ไทย-กัมพูชาปะทะรอบ 2 ทหารไทยพลีชีพ 1 บาดเจ็บ 4

[thaicha]

ไทย-กัมพูชาปะทะรอบ 2 ทหารไทยพลีชีพ 1 บาดเจ็บ 4 แม่ทัพภาค 2 รุดเจรจา ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์เหตุปะทะเมื่อวันที่ 4 ก.พ.เขมรละเมิดอธิปไตยไทย จำเป็นต้องตอบโต้
       
       พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า วันนี้ (5ก.พ.) เวลาประมาณ 06.20น. เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา 3 จุดนาน 25 นาที ส่งผล ส.อ.วุฒิชริน ชาติคำดี เสียชีวิตและมีทหารบาดเจ็บ 4 นาย
       
       ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุเวลา 08.30 น. พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเจรจากับ พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา
       
       แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อหาแนวทางขอเจรจากับทางการ กัมพูชา เพื่อหาข้อยุติและร่วมหาออกเพื่อแก้ไขปัญหา หลังเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ และกำลังเจ้าหน้าที่ทหารไทยปะทะกับทหารกัมพูชา ส่งผลให้ชาวบ้านกว่า 3,000 คน ได้รับความเดือนร้อน รวมทั้งมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ขณะเดียวกัน ปฏิเสธที่จะตอบว่าแนวทางดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร เพียงแต่ให้รอติดตามสถานการณ์เท่านั้น
       
       อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะวานนี้ เบื้องต้นมี 9 ราย คือ ส.อ.ธีรวัฒน์ ศรีวะรินทร์ จ.ส.อ.มงคล พลเยี่ยม ทพ.ดำรง พรหมโคตร พลทหารวิทยา ศีมันตะ จ.ส.อ.สุมน จาบประโคน ทพ.สุวรรณ ถ่อแก้ว นายวิเชียร อัตพงษ์ นายเสถียร ศรีมุกดา จ.ส.อ.วิรัตน์ งามสูงเนิน ส่วนผู้เสียชีวิตคือนายเจริญ ผาหอม ชาวบ้านภูมิซรอล
       
       ด้านกระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ชี้แจงการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 4 ก.พ. บริเวณชายแดนประสาทพระวิหาร ว่า เมื่อเวลา 15.20 น.วานนี้ ทหารกัมพูชาเปิดฉากระดมยิงมายังฐานทัพของทหารไทยที่ภูมะเขือในเขตแดนไทยด้วย ปืนครก จรวดอาร์พีจี และปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง นอกจากนี้ ในเวลา 16.20 ของวันเดียวกัน ทหารกัมพูชายังได้เปิดฉากระดมยิงจากพื้นที่ของประสาทพระวิหารมายังฐานของ ทหารไทยซึ่งตั้งอยู่ที่ผามออีแดงในเขตแดนไทย
       
       ในระหว่าง 2 เหตุการณ์นี้ ทหารกัมพูชาได้ระดมยิงปืนใหญ่มาที่หมู่บ้านภูมิซรอลใน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากพื้นที่ชายแดนประมาณ 5 กิโลเมตร เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้พลเรือนไทยเสียชีวิต 1 คน ทหารบาดเจ็บ 6 นาย บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนัก 7 หลัง และยิ่งไปกว่านั้น ทำให้พลเรือน 3,000 คนที่อาศัยอยู่ตามพื้นที่ชายแดนต้องอพยพลี้ภัย
       
       การโจมตีที่เกิดขึ้นจากทหารกัมพูชาแสดงถึงการกระทำที่ก้าวร้าว และเป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพของดินแดนไทยอย่างชัดเจน กองทัพไทยไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากการรักษาสิทธิที่จะป้องกันตนเองตาม กฎหมายระหว่างประเทศ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังยืนยันที่จะแก้ไขปัญหาพิพาทชายแดนด้วยวิธีการสันติ แต่ขอสงวนสิทธิอันชอบธรรมที่จะปกป้องอธิปไตย

[เท้าสะเอวคลับ Ver.CaZzAmAnIaN]

ขอให้พระคุ้มครอง ทุกท่าน

และ ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตด้วยคับ

[เทพบุตรดาวเหนือ เคนชิโร่]

เป็นกำลังใจให้ทหารทุกท่านครับ

[Ranger]

"ทัพฟ้า" จับตาเหตุปะทะชายแดนเขมร ชี้ยังไม่ถึงขั้นต้องใช้กำลังอากาศ ขณะที่ "ทัพเรือ" ย้ำชายแดนจันทบุรี-ตราด ยังปกติ ไม่มีเหตุปะทะ แต่ตรวจเข้มมากขึ้น ลั่นนักรบชุดดำพร้อมปฏิบัติหน้าที่เต็มที่ ปกป้องอธิปไตย
       
       วันนี้(5 ก.พ.) พลอากาศตรีมณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศได้เฝ้าติดตามสถานการณ์การปะทะระหว่างทหารไทย - กัมพูชา อย่างใกล้ชิด และเห็นว่า เป็นการปะทะกันในพื้นที่แบบธรรมดา ยังไม่พัฒนาจนถึงขั้นต้องใช้กำลังทางอากาศ ทั้งนี้กองทัพอากาศไม่ได้มีการเตรียมพร้อมอะไรเป็นพิเศษ เพราะกองทัพอากาศมีการฝึกซ้อมทางอากาศตลอด 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว
       
       ขณะที่แหล่งข่าว จากกองทัพเรือ ระบุว่า ชายแดนด้านจังหวัดจันทบุรี และตราดที่ติดกับประเทศกัมพูชา กองกำลังชายแดน จันทบุรีตราด ยังเป็นปกติ มีการตั้งด่านตรวจ แต่เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งประชาชนโดยทั่วไป สามารถเข้า-ออกได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะกันที่จังหวัดศรีษะเกษ ทำให้มีประชาชนผ่านเข้าออกลดน้อยลง และยังไม่เกิดเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันระหว่างทหารไทยและ กัมพูชา แต่อย่างใด ขณะที่การลาดตระเวนด้านทะเล มีการลาดตระเวนตามปกติ เพื่อรักษาอธิปไตย ทั้งนี้ ในส่วนของนักรบชุดดำของกองทัพเรือ พร้อมปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับกองทัพบก
       
       ด้านพันเอกสิทธิชัย มากกุญชร โฆษกกองทัพไทย กล่าวยืนยันว่า การฝึกแบบร่วมผสมคอบบร้าโกลด์ ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 7-18 กุมภาพันธ์ ในหลายจังหวัด ยังต้องดำนินการต่อไป พร้อมยืนยันว่า การฝึกคอบบร้าโกลไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งยืนยันว่า เครื่องบืนรบเอฟ 18 ที่กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา เป็นเครื่องบินรบ ของกองทัพสหรัฐ ที่ส่งมาฝึกร่วมกับกองทัพอากาศไทย ซึ่งเป็นการฝึกตามปกติ ในช่วงที่มี การฝึกแบบร่วมผสมคอบบร้าโกลด์ โดยจะมีทหารจาก 7 ประเทศร่วมด้วย ประกอบด้วย ไทย มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลี อินโดนีเซีย สิงคโปร์ รวมมีกำลังพลมากกว่า 1 หมื่นนาย โดยกำลังพลของไทยมีกว่า 3 พันนาย ของต่างชาติ อีกกว่า 7 พันนาย