนทานข้าวแล้วติดคอครับไม่มีใครเห็นเพราะท่านอยู่ในห้อง ปรกติก็ทานเองไม่มีปัญหา ก็คงหมดกรรมอ่ะครับ การได้อยู่พูดคุยสัมผัสกับบุคคลที่มีชีวิตในสมัยร.5นั้นใครไม่เคยคุยก็ไม่รู้ครับ มันยิ่งกว่าหนังสือประวัติศาสตร์อีกครับ
ทุกแง่มุมการใช้ชีวิต สังคม กฏหมาย ความอาทร ที่หายากในสมัยนี้ บรรยายออกเป็นตัวหนังสือไม่หมดครับ
พูดเรื่องตัวเองมาเสียยืดยาว ลืมหัวข้อกระทู้เลย อิ อิ
ก็ขอให้ท่านครูบาจงไปสู่สุคติในสัมปรายภพ ด้วยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 กุมภาพันธ์ 2010, 19:02:04 โดย NostradaMo~ » IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!