|
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,579
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2015, 16:20:49 » |
|
หนาน ขอพึ่งบุญ ให้ท่าน ช่วยเอาไปร่วมโพสต์ ไว้ในหัวข้อ ธัมมทาน ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ ธัมมทาน การปันความรู้ ฯ อีกที่หนึ่ง นะครับ จักได้บุญหลายยิ่งขึ้น ผมหนานธงลงไว้ ที่ใน ห้องศาสนา จะได้เป็น ธัมมวิทยาทาน เอาบุญกุศลอานิสงส์เพิ่มขึ้นอีก ย้อน ว่า สาระน่ารู้ ก็คือ ธัมมะ คำว่า ธัมมะ ความหมายก็คือ ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ แต่ คนบ้าน ๆ มักเข้าใจว่า ธัมมะ เป็นของไกลตัว เป็นเรื่องของพระเณร คนวัด นักบวช ไหว้สาสรีสวัสสดี ครับ จาก หนานขี้อู้ หำยาน (ธง)
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 09 มกราคม 2015, 16:26:21 โดย nantong »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์ โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m มือถือ 081 777 51 76
|
|
|
Tossapol
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,920
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2015, 18:46:20 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 มกราคม 2015, 09:32:17 โดย Tossapol »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ตาต้อม
ระดับ :ป.โท
ออฟไลน์
กระทู้: 2,562
รับสร้างบ่อปลาแฟนซีคาร์ฟ สระว่ายน้ำราคาประหยัด
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 09 มกราคม 2015, 23:27:40 » |
|
หนาน ขอพึ่งบุญ ให้ท่าน ช่วยเอาไปร่วมโพสต์ ไว้ในหัวข้อ ธัมมทาน ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ ธัมมทาน การปันความรู้ ฯ อีกที่หนึ่ง นะครับ จักได้บุญหลายยิ่งขึ้น ผมหนานธงลงไว้ ที่ใน ห้องศาสนา จะได้เป็น ธัมมวิทยาทาน เอาบุญกุศลอานิสงส์เพิ่มขึ้นอีก ย้อน ว่า สาระน่ารู้ ก็คือ ธัมมะ คำว่า ธัมมะ ความหมายก็คือ ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ แต่ คนบ้าน ๆ มักเข้าใจว่า ธัมมะ เป็นของไกลตัว เป็นเรื่องของพระเณร คนวัด นักบวช ไหว้สาสรีสวัสสดี ครับ จาก หนานขี้อู้ หำยาน (ธง)
|
|
|
|
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,579
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 10 มกราคม 2015, 12:34:31 » |
|
ตาต้อม ของผู้ชายน่าจะมีเยอะกว่านี้นะผมว่า ตำราที่มันเหยียดเพศแบบนี้ ไม่ต้องเอามาศึกษาก็ได้ ผู้หญิงคือเพศแม่ ถ้าบังเอิญแม่ใครมีอยู่ในนี้สัก 1 ข้อ มันก็ไม่น่าปลื้มนะครับ และในความเป็นจริง ไม่ว่าหญิงหรือชาย ใครมี"คุณสมบัติ"(จะเรียกว่าคุณหรือโทษดี)แบบนี้ ก็คงหาคู่ชีวิตยากอยู่นะ แล้วอีกอย่าง บางข้อ ถ้าไม่ได้อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกัน จะรู้ได้อย่างไร โลกทุกวันนี้มันมีแต่เรื่องเดือนร้อน ก็เพราะคนส่วนหนึ่งคิดว่าตัวเองเป็นเพศผู้ นี่แหละครับ อันนี้ไม่ใช่ ธรรมทานนะครับ ไม่ใช่การปันความรู้ด้วย ไม่มีได้บุญ มีแต่ได้บาป @@@@@@@@@@@@@@ หนานธง บอกคำเมือง หม่าเก่า เขาว่า กำจ่ม กำด่า หั้นเป๋น กำดี กั้นฟัง บ่ ถี่ มันจ่าง บ่ ม่วนหู
กำกึ๊ดดี เหล็กจี เป๋น พร้าโต้ กำกึ๊ดโล้ พร้าโต้ เป๋น เหล็กจี
ลักษณะกาลกิณี คือ ลักษณะไม่ดี ที่ อกุศลจิตตกแต่งให้ได้รูปร่างลักษณะกายแบบนี้ กัมมะ การทำเหตุเก่าเอาไว้จัดให้ได้รับผล กัมมวิปาก คือ ผลลัพธ์ แบบนี้
ใครเอาไปคิดอ่านเทียบเคียง กับ ตนเองได้ โอปนยิโก น้อมเข้ามาใส่ตน มิใช่ ผลักออก โกรธเคือง นะ จะได้คิดอ่านหาทางแก้กัมม์ ตัดกัมม์เก่า อันที่ไม่ดี เลือกทำในกุศลเหตุใหม่ ๆ ให้หนีลักษณะไม่ดี ต่าง ๆ นานา ไว้ จะได้มียถากัมม์ใหม่ ผลใหม่ ที่ดีงามฉลาด คือ ผลบุญ กุศลอานิสงส์ ไม่ว่าในชาตินี้ ชาติหน้าอันไม่ใกล้ ไม่ไกล
เราเจอะเจอ คนเช่นไร ? จงได้เอามาน้อมนำเข้ามามองตัวเก่าเราเอง ว่า เราคบคนเช่นไร ? ย้อน เรา ทั้งนั้น ส.เสนอ ไปคบกับเขา กัมม์เราที่ทำลงไปเอง เราก็มีส่วนเป็น คนเช่นนั้นด้วย เขาว่า คบคนเช่นไร เป็น คนเช่นนั้น คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิต พาไปหาผล
หาก เราเกิดเป็น ลูก ของ แม่ผู้มีลักษณะกาลกิณี เป็น ผัว ของ เมียลักษณะร้าย ย้อน กัมม์เหตุเก่า เป็นปัจจัยส่งพลัง ไปหา กัมมวิปาก ผลลัพธ์ส่งผล ถ้า ไม่ปลื้ม ก็จงแก้ไขทำเหตุใหม่ ให้ดีงาม ฉลาด บุญกุศล ที่บริสุทธิ์ มิใช่บุญกุศล เจือ บาปอกุศล
ขันธ์ 5 ที่มีบุญกุศล บาปอกุศล บุญปนบาป หรือ ไม่ใช่เป็นทั้งบุญ หรือ บาป กัมม์ 4 แบบหนุนส่ง ย่อมได้รับผล เป็น รูปกายภายนอก หรือ นิมิตหมาย ลักษณะดีเลว แตกต่างกันไป
หมอดูโหงวเฮ้ง ลายมือ (หมอกอย) หมอโหราศาสตร์ ดวงดาว ฤกษ์ยาม (หมอเมื่อ) เขาเอามาเป็น ตำราจดจำสืบต่อกันมา ยาวนาน เป็น เรื่องทางโลกโลกิยะ หาอยู่ หากิน ด้วยวิชา ความรู้ระดับโลกิยธัมมะ ยังเป็น อวิชชา เดรัจฉานวิชา ไสยศาสตร์ก็ใช่
โลกิยธัมมะ ก็เป็น ธัมมทาน มักเรียกว่า วิทยาทาน จะไม่ได้ หรือ ได้ เป็น บุญ กุศล บาป อกุศล บุญปนบาป อัพพยากตาธัมมะ คือ ไม่ใช่ เป็น บุญหรือบาป จาก กัมม์ 4 แบบนี้ อยู่ที่เจตนา ความตั้งจิตตั้งใจ จึงถือว่าเป็น กัมม์ การทำ
การทำ มี มา ตั้งแต่ 1 ถึง 3 ทาง จาก
มโนกัมม์ คือ ความคิด จิตใจ ฯลฯ
วจีกัมม์ คือ การสื่อความหมายด้วยการใช้สิ่งสมมุติ สิ่งสื่อแทนจิตใจ มีเสียงคำพูดจากปาก การพิมฑ์ โพสต์ ขีดเขียน รูปภาพ ฯลฯ
กายกัมม์ คือ การแสดงกิริยาท่าทาง ภาษาใบ้ ภาษากาย ฯลฯ
หรือ การทำ ที่ ต้องมีการผสมผสานกัน ไม่ว่า กาย วาจา ใจ สองอย่าง ถึง สามอย่าง ฯ การทำ กระทำ ประพฤติ ปฏิบัติ แอคติ้งacting แอคชั่นaction ดูอิ้งdoing ล้วนหมายถึง กมฺม กัมม์ (เขียนแบบบาลี) กรฺม กรรม (เขียนแบบสันสกฤต)
ขอกราบสมาอภัย หากมีผิดถูก ขัดคอ ขัดใจ ให้สายบุญ ฯ หยะเป๋น กำจ่ม กำคัดง้าง กำอู้ กำหนุน ลองเอาไปกึ๊ดไปอ่านเอาเตอะ จาก หนานขี้อู้ หำยาน
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 มกราคม 2015, 13:04:14 โดย nantong »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์ โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m มือถือ 081 777 51 76
|
|
|
|
|
|
Sing ha
ระดับ :ป.โท
ออฟไลน์
กระทู้: 3,345
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2015, 11:51:07 » |
|
|
|
|
|
|
|
ตาต้อม
ระดับ :ป.โท
ออฟไลน์
กระทู้: 2,562
รับสร้างบ่อปลาแฟนซีคาร์ฟ สระว่ายน้ำราคาประหยัด
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 11 มกราคม 2015, 18:47:56 » |
|
@@@ "ธัมม์/ธรรม" ในความหมายที่กว้าง @@@ @ "ธัมม์/ธรรม"(Dharma/Dhamma) หรือ Truth ในภาษาอังกฤษ = ธรรมดา, ธรรมชาติ, สัจจะ, ความจริง, หลักความจริงที่มีอยู่โดยธรรมดา/ธรรมชาติ ฯลฯ "ธัมม์/ธรรม" เป็นคำศัพท์ภาษาบาลี(มคธภาษา)และสันสกฤตที่มีมาก่อนพุทธกาลสมัย ดังนั้น "ธัมม์/ธรรม" จึงเป็นเรื่องของความจริงสากล ไม่ขึ้นอยู่กับบุคคล ไม่ใช่ของใครคนหนึ่งคนใดเฉพาะ เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในธรรมชาติ เมื่อมีผู้รู้บางท่านได้รู้ความจริงนั้นแล้ว เข้าใจชัดแล้ว ก็นำมาบอก, แสดง, บัญญัติ.ตั้งใจ, เปิดเผย, แจกแจง, และทำให้ง่าย แม้ไม่มีผู้ใดรู้ ธรรมนั้นก็ยังคงดำรงอยู่อย่างนั้น นี้คือความหมายอย่างกว้างของคำว่า "ธัมม์/ธรรม" ส่วนคำว่า "พระธรรม(ศาสนาพุทธ)"(Bhuddism) หมายถึง ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบและนำออกเผยแพร่ หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เกี่ยวกับความจริงตามธรรมชาติ กฎเกณฑ์ของธรรมชาติของสรรพสิ่ง เน้นความจริงเกี่ยวกับชีวิต โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทุกข์และความดับทุกข์เป็นสำคัญ...ในความหมายอย่างแคบ "พุทธธรรม(ศาสนาพุทธ)" อาจหมายถึง ๑. ธรรมของพระพุทธเจ้า, ๒. ธรรมที่ทำให้เป็นพระพุทธเจ้า, ๓. หลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้, และ ๔. คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ฯลฯ @ ข้างบนไปค้นมาจากเพจ เพื่อนชาวพุทธครับ ที่ต้องไปค้นเพราะอยากทราบว่าคำว่า ธัมม์,กัมม์ ที่ท่านหนานธงพิมพ์ มันมีที่มาจากไหน ทำไมถึงต้องเขียนแบบนี้ ก็ได้ความรู้มาใส่หัวสมองน้อยๆนี้ เข้าใจแล้วว่ามันเขียนได้แบบนี้ เพราะมีผู้กำหนดว่าเป็นการเขียนแบบภาษาบาลี แสดงว่าผู้ที่เขียนแบบนี้ย่อมลึกซึ้งในศาสนาอยู่พอสมควร จึงเลือกที่จะเขียนในแบบที่ผู้คนทั่วๆไปไม่เขียน ทีนี้ มาว่ากันถึงเรื่องที่เราถกกัน ถ้าท่านคิดว่า "ลักษณะกาลกิณี คือ ลักษณะไม่ดี ที่ อกุศลจิตตกแต่งให้ได้รูปร่างลักษณะกายแบบนี้ กัมมะ การทำเหตุเก่าเอาไว้จัดให้ได้รับผล กัมมวิปาก คือ ผลลัพธ์ แบบนี้"
ในความคิดผม มันคือสิ่งที่ไม่มีใครอยากเป็นแบบนั้น ที่เป็นเพราะกรรมเก่า เป็นมาตั้งแต่เกิด เป็นเพราะมันเลือกเกิดไม่ได้ ผมคิดในมุมของผู้หญิงที่มีลักษณะแบบที่มีผู้กำหนดไว้ หรือในมุมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่มีลักษณะดังกล่าว ถ้าคุณมองในมุมของตัวเอง คุณก็จะบอกๆๆใครต่อใครว่า อย่าได้ข้องแวะอย่าได้เอามาทำภรรยา (ทำลูกทำแม่คงเลือกไม่ได้) จนถึงกับเขียนเป็นคำสอนออกมา ตอกย้ำถึงลักษณะด้อยที่ไม่มีใครอยากให้เกิดกับตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงเค้าก็คงหาคนมารักมาชอบยากอยู่แล้ว ยังมาตอกย้ำกันอีก เอาแค่ผู้หญิงที่ไม่มีหน้าอกเข้ามาอ่าน ก็คงรู้สึกขุ่นเคืองไม่น้อย และผู้ชายนอนกรนนี่ถือว่ากาลกิณีรึเปล่าครับ ไม่ใช่สิ"กาลกิณี"ถูกกำหนดให้ใช้กับสตรีเท่านั้น ผู้ชายน่าจะใช้คำว่า กาลี ถูกต้องมั้ยครับอันนี้ไม่รู้จริงๆ ที่ผมเข้ามาแสดงความคิดเห็นก็เพราะเหตุผลข้างบนที่อธิบายมานั่นแหละครับ ถ้าคำสอนที่มันมีอีกมุมที่จะไปทำร้ายจิตใจผู้อื่น ไม่ต้องชื่นชมนิยมชมชอบก็ได้มั้งครับ อันนี้คือสิ่งที่ผมคิด ก็เลยแสดงออกมาให้เห็น เหมือนที่ท่านคิดในแบบของท่านแล้วแสดงออกมาให้เห็นนั่นแหละครับ ถามอีกทีครับ ท่านหนานธง อย่างผมนี่อยู่แนวไหน บวก ลบ หรือบวกปนลบ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 11 มกราคม 2015, 21:21:06 โดย ตาต้อม »
|
IP :
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
Tossapol
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,920
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 12 มกราคม 2015, 21:57:06 » |
|
ทั้งภาษาเขียนและภาษาสมอง(ความคิด)ของปี่้หนานธง(หำยาน ) กระผมอ่านทุกครั้ง ไม่เข้าใจเลยสักครั้ง ฤๅว่าผมผญ๋าปึ๋กก็บ่หู้
|
|
|
|
|
|
|
|
|