อิงกระแสการเมืองกันดีกว่า

หลายคนเลย ที่โดนจับเข้ามาช่วง คสช.ใช้กฏอัยการศึก
ผมเจอหลายคนที่ดังๆหรือรวมถึงหลายคนที่เป็นคนที่ทำจริง ยิงจริง
แต่ก็ไม่น้อยที่เข้ามา ทั้งๆที่ยังยืนยันสถานะว่าไม่รู้เรื่อง ...จริงเท็จ ผมก็ไม่รู้นะครับ
แต่สิ่งที่ผมรู้
คดีของพวกเขาเหล่านี้ ณ วันนี้ หลายคนยังไม่คืบหน้า ยังไม่ออกฟ้องก็มี
เหมือนกับสถานะคือเอาไปขังก่อน ขังไปเรื่อยๆไม่มีกำหนด...
ผมขอแสดงความเห็นในเชิงที่ผมเคยอยู่ในนั้น และ สนิทกับพวกเขาเหล่านั้นในบางคน
เขา ไม่เคยเล่ารายละเอียดอะไรมากมายให้ผมฟังหรอก ถึงผมรู้ ผมก็พิมพ์ไม่ได้ บอกเล่าต่อไม่ได้อยู่ดี เป็นอันว่าเข้าใจตรงกันนะครับ
แต่สิ่งนึงที่พวกเขาเหล่านั้นทำให้ผมรู้ จากการพูดและการเห็นคือ เขาหลงผิด เขาตาสว่างในเรื่องอุดมการณ์ มากเกินไป เค้าหลงอยู่ในวงอุดมการณ์มาก มากซะจนลืมไปว่าวินาทีเหล่านั้น ลืมไปว่าตนเองมีครอบครัว มีลูก เมีย มีพ่อ แม่ที่ต้องดูแล หรืออยู่ร่วมชายคากัน
ไม่เถียงหรอกครับ ว่า ณ ตอนนั้นบางคนที่บอกว่าได้เงิน ยอมรับว่าได้กันจริง แต่ ณ เวลานี้ เงินเหล่านั้น ไม่สามารถซื้อครอบครัวเขาได้เลย
มันก็คงเป็นเบสิคพื้นๆที่บอกกันเสมอว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เค้าจะไม่เข้าวงการนี้เลย
พึงให้ผมอยากให้พวกเราได้รับรู้ว่า หากจะทำอะไร ไม่ต้องนึกถึงผลมันหรอก แต่นึกถึงครอบครัวเราให้มากๆก็พอ หรือที่หลงทางยังไม่เกมส์ อย่าชะล่าใจนะครับ บอกไว้เลย ...
มีอ้ายบ่าวคนนึง .. เป็นคนบ้านเฮาครับ อายุ 50 ป๋ายละ ใบ้ว่าคดีบึ้มบ้าน...แถวสุขุมวิท เป็นคน อำเภอ เวียง?(คิดเอาเอง) ผมได้ใช้ชีวิตกับแกในนั้นร่วม 9 เดือน แกดีกับผม ดีกับทุกคน เหมือนคนใหญ่ดูแลละอ่อน เมียแกจะนั่งรถทัวร์จากบ้านเฮาไปหาทุกอาทิตย์ ไม่เคยขาด ...ย้ำว่า ทุกอาทิตย์...
แกบอกกับผมเสมอว่า แกพลาด แกหลงทางจริงๆ อุดมการณ์ของคนเพียงกลุ่มเดียว แกเลือกที่จะเชื่อ เลือกที่จะศรัทธา จนเลยลิมิตไป แต่แกติดไม่นานครับ ปีนี้58 ปลายปีก็กลับบ้านละ ณ เวลานี้ไม่ว่าฝ่ายไหน สีไหน กลุ่มไหนก็ตาม พอเข้าไปอยู่ข้างใน ในสถานที่ที่ต้องห่างอก อ้อมกอดของครอบครัว ผมว่ามันเพียงพอกับคำว่าสามัญสำนึกให้รู้ว่าอะไร ควรไม่ควร หรืออะไร ควรแค่ไหน
ก็ขอให้ทุกคนคืนสู่อิสรภาพไวๆ
เพราะตอนนี้ ทุกคนคง"ตาสว่าง"ไม่มากก็น้อย
หลายต่อหลายคนที่ว่าแน่ เข้าไปข้างใน "เสียหลักหมด"
