ผมเข้ามาตอบให้ครับ แบบตรงๆ โดนๆ น่ะครับ (จริงๆ ถ้าว่างจะเขียนเรื่องนี้ เป็นบทความไว้บนเว็บไซต์ครับ)
อธิบายอย่างนี้ครับ การว่าจ้างรับเหมาก่อสร้าง อยู่บนพื้นฐานของความเชื่อมั่น ระหว่างเจ้าของบ้าน กับผู้รับเหมาครับ การเพิ่งเริ่มรู้จักกัน อาจต้องมองไปที่ผลงานที่เคยสร้าง รูปแบบบริษัท สัญญา ฯลฯ ครับ
แต่จริงๆ เรื่องของเรื่องคือ
เจ้าของบ้านก็กลัวผู้รับเหมาโกง หนีงาน รับเงินแล้วหาย ทำงานไม่ดี ทำช้า
ในทางกลับกันอย่าลืมครับ
ผู้รับเหมาก็กลัว เก็บเงินงวดสุดท้ายไม่ได้ เจ้าของบ้านอ้างงานไม่สวย ไม่ดี ไม่ยอมจ่าย หรือจ่ายไม่ตรงเวลา ไม่ตรงงวด ผลัดจ่าย เหมือนกันครับ
ดังนั้น การจ่ายเงินก้อนแรกในการเซ็นสัญญาจ้าง 10-15% เป็นปกติของงานก่อสร้างครับ ในงานราชการก็สามารถตั้งเบิกล่วงหน้าได้ครับ
จริงๆ ในทางกฎหมาย จะเรียกว่า เงินประกันการปฏิบัติตามสัญญา ครับ หมายถึงรับเงินแล้วเป็นข้อผู้มัดให้ปฏิบัติตามสัญญา ที่เซ็นไว้ด้วยกันครับ
แต่สำหรับผู้รับเหมาแล้ว จริงๆ เงินก้อนแรกคือ ทุนก่อสร้างบางส่วนครับ ที่ใช้ในการดำเนินการ และซื้อวัสดุ
ซึ่งถ้าคิดดีๆ ก็ไม่แปลกครับ เพียงแต่เงินที่จ่ายต้องเหมาะสม ไม่มากจนเกินไป เหมือนช่วยกัน แต่ถ้าให้ทำก่อนจ่าย ลองคิดดูครับ สมัยนี้ ใครจะลงทุนก่อน แล้วมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้เงินล่ะครับ
ต้องคิด 2 ด้านครับ
สรุปคือ ความเสี่ยงของเจ้าของบ้านคือ งวดแรกจ่ายก่อนครับ ความเสี่ยงของผู้รับเหมา คืองวดสุดท้ายครับ
ถ้าเจอผู้รับเหมาของจริง เชื่อไหมครับ เจ๊งก็ต้องทำครับ ให้งานเสร็จ
ความรับผิดชอบต่องาน สำคัญที่สุดครับ
ผมตอบแทนผู้รับเหมาหลายราย (ที่ดี) น่ะครับ เราไม่ยอมให้งาน 1 งาน มาปิดเส้นทางอาชีพของเรา หรอกครับ
สบายใจได้ครับ การโกงใครไม่ใช้ง่ายน่ะครับ คนที่จะโกงต้องไม่คิดอะไรแล้วล่ะครับ (คงไม่อยากทำงานต่อแล้วมั้งครับ)
ผมแนะนำ เจ้าของบ้านไว้ล่ะกันครับ ท่านเจ้าของบ้าน ต้องแยกให้ออกครับ ว่าอะไรคือผู้รับเหมาก่อสร้าง
มีบริษัท มีผลงาน ก็ผู้รับเหมาก่อสร้าง
่ช่าง 1 คน ลูกน้อง 2 คน ก็ ผู้รับเหมาก่อสร้าง น่ะครับ
อยู่ที่คุณเลือก ต้องตัดสินใจให้ดีครับ
สู้ๆ ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ
ใช่เลย ใจเขาใจเรากันนะคะ ลองคุยกับผู้รับเหมาดีๆ น่าจะคุยกันได้
ปล. งานก่อสร้างบางทีคนงานอาจจะมีแค่ 2-3คน แต่ถ้างานเดินหน้าตามกำหนด ก็เพียงพอ ดีกว่าเอาจำนวนคนมาเยอะแต่ทำงานไม่เป็น