เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 มีนาคม 2024, 00:51:46
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  สรุปแล้วพระพุทธเจ้าสอนอะไร
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 [3] พิมพ์
ผู้เขียน สรุปแล้วพระพุทธเจ้าสอนอะไร  (อ่าน 7608 ครั้ง)
hibento1234
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12


« ตอบ #40 เมื่อ: วันที่ 06 กันยายน 2011, 16:33:24 »

+ 1 ทุกความคิดเห็นครับ
แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า ท่านสอนให้เรามีสติระลึกตัวอยู่ทุกเวลาครับ ^^
IP : บันทึกการเข้า
domvit
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 143


« ตอบ #41 เมื่อ: วันที่ 19 สิงหาคม 2015, 14:05:43 »

[
IP : บันทึกการเข้า
james_cr2001
midafXD
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 275


« ตอบ #42 เมื่อ: วันที่ 20 สิงหาคม 2015, 21:03:22 »

ศาสนาพุทธ สอนเรื่อง "สัมมาทิฏฐิ"  ซึ่งคำสอนนี้ไม่มีในศาสนาอื่นใดในโลก
เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ ศาสนาพุทธ

ศาสนาอื่น ต้องเชื่อก่อนว่า พระเจ้านั้นมีจริงๆ ถ้าไม่เชื่อว่าพระเจ้านั้นมีจริงก็จบ
ไปต่อไม่ได้ และศาสนาอื่นก็สอนเรื่องทำความดี ถือศีล ทำสมาธิ ซึ่งก็มีอยู่แล้ว

สงสัยใช่ไหมว่า "สัมมาทิฏฐิ" มันหมายความว่าอะไร
สัมมาทิฏฐิ ไม่ใช่ใช้สมองคิดๆ เอา แต่ต้องใช้ จิต เข้าไปรู้แจ้งเห็นจริง
จิต มันคืออะไร อยู่ที่ไหน จะหาเจอได้อย่างไร ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่
ิจิต ไม่มีรูปร่าง ไม่มีตัวตน แต่ความหมายคือ ธรรมชาติที่รู้อารมย์
สิ่งใดก็ตามที่จิตไปรู้เข้า เรียกว่า อารมย์

เราจะเห็นหรือมองจิตตรงๆ ไม่ได้ แต่จะเห็นได้จาก เจตสิก
เจตสิก คือ ธรรมชาติปรุงแต่งที่ประกอบเข้ากับจิต

ยากไหม ศาสนาพุทธ ไม่ใช่ตื้นๆ ไม่ใช่ปรัชญา
อยู่ที่ต้องฝึกฝน อยู่ที่บารมี และคุณงามความดี ที่สั่งสมมา

สิ่งที่สอนเราเรื่อง สัมมาทิฏฐิ นั้นแสดงและปรากฏอยู่กับตัวเราตลอดเวลา
ความโลภ ความโกรธ ความหลง ก็แสดงตัวตลอดเวลาภายในกายในใจของเรานี่เอง
และส่วนของธรรมมะ ก็แสดงตัวตลอดเวลาในกายในใจเราเหมือนๆ กัน

ยุคนี้เป็นยุคที่ศาสนาเริ่มง่อนแง่น สั่นคลอน คนที่เข้าใจสัมมาทิฏฐิ อย่างถ่องแท้
จะไม่มีทางหวั่นไหว เพราะเข้าใจแล้วว่า สิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา

ที่ๆ เดียวที่จะเก็บ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไว้ก็คือ ใจเรานี่เอง
ใจที่เข้าถึง สัมมาทิฏฐิ แล้วบุคคลนั้นก็จะกลายเป็น วิสุทธิเทพ

สิ่งที่ผมเขียนผมจำมาจากการไปร่วมสนทนาธรรมที่ วัดพระธาตุโกฏิแก้ว
ต.แม่ยาว อ.เมือง จ.เชียงราย

ถ้าจำคลาดเคลื่อนไปก็กราบขออภัยด้วย
ผมก็เพิ่งศึกษาเรื่อง แก่นแท้ของศาสนาพุทธเหมือนกัน




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 สิงหาคม 2015, 12:39:09 โดย james_cr2001 » IP : บันทึกการเข้า

naylex
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,993



« ตอบ #43 เมื่อ: วันที่ 21 สิงหาคม 2015, 09:35:49 »

ธรรมของพระพุทธเจ้า
งดงามในเบื้องต้น
งดงามในทามกลาง
งดงามในปั้นปลาย

ผมก็ถอดความไปตามประสาว่า..

เบื้องต้นสอนให้คนไปเป็นคนดีประพฤติดีทั้งกาย วาจา ใจ มีสติ มีศีล มีหิริโอตัปปะ (ก็เหมือนๆกับทุกศาสนา)

ตอนกลาง สอนให้รู้กาย รู้จิต เห็นไตรลักษณ์ เห็นอริยสัจ๔ และธรรมทั้งปวง (อันนี้เริ่มแตกต่างกับบางศาสนา)

ตอนปลาย สอนให้จิตหลุดพ้นจากห้วงกิเลส จิตไม่สุข ไม่ทุกข์ ไม่วางเฉย (เป็นสิ่งที่น่าจะแตกต่างจากศาสนาอื่นอย่างสิ้นเชิง)

แสดงความคิดเห็นตามความรู้อันน้อยนิด ขอคำแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 21 สิงหาคม 2015, 10:02:25 โดย naylex » IP : บันทึกการเข้า

ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดั่งใจจง
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #44 เมื่อ: วันที่ 21 สิงหาคม 2015, 15:41:02 »

มีหลายท่านมาตอบไว้อย่างหลากหลาย
จึงขอแสดงความคิดเห็นบ้าง
คำสอนของพระพุทธเจ้าทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ เมื่อกล่าวโดยสรุปให้เข้าใจง่ายๆแล้ว
พระองค์ทรงประทานในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง
    การไม่ทำบาปทั้งปวง  หมายถึงให้ละเว้นจากความชั่ว

กุสะลัสสูปะสัมปะทา
    การทำกุศลให้ถึงพร้อม      หมายถึงให้ทำความดี

สะจิตตะปะริโยทะปะนัง
    การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ     หมายถึงการทำจิตให้ปราศจากกิเลสทั้งหลาย มีโลภโกรธหลงเป็นต้น


ถ้ามีใครถามควรตอบดังนี้....และถ้าสามารถอธิบายได้ว่าอะไรคือความดี อะไรคือความชั่ว ทำอย่างไรจะทำจิตให้หมดจดได้ ผู้ฟังจะมีความเข้าใจพระพุทธศาสนายิ่งขึ้น

ไหว้สา  พระรัตนสาม พระปัจเจกพุทธา พระมาตาปิตุปุพพการี พระครุปิอาจาริโย เท้าสนังกุมารพรหม สายบุญญาติมิตรบุตรบริษัทบริวารสัตรูหมู่มารผู้อุเบกขาจิต ทุกจิตในจักรวาลฮอดอนันตจักรวาลจงได้บุญกุศลจากธัมมทานโดยทั่วถึงกันเทอญ

คำสอน ของ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย  ตามหลักการทั้ง 3  อย่างนี้ มีพระบาลีรับรองเอาไว้ ใน พระโอวาทปาติโมกข์ (อ่านว่า โอ วา ทะ ปา ติ โมก) ดังท่านละอ่อนโบราณท่านยกมา  ครูอาจารย์หลวงปู่บุญเพ็ง  ท่านว่าพระบาลีนี้ พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงประทานในวันมาฆบูชา เพ็ญเดือน 3 ที่เป็นวันจาตุรงคสันนิบาต ก่อนพระองค์จะดับขันธปรินิพพาน  3 เดือน

การละชั่ว เป็น ศีล

การทำดี เป็น ธัมมะ

การทำจิตให้บริสุทธิ์ ผุดผ่องขาวรอบ เป็น โลกกุตรธัมมะ อริยทรัพย์ คือ มีพระนิพพานเป็นที่สุด   

3 อย่างนี้นี่เป็นคำสั่งสอน ของ  พระพุทธเจ้าทั้งปวงในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต

การละชั่ว  การทำดี ด้วยทาง  กาย  วาจา  จิตใจ  พระศาสดาเจ้า  ของ ศาสนาอื่น ต่างก็มีสอนเช่นกัน  แต่  อาจเหมือนกัน และ/หรือ แตกต่างกันในวิธีการ ของ ท่านไป  จึงจัดว่า เป็น พระธัมม์คำสั่งสอน  ของ  ศาสนานั้น ๆ


พระพุทธเจ้า  ทรงสอน การละชั่ว การทำดี จนถึง  พระนิพพานดับกิเลส  แล้วดับธาตุ 4 ขันธ์ 5  ในที่สุด  จึงเป็น ความเหมือนที่แตกต่าง จากในคำสั่งสอน ของ  ศาสดาพระองค์อื่น ใน ศาสนาอื่น  อันเป็น  พระพุทธธัมมวินัย หลักธัมม์คำสอน ของ พระพุทธเจ้าเราท่านทั้งหลาย

ผิดถูกใดมี  กราบขอสมาอภัยทานด้วยเถิด 

สาธุ ครับ

IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
naylex
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,993



« ตอบ #45 เมื่อ: วันที่ 19 กันยายน 2015, 21:33:21 »

 ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 กันยายน 2015, 21:43:48 โดย naylex » IP : บันทึกการเข้า

ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดั่งใจจง
aek_j
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 953


ถ้ารีบ ทำไมไม่ไป ตั้งแต่เมื่อวาน


« ตอบ #46 เมื่อ: วันที่ 22 กันยายน 2015, 09:01:35 »

สำหรับผมน่ะพุทธเจ้าสอนเรื่องธรรม(ดา)ของโลก และมีสติอย่าประมาทครับ เช่น
คนเรามีเกิด มีแก่ มีตาย มีพบ มีพลัดพราก มียศมีลาภ มีเสื่อมเป็นธรรมดา
จะทำรัยต้องมีสติกำกับ เข่นจะข้ามถนนต้องมีสติมองซ้ายมองขวาเห็นว่าปลอดภัยค่อยข้าม
ลองไม่มีสติไม่สนใจจะข้ามก็ข้ามเลย โอกาสตายหรือพิการบาดเจ็บมีสูง  ประมาณนี้ครับในความเข้าใจของผม
IP : บันทึกการเข้า

เอก
    มือถือ 086 729 5613 (ทรู)
    line ID  " Clubjz "
หน้า: 1 2 [3] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!