1. พรรคแรกบอกเกษตรกรว่าจะช่วยราคาพืชผลทางการเกษตรให้ได้.. บลา ๆ
2. พรรคที่สองบอกเกษตรกรว่าทำไมต้องให้รัฐเป็นคนแก้ปัญหาราคาขาย(ไม่ใช่หน้าที่)
อันนี้ สมมติฐานที่ 2 ผมคิดว่าไม่สามารถเป็นจริงได้ในสถานการณ์จริง ขออนุญาตตัดไปนะครับ
รัฐบาล หน้าที่อันแท้จริงคือฝ่ายบริหาร
ย้อนทวนนะครับ "นิติบัญญัต บริหาร ตุลาการ" รัฐบาลอยู่ในหน้าที่บริหาร
สิ่งที่รัฐบาลต้องบริหารมี 2 อย่างก็คือ บริหารข้าราชการประจำ กับบริหารงบประมาณ(รายได้จากการจัดเก็บภาษี)ผ่านนโยบาย
นี่ผมไม่ได้มาแก้ตัวให้รัฐบาล แต่ลองมาวาดเส้นทางการปรับตัวของเกษตรกร
ซึ่งถึงอย่างไรก็ต้องทำให้ดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในด้านคุณภาพ
ขยายความการปรับตัว โดยยกตัวอย่างสหรัฐอเมริกา
สหรัฐเองเป็นประเทศหนึ่งที่ได้ยื่นข้อเจรจาเขตการค้าเสรีแบบทวิภาคี หรือFTA กับหลายประเทศ
เนื่องจากไม่บรรลุผลประโยชน์ข้อตกลงในระดับพหุพาคี หรือ WTO(องค์การการค้าโลก)
รัฐบาลสหรัฐมีกรอบในการเจรจาชัดเจนในเรื่องสิทธิบัตร ทั้งพืช ยา และอื่นๆ
เพราะมีผลประโยชน์กับบรรษัทพันธุวิศวกรรม เช่น มอนซานโต้ ไบเออร์ เป็นต้น
และผลประโยชน์มหาศาลจากการวิจัยและผลิตยา
ทีนี้ ค่าแรงและราคาพืชผลที่ผลิตในสหรัฐนั้นแพงมากนะครับ
และคุณภาพก็ดีมากด้วย แต่เกษตรกรไม่ต้องห่วงเรื่องการขาย
เพราะรับมีกฎหมายสนับสนุนสินค้าเกษตร เรียกว่าฟาร์มแอต
เพราะรัฐบาลต้องการให้เกษตรกรอยู่ได้ และประชากรได้บริโภคสินค้าที่มีคุณภาพ
ดังนั้น สหรัฐจึงไม่จำเป็นต้องทำให้สินค้าถูก เพื่อแข่งขันด้านราคา
นี่เขาวางเป็นกรอบนโยบายมาก่อน
เกษตรกรก็สบายใจตั้งแต่ตอนที่ปลูก
แต่ประเด็นของผมอยู่ที่ของไทยเราเอง หากสินค้าราคาเช่นข้าวในตอนนี้
เห็นไหมครับว่า โครงการประกันราคาของรัฐแทบไม่ต้องนำมาใช้
เพราะผลผลิตได้ราคาสูงกว่าตามกลไกตลาด
ที่ผมบอกแล้ว ข้าวเอย ยางพาราเอย เรามีนโยบายรวมตัวกับผู้ผลิตอื่นๆ เป็นผู้ร่วมค้า
ตรงนี้รัฐทำหน้าที่เพียงเป็นหน่วยประสานงานให้ การต่อรองจะเกิดขึ้นเองโดยระบบ
และที่สำคัญ เป็นระบบที่สินค้าอาหารของโลกอยู่ในภาวะขาดแคลนเข้าไปทุกที
ผมเชื่อว่าแทนที่เราจะกังวลเรื่องความสามารถในการแข่งขันด้านราคากับจีนหรือเวียดนาม
เรามากังวลเรื่องคุณภาพ และกำลังการผลิตจะดีกว่า
ยิ่งเดี๋ยวนี้ หันมาปลูกพืชพลังงาน และอาหารสัตว์กันมาก
บวกกับภัยธรรมชาติในประเทศต่างๆ
จะว่าจีนดินดำน้ำชุ่มกว่าเรา ผมเถียงว่าเขาแค่มีพื้นที่กว้างกว่า และปลูกพืชบางชนิดได้ผลโตกว่า
เพราะข้อได้เปรียบด้านภูมิอากาศ
แต่นั่นก็กลายเป็นข้อเสียเปรียบเหมือนกัน โดยเฉพาะตอนนี้ ปักกิ่งอุณหภูมิลบ 10 องศานะครับ
เวียดนาม ปลูกพืชได้ดีเฉพาะเขตแม่ของเดลต้า หรือสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
ที่เหลือต้องประสบกับมรสุมทะเลจีนใต้ตลอดเวลา
หากไทยเราสามารถจะพัฒนาคุณภาพผลผลิต และวางแผนจัดการได้ดี
ผลผลิตต่อไร่จะสูงขึ้น ในอนาคตมีแต่เรื่องผลิตไม่พอจำหน่าย
อย่าบอกว่าเกษตรกรการศึกษาไม่สูงครับ
พวกเขาต้องส่งเสริมการศึกษาให้ตัวเอง
การเรียนรู้ต้องเกิดขึ้นตลอดชีวิต
ใครจะบอกว่าเป็นเกษตรกรเพราะโง่ จน เจ็บ
ผมว่าคุณกำลังดูถูกตัวเอง และสมควรแล้วที่จะพ่ายแพ้