|
|
add ...vip
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 11 มีนาคม 2011, 11:57:50 » |
|
ขออย่าให้มีเหตุการณ์เลวร้ายเลย ...
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
jocho
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 11 มีนาคม 2011, 15:06:29 » |
|
สัปดาห์หน้าจะเกิดปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกที่สุดในรอบ 19 ปี และตรงกับวันพระจันทร์เต็มดวงที่ถูกเรียกขานเป็น "ซูเปอร์มูน" ด้วย ทำให้เกิดการคาดเดาในหมู่นักดาราศาสตร์สมัครเล่นและผู้ที่หูผึ่งกับข่าวลือทางอินเทอร์เน็ต ว่าจะเกิดผลร้ายต่อสภาพอากาศของโลก ทฤษฎีพยากรณ์ลางหายนะอ้างว่า ซูเปอร์มูนเคยเกิดควบคู่กับภัยพิบัติใหญ่บนโลกของเรามาแล้วหลายครั้ง รวมถึงสึนามิปลายปี 2004 และซูเปอร์มูนวันที่ 19 มีนาคมนี้ ซึ่งดวงจันทร์จะเข้ามาใกล้โลกที่สุดนับแต่ปี 1992 โดยห่างจากโลกแค่ 221,567 ไมล์ จะทำให้เกิดแรงโน้มถ่วงที่สร้างความปั่นป่วนแก่โลกของเรา อาจก่อคลื่นรุนแรง, ภูเขาไฟระเบิด หรือแผ่นดินไหวได้ แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อเช่นนั้นหรือไม่ นักดาราศาสตร์กล่าวว่า ภาวะที่ดวงจันทร์โคจรใกล้โลกที่สุดจะทำให้ดวงจันทร์มีความสุกสว่างและดูมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยจุดดังกล่าวจะเกิดขึ้นเดือนละ 1 ครั้ง แต่จุดโคจรใกล้สุดดังกล่าวในสัปดาห์หน้ายังเกิดพร้อมกับวันที่พระจันทร์เต็มดวง ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดทุกๆ 2 หรือ 3 ปี ปรากฏการณ์เป็นโอกาสทองสำหรับนักดูดาวจะได้เก็บภาพอันสวยงามของท้องฟ้า แต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อโลก ดร.เดวิด ฮาร์แลนด์ นักเขียนและนักประวัติศาสตร์อวกาศ กล่าวว่า เป็นไปได้ที่ดวงจันทร์อาจอยู่ใกล้โลกกว่าเคยสัก 1 หรือ 2 กิโลเมตรเทียบกับจุดโคจรใกล้โลกที่สุดโดยปกติ แต่มันเหตุการณ์ที่ขี้ประติ๋วมาก ข่าวลือในอินเทอร์เน็ตพยายามโยงว่า ซูเปอร์มูนอาจส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศของโลก กระทั่งอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟปะทุได้ นักทฤษฎีคิดมากยังชี้ด้วยว่า ซูเปอร์มูนครั้งที่ผ่านมาๆ ในปี 1955, 1974, 1992, และ 2005 ต่างทำให้เกิดสภาพอากาศเลวร้ายสุดขีด สึนามิที่มหาสมุทรอินเดียซึ่งคร่าชีวิตคนหลายแสนคนเกิดก่อนหน้าซูเปอร์มูนเดือน ม.ค.2005 แค่ 2 สัปดาห์ และวันคริสต์มาสปี 1974 มีพายุไซโคลนเทรซีถล่มเมืองดาร์วินของออสเตรเลีย พีต วีลเลอร์ จากศูนย์วิทยุดาราศาสตร์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า จะไม่เกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟปะทุเพราะปรากฏการณ์นี้ เว้นแต่มันจะเกิดของมันเอง "โลกจะเจอกับกระแสน้ำที่ลงต่ำกว่าปกติหรือขึ้นสูงกว่าปกติในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น" เดวิด เรเนเก นักดาราศาสตร์ออสเตรเลีย เป็นอีกคนที่เห็นด้วย และกล่าวว่า พวกนักทฤษฎีคิดมากมักจะหาทางโยงภัยพิบัติธรรมชาติมาโทษว่าเป็นผลจากปรากฏการณ์ต่างๆ บนท้องฟ้า ไม่ว่าจะดาวหาง ดาวเคราะห์ หรือดวงอาทิตย์ โดยเฉลี่ยแล้วดวงจันทร์จะอยู่ห่างจากโลก 235,000 ไมล์ โดยโคจรเป็นคราส ไม่ใช่วงกลม จุดที่ดวงจันทร์ไกลโลกที่สุดอยู่ที่ 248,000 ไมล์ และระหว่างจุดโคจรใกล้โลกที่สุดพร้อมกับวันจันทร์เต็มดวงด้วยนั้น ชาวโลกจะมองเห็นพื้นผิวดวงจันทร์มีขนาดใหญ่ขึ้นร้อยละ 14 และสว่างขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับวันพระจันทร์เต็มดวงปกติ.
ข้อมูล : ไทยโพสต์
|
|
|
|
|
|
|
....คนหน้าแหลม....
ระดับ ป.ตรี
  
ออฟไลน์
กระทู้: 1,535

..........................
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 11 มีนาคม 2011, 15:08:51 » |
|
สัปดาห์หน้าจะเกิดปรากฏการณ์ที่ดวงจันทร์โคจรเข้าใกล้โลกที่สุดในรอบ 19 ปี และตรงกับวันพระจันทร์เต็มดวงที่ถูกเรียกขานเป็น "ซูเปอร์มูน" ด้วย ทำให้เกิดการคาดเดาในหมู่นักดาราศาสตร์สมัครเล่นและผู้ที่หูผึ่งกับข่าวลือทางอินเทอร์เน็ต ว่าจะเกิดผลร้ายต่อสภาพอากาศของโลก ทฤษฎีพยากรณ์ลางหายนะอ้างว่า ซูเปอร์มูนเคยเกิดควบคู่กับภัยพิบัติใหญ่บนโลกของเรามาแล้วหลายครั้ง รวมถึงสึนามิปลายปี 2004 และซูเปอร์มูนวันที่ 19 มีนาคมนี้ ซึ่งดวงจันทร์จะเข้ามาใกล้โลกที่สุดนับแต่ปี 1992 โดยห่างจากโลกแค่ 221,567 ไมล์ จะทำให้เกิดแรงโน้มถ่วงที่สร้างความปั่นป่วนแก่โลกของเรา อาจก่อคลื่นรุนแรง, ภูเขาไฟระเบิด หรือแผ่นดินไหวได้ แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อเช่นนั้นหรือไม่ นักดาราศาสตร์กล่าวว่า ภาวะที่ดวงจันทร์โคจรใกล้โลกที่สุดจะทำให้ดวงจันทร์มีความสุกสว่างและดูมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยจุดดังกล่าวจะเกิดขึ้นเดือนละ 1 ครั้ง แต่จุดโคจรใกล้สุดดังกล่าวในสัปดาห์หน้ายังเกิดพร้อมกับวันที่พระจันทร์เต็มดวง ซึ่งปรากฏการณ์นี้เกิดทุกๆ 2 หรือ 3 ปี ปรากฏการณ์เป็นโอกาสทองสำหรับนักดูดาวจะได้เก็บภาพอันสวยงามของท้องฟ้า แต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อโลก ดร.เดวิด ฮาร์แลนด์ นักเขียนและนักประวัติศาสตร์อวกาศ กล่าวว่า เป็นไปได้ที่ดวงจันทร์อาจอยู่ใกล้โลกกว่าเคยสัก 1 หรือ 2 กิโลเมตรเทียบกับจุดโคจรใกล้โลกที่สุดโดยปกติ แต่มันเหตุการณ์ที่ขี้ประติ๋วมาก ข่าวลือในอินเทอร์เน็ตพยายามโยงว่า ซูเปอร์มูนอาจส่งผลต่อสภาพภูมิอากาศของโลก กระทั่งอาจทำให้เกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟปะทุได้ นักทฤษฎีคิดมากยังชี้ด้วยว่า ซูเปอร์มูนครั้งที่ผ่านมาๆ ในปี 1955, 1974, 1992, และ 2005 ต่างทำให้เกิดสภาพอากาศเลวร้ายสุดขีด สึนามิที่มหาสมุทรอินเดียซึ่งคร่าชีวิตคนหลายแสนคนเกิดก่อนหน้าซูเปอร์มูนเดือน ม.ค.2005 แค่ 2 สัปดาห์ และวันคริสต์มาสปี 1974 มีพายุไซโคลนเทรซีถล่มเมืองดาร์วินของออสเตรเลีย พีต วีลเลอร์ จากศูนย์วิทยุดาราศาสตร์ระหว่างประเทศ กล่าวว่า จะไม่เกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟปะทุเพราะปรากฏการณ์นี้ เว้นแต่มันจะเกิดของมันเอง "โลกจะเจอกับกระแสน้ำที่ลงต่ำกว่าปกติหรือขึ้นสูงกว่าปกติในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น" เดวิด เรเนเก นักดาราศาสตร์ออสเตรเลีย เป็นอีกคนที่เห็นด้วย และกล่าวว่า พวกนักทฤษฎีคิดมากมักจะหาทางโยงภัยพิบัติธรรมชาติมาโทษว่าเป็นผลจากปรากฏการณ์ต่างๆ บนท้องฟ้า ไม่ว่าจะดาวหาง ดาวเคราะห์ หรือดวงอาทิตย์ โดยเฉลี่ยแล้วดวงจันทร์จะอยู่ห่างจากโลก 235,000 ไมล์ โดยโคจรเป็นคราส ไม่ใช่วงกลม จุดที่ดวงจันทร์ไกลโลกที่สุดอยู่ที่ 248,000 ไมล์ และระหว่างจุดโคจรใกล้โลกที่สุดพร้อมกับวันจันทร์เต็มดวงด้วยนั้น ชาวโลกจะมองเห็นพื้นผิวดวงจันทร์มีขนาดใหญ่ขึ้นร้อยละ 14 และสว่างขึ้นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับวันพระจันทร์เต็มดวงปกติ.
ข้อมูล : ไทยโพสต์
โห ขอบคุณมากครับ ข้อมูลละเอียดยิบ  ล่าสุดตะกี้ แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น 8.9 มาตราริกเตอร์ น่ากลัวมาก
|

104280_7075_1299826849873.jpg (35.55 KB, 456x266 - ดู 2070 ครั้ง.)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 11 มีนาคม 2011, 15:20:45 โดย ซาลาเปา »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
framezasabi
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 13:16:30 » |
|
เอายังไงก้อถือว่าเปงความรู้ประดับหัวอีกกเรื่อง ขอคุณเจ้าของกระทู้ที่เเบ่งปันคร้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Thaiimboard
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2011, 15:48:06 » |
|
ระวังมนุษย์หมาป่า 
|
|
|
|
|