เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 เมษายน 2024, 09:28:46
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  การแอ่วสาว อู้สาวในอดีต ของชุมพล ศรีสมบัติ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน การแอ่วสาว อู้สาวในอดีต ของชุมพล ศรีสมบัติ  (อ่าน 6242 ครั้ง)
nataann
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: วันที่ 05 เมษายน 2011, 18:25:12 »

การปฏิบัติและขั้นตอนการแอ่วสาวของผู้ชายในอดีต
การอู้สาวจะเริ่มต้นขึ้นก็เมือพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว  ซึ่งหมายความว่าทุกคนนั้นเสร็จจากภาระกิจการงานต่างๆ แล้ว และไม่ปรากฏว่าในตอนกลางวันนั้น จะมีการ แอ่วสาว เลย พวกสาว ๆ ก็จะหลบหน้าหลบตาไม่ยอมพบพวกหนุ่มๆ และพวกหนุ่มก็เหมือนกัน จะไม่ยอมไปเยี่ยมกรายกรายใกล้บ้านสาวเหมือนกัน  ในช่วงกลางวันนั้น  พวกหนุ่ม ๆ ก็จะไปทำงาน อาจจะเป็นการทำไร่ ทำนา หรือพวกที่เป็นช่างฝีมือ ก็จะไปทำงานตามแนวที่ถนัดของแต่ละคน
หนุ่มล้านนาในสมัยก่อนนั้น  ไม่นิยมที่จะมา “อู้สาว” ในเขตละแวกหมู่บ้านเดียวกัน เพราะเคยเห็นกันมาตั้งแต่ยังเล็กๆ เคยเล่นหัวด้วยกันมา มีความนับถือกันเหมือนญาติพี่น้องแต่ก็อาจจะมีบางรายซึ่งเป็นส่วนน้อย อีกประการหนึ่งนั้นการที่จะมา “อู้สาว” หมู่บ้านเดียวกันนั้นมักจะถูกล้อเลียนว่า “แอ่วสาวบ้านเดียวเหมือนเตียวไปขี้” (จีบสาวบ้านเดียวกันเหมือนเดินไปหาส้วม)
          ค่ำลงแล้วพวกหนุ่ม ๆ ก็จะผัดหน้าทาแป้ง  หวีผมเสียเรียบแปร้  ผู้ที่มีนิสัยรักดนตรี ก็จะ “สปายซึง” ไปด้วย หรือ บางคนถนัด “สะล้อ” ก็จะถือสะล้อติดมือไปด้วย เมื่อได้เวลาก็จะเกาะกลุ่ม ดีดซึงสีสะล้อ เดินไปจนกว่าจะถึงบ้านสาว ซึ่งเป็นหมู่บ้านอื่นไม่ใช่หมู่บ้านเดียวกัน การไปแอ่วสาวมักจะไปกันเป็นกลุ่ม กลุ่มหนึ่ง 2-3 หรือ 3-5 คน
                การแอ่วสาว มักจะนิยมแอ่วกันหลังจากฤดูการเก็บเกี่ยวผ่านไปแล้ว ซึ่งจะเป็นช่วงกลางฤดูหนาว  เพราะช่วงนี้งานภารกิจต่าง ๆ ก็ทำเสร็จสิ้นไปแล้ว  จึงมีเวลาว่างพอที่จะให้หนุ่ม ๆ ออกแสวงหาคู่ครอง  การแอ่วสาวนี้จะมีตั้งแต่หมดฤดูเก็บเกี่ยวเรื่อยไปจนถึงหลังปี่ใหม่เมือง(วันสงกรานต์) หลังสงกรานต์แล้วก็ย่างเข้าสู่ฤดูฝน ในช่วงฤดูฝนนี้มักจะไม่มีใครไปแอ่วสาว นอกเสียจากคนที่เป็นคนรักกันเท่านั้น ที่ยังไปมาหาสู่กันจนกว่าจะตกลงปลงใจอยู่กินร่วมเป็นครอบครัวเดียวกัน
                ส่วนฝ่ายสาว  เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแล้วก็จะแต่งตัวอย่างประณีต นั่งอยู่บน “เติ๋น” (กลางบ้าน) มักจะหางานจุกๆ จิกๆ มาทำพอแก้เขิน บางรายก็จะเอา “เผี่ยน” มานั่งปั่นฝ้าย หรือบางรายก็อาจจักตอกทำเครื่องจักสาน ซึ่งงานประเภทนี้ก็ขึ้นแต่ละบ้านว่า ในละแวกนั้นมีงานประเภทใดทำเป็นหัตถกรรมในครัวเรือน สาวๆ ก็จะเอาของสิ่งนั้นๆ มาทำรอพวกหนุ่ม ๆ ที่มาแอ่ว
                การ แอ่วสาว นี้จะไม่นิยมไปกันตั้งแต่หัวค่ำ เพราะเกรงว่าการไปในช่วงนี้จะไป “ย้ำถ้วยน้ำพริก”   ซึ่งหมายถึง การไปบ้านสาวแล้ว ไปเจอเวลาอาหารเย็นของบ้านสาวเข้านั่นเอง   เพราะคนเมืองเรานั้น ส่วนใหญ่มักจะ รับประทานอาหารเย็นกันในเวลาประมาณ 19.00-20.00 น.  การแอ่วสาวจึงมักจะไปกันหลังเวลาดังกล่าว ล่วงเลยไปแล้ว  และการแอ่วสาวนี้จะมีไปถึง ตี 2 ตี3 และพวกที่แอ่วสาวกลับมาในช่วงนี้  ก็จะมีการ “จ๊อย” (โคลงกลอนคนล้านนา) ไปตาม “กอง” (ถนน) ในหมู่บ้าน โดยมีเสียงสะล้อสีคลอไปตามทำนองของจ๊อย ถ้อยคำของจ๊อยนั้นอาจจะกล่าวถึงผู้หญิงในเชิงตัดพ้อต่อว่า หรือออดอ้อนขอความเห็นใจจากสาวๆ ก็ได้    ตามแต่ผู้ที่ขับร้องจ๊อยนั้น จะเลือกบทร้อยกรองบทไหนออกจากจ๊อย                                                                                     
                การ  “แอ่วสาว”   นี้  มีธรรมเนียมอยู่อย่างหนึ่งคือ   ในตอนหัวค่ำนั้น  บ่าวผู้เป็น  “ตั๋วป้อ” ของสาวๆ  นั้น   จะไม่มาหา  “ตั๋วแม่”   ของตนเลย   คงปล่อยโอกาสให้พวกบ่าวต่างบ้านที่มาแอ่วขึ้นไปเกี้ยวคู่รักของตน  ส่วนตนเองนั้นก็ไป   “แอ่วสาว”  ที่บ้านอื่นก่อน      และบ่าวๆ  ในสมัยนั้น     ไม่มีการนแสดงอาการหึงหวงต่อกันเลย      และบางครั้งก็อาจจะพาเอาเพื่อนต่างบ้านไป “แอ่วสาว”    อันเป็นคนรักของตนก็มี      และไม่เคยปรากฏว่ามีการทำร้ายกันถึงเลือดตกยางถึงในในเชิงหึงห่วงผู้หญิงอีกด้วย    และทำให้เห็นว่าจิตใจของบ่าวๆ ในสมัยนั้นมีความใจกว้างและแฟร์พอในเรื่องอย่างนี้
                สำหรับบ้านของสาวนั้น  จะต้องมีหิ้งกระจก  มีแป้งผัดหน้า  มีหวี  เตรียมเอาไว้สำหรับให้บ่าวๆ ที่มาแอ่วหานั้น  ไปผัดหน้า  หวีผม  ส่วนสาวนั้นก็นั่งบน “เติ๋น” ใกล้ๆกับประตูห้องทั้งนั้นก็เพื่อที่จะเอาไว้ป้องกันพวกบ่าวมือเร็วที่มาแอ่ว กระทำการล่วงเกิน เมื่อมีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น สาวก็จะได้หลบเข้าไปในห้อง   ไปปลุกบิดามารดาให้รู้ถึงการล่วงเกินของพวกบ่าวเหล่านั้น
            บริเวณที่สาวนั่งนั้น  จะต้องนั่งใกล้กับประตูห้อง  ด้านบนประตูระหว่างวงกบนั้น  จะมีแผ่นไม้สี่เหลี่ยมสลักลวดลายติดกั้นเอาไว้  ซึ่งเรียกแผ่นไม้นั้นว่า  “หำยนต์” หรือ “หำโยน” ซึ่งบ้านของคนเมืองที่มีฐานะ เป็นบ้านไม้สักนั้น มักจะมีแผ่นไม้นี้ติดเอาไว้ทุกบ้าน ทั้งนี้ก็เพราะเอาไว้ป้องกันหรือเอาไว้เพื่อเป็นการ “ข่ม” ตามพิธีไสยศาสตร์
          บนบ้านของฝ่ายสาวอาจจะ “ต๋ามผางมันโกม” เอาไว้ แสงสว่างนั้นไม่สว่างมากนักแบะจะนำผางมันโกมนั้นมาไว้ตรงกลางๆ  “เติ๋น” ส่วนสาวนั้นก็จะนั่งบังเงาเสา  ไม่ให้พวกบ่าว ๆ ที่มาแอ่วนั้นได้เห็นหน้าถนัด  ซึ่งการนั้งลับเงาเช่นนี้ พวกบ่าวที่มาแอ่วหาก็จะพยายามที่จะยลโฉมหน้าให้ถนัด ๆ ก็มีการลุกขึ้นจากที่นั้งไปดื่มน้ำจากหิ้งน้ำ  กลับมานั้งใหม่ก็ย้ายที่นั่งจากที่เดิมมาอยู่ใกล้ๆ สาวและทำทียกผางมันโกมขึ้นมาจุดบุหรี่ แล้วก็วางโกมนั้นให้เลื่อนไปจากที่เดิมให้แสงสว่างส่องเห็นหน้าสาวชัดๆ  ฝ่ายสาวก็จะกระเถิบลับบังเงาอีก  ฝ่ายหนุ่มก็จะทำทีลุกขึ้นดื่มน้ำอีก แล้วกลับมาย้ายแสงไฟอีก สาวก็จะกระเถิบเข้าไปบังเงามืดอีก นับเป็นการหยอกเย้ากัน ค่อนข้างจะสนุกสนานทีเดียว               
      พอตกดึกกะว่าพวกหนุ่มต่างบ้านที่มาแอ่วนั้นกลับไปแล้วก็จะมาหา    “ตั๋วแม่ของตน” ซึ่งจะมาหาในราวประมาณ ตี 2   ตี   3   ช่วงนี้ทั้งสองก็จะคุยกันเพียงลำพังฉันท์คนรัก   จนเวลาผ่านไปจนใกล้จะรุ่งสางจึงลากลับบ้านไป และสาวนั้นก็จะเข้าครัว “นึ่งข้าว” ต่อไป
 การอู้สาวแบบคนที่รักกันนั้นไม่นิยมพูดกันในแบบ  “กำค่าวกำเคลือ” แต่จะพูดกันในแบบธรรมดาๆนี่เอง “กำค่าวกำเคลือ” นั้นเอาไว้พูดตอบโต้กันกับพวกบ่าวต่างบ้าน หรือกับ      “บ่าว” ที่เพิ่งมารู้จักกับ “สาว” เป็นครั้งแรกนั้นเอง



* การแต่งกายของชายหญิงในล้านนาโบราณ.gif (150.29 KB, 348x500 - ดู 5147 ครั้ง.)

* Q13162-1243041334.jpg (59.39 KB, 600x450 - ดู 6061 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
nataann
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 05 เมษายน 2011, 18:26:31 »

การสนทนาระหว่างชายหนุ่มกับหญิงสาว หรือการอู้บ่าวอู้สาวแต่ละครั้ง มักจะค่อยเป็นค่อยไปตาม ลำดับขั้นตอน ถ้าหากหนุ่มสาวคนใดสามารถจดจำและเลือกสรรถ้อยคำได้อย่างหลากหลายและไพเราะกินใจ ก็จะทำให้อีกฝ่ายเกิดความประทับใจในถ้อยคำและความสามารถเชิงปฏิภาณไหวพริบของตนได้ ดังนั้นชายหนุ่มหญิงสาวจึงมักจะใจเย็นต่างฝ่ายต่างก็หยั่งเชิงซึ่งกันและกัน จนกว่าจะแน่ใจในนิสัยใจคอของอีกฝ่าย   ลำดับขั้นตอนและเนื้อหาคำอู้บ่าวอู้สาว จึงมีลำดับขั้นตอน   ๓๓ ขั้นตอน   ดังนี้
                ๑. ชายหนุ่มขับจ๊อยทำนองเสนาะเดินทางไปหาหญิงสาวที่ตนพึงพอใจ
                ๒. ชายหนุ่มทักทายก่อนขึ้นไปบนบ้านหญิงสาว
                ๓. หญิงสาวกล่าวเชิญชายหนุ่มขึ้นมาบนบ้าน
                ๔. ชายหนุ่มกล่าวขออนุญาตนั่ง
                ๕. หญิงสาวกล่าวเชิญชายหนุ่มนั่ง
                ๖. ชายหนุ่มกล่าวขอเคี้ยวหมาก
                ๗. หญิงสาวกล่าวเชิญชายหนุ่มเคี้ยวหมาก
                ๘. ชายหนุ่มเริ่มการคุยโดยกล่าวชมความน่าอยู่ของบ้านหรือหมู่บ้านของหญิงสาว
                ๙. หญิงสาวกล่าวออกตัวว่าบ้านของตนเองไม่น่าอยู่
                ๑๐. หญิงสาวถามนำการสนทนา
                ๑๑. ชายหนุ่มกล่าวถึงสาเหตุในการมาเยือนบ้านหญิงสาว
                ๑๒. ชายหนุ่มทักว่าคนรักของหญิงสาวไปที่ไหน
                ๑๓. หญิงสาวกล่าวตอบว่าไม่มีคนรัก
                ๑๔. หญิงสาวออกตัวว่า ตนเองเป็นคนต่ำต้อย
                ๑๕. ชายหนุ่มไม่เชื่อว่าหญิงสาวไม่มีคนรัก
                ๑๖. หญิงสาวยืนยันว่าพูดความจริง
                ๑๗. ชายหนุ่มกล่าวยกยอความสวยงามของหญิงสาว
                ๑๘. หญิงสาวปฏิเสธคำยกยอของชายหนุ่ม
                ๑๙. หญิงสาวกล่าวว่ากลัวถูกชายหนุ่มหลอก
                ๒๐ หญิงสาวออกตัวว่าอายุมากแล้ว
                ๒๑. ชายหนุ่มกล่าวถ่อมตัวหรือใช้โวหารเรียกร้องความสนใจ
                ๒๒. หญิงสาวทักว่าชายหนุ่มมีคนรักแล้ว
                ๒๓. ชายหนุ่มปฏิเสธว่ายังไม่มีคนรัก
                ๒๔. ชายหนุ่มเอ่ยเสนอความรัก
                ๒๕. หญิงสาวไม่เชื่อว่าชายหนุ่มพูดความจริง
                ๒๖. ชายหนุ่มยืนยันในน้ำใจรัก
                ๒๗. หญิงสาวกล่าวทอดไมตรี
                ๒๘. หญิงสาวไม่ไยดีน้ำใจจากชายหนุ่ม
               ๒๙. ชายหนุ่มกล่าวคำอำลา
                ๓๐. หญิงสาวไม่ยอมให้ชายหนุ่มกลับ
                ๓๑. หญิงสาวกล่าวคำอำลา
                ๓๒. ชายหนุ่มขับจ๊อยแก้เหงาตอนเดินทางกลับบ้าน
                ๓๓. บทเบ็ดเตล็ด
IP : บันทึกการเข้า
nataann
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 05 เมษายน 2011, 18:27:35 »

คำอู้บ่าวอู้สาว    บางบทบางตอนเป็นวัจนกรรมตรงและวัจนกรรมอ้อม  แต่ส่วนมากจะเป็นวัจนกรรมอ้อม มีความหมายแฝง เนื่องจากชายหนุ่มหญิงสาวต่างก็ไม่สนิทสนมกัน   จึงหยั่งเชิงลองภูมิซึ่งกันและกัน ดังนั้น คำอู้บ่าวอู้สาวบางบทจึงใช้วัจนกรรมอ้อมเพื่อให้อีกฝ่ายใช้ปฏิภาณไหวพริบในการตีความหมาย เช่น
หญิงสาวกล่าวว่า    อ้ายลงเฮือน     ข้ามน้ำกี่ท่า            ข้ามหญ้ากี่กอ        ปลูกดอกซอมพอ     กอไหนกี่ต้น
(ความหมายแฝงคือ พี่ชายได้แวะคุยสาวคนอื่นมากี่บ้าน กี่คนแล้ว)
ชายหนุ่มกล่าวว่า   ขอนั่งตั๊ดนี่        อยู่สักบึดใจ           ม่อนตาไหล         บ่หล้างว่าถี่           ผีเจ้าที่บ่หล้างว่าสัง   สีดำปัง              บ่หล้างปึ๊ดโจ่ง
(ความหมายแฝงคือ ผีเจ้าที่-ผีประจำบ้านหรือผีอารักษ์ อาจหมายถึงพ่อแม่รวมทั้งตัวหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านด้วย)
คำอู้บ่าวอู้สาวบางบทบางตอนยังปรากฏความหมายเชิงชวนให้คิดคะนึงด้วย กล่าวคือ โวหารที่เป็นปริศนาเกี่ยวกับเสียงของคำ เช่น
                หญิงสาวพูดว่า    กินแกงบ่าฟัก ใส่งาตำ   (บ่าฟัก - รัก และ งาตำ - งามตา)
                                                กินเข้ากับแกงผักสีเสียด   (สีเสียด-เกลียดคนที่พูดด้วย)
                สำนวนที่ยกมานี้ ถือเป็นการใช้รหัสเสียงสระ    คือ   
ฟัก     ใกล้เคียงกับเสียงคำว่า   ฮัก (รัก)
                                                                สีเสียด ใกล้เคียงกับเสียงคำว่า     เกลียด
 
 
                นอกจากนั้นยังมีคำต่างๆ ที่มีลักษณะเป็นรหัสเสียงที่มักปรากฏในคำอู้บ่าวอู้สาว เช่น
                                                                งุ้น - กุ้น (คุ้นเคย)
                                                                บ่าหนุน - เกื้อหนุน
                                                                ลวก - หยวก - สวก (ดุ)     
                                                                พริก - ปิ๊ก (กลับ)
                บางบทบางตอนก็ใช้คำผวนในการเล่นโวหาร   ชายหนุ่มหญิงสาวต้องอาศัยปฏิภาณจึงจะสามารถรู้ความหมายที่แท้จริงได้   เช่น
                ชายหนุ่มพูดว่า    กันมีต้าวี               อ้ายพี่ก็เต็มใจ       บ่ฮักคนใด            ต่อไปวันหน้า
(คำว่า ต้าวี    ผวนกลับว่า   ตี้ว่า (ที่ว่า)   หมายความถึงคนรักที่น้องว่า)
                หญิงสาวพูดว่า   มีแล้ว       ตึงบ่แอมเถา         ตัวน้องบ่เลา          แอมเถาบ่ได้
                                (คำว่า แอมเถา ผวนกลับว่า เอาแถม หมายความว่า ถ้ามีคนรักแล้วจะไม่เอาใครอีก)
                นอกจากนั้นบางบทบางตอนก็เลียนเสียงธรรมชาติทำให้เกิดภาพพจน์และสนุกอีกแบบหนึ่ง เช่น
หญิงสาวพูดว่า  บ่มี          กันข้ามี จะมัดติดหลัง         จะคังติดแหล่       จะแห่ขึ้นกอง
ทุบมองทุบแส่
(เสียงแห่ประโคมกลอง (เสียงตุ๊บ) ฆ้อง (เสียงมอง)   และฉาบ (เสียงแส่)
                ชายหนุ่มพูดว่า   กันอ้ายได้แล้ว     จะมัดติดอก          จะป๊กติดหลัง        จะกังติดแหล่
จะเป่าแนตวย      ตี้ต่อตี้แต่   (เสียงเป่าแตร)
 
                คำอู้บ่าวอู้สาว ถือเป็นมุขปาฐะที่เกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิตในการครองเรือนของชาวล้านนา ชายหนุ่มหญิงสาวจะเอาใจใส่ต่อการฝึกฝน   จดจำ และเสริมสร้างปฏิภาณโวหารอยู่เสมอ เพื่อนำคำอู้บ่าวอู้สาวมาใช้ในการเลือกคู่ครองให้ตรงกับความต้องการของตนเอง   เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างได้กล่าวคำอู้บ่าวอู้สาวโต้ตอบซึ่งกันและกัน ก่อให้เกิดความคุ้นเคยและความเข้าใจในนิสัยใจคอของกันและกัน        จนนำไปสู่การตัดสินใจในการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันต่อไป   


* 10186_001.jpg (79.21 KB, 500x370 - ดู 1734 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
nataann
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 05 เมษายน 2011, 18:34:43 »

สรุปแล้ว หนุ่มสาวสมัยก่อน มักมีชั้นเชิงในการเกี้ยวพาราสีกัน อาจจะใช้บทกลอน(ทางเหนือเรียกว่า จ๊อย) และชายหนุ่มจะให้เกียรติหญิงสาวมาก เป็นบรรยากาศที่งดงามใต้แสงไฟตะเกียง(ผังมัน)

มาเดี๋ยวนี้มันเปลียนไป
ซ้อนรถเครื่องอัดสามอัดสี่ นุ่งสายเด่ว เต่วเอวต่ำ เสียงกรี๊ดกร๊าดตามข้างถนน

มันก็เป็นศิลปะอีกบรรยากาศหนึ่ง

55555555555++


* สายเดี่ยว.jpg (97.45 KB, 390x500 - ดู 3052 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
เทพบุตรดาวเหนือ เคนชิโร่
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,614


เฮาจะฮักคนที่ฮักเฮา@^__^@


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 05 เมษายน 2011, 20:05:05 »

แล้วบ่เดี่ยวไผมีรถมีเงินสาวตึ่งมาแอ่วหา ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

ขายปลีกและส่ง
       - Micro SD Card,Flash Drive ยี่ห้อKingston Sandisk Apacer
       - Power Bank ,สายชาร์ท สายซิงค์ทุกรุ่น
       - ลำโพงกระป๋อง ,ลำโพงรถ
oishibenz07
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 05 เมษายน 2011, 20:54:15 »

สาวสมัยใหม่มันดีกว่าเก่าแต้ๆ งามขนาด
IP : บันทึกการเข้า
>:l!ne-po!nt:<
~: ดาบราชบุตร :~
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10,257

~>: แขกดอย :<~


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 06 เมษายน 2011, 02:29:40 »

บะเดี่ยวนี้ก๋ายเป๋นว่าสาวไปแอ่วหาบ่าวเหียละ  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

!!!!!  กว่า ๑,๑๐๐ กม.จากยอดดอยสู่ทะเล...ตะวันออก  !!!!!

www.facebook.com/1100kilometer

||||| ธรรมชาติสร้างอากาศบริสุทธิ์    ส่วนมนุษย์นั้นสร้างอาวุธเพื่อทำลาย |||||
ลูกหล้าแม่อุ้ย
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 332



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 07 เมษายน 2011, 19:02:15 »

นึกภาพออกเลย  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ลูกหล้าแม่อุ้ย
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 332



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 08 เมษายน 2011, 11:20:58 »

ไค่ไปแอ่นสาวบ่าก่อนขนาดเห้ย  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ละอ่อนเทิงพลัดถิ่น
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,436


รับทำและออกแบบเสื้อผ้าวัยรุ่นชาย โทร.0909027407(ญา


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 08 เมษายน 2011, 21:22:10 »

มาถึงรุ่นผมไปแอ่วสาว จ้อยบ่ามีแล้ว แต่ยังไจ้รถถีบอยู่เลยครับ และยังตันแอ่วสาวขว้างกระป๋อง+เบ็ดบกต๋อนกล๋างคืนม่วนขนาด (แต่อู้สาวบ่าเป็น ไปกับเพื่อนอายอย่างเดียว)  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม กี่ปี๋ผ่านมาจำบ่าได้แล้ว555
IP : บันทึกการเข้า

You'll Never Walk Alone.
นานา..จิตตัง รักพ่อค่ะ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,336



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 09 เมษายน 2011, 10:29:30 »

มาถึงรุ่นผมไปแอ่วสาว จ้อยบ่ามีแล้ว แต่ยังไจ้รถถีบอยู่เลยครับ และยังตันแอ่วสาวขว้างกระป๋อง+เบ็ดบกต๋อนกล๋างคืนม่วนขนาด (แต่อู้สาวบ่าเป็น ไปกับเพื่อนอายอย่างเดียว)  ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม กี่ปี๋ผ่านมาจำบ่าได้แล้ว555
ขว้างกระป๋องเนี่ยตันหันอยู่เจ้า
IP : บันทึกการเข้า

ไม่มีใครเเก้ไขอดีตได้ เเต่เลือกที่จะทำวันนี้ให้ดีที่สุด
             เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่าเมื่อวาน
  เพื่อลูกๆ เพื่อพ่อเเม่ เเละเพื่อตัวของเราเอง
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!