แผ่นดินไหวในอดีต

[TheRed]

http://www.oknation.net/blog/print.php?id=698686

[TheRed]

แผ่นดินไหวที่เชียงราย แผ่นดินสูบครั้งพุทธกาล โดย พระอาจารย์ชลินทร์ ปิ่นวัฒนะ
Font Size:
               บ้านเมืองของเรากำลังวุ่นวาย ความแตกแยกของประชาชนได้ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ต่างฝ่ายต่างกล่าวหา ว่าอีกฝ่ายเป็นฝ่ายผิด เศรษฐกิจบ้านเมืองได้รับผลกระทบอย่างแรง   ประจวบกับการเกิดแผ่นดินไหวซึ่งเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่จังหวัดเชียงราย จึงมีการนำไปกล่าวอ้างว่าฟ้าดินกำลังลงโทษ

               การเกิดแผ่นดินไหวที่จังหวัด เชียงราย พะเยา และ เชียงใหม่ เป็นการเกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงของเมืองไทย ทำให้วัดวาอาราม เจดีย์วิหาร ได้รับความเสียหาย ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย เมืองไทยไม่ค่อยจะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยนัก พอเกิดขึ้นแต่ละครั้งผู้คนก็ตกอกตกใจกันยกใหญ่ ไม่เหมือนญี่ปุ่น หรือ อเมริกา ซึ่งเกิดบ่อย กระทั่งพม่า ก็เกิดแผ่นดินไหวอยู่เนืองๆ ขนาด มหาเจดีย์ชเวมอดอร์ หรือ พระมหาธาตุมุเตา ซึ่งเป็นพระมหาเจดีย์ที่สูงที่สุดในพม่า มีอายุเก่าแก่ถึง 2,000 ปี ตั้งอยู่ที่หงสาวดียังเคยพังทลายมาแล้วถึง 4 ครั้ง 4 หน อันเนื่องมาจากแผ่นดินไหว ครั้งสุดท้ายที่พังทลายลงมาก็เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2473 จะนึกคิดไปว่าเป็นอาเพศประการใดก็สุดแท้แต่จะพิจารณา
               แต่ในทางวิทยาศาสตร์ การเกิดแผ่นดินไหวเป็นเรื่องของธรรมชาติ เป็นปรากฏการณ์อันเกิดจากการเคลื่อนตัวโดยฉับพลันของเปลือกโลก การเคลื่อนตัวดังกล่าวเกิดจากชั้นหินหลอมละลายที่อยู่ใต้เปลือกโลกได้รับพลังงานความร้อนจากแกนโลก แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นตามรอยเลื่อนของแผ่นเปลือกโลกทำให้แผ่นดินแยกออกจากกัน
               การเกิดแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก จึงไม่ใช่อาเพศ ลางร้าย  เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นประจำในหลายๆแห่งทั่วโลก อย่างไรก็ตามเมื่อครั้งพุทธกาลได้มีเรื่องราวที่กล่าวถึงเหตุการณ์แผ่นดินแยก และ ธรณีสูบ เอาไว้ในหลายเหตุการณ์ด้วยกัน ซึ่งในกรณีดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงเรื่องแผ่นดินไหว แต่กล่าวเฉพาะเรื่อง แผ่นดินแยก และ ธรณีสูบ  ซึ่งพระไตรปิฎก กล่าวรวมไว้  5  เหตุการณ์ด้วยกัน
               เหตุการณ์แรกเกิดกับพระเทวทัตที่มีจิตมุ่งร้ายอาฆาตพยาบาทพระพุทธองค์ตลอดมาเพราะประสงค์ที่จะตั้งตนเป็นพระศาสดาเสียเอง จึงถูกธรณีสูบไปต่อหน้าต่อตา แม้ขณะนั้นจะสำนึกผิดแล้วและกำลังจะไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ก็ตาม เหตุการณ์ที่สองอันเกิดจากธรณีสูบในครั้งพุทธกาล เกิดแก่สุปปพุทธะ ซึ่งเป็นพระราชบิดาของพระเทวทัต
สุปปพุทธะโกรธพระพุทธองค์ตามเทวทัต และ โกรธแค้นที่พระพุทธองค์ทรงออกผนวช ทอดทิ้งพระนางยโสธราพิมพา ซึ่งเป็นพระราชธิดาของสุปปะพุทธะ ให้ได้รับความยากลำบาก จึงให้อำมาตย์ข้าราชบริพารไปขัดขวางหนทางที่พระพุทธองค์จะเสด็จออกโปรดเวไนยสัตว์ บาปกรรมนั้นใหญ่หลวงนักทำให้สุปปะพุทธะต้องธรณีสูบในที่สุด
               เหตุการณ์ที่สามที่ถูกธรณีสูบเมื่อครั้งพุทธกาลบังเกิดแก่นันทมานพผู้หลงรัก “พระอุบลวรรณเถรี” ภิกษุณีผู้มีสิริโฉมงดงามยิ่ง เป็นที่ต้องตาต้องใจของบุรุษเพศทั้งหลาย แต่พระอุบลวรรณเถรีมุ่งมั่นออกบรรพชาตั้งแต่อายุได้เพียง 16 ปี และ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขั้นปฏิสัมภิทาญาณ มีฤทธิ์มาก เหตุที่นันทมานพต้องธรณีสูบก็เพราะได้กระทำการหยาบช้าล่วงละเมิดทางเพศต่อพระอรหันต์ที่ชื่อพระอุบลวรรณเถรีนั่นเอง
               สำหรับบุคคลที่ต้องธรณีสูบเป็นรายที่สี่ได้แก่นางจิญจมาณวิกาที่กล่าวหาว่าตั้งครรภ์กับพระบรมศาสดา โดยสำแดงตนเป็นหญิงท้องแก่ กระทั่งพระอินทร์ต้องแปลงกายมาเป็นหนู เข้าไปกัดเชือกที่รัดเอวจนทำให้ผ้าผืนต่างๆที่ซ่อนไว้เพื่อพรางตนว่าตั้งครรภ์หล่นลงมาต่อหน้าพุทธบริษัท นางตกใจวิ่งหนีออกไปจากสำนักพระพุทธโคดมจนต้องธรณีสูบไปในที่สุด
               รายสุดท้ายไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นยักษ์ ชื่อนันทยักษ์ซึ่งจองล้างจองผลาญพระสารีบุตร พระอัครสาวกเบื้องขวา มาหลายภพ หลายชาติ เหาะผ่านมาเห็นพระสารีบุตรกำลังเข้านิโรธสมาบัติอยู่จึงฟาดกระบองลงมาสู่พระสารีบุตรด้วยสันดานพาล แต่พระสารีบุตรหาได้เป็นอันตรายใดๆไม่ ด้วยบาปอันมหันต์นั้นเองที่ทำให้นันทยักษ์ตกลงมาจากอากาศ พลันแผ่นดินก็แยกตัวสูบนันทยักษ์สู่อเวจีทันที
                เหตุการณ์แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก ที่จังหวัดเชียงราย  กับ เหตุการณ์ธรณีสูบเมื่อครั้งพุทธกาลจึงไม่เหมือนกัน ที่เชียงรายแผ่นดินแยก เพราะแผ่นดินไหว ไม่ใช่ธรณีสูบ แต่เหตุการณ์เมื่อครั้งพุทธกาลเป็นเรื่องธรณีสูบคนบาปเป็นการเฉพาะ
แต่เอาเถอะถึงแผ่นดินจะแยกก็ขออย่าให้คนไทยต้องแตกแยกกันเลย เขียนหนังสือวันนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังทุกตัวอักษรเพื่อไม่ให้เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะทุกๆฝ่ายในเมืองไทยต่างก็อ้างเรื่องประชาธิปไตยด้วยกันทั้งนั้น พระก็เลยไปค้นหาคำคมของวิกิพีเดียมาฝากให้เป็นข้อคิดดังนี้
               จอห์น อดัมส์ ให้ความเห็นเรื่องประชาธิปไตยเอาไว้ดังนี้
               “........ ระลึกไว้ว่า ประชาธิปไตยจะไม่มั่นคงยืนนาน อีกไม่นาน ประชาธิปไตยก็จะทำร้ายตัวเอง หมดกำลังไปเอง และ จะสังหารตัวเอง นับจนถึงขณะนี้ยังไม่เคยมีประชาธิปไตยที่ใดที่ยังมิได้ฆ่าตัวตายมาก่อน.....”
               ส่วน อับราฮัม ลินคอล์น ก็ให้ความหมายของประชาธิปไตยไว้น่าฟัง
               “........ ประชาธิปไตยคือการปกครองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ......”
               เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ กล่าวถึงประชาธิปไตยเอาไว้แบบฟันธง
               “....... ประชาธิปไตยไม่ใช่รูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด แต่เป็นรูปแบบการปกครองที่เลวน้อยที่สุดต่างหาก.....”
               ส่วน มหาตมะ คานธี ก็ฝากอมตะวาจา เรื่องประชาธิปไตยเอาไว้เช่นกัน
               “............. การคอรัปชั่นเป็นผลสืบเนื่อง อันหลีกเลี่ยงไม่ได้ของประชาธิปไตย.........”
               สุดท้าย... โธมัส เจฟเฟอร์สัน ประธานาธิบดีคนที่ 3 ของสหรัฐกล่าวเอาไว้ด้วยคำคมที่น่าฟังยิ่ง
               “......... When Injustice Becomes Law Resistance Becomes Duty….
เมื่อความอยุติธรรม กลายมาเป็นกฎหมาย การต่อต้านจึงเป็นหน้าที่ ......”

[theheroman]

ความรู้ใหม่ครับบบบบบบบบบ