เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 21 กรกฎาคม 2025, 18:31:46
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  มีชาวบ้านพูดว่า "ปลูกยางพารา" ทำเชียงรายร้อนขึ้น จริงมั๊ย?
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน มีชาวบ้านพูดว่า "ปลูกยางพารา" ทำเชียงรายร้อนขึ้น จริงมั๊ย?  (อ่าน 2542 ครั้ง)
jesa
บุคคลทั่วไป
« เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2015, 10:14:18 »

เดิมเย็นฉ่ำยะเยือก ตอนนี้หน้าร้อนเหมือนเตาอบ... เค้าบอกดูภาคใต้ ร้อนไปหมด
บ่นมาแบบนี้ วิเคราะห์ดูแล้ว

จริงหรือ?ที่ต้นไม้โตเร็ว ยืนต้นคลุมพื้นที่ แบบนี้ จะทำให้ร้อน.............
แต่ก็น่าคิด ...นะ เพราะมันร้อนขึ้นจริงๆ

มาคิดเล่นๆกัน

คุณล้มต้นลิ้นจี่ ลำไย ไม้พื้นเมืองเพื่อปลูกไม้ต่างถิ่นที่ใบน้อยกว่า  ใช่สินะ มันต้องร้อนกว่าแน่ๆ อย่างน้อยก็หลายปีกว่ายางจะโต บางที่เขาเตียนไปหมด ปลูกยางเป็นพันไร่

คุณปลูกได้สักระยะ อ้าว ราคาไม่ดี  ไม่คุ้ม ครบอายุ   ก็ต้องล้มทิ้งไป .. ใช่สินะ มันต้องร้อนกว่า กว่าพืชใหม่รุ่นต่อไปจะโต

มันน่าจะใช่กว่าสาเหตุที่เกิดจากต้นยางพาราโดยตรงใช่มั๊ย?
ผมไม่ชำนาญเรื่องยาง แต่การปลูกไม้เศษฐกิจมากเกินไป ทำให้สภาวะแวดล้อมบ้านเราเปลี่ยนไปจริงหรือ?
https://www.gotoknow.org/posts/80493  การปลูกยางในนา

ตอนนี้แถวสวนผม  กลับมีแต่มันสำปะหลังล้อม  เจ้าพืชนี้เป็นตัวดูดความสมบูรณ์ของดินแบบสูบนรกเลย กินแร่ธาตุทุกชนิด  เค้ามาเช่าที่ดินก็ดีใจให้เช่า แต่หลังปลูกนานๆทีนี้ เฮ้อ....เสียดายดินดีที่มี....จะมาดูดที่เราไปด้วยมั๊ยเนี่ย



* imagesCAOJ9DOS.jpg (13.84 KB, 259x194 - ดู 1284 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
chayaphon_toy
สมาชิกลงทะเบียน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 187



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2015, 20:15:36 »

เรื่องร้อนนิผมไม่แน่ใจ แต่เรื่องกลิ่นนิผมรับไม่ได้ รถขนขี้ยางน้ำยางขับผ่านหน้าบ้าน เหม็นหยั่งกับขี้แมว  โกรธ
IP : บันทึกการเข้า

Chayaphon

Mobile : 09-584X-5X7X
LINE : Chayaphon_toy
E-mail : chayaphon_toy@hotmail.com
Office : Maechan, Chiangrai
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2015, 21:34:00 »

เอามาเล่าสู่กันฟัง "ยางต้นแรกของประเทศไทย"
อ่านเรื่องเต็มได้ที่ http://www.kantangcity.go.th/travel/detail/32


* 2014-11_f46b9352a04eb33.jpg (225.63 KB, 600x800 - ดู 1149 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
romportong@hotmail.com
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 461


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 22 ตุลาคม 2015, 21:58:04 »

           ตามที่ได้ติดตามข่าวที่ทางทหารเขาตัดโค่นต้นยางของนายทุนหรือของชาวบ้านที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เท่าที่ดูๆก็ยังเห็นๆสวนยางที่ปลูกบนพื้นที่ป่าสงวนอยู่อีกมากร้อยละเกือบห้าสิบของพื้นที่ปลูกยังไม่มีการตัดโค่น สงสารชาวสวนยางที่ยากจนจริงๆที่สวนถูก จนท.ตัดไปแล้ว เหมือนกับเลือกปฎิบัติ สวนที่ถูกโค่นก็รู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และเจ้าหน้าที่ที่ตัดก็บอกว่าบุกรุกป่า ต้นยางมันไม่เก็บน้ำ ทำให้ดินเสีย เป็นสาเหตุทำให้น้ำท่วมไม่รู้ว่าเท็จจริงแค่ไหน ผมว่าต้นไม้ยืนต้นถ้าปลูกเป็นป่าใหญ่แล้วน่าจะให้ความร่มรื่น ให้อ๊อกซิเจนเป็นอากาศบริสุทธิ์ ให้คุณค่าทางเศรษฐกิจ ฯลฯ เมื่อตัดไปแล้วมันก็โล่งเตียน กว่าจะปลูกต้นไม้ขึ้นมาทดแทนก็คงอีกเป็นสิบปีถึงจะเป็นป่าแบบสวนยาง ยิ่งให้เจ้าหน้าที่รัฐเอาเงินมาถลุงอย่างที่เห็นๆละก็เกิดยาก ปลูกเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง ปลูกเอาหน้า ปลูกเพื่อถ่ายรูปเสนอเจ้านาย ปลูกทิ้งปลูกขว้างจริงๆครับ ตามที่ผมอยู่ในพื้นที่ได้เจอกับตัวเองค่อนชีวิตมันเป็นอย่างนี้จริงๆนะ แต่ผมเห็นทางหน่วยงานเอกชนมาขอพื้นที่ฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมเขาทำได้ดี ทำได้จริงๆ เป็นป่าสมบูรณ์ ต้นไม้แทบจะไม่ตายซักต้นเลยครับ ทำไมรัฐปลูกกับเอกชนปลูกผลที่ได้มันแตกต่างกันอย่างนี้ จนท.รัฐไม่ต้องมาปลูกแค่เข้าไปดูแลรักษาป่าตามหน้าที่ให้ดีที่สุดป่าก็เกิดเองแล้ว แต่ที่เห็นๆบนดอยเขาใช้ยาฆ่าหญ้าไปหยอดที่ลำต้นไม้หมดเป็นป่าๆเพื่อเอาพื้นที่มาปลูกข้าวโพดกัน จนท.ผ่านไปผ่านมาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่มองเห็นชัดเจนอยู่ข้างทาง สงสารต้นไม้ใหญ่แหล่งต้นน้ำทีถูกทำลายจริงๆครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 ตุลาคม 2015, 06:54:44 โดย romportong@hotmail.com » IP : บันทึกการเข้า
inta
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,444


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 23 ตุลาคม 2015, 19:03:57 »

           ตามที่ได้ติดตามข่าวที่ทางทหารเขาตัดโค่นต้นยางของนายทุนหรือของชาวบ้านที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เท่าที่ดูๆก็เหมือนกับเลือกปฎิบัติสวนที่ถูกโค่นก็รู้สึกว่าไม่มีความยุติธรรม และเจ้าหน้าที่ที่ตัดก็บอกว่าต้นยางมันไม่เก็บน้ำ ทำให้ดินเสีย เป็นสาเหตุทำให้น้ำท่วมไม่รู้ว่าเท็จจริงแค่ไหน ผมว่าต้นไม้ยืนต้นถ้าปลูกเป็นป่าใหญ่แล้วน่าจะให้ความร่มรื่น ให้อ๊อกซิเจนอากาศบริสุทธิ์ ให้คุณค่าทางเศรษฐกิจ ฯลฯ เมื่อตัดไปแล้วมันก็โล่งเตียน กว่าจะปลูกต้นไม้ขึ้นมาทดแทนก็คงอีกหลายสิบปีถึงจะเป็นป่าแบบสวนยาง ยิ่งให้เจ้าหน้าที่รัฐเอาเงินมาถลุงอย่างที่เห็นๆละก็เกิดยาก ปลูกเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง  ปลูกทิ้งปลูกขว้าง จริงๆครับตามที่ผมอยู่ในพื้นที่ได้เจอกับตัวเองค่อนชีวิตมันเป็นอย่างนี้นะ แต่ผมเห็นทาง หน่วยงานเอกชนมาขอพื้นที่ฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมเขาทำได้ดี ทำได้จริงๆ เป็นป่าสมบูรณ์ ต้นไม้แทบจะไม่ตายซักต้นเลยครับ ทำไมรัฐปลูกกับเอกชนปลูกผลที่ได้มันแตกต่างกันอย่างนี้
คนเรามันต่างกันครับ    คนบางกลุ่มทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้   ให้เป็นไปได้    แต่คนบางกลุ่มทำเรื่องที่เป็นไปได้     ให้เป็นไปไม่ได้     ลองนึกดูดีๆเถอะครับ
IP : บันทึกการเข้า


สนใจ โทร 086-9176511
tonmaii
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 335


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 24 ตุลาคม 2015, 11:37:21 »

อาจจะมีส่วนจริงนะครับ เพราะการปลูกยางพาราก็มีแต่ต้นยางอย่างเดียว ระบบนิเวศอย่างอื่นหายไป ปกติป่าที่ดูดซับน้ำได้ หรือป่าต้นน้ำต้องมีพืชหลากหลายชนิด ทั้งพืชคลุมดิน ไม้ยืนต้นชนิดต่างๆ ครับ
สังเกตว่าสวนยางพารามีแต่ต้นยาง พื้นจะโล่งเตียน
ปล.นอกจากเรื่องสภาพอากาศแล้ว ยังเป็นแหล่งเพาะยุงชั้นดีเลยครับ เดี๋ยวเราจะมีโรคคล้ายๆ ทางภาคใต้เช่นชิคุณกุนยา เป็นต้น
IP : บันทึกการเข้า
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 24 ตุลาคม 2015, 20:46:44 »

......... ปัจจุบันประเทศในแถบเอเชียอาคเนย์ปลูกยางได้ประมาณ 92% ของยางที่ปลูกทั่วโลก ทั้งๆ ที่ยางมิได้เป็นต้นไม้ท้องถิ่นของทวีปเอเชีย แต่เป็นพืชที่มีกำเนิดในทวีปอเมริกาใต้ที่ได้ถูกนักผจญภัย และนักสำรวจแผ่นดินใหม่ลักลอบนำจากทวีปอเมริกาใต้ไปปลูกในยุโรป และเอเชียในเวลาต่อมา ประวัติศาสตร์ได้จารึกว่าคนอินเดียนในทวีปอเมริกาใต้รู้จักยางพารา (Hevea brasiliensis) มานานหลายพันปีแล้ว แต่คนยุโรปเพิ่งรู้จักยางเมื่อประมาณ 200 ปีก่อนนี้ และรู้จักนำยางมาทำอุปกรณ์กับเครื่องใช้ต่างๆ เมื่อประมาณ 100 ปีมานี้เอง"

อ่านข้อมูลเต็มได้ที่ http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9480000124753
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 ตุลาคม 2015, 20:54:31 โดย Sing ha » IP : บันทึกการเข้า
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 24 ตุลาคม 2015, 20:52:42 »

....."ต้นกำเนิดของไวรัสชิคุนกุนยามาจากทวีปแอฟริกา โดยพบครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2495 บริเวณตอนใต้ของประเทศแทนซาเนีย ตั้งชื่อตามภาษา "Kimakonde"ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นของแอฟริกา ที่หมายถึงอาการปวดข้อรุนแรง ส่วนในประเทศไทยโรคชิคุนกุนยาถูกพบครั้งแรกในปี พ.ศ. 2501 โดยนายแพทย์ Prof.W McD Hamnon ได้ทำการแยกเชื้อจากผู้ป่วยในโรงพยาบาลเด็ก กรุงเทพฯ และมีการระบาดขึ้นอีกในปี พ.ศ. 2519 ที่ จ.ปราจีนบุรี, ปี พ.ศ. 2531 ที่ จ.สุรินทร์, ปี พ.ศ. 2534 ที่ จ.ขอนแก่น , ปี พ.ศ. 2536 ที่ จ.เลย และพะเยา, ปี พ.ศ. 2538 ที่ จ.นครศรีธรรมราช และหนองคาย[4]"

อ่านข้อมูลเต1็มได้ที่ https://th.wikipedia.org
ไม่ได้ต้องการโต้แย้งกับใครนะครับ แค่เอาข้อมูลที่น่ารู้มาแชร์  ยิ้ม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 24 ตุลาคม 2015, 20:55:01 โดย Sing ha » IP : บันทึกการเข้า
loveit005
สมาชิกลงทะเบียน
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 340



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 25 ตุลาคม 2015, 07:08:01 »

คงจะเกียวกันอยู่นะครับผมว่า
IP : บันทึกการเข้า
jesa
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 25 ตุลาคม 2015, 07:33:11 »

น่าอ่านน่าฟังทุกๆท่านเลย.. แลกเปลี่ยนข้อมูลลึกซึ้งดี
IP : บันทึกการเข้า
Pairry
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 557


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 25 ตุลาคม 2015, 08:17:32 »

ไม่รุจะเกี่ยวไหมค่ะ แต่ขับรถผ่านสวนยางพาราใต้ต้นยางไม่เห็นมีวัชพืชเลย สวนมะม่วงลำไยลิ้นจี่ ก่ยังมีต้นไม้ต้นหญ้าอยู่เต็ม แต่สวนยางโล่งแห้งหมดเกือบทุกสวนเขาคงไม่ถางหญ้าพร้อมกันน่ะ
IP : บันทึกการเข้า
crazy_nexus
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 185



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 25 ตุลาคม 2015, 08:27:16 »

ที่ใต้ยางไม่มีต้นไม้เล็กหรือวัชพืช เพราะว่าใบของต้นยางจะดกครับ ถ้าปลูกติดกันเกินไป ใบจะคลุมพื้นมิด แสงแดดแทบไม่ส่องลงมาถึงพื้นเลย

ทำให้ต้นไม้เล็กหรือวัชพืชที่พอเป็นต้นแล้วไม่ได้รับแสงแดดแล้วก็ตายไปในที่สุด

ถ้ายังไม่งอกก็ไม่ได้รับความร้อนจากแสงแดด สภาพดินไม่เหมาะกับการที่เมล็ดจะงอกออกมาครับ
IP : บันทึกการเข้า
poj poj
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 110


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 25 ตุลาคม 2015, 21:17:01 »

ผมเห็นด้วยกับ tonmaii ครับ ระบบนิเวศ...
IP : บันทึกการเข้า
9270
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 479


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 25 ตุลาคม 2015, 21:23:53 »

แล้วพืชอะไรบ้างที่ใช้น้ำในดินมากครับ แน่นอนต้องมียางพาราอยู่ด้วย เพราะแค่เรากรีดยาง ก็มีน้ำยางไหลออกมา  ดังนั้นถ้าปลูกมากๆ แร่ธาตุ สารอาหารและปริมาณน้ำในดินจะเป็นอย่างไร ท่านลองคิดดู
IP : บันทึกการเข้า
jesa
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 26 ตุลาคม 2015, 12:43:43 »

เสียดายสวนลิ้นจี่บางท่านจริงๆ ตอนยางโลหลายร้อยโค่นทิ้งทั้งกระท้อน ลิ้นจี่ เพื่อปลูกยาง ตอนนี้คงแก้ไขไม่ได้แล้ว ยางก็คงราคาถูกไม่คุ้ม...

มีผู้กล่าวถึงไว้ว่า...

".......เหมือนเราว่ายน้ำไปถึงกลางแม่น้ำแล้วเหนื่อยมากคิดว่าไม่ไหว 
 ถ้าว่ายกลับมาไม่ถึงฝั่งก็..ตาย 
 ว่ายต่อถึงฝั่งก็ไม่ได้อะไร
 แต่ถ้าเราแข็งใจสู้ต่ออีกครึ่งทาง ถ้าไม่ถึงเราก็ตายเช่นกัน
 แต่ถ้าเราสู้ถึงฝั่งเราก็สำเร็จ ก้าวแรกสำคัญที่สุดครับ....."
--------------------------------------------------------------------------------------
เป็นกำลังใจให้..
IP : บันทึกการเข้า
pongramon
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 739


ก็แค่ดินโคลน


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 26 ตุลาคม 2015, 14:03:31 »

ต้นยางพาราทำให้ร้อนขึ้นจริงเท็จ ไม่รู้ครับ แต่ที่แน่ ๆ พวกที่ปลูกยางเวลาขนขี้ยางไปขายกัน ทำไมไม่รองพลาสติก และคลุ่มให้มิดชิดกันบ้าง ขนกันทีทั้งกลิ่น และน้ำจากก้อนยางไหลลงจากรถเป็นแนว ผ่านกระทั้ง
เทศบาล อบต แต่ก็ไม่มีคนสนใจมาดูแลเลย 
IP : บันทึกการเข้า
popeye
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 47


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 26 ตุลาคม 2015, 15:22:21 »

ผมขอแสดงความคิดเห็นบ้างครับพอดีที่บ้านผมมีสวนลิ้นจี่ และมีสวนยาง ผมคิดว่าในอากาศร้อนขึ้นไม่น่าจะเกี่ยวกับการล้มต้นลิ้นจี่หรือการปลูกยาง เพาะพืชทุกชนิดทำให้อากาศบริสุทธิ์ เพิ่มความชื่นในอากาศ ที่ว่าปลูกยางแล้วใต้ต้นยางไม่มีหญ้าหรือพืชอื่นๆขึ้นนั้นไม่จริง เพราะสวนยางผมไม่ใช้การพ่นยาฆ่าหญ้าแต่ใช้การตัดหญ้าเอาผมก็เห็นมีต้นไม้อื่นๆและหญ้าขึ้นจนผมตัดหญ้าแทบไม่ทัน ผมว่าจะเกิดจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้บ้านเราเจริญขึ้น คนก็เข้ามาอยู่เยอะขึ้น ตึกก็กำลักก่อสร้างขึ้นเหมือนดอกเห็ด ผมว่าสิ่งเหล่านี้มากกว่าที่ทำให้ภูมิอากาศบ้านเราเปลี่ยนแปลง
IP : บันทึกการเข้า
inta
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,444


« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 26 ตุลาคม 2015, 18:55:32 »

เรื่องโลกร้อนขึ้น    น่าจะมาจากความเจริญทางวัตถุ     เครื่องอำนวยความสะดวกพวกที่ให้พลังงานต่างๆ    เครื่องยนต์    เครื่องใช้ไฟฟ้า     ไม่เชื่อลองเอามือไปจับดู     เวลามันทำงาน    มันจะแถมความร้อนออกมาด้วย    พวกสิ่งก่อสร้าง   คอนกรีต  ถนนลาดยาง  เวลากลางวันมันจะดูดซับความร้อนเอาไว้    พอตอนเย็นวันจะคลายความร้อนออกมา     เคยพักอยู่ตึกแถว     กว่ามันจะคลายความร้อนหมดก็    4 - 5 ทุ่ม  และเรื่องใหญคือ  ต้นไม้    ถูกทำลายไปมาก    ที่มองข้ามไปคือคน    ในตัวคนทุกคนก็จะมีความร้อนระดับหนึ่ง    เวลาเขาติดแอร์เขาต้องนับจำนวนคนที่อยู่ในห้องนั้นๆมาคำนวณ   ค่าความร้อนด้วย   พวกที่ให้ความเย็น   เช่น แอร์   ตู้เย็น    พัดลม     ในขณะที่มันให้ความเย็นด้านหน้า 
ด้านหลังของมันก็ปล่อยความร้อนออกมา
IP : บันทึกการเข้า


สนใจ โทร 086-9176511
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 26 ตุลาคม 2015, 19:57:46 »

เอาภาพมาให้ดูครับ ถ่ายภาพเมื่อเช้านี่เองแถว อ.บางกล่ำ จ.สงขลา


* DSCN8399_C.JPG (320.81 KB, 600x450 - ดู 651 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า
Sing ha
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,345



« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 26 ตุลาคม 2015, 20:09:35 »

   อันนี้เห็นไกลๆ รกเลยละ ภาพนี้ตั้งใจโม้เพื่อนทางสงขลาเรื่องปั่นจักรยาน
ขอนอกเรื่องนิด อีตาสิงหาก็ขี้โม้เหมือนกันเรื่องปั่นจักรยาน ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
ได้ขึ้นมาปั่นจักรยานเชียงราย 3-4 เดือน โม้เพื่อนปีนึงยังไม่จบเลย  แลบลิ้น แลบลิ้น


* DSCN8168_C.JPG (239.46 KB, 600x390 - ดู 640 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 26 ตุลาคม 2015, 20:26:21 โดย Sing ha » IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!