เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 19 เมษายน 2024, 14:09:36
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  การเกษตร,ฟาร์มสัตว์,ปศุสัตว์ (ผู้ดูแล: bm farm)
| | |-+  เทคนิคเกษตรปลอดภัย กำจัดราสนิมต้นลีลาวดีได้ผล100% ถูกและประหยัด ปลอดภัยด้วย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน เทคนิคเกษตรปลอดภัย กำจัดราสนิมต้นลีลาวดีได้ผล100% ถูกและประหยัด ปลอดภัยด้วย  (อ่าน 24304 ครั้ง)
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« เมื่อ: วันที่ 08 เมษายน 2011, 14:22:10 »

ได้ข้อมูลมาจากเว็ป แมกโนเลียครับ ตามนี้...http://www.magnoliathailand.com/webboard/index.php?topic=8686.0
ที่บ้านผมปลูกลีลาวดีหลายสิบต้นครับได้รับแรงบันดาลใจจากคุณมุกและก็พี่ชื่น นี่แหละตอนนี้มีเยอะมาก  แต่ปัญหากวนใจคือราสนิมครับ ใช้ยาอะไรก็เอาไม่อยู่ครับปวดกระดองใจมากเลย บังเอิญวันก่อนไปเดินร้านต้นไม้ก็บ่นกับคนขายถึงปัญหาที่ว่านี้แหละครับ คนขายก็เลยบอกว่าง่ายนิดเดียว ใช้น้ำยาล้างจานสิพี่ พ่นเลยรับรอง..... ผมก็เลยกลับบ้านมาทดลอง ปรากฏว่าได้ผลจริงๆ ครับ หมดห่วงไปเลยใบงี้ไม่มีราสนิมให้เห็นอีกเลย จึงเอามาบอกให้เพื่อนๆ ที่รักลีลาวดีได้ทราบทั่วกันครับ ผสมไม่ต้องเข้มข้น พอลื่นๆ ก็พอครับพ่นใต้ใบให้ทั่วรับรองจบครับ......

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 26 เมษายน 2011, 23:28:27 โดย jaroen » IP : บันทึกการเข้า
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 11 เมษายน 2011, 13:39:19 »

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
naa_tae
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 110


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 14 เมษายน 2011, 15:43:18 »

มันสูง อยู่นะครับ พ่นยาก ครับ
IP : บันทึกการเข้า
poseidon
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 982



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 18 เมษายน 2011, 00:46:09 »

ต้องใช้อุปกรณ์พ่นช่วยนะครับถ้าสุงมากน่ะ
IP : บันทึกการเข้า
tawanka
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 223


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 19 เมษายน 2011, 20:44:56 »

เป็นเหมือนกันค่ะที่บ้าน คงต้องลองดูแล้วหล่ะ ขอบคุณนะคะ
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 26 เมษายน 2011, 23:27:36 »

ไครมีสูตร(ไม่ลับ) สำหรับการทำเกษตรที่บ้าน การกำจัดแมลง วัชพืช หรือเทคนิคต่าง ที่ปลอดภัยต่อคนปลูกคนกิน เชิญเลยนะครับ
ตอนนี้ผมสนใจพวกผักพื้นบ้านภาคเหนือของเราครับ เริ่มเก็บพันธุ์อยู่ครับ
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 26 เมษายน 2011, 23:48:40 »

คิดถึงตอนเป๋นละอ่อนน้อย ที่สวนแม่อุ้ย มีผักซะป๊ะตอนนี้ที่บ้านพอมีพื้นที่เหลือจึงอยากจะเสาะหาผักที่เคยกินเคยเห็นในอดีตเก็บอนุรักษ์ไว้ครับ
ผักบ้านเฮาขอยกตัวอย่างผักจำพวกนี้ครับ ลองไปหาตามป่าตามดอย ไม่เห็นแล้วครับ
ผักปู่ย่า ต้นต้างหลวง ต้นสะแล ผักเชียงดา ผักสลิด ผักฮ้วนหมู ต้นกะแอน ผักนางแลว จ่วยกันปลูกจ่วยกั๋นกิน ผักเมืองคนเมืองบ่ากินแล้วไผจะกิ๋น คำเมือง คนเมืองบ่าอู้ แล้วไผจะอู้
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 27 เมษายน 2011, 00:06:21 »

รวมสูตรยาดอง หลากหลายสรรพคุณ

ยาดอง สูตรบำรุงโลหิต บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง
กำลังวัวเถลิง แซ่ม้าทะลาย กำแพงเจ็ดชั้น ม้ากระทืบโรง หนักสิ่งละ 30 กรัม
ฝางเสน เทพธาโร ชะเอมไทย หนักสิ่งละ 60 กรัม
เถาสะค้าน เจตมูลเพลิง หนักสิ่งละ 20 กรัม

ยาดอง คลายกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น แก้ปวดเมื่อย
ฮ้อสะพายควาย เถาเอ็นอ่อน เถาวัลย์เปรียง กำลังช้างสาร หนักสิ่งละ 30 กรัม
ชะเอมไทย 60 กรัม

ยาดอง บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย แก้ปวดเมื่อย แก้ปัสสาวะ ไม่สะดวก
โคคลาน กำลังช้างสาร หนักสิ่งละ 60 กรัม
โด่รู้ล้ม หนัก 30 กรัม
หัวกระชายแกง หนัก 30 กรัม
สุรามะริด หนัก 30 กรัม
ชะเอมไทย หนัก 100 กรัม

ยาดอง บำรุงกำลัง บำรุงกำหนัด บำรุงธาตุ
เปลือกต้นมะพลับ เปลือกต้นทิ้งถ่อน เปลือกต้นตะโกนา หนักสิ่งละ 60 กรัม
บอระเพ็ด เมล็ดข่อย(ตำ) หนักสิ่งละ 15 กรัม
แห้วหมู(ตำ) หนัก 30 กรัม
กระชายดำ 100 กรัม
ชะเอมไทยหนัก 60 กรัม

ยาดองสำหรับสตรี ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง บำรุงโลหิต บำรุงผิวพรรณ ฟอกโลหิต
ว่านชักมดลูก หนัก 30 กรัม
ฝางเสน หนัก 60 กรัม
ว่านมหาเมฆ หนัก 15 กรัม
ดอกกระเจี๊ยบ หนัก 30 กรัม
ชะเอมไทย หนัก 100 กรัม
ดองได้ที่ แล้วค่อยผสมน้ำผึ้ง
ต้องดองไว้ 15 - 20 วันก่อนแล้วจึงเติมน้ำผึ้ง
ใช้เป็นสรรพคุณเพื่อบำรุงร่างกาย ไม่ใช้ไว้เสพเพื่อสนองความอยากเมา ถ้าเมาก็นอนซะ อย่าขับรถ

จะไปกินนักเน้อ เดวจะล้ำค้าว ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 15:06:02 »

 ยิ้มกว้างๆ  วันนี้ว่างๆ เอาความรู้เรื่องปุ๋ยมาบอกครับ http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=32.0
ปุ๋่ย
หมายถึง สารหรือสิ่งซึ่งเราใส่ลงไปในดิน เพื่อวัตถุประสงค์ให้ปลดปล่อยธาตุอาหารพืชโดยเฉพาะไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ที่พืชยังขาดอยู่ให้พืชได้รับอย่างเพียงพอ พืชสามารถเจริญเติบโตงอกงามดีและให้ผลิตผลสูงขึ้น

มาทำความรู้กับ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์หรือมีประสิทธิภาพ หรือที่เรียก กันติดหู ว่า EM (Effective Microorganisms)

EM ถูกคิดค้นโดย ศาสตราจารย์ ดร.เทรูโอะ ฮิหงะ แห่งมหาวิทยาลัยริวกิว โอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้ทำการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง ตามแนวทางของท่านโมกิจิ โอกาดะ ระหว่าง พ.ศ. 2510-2525 ได้พบความจริงเกี่ยวกับจุลินทรีย์ในธรรมชาติ

จุลินทรีย์ในธรรมชาติมีทั้งจุลินทรีย์ที่ต้องการอากาศ (Aerobic microorganisms) และจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศ (Anaerobic microorganisms) มีการทำงานร่วมกันในลักษณะช่วยเหลือเกื้อกูลกันบ้าง และขัดแย้งกันบ้าง สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มจุลินทรีย์ดี หรือกลุ่มสร้างสรรค์ มีประมาณ 5-10 %
2. กลุ่มจุลินทรีย์ก่อโรค หรือกลุ่มทำลาย มีประมาณ 5-10 %
3. กลุ่มเป็นกลาง มีมากถึง 80-90 %

โดย...ถ้ามีจุลินทรีย์กลุ่มดีหรือกลุ่มสร้างสรรค์มากกว่ากลุ่มก่อโรค โลกจะอยู่ในสภาวะสร้างสรรค์ สะอาด บริสุทธิ์ ปราศจากมลพิษและโรคภัยทั้งปวง
แต่...ถ้ามีจุลินทรีย์กลุ่มก่อโรคหรือกลุ่มทำลายมากกว่ากลุ่มดี สภาวะโลกจะตรงข้าม คือเกิดมลภาวะเน่าเหม็น มีโรคระบาด เป็นสภาวะทำลาย
ส่วนกลุ่มเป็นกลางจะคอยช่วยสนับสนุนจุลินทรีย์กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่มีจำนวนมากกว่าให้สามารถแสดงปฏิกิริยาได้มากยิ่งขึ้น
ศาสตราจารย์ ดร.เทรูโอะ ฮิหงะ จึงได้คัดสรรเอาเฉพาะจุลินทรีย์กลุ่มดีที่มีประโยชน์มาเลี้ยงรวมด้วยเทคนิคพิเศษ เรียกว่า กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ หรือ EM (Effective Microorganisms)
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 15:07:11 »

 ยิ้มกว้างๆ ปุ๋ยน้ำหมักจากเศษขยะเหลือใช้ในไร่สวน หรือครัวเรือน

เศษผัก เศษผลไม้ เศษขยะอินทรีย์ต่างๆ  3 ส่วน
น้ำตาล หรือ กากน้ำตาล  1 ส่วน
น้ำสะอาด หรือน้ำมะพร้าว 10 ส่วน

นำเศษผักผลไม้มาย่อยให้มีขนาดเล็ก  แล้วนำน้ำตาลหรือกากน้ำตาลมาคลุกให้ทั่ว  ทิ้งไว้สัก 1 คืน แล้ว เทน้ำลงไป

หมักทิ้ง ไว้ 30 วัน ก็สามารถนำน้ำหมักนั้น ไปใช้ได้ โดยอัตราส่วนที่แนะนำ คือ  น้ำหมัก 1ส่วน ต่อน้ำเปล่า 500-1000 ส่วน

ข้อควรระวังในการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ

1. ในระหว่างการหมักห้ามปิดฝาภาชนะที่ใช้หมักโดยสนิทชนิดที่อากาศเข้าไม่ได้เพราะอาจเกิดการระเบิดได้ เนื่องจากในระหว่างการหมักจะเกิดก๊าซขึ้นมาจำนวนมากเช่นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ฯลฯ

2. ภาชนะที่ใช้หมักต้องไม่ใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เพราะปุ๋ยน้ำชีวภาพจะมีฤทธิ์เป็นกรด (Ph=3-4)ซึ่งจะกัดกร่อนโลหะให้ผุกร่อนได้

ข้อควรระวังในการใช้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ(น้ำสกัดชีวภาพ)

1. ในการใช้น้ำสกัดชีวภาพกับพืชบางชนิดเช่นกล้วยไม้ อาจมีผลทำให้ภาชนะที่ใช้ปลูกคือกาบมะพร้าวผุเร็วก่อนเวลาอันสมควรทำให้ต้องเสียเงินในการเปลื่ยนภาชนะปลูกใหม่

2. ในการใช้น้ำสกัดชีวภาพกับพืชนั้นในดินจะต้องมีอินทรียวัตถุอยู่ เช่น มีการใส่ปุ๋ยหมัก เศษพืชแห้งคลุมดินไว้จึงจะทำให้การใช้ประโยชน์จากน้ำชีวภาพได้ผลดี

3. ห้ามใช้เกินอัตราที่กำหนดไว้ในคำแนะนำเพราะอาจมีผลทำให้ใบไหม้ได้ เนื่องจากความเป็นกรดหรือความเค็มในน้ำสกัดชีวภาพ ดังนั้นจึงควรเริ่มทดลองใช้ในอัตราความเข้มข้นน้อย ๆก่อน

4. น้ำสกัดชีวภาพที่มีธาตุไนโตรเจนสูง ๆ ต้องระวังในการใช้เพราะหากใช้มากไปอาจทำให้พืชเฝือใบและไม่ออกดอกออกผลได้

5. ในแต่ละช่วงการเจริญเติบโตของพืช พืชมีความต้องการสารอาหารในระดับที่แตกต่างกัน น้ำสกัดชีวภาพที่ผลิตได้จะมีสารอาหารที่แตกต่างกันเช่นกัน ดังนั้นผู้ใช้จะต้องเป็นผู้ค้นคว้าทดลองเองและเก็บข้อมูลไว้ว่าในแต่ละช่วงการเจริญเติบโต พืชต้องการน้ำสกัดชีวภาพสูตรใด ความเข้มข้นเท่าใดและระยะเวลาในการฉีดพ่นเท่าใด ไม่มีใครให้คำตอบที่ดีและถูกต้องสำหรับสวนหรือไร่นาของท่านได้ ยกเว้นท่านจะทำทดลองใช้ สังเกตอาการของพืชหลังจากใช้และปรับใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสมสำหรับพืชของท่านต่อไป
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 15:18:11 »

ที่บ้านผมก็ทำน้ำหมักจากมะนาวที่ขึ้นในบ้าน ผสมกับใบสะเดาในอัตราส่วน 3/1 มะนาวกะสะเดา+กากน้ำตาล หมักไว้ 3 เดือน เมื่อครบกำหนดผสม 20 cc+น้ำเปล่า 20 ลิตร ราดโคนต้นฟรอกเทล +ฉีดพ่นทางใบคือใบมันเป็นราสนิม ราดโคนประมาณต้นละ 1 ลิตร ราดทุก 7 วันสังเกตุดูว่าใบจะเริ่มเขียวขึ้นและใบที่แตกใหม่ ไม่ค่อยเป็นโรคครับ
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 15:59:30 »

 ยิงฟันยิ้ม เรื่องของ...หอย วิธีกำจัดหอย วัชพืชตัวร้าย  http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=32569.0
สูตร1: กากกาแฟ ( Cofffee Grounds, Cafeine Based)

กากกาแฟนอกจากจะเป็นปุ๋ยได้อย่างดีแล้ว คาเฟอีนที่อยู่ในกาแฟก็ยังเป็นสารพิษขนานเอกของ ทาก และหอยทากอีกด้วย นำกากกาแฟมาโรยไว้รอบๆแปลงผัก หรือรอบๆกระถาง ความหยาบของกาแฟจะช่วยไม่ให้ทากเดินผ่านเข้าไปกินพืชผัก เพราะกากกาแฟจะติดลำตัวทาก และหอยหากมันเดินผ่าน และกาแฟดำเข้มข้นที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนเยอะๆก้สามารถนำมาฉีดพ่นให้ทั่วใบผัก เพื่อป้องกันแมลงม ทาก และหอยไม่ให้กินใบพืชได้อีกด้วย หรือหากมันกินเข้าไปมันจะตายทันที เพราะฤทธิ์เดชของคาเฟอีนนั่นเอง หากจะฉีดพ่นทางใบควรใช้กาแฟดำเข้มข้นผสมน้ำ อัตราส่วนเข้มข้น 1 ถ้วยต้องมีคาเฟอีนไม่ต่ำกว่า 1-2% หากเจอจางน้อยก็คงเหมือนกับน้ำชาทั่วๆไป อาจไม่ตาย


* index.jpg (10.77 KB, 273x184 - ดู 18012 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 16:00:02 »

สูตร2: หินภูเขาไฟ ( Lava Rock)

หินภูเขาไฟมีหลายชนิด จะมีฟองอากาศอยู่ข้างใน เป็นรูโพรงเหมือนฟองน้ำ หลายคนนำมาเลี้ยงปลา เลี้ยงกุ้ง และใช้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และหินภูเขาไฟก้ยังสามารถนำมาโรยไว้รอบๆกระถางหรือแปลงผัก เพื่อป้องกันทาก และหอยทากได้ด้วย หินภูเขาไฟจะมีความหยาบมากๆ และมีพลังลึกลับในตัวของมันเอง มีแรงดึงดูดเหมือนแม่เหล็ก หากทากและหอยทากเดินผ่านมันจะหมดเรี่ยวแรงทันที และหินภูเขาไฟจะมีพลังงานไฟฟ้าจากธรรมชาติสะสมอยู่ด้านใน และประกอปไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิดที่เหมาะกับพืชเป็นอย่างมาก หินภูเขาไฟหรือลาวา เมื่อใหลออกมาร้อนๆจะเปลี่ยนจากของเหลว ตกผลึกกลายเป็นหินแข็งๆ แต่จะมีความคมและหยาบถึงขั้นบาดผิวหนังได้เลย ซึ่งเป็นสิ่งที่ทาก และหอยทากมันไม่ชอบ เพราะมันต้องใช้ลำตัวเดิน
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 16:00:47 »

สูตร 3:สาหล่าย (Seaweed)

สาหร่ายทะเล มีการนำมาสกัดทำปุ๋ยน้ำ และต่อไปนี้จะเป็นพืชที่เราสามารถนำมาป้องกันทาก และหอยทากได้ด้วยค่ะ โดยการนำสาหร่ายไปตากแดดให้แห้ง และนำมาวางไว้รอบๆแปลงผัก หรือรอบๆกระถาง ทาก และหอยทากจะไม่มาไกล้ เพราะสาหร่ายทะเลมีความเค็มอยู่ในตัว และเวลาแห้งแล้วมันจะหยาบๆ กรอบๆ ซึ่งหอยและทากมันไม่ชอบอะไรที่เค็มๆ หยาบๆ

สูตร 4: ลวดทองแดง (Copper Wire)

ลวดทองแดงเป็นฉนวนนำกระแสไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี แต่ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องลวดทองแดงก็ได้ค่ะเพราะมันแพง ลวดธรรมดาก็ได้ ให้นำลวดมาพันไว้รอบๆกระถางต้นไม้ หรือใครที่ปลูกลงดิน มีแปลงผักก็หาแผ่นไม้เก่าๆที่ไม่ใช้แล้วมาทำรั้วกั้นแปลงผัก ความสูงจากดินสักประมาณ 1 คีบพอนะค่ะแล้วใช้ลวดที่หาได้ตามร้านค้าทั่วไป มาวางราบกับสันไม้ แล้วหาอะไรมาตอกยึดลวดให้เป็นแนวขนานกับไม้เพื่อป้องกัน ทากและหอยทากเดินผ่านข้ามไปกินผัก ลวดที่ตากแดดไว้ในตอนกลางวัน จะมีพลังงานกระแสไฟฟ้าจากพระอาทิตย์เก็บอยู่เป็นจำนวนมาก แรงพอจะช๊อตทาก และหอยได้สบายๆ เพียงแค่หนวดหรือปากมันไปชนกันกับลวด มันก็จะโดนไฟช๊อตทันที แล้วก็จะหันเหไปทิศทางอื่น ทากและหอยทากมันจะหลีกเลี่ยงอะไรที่เป็นเหล็ก เป็นโลหะ มันจะไม่ชอบเข้าไปไกล้เลย เพราะมีประจุกระแสไฟฟ้าแผ่กระจายอยู่ไกล้เต็มพื้นที่ไปหมด แต่ต้องอาศัยว่าโดนแดดมากๆหลายชั่วโมง หากลวดไม่โดนแดดก็อาจจะไม่มีกระแสไฟฟ้าก็ได้ เหมือนเราช๊าตหม้อแบบเตอรี่เลย อาจเป็นสาเหตุนี้ก็ได้ที่ทากและหอยทากไม่ชอบปีนป่ายอะไรที่เป็นเหล็กและโลหะ เพราะโดน "ไฟช๊อต" นี่เอง
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 16:01:40 »

สูตร5: เปลือกไข่ ( Egg Shells)

เปลือกไข่มีประโยชน์สารพัด ไม่ใช่แค่ปุ๋ยอย่างดี แต่เป็นเชพรฆาตของหอยทากและทากเลยทีเดียว นำเปลือกไข่ไปล้างให้สะอาด ตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาบี้ให้แตกเป็นชิ้นๆเล็กๆ ไม่ให้ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป ให้ได้ขนาดพอดีพอดี นำไปโรยไว้รอบๆแปลงผัก หรือรอบๆกระถางต้นไม้ ให้วางหงายด้านในสีขาวๆของเปลือกไข่ขึ้นนะค่ะ ห้ามคว่ำเด็ดขาด เพราะเปลือกไข่จะบางและคม หากทากและหอยทากเดินลุยผ่านไปได้มันจะโดนเปลือกไข่บาดลำตัว ซึ่งมันไม่ชอบเอาซะเลย ในเปลือกไข่จะมีสาร แคลเซียมคาบอเนท calcium carbonate (CaCO3)สารตัวนี้จะละเหยออกมา


ทากและหอยทากจะไม่ชอบสารตัวนี้จากเปลือกไข่ มันจะหันเหไปทิศทางอื่นทันที
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 16:02:10 »

สูตร 6: กระเทียม ( Garlic Based)

กระเทียมมีธาตุกำมะถันสูง ที่สามารถต่อต้าน, ขจัด, ยับยั้ง และป้องกันสัตว์และแมลงต่างๆได้เป็นอย่างดี เช่น ยุง เพลี้ย เห็บ หมัด เหา แมลงหวี่ ทาก และหอยทาก สัตว์พวกนี้จะมีประสาทสัมผัสเร็วต่อกลิ่น ถึง 10,000 เท่าของมะนุษย์ ตราบใดที่ยังมีกลิ่นของกระเทียม สัตว์พวกนี้จะไม่ไปไกล้เลยเป็นเดือนๆ จนกว่ากลิ่นจะหายหมดไป จากการทดลองไม่ได้มีผลกระทบต่อผึ้งและแมลงผีเสื้อเลยแต่อย่างใด วิธีนี้ให้นำกระเทียมทั้งเปลือก 2-3 กำมือ มาตำให้ละเอียด นำไปแช่น้ำ 1 แกลลอน หรือ 16 ถ้วย (ตักเปลือกกระเทียมที่ลอยอยู่ทิ้งไป) แช่น้ำค้างคืนไว้ 1 คืนโดยไม่ต้องผสมสารจับใบอะไรเลยทั้งสิ้น เพราะกระเทียมจะมีน้ำมันอยู่แล้วในตัว (หากลองทุบกระเทียมแล้วเอามือบี้ๆดูจะเห็นว่ามียางเหนียวๆติดนิ้วมือมาด้วย) เช้ามาจะเห็นว่าน้ำกระเทียม จะเหนียวๆข้นๆ (ลองใช้นิ้วแตะชิมดูได้) จะมีรสชาดเผ็ดร้อน กรองน้ำกระเทียมด้วยผ้าขาวบาง เอาแต่น้ำ แล้วนำไปฉีดพ่นตามใบผัก หรือฉีดพ่นตามกระถางต้นไม้ ให้รอบๆ กลิ่นของกระเทียมจะช่วยขับไล่ทาก,หอยทาก และแมลงต่างๆออกไปจากสวน สามารถฉีดพ่นตาม สุมทุม พุ่มไม้ พงหญ้า หรือที่เห็นว่าทาก และหอยทากเดินผ่านได้เลย ทุกวัน โดยไม่เป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง หมาแมวแต่อย่างใด เดินเข้าสวนกลิ่นกระเทียมหึ่งเลย...
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 16:02:48 »

สูตร 7: ถ่าน ( Charcoal )

ถ่านที่เราใช้หุง ต้ม กันทั่วไป ใช้ย่างไก่ ย่างปลากันอยู่ทุกวัน จริงๆแล้วมีประโยชน์มากว่าคำว่า "ถ่าน" แต่เรายังนึกไม่ออกกัน ถ่านที่เผาสุกได้ที่แล้วจะมีเป็นฉนวนนำร่องกระแสไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี วิธีนี้ก็คือ นำถ่านมาตำ บดให้เป็นผงๆ หยาบๆ ไม่ต้องละเอียดมาก แล้วนำไปโรยรอบๆกระถางต้นไม้ หรือรอบๆแปลงผัก ทาก และหอยทากจะไม่เดินลุยผงถ่านนี้เข้าไปกินผัก เพราะมันไม่ชอบอะไรที่เป็นผงๆ หยาบๆ ไม้ที่ใช้เผาถ่าน บางชนิดมีความแข็งแกร่งมาก เมื่อนำมาบดแล้ว ถ่านจะมีมุม แข็งๆ สามารถบาดลำตัวทาก และหอยทากได้เลยก็มี และถ่านที่ตากแดดไว้อย่างน้อย 3 ชม. ก็มีพลังงานกระแสไฟฟ้าด้วย เวลาทากและหอยมันเดินผ่านมันจะโดนถ่านดูด ลักษณะจะเหมือนโดนไฟดูด แต่ไม่ใช่ไฟช๊อต ทำให้ ทากและหอยมันเสียความทรงตัว มึนๆ แต่ไม่ถึงกับตาย ถ่านก็แค่เป็นรั้วป้องกันขโมยเท่านั้นเอง
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 16:03:14 »

สูตร 8: ขี้แกลบ ( rice shells)

เปลือกข้าวที่กระเทาะออกจากเมล็ดข้าว นากจากจะใช้ทำปุ๋ยแล้ว ยังสามารถนำมาโรยไว้รอบๆแปลงผัก หรือรอบๆกระถาง ใช้ป้องกันทาก และหอยทากได้อีกด้วย เมื่อทากและหอยทากเดินผ่าน ขี้แกลบจะติดลำตัวมันไปด้วย และเอาออกยาก มันจะไม่ชอบ
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 16:03:34 »

สูตร 9: ขี้เลื่อย (Saw Dust )

ขี้เลื่อยจากโรงไม้ หรือแหล่งก่อสร้างต่างๆ สามารถนำมาโรยรอบๆกระถาง หรือแปลงผัก เพื่อป้องกันทาก และหอยทาก ไม่ให้เข้าไปกินพืชผักได้ อะไรก็แล้วแต่ ที่เป็น ฝุ่นๆ ผงๆ หยาบๆ แหลมคม เหล็ก โลหะ เค็มๆ ทาก และหอยทากจะไม่ชอบ
IP : บันทึกการเข้า
jaroen
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 425


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 01 พฤษภาคม 2011, 16:04:14 »

 ยิงฟันยิ้ม ;Dสูตร 10: เบียร์ ( Beer)

วางเบียร์ให้หอยทากกิน มันก็จะเมาหัวทิ่มบ่อเบียร์ตาย แลบลิ้น
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!