ร้อยป่า
ระดับ ป.ตรี
ออฟไลน์
กระทู้: 1,864
|
|
« เมื่อ: วันที่ 06 กันยายน 2014, 00:39:54 » |
|
อ่านแล้วพิจารณาน่ะครับ.
หลงกระพี้ไม้ ว่าเป็นแก่น๑ ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้คือ กุลบุตรบางคนมีศรัทธา ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน เพราะคิดเห็นว่า “เราถูกความเกิด ความแก่ ความตาย ความโศก ความร่ำไรรำพัน ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ ครอบงำเอาแล้ว เป็นคนตกอยู่ในกองทุกข์ มีทุกข์อยู่เฉพาะหน้าแล้ว ทำไฉน การทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะปรากฏมีได้” ดังนี้. ครั้นคิดอย่างนี้แล้ว กุลบุตรจึงออกบวชจากเรือนด้วยศรัทธา. ครั้นบวชแล้วสามารถทำลาภสักการะ และ เสียงเยินยอให้เกิดขึ้นได้, เธอไม่มีใจยินดี ไม่มีความดำริเต็มรอบแล้ว ในลาภสักการะและเสียงเยินยอนั้น, เธอไม่ทะนงตัว เพราะลาภสักการะและ เสียงเยินยอนั้น, เธอไม่เมาอยู่ ไม่มัวเมาอยู่ ไม่ถึงความประมาทอยู่ เพราะ ลาภสักการะและเสียงเยินยอนั้น ; เมื่อไม่ประมาทแล้ว เธอให้ความถึงพร้อม ด้วยศีลเกิดขึ้นได้, เธอมีใจยินดีแล้ว ในความถึงพร้อมด้วยศีลนั้น แต่ว่า หามีความดำริเต็มรอบเพียงความถึงพร้อมด้วยศีลนั้นไม่, เธอไม่ทะนงตัว เพราะ ความถึงพร้อมด้วยศีลนั้น, เธอไม่เมาอยู่ ไม่มัวเมาอยู่ ไม่ถึงความประมาท อยู่ เพราะความถึงพร้อมด้วยศีลนั้น ; เมื่อไม่ประมาทแล้ว เธอให้ความถึง พร้อมด้วยสมาธิเกิดขึ้นได้, เธอมีใจยินดีแล้วในความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น แต่ว่า หามีความดำริเต็มรอบเพียงความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้นไม่, เธอไม่ ทะนงตัว เพราะความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น, เธอไม่เมาอยู่ ไม่มัวเมาอยู่ ไม่ถึงความประมาทอยู่ เพราะความถึงพร้อมด้วยสมาธินั้น ; เมื่อไม่ประมาท แล้ว เธอก็ทำให้ ญาณทัสสนะ (ความรู้เห็นธรรม) เกิดขึ้นได้. เธอมีใจ ยินดีแล้ว มีความดำริเต็มรอบแล้ว ในญาณทัสสนะนั้น. เธอทะนงตัว
เพราะญาณทัสสนะนั้นว่า “เราเป็นผู้รู้ผู้เห็นอยู่ ส่วนภิกษุอื่น ๆ เหล่านี้ไม่รู้ ไม่เห็น” ดังนี้. เธอนั้น เมาอยู่ มัวเมาอยู่ ถึงความประมาทอยู่ เพราะ ญาณทัสสนะนั้น, เมื่อประมาทแล้ว เธอก็อยู่ด้วยความเป็นอยู่ที่ดูแล้วน่าชัง. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนบุรุษ ผู้ต้องการด้วยแก่นไม้ เสาะหาแก่นไม้ เที่ยวค้นหาแก่นไม้อยู่ จนถึงต้นไม้ใหญ่มีแก่นแล้ว มองข้ามพ้นแก่นเสีย, ถากเอากระพี้ถือไป ด้วยเข้าใจว่า นี่แก่นไม้. บุรุษมีตาดี เห็นคนนั้นเข้าแล้ว ก็กล่าวว่า “ผู้เจริญคนนี้ ช่างไม่รู้จักแก่น, ไม่รู้จักกระพี้, ไม่รู้จักเปลือกสด, ไม่รู้จักสะเก็ดแห้งตามผิวเปลือก, ไม่รู้จักใบอ่อนที่ปลายกิ่ง. จริงดังว่า ผู้เจริญ คนนี้ต้องการแก่นไม้ เสาะหาแก่นไม้ เที่ยวค้นหาแก่นไม้ จนถึงต้นไม้ใหญ่ มีแก่นแล้ว ก็มองข้ามพ้นแก่นเสีย, ถากเอากระพี้ถือไป ด้วยเข้าใจว่า นี่ แก่นไม้ ; สิ่งที่เขาจะต้องทำด้วยแก่นไม้ จักไม่สำเร็จประโยชน์เลย” ดังนี้ ; ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! เราเรียกคนบวชชนิดนี้ว่า ได้ถือเอาพรหมจรรย์ ตรงกระพี้ของมัน และเขาถึงที่สุดแห่งพรหมจรรย์ ด้วยการกระทำเพียงทำให้ ญาณทัสสนะเกิดขึ้นเท่านั้นเอง.๑
*** เรื่องนี้แปลง่ายๆครับว่า เจอหลักธรรมแล้ว ยังไปหลงกับสิ่งที่ปลอมปนในหลักธรรม เจอ พุทธวจนแล้ว ยังไปสนใจกับการบัญญัติแต่งใหม่....
|