ยึดติดตำรา อาจารย์ พระไตรปิฏก

[ร้อยป่า]

วิธีบรรลุฉับพลัน

1.ไร้สาระในทุกๆสิ่ง ไม่ให้สาระสำคัญในสิ่งใดๆเลย
2.ทำต่อเนื่อง ทำแล้วทำอีก อย่าหยุดทำ ว่างหรือไม่ว่างก็ทำ

ใครทำได้ต่อเนื่องจะบรรลุธรรมอย่างช้าเจ็ดชาติ อย่างเร็วเจ็ดวินาที


พระไตรปิฎกเหมือนกฏหมายรัฐธรรมนูญ เอามาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ แต่ต้องมี มีไว้เพื่อตรวจสอบกฏหมายลูกว่าถูกต้องหรือไม่ ธรรมะประยุกต์ของครูบาอาจารย์ก็เช่นกัน เป็นธรรมะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เหมือนเป็นกฎหมายลูก ส่วนพระไตรปิฎกไม่ได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ แต่ต้องมีเพื่อเอาไว้ตรวจสอบความถูกผิดของธรรมะประยุกต์

หลายคนบอกให้เชื่อพระพุทธเจ้า ต้องฟังพระพุทธเจ้า ต้องทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่เขาเหล่านั้นกับยึดติดคัมภีร์ แบ่งชั้นคัมภีร์ ยึดติดพระไตรปิฎก ยึดติดครูอาจารย์ ยึดติดความเห็นความเชื่อของตนเอง ยึดติดทั้งๆที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่ายึดติดสิ่งใดๆโดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่อย่างเดียว เลิกยึดติดทุกสรรพสิ่งเสียเถิด ไม่ว่าอะไรเลิกยึดติดให้หมด

เลิกยึดติดกับทิ้งคนละอย่างกัน ทิ้งเราไม่ใช้ไม่มีสิ่งนั้นๆเลย แต่เลิกยึดติด เรามีเราใช้สิ่งนั้นๆได้ แต่เราไม่ยึดติด

เราจะเลิกยึดติดได้อย่างไร เราทำได้โดยฝึกไม่ให้สาระสำคัญในสิ่งไรๆ ค่อยๆทำสิ่งง่ายๆไปหาสิ่งที่ยาก ทำแล้วทำอีก ชีวิตทุกคนจะเย็นขึ้น พ้นทุกข์ทั้งทางกายและใจได้มากขึ้น ทำเท่าที่ทำได้ ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น แต่หมั่นทำเรื่อยๆ แล้วคุณจะเป็นคนใหม่ ชีวิตใหม่ ชีวิตที่ไม่มีการยึดติด

เจริญธรรม
สมสุโขภิกขุ

[nantong]

ไหว้สา พระธัมมวินัย  สายบุญ

สมสุโขภิกขุ  ตีความ ว่า พระพุทธเจ้า ให้ไม่ว่าอะไร ให้เลิกยึดติดเสียให้หมด  มีส่วนสำคัญที่สุด

พระพุทธเจ้า ท่านสอนให้ละอัตตา ตัวตน จนได้ อนัตตา สละวางทุกสิ่งอย่างชั่วหรือดีก็ให้ละวาง  ปล่อยวางอย่างมีปัญญา  หาใช่ปล่อยวางอย่างมีปัญหา อย่างขาดสติปัญญา

ท่านให้เอาโลกหนุนธัมมะ  เอาธัมมะหนุนโลก  ทำไปตามลำดับ  แล้วไม่ไปยึด ไปติด ในที่สุด

การละอุปาทาน  ละวางไม่ยิดติดใด ๆ  มีเป็นไปตามลำดับขั้นตอนอยู่ครับ   ไม่ใช่การลัดขั้นตอน   

 
                            เปิงกับที่    หลวงปู่ชา ตำหนิ ว่า  ส้วม ไม่ล้าง  จ้อง จะเอาแต่  พระนิพพาน 



สาธุ( ที )ครับ