เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 26 เมษายน 2024, 11:01:23
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  เรื่องล้านนา ภาษากำเมือง
| | |-+  คนเมือง / คนไทย
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์
ผู้เขียน คนเมือง / คนไทย  (อ่าน 8721 ครั้ง)
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #20 เมื่อ: วันที่ 28 เมษายน 2010, 23:27:20 »

เบื่อพวกแยกแผ่นดิน สมัย3000ปีที่แล้วคุนหมิง ยูนาน เชียงตุง เชียงรุ้ง รวมทั้งพม่าแลลานนาบางส่วน เป็นอาณาจักร์  ของ ของวุ่ยก๊ก (จาก3ก๊ก)ภายหลังถูกรวบรวมโดยจิ๋นซี ต่อมา เสื่อมอำนาจจึงสูญเสียแผ่นดินในปกครอง หากจะอ้างแบ่งแยกไทย จะเหมือนรัฐปัตตานีที่อ้างเดิมเป็นมาเลย์ อยากให้3จังหวัดภาคเหนือเป็นอย่างภาคใต้หรือไง  ไม่พูดไม่มีใครว่าโง่

ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าโง่จริงๆนั่นแหละครับ

วุยก๊ก หรือ เฉาเวย (พ.ศ.763-808) ของโจโฉ ปกครองจีนภาคเหนือครับ
ส่วนยูนนาน เมืองคุนหมิง อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ปกครองโดย จ๊กก๊ก หรือ สู่ฮั่น (พ.ศ.764-806) ของเล่าปี่
ส่วน ง่อก๊ก หรือ ตงอู่ (พ.ศ.765-823) ของซุนกวน ปกครองจีนภาคใต้ ตั้งแต่ลุ่มน้ำแยงซีลงมา

ส่วน จิ๋นซีฮ่องเต้ ครองราชย์ในตำแหน่งจักรพรรดิ พ.ศ.323-333 ครับ
ดูจากปี พ.ศ. แสดงว่าจิ๋นซีฮ่องเต้รวบรวมแผ่นดินจีนก่อนหน้าสมัยสามก๊กตั้ง 440 ปี

จากเหตุผลในข้างต้น จึงสรุปได้ว่า ก๊กทั้ง 3 มิได้ถูกรวบรวมโดยจิ๋นซีฮ่องเต้
ดังเช่นที่มีคนเข้าใจผิด


ว่างๆลองกลับไปอ่านสามก๊กเพิ่มนะครับ อ่านหลายๆจบเลยยิ่งดี
มันช่วยสร้างพัฒนาการทางสมองได้ดีมากเลย

อีกอย่างหนึ่ง กระทู้นี้เป็นเพียงการตั้งข้อสังเกตในพฤติกรรมประจำวันเท่านั้น
กรุณาอย่าคิดมากเกินกว่าเหตุครับ
เพราะถ้ามองแค่ในระดับจังหวัดเชียงราย เราเองก็มีหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยร่วมกัน
ตัดกันไม่ขาดหรอกครับ
ใครที่คิดแต่เรื่องแบ่งแยก คนประเภทนั้นคงจะมีปัญหาทางวุฒิภาวะ
ถ้ามีว่างมากขนาดนั้น เอาเวลาไปทำมาหากินจะดีกว่า


* China_5.jpg (94.31 KB, 560x550 - ดู 389 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 เมษายน 2010, 23:35:13 โดย เชียงรายพันธุ์แท้ » IP : บันทึกการเข้า
kunu2507
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #21 เมื่อ: วันที่ 29 เมษายน 2010, 00:53:23 »

ขออภัย ไม่ชำนาญประวัติศาสตร์ชาติอื่น  เพราะเป็นคนไทยโดยกำเนิด ถึงแม้บรรพบุรุษจะนั่งสำเภามาจากจีน แต่รักประเทศไทย แล้วเคยรบที่ร่มเกล้ารักษาแผ่นดินไทย ปัจจุบันเป็นข้ารับใช้เฉพาะจักรกรีวงศ์เท่านั้น ทำไมจะต้องแบ่ง คนเมือง/คนไทย ใน เมื่อเกิดประเทศไทย ใต้ร่มเงานี้เราสำนึกบุญคุณเสมอ
IP : บันทึกการเข้า
flashi
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,797


on the internet nobody knows you’re a dog


« ตอบ #22 เมื่อ: วันที่ 29 เมษายน 2010, 01:05:53 »

ปีนี้ พ.ศ.2553 ค.ศ.2010 แล้ว ผ่านพ้นยุคล่าหัวเมืองมาหลายร้อยปีแล้ว
ไม่ว่าบรรพบุรุษใครจะมาจากสายไหน แต่วันนี้อยู่ในผืนแผ่นดินไทย ถือสัญชาติไทย อยู่ภายใต้กฎหมายไทย ทุกๆคนก็เป็นคนไทยเหมือนกัน
IP : บันทึกการเข้า

ทุกอาชีพไม่มีไส้แห้ง ไม่ว่าอาชีพใดทั้งสิ้น ที่เมิงไส้แห้ง เพราะเมิงกระจอกไง มันอยู่ที่ใจเมิง ใจเมิงสูงเมิงก็รอด ใจเมิงกระจอกเมิงก็จน!
--- (เชิญชมคลิปเต็ม)
http://www.youtube.com/watch?v=s-g89WcO6DQ
۰•ฮักแม่จัน©®
เลวบ้างในบางเวลา
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7,017


"มารบ่มี บารมี บ่เกิด.."


« ตอบ #23 เมื่อ: วันที่ 29 เมษายน 2010, 07:56:09 »

ขออภัย ไม่ชำนาญประวัติศาสตร์ชาติอื่น  เพราะเป็นคนไทยโดยกำเนิด ถึงแม้บรรพบุรุษจะนั่งสำเภามาจากจีน แต่รักประเทศไทย แล้วเคยรบที่ร่มเกล้ารักษาแผ่นดินไทย ปัจจุบันเป็นข้ารับใช้เฉพาะจักรกรีวงศ์เท่านั้น ทำไมจะต้องแบ่ง คนเมือง/คนไทย ใน เมื่อเกิดประเทศไทย ใต้ร่มเงานี้เราสำนึกบุญคุณเสมอ

รบที่เดียวกับพ่อผมเลยครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"ทำบุญเท่าไรก็ไม่สามารถลบล้างบาปได้ บุญอยู่ส่วนบุญ บาปอยู่ส่วนบาป"

ไม่มีใครหรอกที่จะเลวโดยสันดาน ..
หากแต่สถานการณ์มันบีบบังคับให้ทำ
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #24 เมื่อ: วันที่ 29 เมษายน 2010, 21:50:29 »

ขออภัย ไม่ชำนาญประวัติศาสตร์ชาติอื่น  เพราะเป็นคนไทยโดยกำเนิด ถึงแม้บรรพบุรุษจะนั่งสำเภามาจากจีน แต่รักประเทศไทย แล้วเคยรบที่ร่มเกล้ารักษาแผ่นดินไทย ปัจจุบันเป็นข้ารับใช้เฉพาะจักรกรีวงศ์เท่านั้น ทำไมจะต้องแบ่ง คนเมือง/คนไทย ใน เมื่อเกิดประเทศไทย ใต้ร่มเงานี้เราสำนึกบุญคุณเสมอ

นอกจากคนเมืองแล้วยังมี คนยอง คนลื้อ คนไต และคนอื่นๆอีกหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินนี้ครับ
แต่ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนกันหมด ทุกกลุ่มชนย่อมมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ภายใต้สำนึกในระดับชาติ
ทุกคนต่างรับรู้แล้วเข้าใจว่าตัวเองนั้นเป็น "คนไทย" อย่างไรก็ตาม แต่ละกลุ่มชนยังมีสำนึกอีกประการ
นั่นคือ สำนึกในระดับชาติพันธุ์หรือท้องถิ่น เรารับรู้ดีว่าเรามีเชื้อสายใด มีถิ่นฐานที่ใด

การมีสำนึก 2 ระดับนี้ ช่วยให้กลุ่มชนที่มีความแตกต่างอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขมาช้านาน
ด้วยการยอมรับความแตกต่างของกันและกัน
ไม่ว่าคุณจะเป็นลื้อ เย้า ม้ง ฮ่อ จีนแต้จิ๋ว จีนแคะ ฯลฯ
ไม่ว่าคุณจะเป็นคนนครสวรรค์ คนพิษณุโลก หรือคนท้องถิ่นใด
ทุกคนจะมีสำนึกร่วมกันในระดับชาติ นั่นคือ สำนึกของความเป็นคนไทย

ที่ตั้งกระทู้นี้ก็เพื่อแสดงว่าคนเมืองก็มีสำนึกของความเป็นประชาชนไทยเหมือนกันนะ
แล้วแต่สถานการณ์ เช่น เวลาเราอยู่ในหมู่บ้าน เราพูดคุยกันด้วยภาษาถิ่น เรียกตัวเองว่า "หมู่เฮาคนเมือง"
แต่พอไปในระดับรัฐ เช่น ไปติดต่อราชการ หรือไปต่างประเทศ เราก็เรียกตัวเองว่าเป็น "คนไทย"
กรณีดังกล่าวมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในสังคมไทย เพราะเราประกอบด้วยคนหลายกลุ่ม
ซึ่งเราก็อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ไม่เห็นจะต้องดิ้นรนอะไร
เพราะทุกคนต่างก็มีสำนึกว่าตัวเองเป็นคนไทยเหมือนกัน


เว็บนี้มีกฎเกณฑ์ห้ามโพสต์เรื่องการเมือง ดังนั้น ขอให้ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นโปรดเคารพกฎของคุณเจ้าของเว็บด้วยครับ
IP : บันทึกการเข้า
T Nakamura
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #25 เมื่อ: วันที่ 30 เมษายน 2010, 10:04:17 »

หันโตยกับอ้ายเชียงรายพนธุ์แท้ครับ
(เอากำเมืองมาพิมพ์เป็นตัวอักษรไทย ลำบากแท้ ^_^)

ในกรณีนี้ ผมคิดว่า สำนักในระดับชาติพันธุ์หรือท้องถิ่นนั้นจะมีมากกว่าสำนึกในระดับชาติ โดยเฉพาะคนเฒ่าคนแก่ หรือ คนที่มีอายุมากหน่อย ส่วนมากมักจะได้รับการศึกษา"หลักสูตรส่วนกลาง" ได้ไม่เต็มที่ (ไม่ได้หมายถึงมีการศึกษาน้อย แต่อาจมีข้อจำกัดในด้านอื่นๆ) ซึ่งผมมักจะได้ยินคำพวกนี้จากคำพูดของคนแถวๆบ้าน อย่างเช่น

"เขาเป๋นคนไทย เขาอู้กำไทย"
"เปิ้นไปยะก๋านตางใต้ปู้่น" (ใต้ในที่นี้ไม่ด้หมายถึงภาคใต้ แต่เป็นบริเวณกรุงเทพฯหรือภาคกลาง เพราะอยู่ใต้จากเชียงรายลงไป ประมาณบ้านเหนือ บ้านใต้นั่นแหละ)
"ย่า ..... ได้คนลาวมาเป๋นลูกใภ้" (ลาวในที่นี้หมายถึงคนอีสาน ไม่ใช่คนจากประเทศลาว)
ฯลฯ

เห็นได้จากคำพูดเหล่ามีการปะทะกันทางความคิดในเรื่อง ชาติพันธุ์ การกำหนดทิศทาง เขตแดน ซึ่งวัยรุ่นส่วนมากหากได้ยินประโยคเหล่านี้อาจจะตีความไปอีกอย่างหนึ่ง นั่นเพราะฐานคิดของวัยรุ่นส่วนมาเป็นฐานคิดและวัฒนธรรมใน "ภาษาไทย" ที่ได้รับการศึกษามาจากโรงเรียน มันเป็นเรื่องไม่แปลกเพราะเป็นกันเกือบทั้งประเทศ (อาจมีส่วนหนึ่งที่หลุดรอด เช่น โรงเรียนสอนศาสนาต่างๆ - กรุณาอย่าเอาการเมือง + การแบ่งแยกดินแดนมาเกี่ยวข้องนะ ^_^)

การศึกษาหลักสูตรส่วนกลางจึงเป็นตัวแปรที่สำคัญอย่างหนึ่ง (ซึ่งมีตัวแปรอื่นๆร่วมอยู่ด้วย) ที่ทำให้เกิดระบบฐานความคิดและวัฒนธรรมใน "ภาษาไทย" ขณะเดียวกันระบบคิดและวัฒนธรรมท้องถิ่นมักถูกปล่อยปละละเลย ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้ว่าภาษาไทยไม่ดีนะ แต่ควรที่จะมีการศึกษาในหลักสูตรของท้องฐิ่นด้วย จึงจะทำให้เราเข้าใจในระบบฐานความคิดของแต่ละวัฒนธรรมได้

ผมจึงคิดว่า สำนึกถึงความเป็น "คนเมือง" "คนไทย" ที่มันซ้อนกันอยู่นั้น มันคือบทบาทหรือหมวกที่ต้องสวมใส่ เมื่อต้องไปสัมพันธ์กับคนอื่นในสังคมตามแต่ละสถานการณ์และสถานที่ ตามที่อ้ายเชียงรายพันธุ์แท้ได้บอกไว้ อย่างคำพูดที่ว่า "ใคร่ตี๋คนไทยบ่าเฮ้ย!!!" นั่นคือการประกาศตัวตนว่า"ฉันเป็นคนท้องถิ่นเหนือ" เป็นการหาแนวร่วมท้องถิ่นเหนือด้วย "อัตลักษณ์" เดียวกัน ซึ่งไม่ได้หมายถึงว่า เขาไม่ใช่คนไทย แต่เขาเลือกที่จะแสดงออก ณ ขณะนั้นว่า ตนเองเป็นคนท้องถิ่นเหนือต่างหาก เพื่อผลักดันให้อีกฝ่ายเป็น "คนอื่น" หรือ "คนนอกถิ่น" หรือ "ไม่ใช่พวกเดียว" ซึ่งนำไปสู่การหาวิธีการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างกัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 เมษายน 2010, 10:19:29 โดย T Nakamura » IP : บันทึกการเข้า
☺ (ต้นฟ้า1 อิดเหนื่อย) ☺
มีเงินล้นฟ้า ไม่เท่าค่าของคน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,194


** ความสุขเล็กๆ **


« ตอบ #26 เมื่อ: วันที่ 30 เมษายน 2010, 10:07:56 »

เข้ามาเหนื่อย ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

รับซื้อ-ขายมือถือ มือ 2 ทุกรุ่น ราคามิตรภาพ Line id = spphone  อิดเหนื่อย
คำปันเกย
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 846



« ตอบ #27 เมื่อ: วันที่ 30 เมษายน 2010, 11:05:54 »

"อู้กำเมือง เล่าเรื่องล้านนา"
ชื่อของบอร์ดก็ชัดเจนอยู่แล้ว  ว่าเกี่ยวกับชาติพันธุ์คนเมือง

แต่ละชาติพันธุ์ จะมีภาษาและวัฒนธรรมเป็นของตนเอง
ดังนั้นคนเมืองก็จะมีภาษาของคนเมืองที่สื่อสารเข้าใจกันเป็นอย่างดีในหมู่คนเมือง

พ่อเป็นคนจีน(แผ่นดินใหญ่) แม่เป็นคนลื้อ(สิบสองปันนา)
เกิดและเติบโตในเจียงฮาย พะเยา เจียงใหม่
ก็จะบอกตัวเองและคนอื่นๆ ว่าเป็น"คนเมือง"

จะบอกว่าเป็นคนจีน ก็อู้จีนบ่ได้ บ่ฮู้ภาษาจีน
จะบอกว่าเป็นคนลื้อ ก็อู้ลื้อบ่จ่าง
แต่อู้ได้กำเมืองได้ ถองแกะถองแก๋น
ภาษาไทยก็อู้ได้ เขียนได้ค่อนข้างดี และใช้อยู่เป็นประจำทุกวัน
แต่บางทียังต้องแปลไทยเป็นเมืองก่อน จึงจะเข้าใจ

เปิ้นถึงบอกว่า ชาติพันธุ์มันเป็นอะไรที่ฝังลึกอยู่ในตั๋วเฮา

แต่ถ้าถ้าเจอคนต่างชาติ ก็จะบอกว่า" I'm thai"
ในความเป็น ชาติคือ"ชาติไทย"
แต่ในความเป็นชาติพันธุ์ คือ คนเมือง

ในเรื่องของชาติพันธุ์ คนเมือง-คนไทย มันก็คนละพวกโดยเนื้อแท้ของมัน
ปัจจุบันนี้ก็รวมกันอยู่ในประเทศไทย หาได้แบ่งแยกโดยใครคนใดคนหนึ่ง

การศึกษาเกี่ยวกับ ชาติพันธุ์ อาจจะยังมีน้อย
คนที่เข้าใจสับสนระหว่าง ชาติ กับ ชาติพันธุ์ จึงมีอยู่ค่อนข้างเยอะ
ซึ่งคงจะต้องแก้ไขในระบบการจัดการศึกษาของชาติ 


........
การศึกษาหลักสูตรส่วนกลางจึงเป็นตัวแปรที่สำคัญอย่างหนึ่ง (ซึ่งมีตัวแปรอื่นๆร่วมอยู่ด้วย) ที่ทำให้เกิดระบบฐานความคิดและวัฒนธรรมใน "ภาษาไทย" ขณะเดียวกันระบบคิดและวัฒนธรรมท้องถิ่นมักถูกปล่อยปละละเลย ที่กล่าวมานี้ ไม่ได้ว่าภาษาไทยไม่ดีนะ แต่ควรที่จะมีการศึกษาในหลักสูตรของท้องฐิ่นด้วย จึงจะทำให้เราเข้าใจในระบบฐานความคิดของแต่ละวัฒนธรรมได้
.............





IP : บันทึกการเข้า

ของล้ำค่าสำหรับคนหนึ่งก็อาจเป็นสิ่งไร้ค่าสำหรับอีกคน หรือสิ่งไร้ค่าสำหรับคนหนึ่ง ก็อาจเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับอีกคนหนึ่งเช่นกัน
GPS
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 175



« ตอบ #28 เมื่อ: วันที่ 02 พฤษภาคม 2010, 22:13:51 »

อ่านไม่ไหว
IP : บันทึกการเข้า
โชคดี
ชาวนาไม่มีวันหยุด082-698-1255 Line0826981255
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 715



« ตอบ #29 เมื่อ: วันที่ 03 พฤษภาคม 2010, 09:52:24 »

อ้าว...ลุงพงษ์หายไปไหนแล้ว
IP : บันทึกการเข้า

ล้อล้านนา
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 444


« ตอบ #30 เมื่อ: วันที่ 03 พฤษภาคม 2010, 10:09:56 »

          ราชวงศ์จักรี ก่อตั้งขึ้นหลังจากพระยาตากกอบกู้เอกราชขับไล่พม่าออกจากดินแดน (กรุงศรีอยุธยาและดินแดนประเทศราชใกล้เคียง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องถึงดินแดนล้านนาแต่อย่างใด หลังจากพระยาตากนำกำลังขับไล่พม่าได้ (เหตุผลสำคัญที่ขับไล่จนสำเร็จได้ด้วยกองกำลังไม่กี่พันคนได้นั้น เพราะพม่าเองก็มิได้ให้ความสำคัญที่จะรั้งเมืองอยุธยาไว้ ตรงกันข้ามกลับได้เผาทำลายเมืองจนไม่มีชิ้นดี) เมื่อพระยาตากกอบกู้เอกราชได้สำเร็จก็ได้สถาปนาเมืองใหม่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเมืองเก่าที่มีผู้คนอาศัยเดิมอยู่แล้วได้พัฒนาเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ใหม่ชื่อกรุงธนบุรี แต่ยังมิได้พัฒนาเมืองให้เจริญได้เต็มที่ดังที่คิดไว้ และยังมิได้วางรากฐานการสืบราชวงศ์ได้สำเร็จ ก็พลันให้เกิดจิตวิปลาส (ในตำราว่าแบบนี้ก็ต้องเชื่อตาม) ขุนนางอำมาตย์ก็ได้ตัดสินใจปลงพระชนม์กษัตริย์ ณ บัดนั้น (เป็นถึงกษัตริย์กอบกู้เอกราชมาได้ แต่ถึงขั้นต้องโดนฆ่าเพราะเพียงแค่จิตวิปลาส หากจะขังกรงให้ถึงแก่สวรรคตเองตามธรรมชาติก็อาจทำได้) ต่อมาหลวงยกกบัตร (ผู้จัดการเกี่ยวกับเสื้อผ้าและเครื่องยุทธภัณฑ์) แห่งเมืองราชบุรี หรือต่อมาคือ "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก" (ทองด้วง) ซึ่งเป็นทหารเอกคู่บารมีพระยาตากนั้น ก็ได้สถาปนาเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่และย้ายเมืองหลวงจากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาอีกฝั่ง (ไม่ซ้ำรอยกรุงธนบุรี) ให้ชื่อว่า "รัตนโกสินทร์" และสถาปนาราชวงศ์จักรีขึ้นมาตั้งแต่บัดนั้น ทางดินแดนล้านนาขณะนั้นเองก็อ่อนแอลง ส่งผลให้ประเทศที่มีอำนาจกว่าได้คืบคลานค่อยๆ เข้ามามีอำนาจเข้ามาในดินแดนที่ขณะนั้นปกครองโดยพม่า ซึ่งในขณะนั้นล้านนาเองก็อยากจะปลดแอกจากการปกครองของพม่าเช่นกัน และก็เป็นช่วงจังหวะที่ดีของราชวงศ์จักรีที่จะแผ่อำนาจขึ้นมา ก็ได้จัดกำลังเพื่อช่วยเหลือดินแดนล้านนาให้ขับไล่พม่าออกจากดินแดน แต่ทว่าข้อเสนอนี้ก็แฝงด้วยผลประโยชน์ในภายภาคหน้าคือ ดินแดนล้านนาก็ต้องตกเป็นประเทศราชโดยปริยาย (หว่านพืชก็ต้องหวังผล) ต่อมาอำนาจก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาจะเห็นได้ว่าไม่ได้รวมประเทศได้ในทันที ด้วยพระราชเทโศบายของกษัตริย์ราชวงศ์จักรีที่จะทำทุกวิถีทางที่จะได้ดินแดนล้านนานี้เป็นดินแดนเดียวกัน และก็สำเร็จหลังจากที่รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี นโยบายต่างๆ จากรัฐบาลสยามก็ได้เข้ามาจัดการดินแดนล้านนาอย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมได้ในหลายๆ ด้าน และได้จัดตั้งมณฑลลาวเฉียงเพื่อเรียกดินแดนล้านนานี้ หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนชื่อมณฑลและรวมหัวเมืองทางเหนือขึ้นอีกใช้ชื่อว่ามณฑลพายัพ ในรัชสมัยของ ร.๕ ก็ยังไม่ได้รวมดินแดนได้อย่างเด็ดขาด จะปรากฏมีกลุ่มชนต่างๆ ลุกขึ้นต่อต้านอย่างรุนแรง จนถูกเรียกว่า "กบฎ" เกิดขึ้นในหลายๆ พื้นที่ ต่อมาในสมัยของ ร.๖ ก็ยังคงไม่ได้ใช้ชื่อ "สยาม" ทั่วดินแดนประเทศไทยขณะนี้ได้ เนื่องจากเป็นสิ่งที่แปลกและยังไม่คุ้นหูของดินแดนล้านนา ส่วนใหญ่จะเรียกว่า "คนใต้" หรือ "คนไทย" มากกว่า ดังจะสังเกตจากการบันทึกชื่อ ตำแหน่ง ของเจ้าเมือง (เดิม) แต่ละพื้นที่ทางดินแดนล้านนานั้นจะบันทึกว่า "สหชาติ" ไม่ได้เรียก "สยาม"
          วันเวลาผ่านไปเหมือนสายน้ำไม่ไหลย้อน หากแต่เราลืมชาติพันธุ์ของตัวเองด้วยวัฏจักรของสังคมมากกว่า ไม่ใช่เรื่องแปลกพิสดารที่บางคนจะย้อนกลับไปในอดีต เพราะเพียงแค่สงสัยว่าตัวเองอยู่ ณ จุดนี้ในปัจจุบัน แล้วอดีตเราอยู่ตรงไหน ถือว่าคงเป็นความล้มเหลวของการศึกษาจากส่วนกลางจริง (ไม่ได้โทษใคร แต่อยากให้วิเคราะห์ความเป็นจริงดู) ปัจจุบันโลกเสรีมากขึ้น กว้างขึ้น หากจะบังคับหรือป้อนข้อมูลตามที่ต้องการจะให้เป็นคงทำได้ยาก ทุกคนมีวุฒิภาวะแล้ว ทำอะไรก็คงไม่ผิดแม้แต่คนเดียว ต่างคนต่างความคิด ยอมรับว่าเราอยู่ในประเทศเดียวกัน แต่เราก็ไม่ได้กำหนดอะไรได้เองทั้งหมด ชายแดนทางเหนือก็ต้องตกลงกับต่างชาติที่ล่าอาณานิคม ใช้เทือกเขาสันปันน้ำบ้าง ใช้แม่น้ำบ้าง เป็นตัวแบ่งเขตประเทศ ตามกงกรรมกงเกวียน ดินแดนที่มิใช่ของเราก็ถูกประเทศที่มีอำนาจมากกว่าเราแบ่งไป ฉันใดก็ฉันนั้น ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นแค่ความคิดของประชากรในประเทศนี้คนหนึ่ง เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย (ที่รัฐบาลต้องการให้เป็น แต่ที่จริงเป็นคนล้านนามาก่อน) แต่เชื้อชาติก็ต้องเป็นไทย ทั้งๆ ที่หากมองความเป็นจริงแล้วเชื้อชาติในประเทศไทยนี้มีอยู่หลากหลาย แต่ไม่สามารถจัดแบ่งกลุ่มได้ตามความเป็นจริง ก็ถือเป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จจริงๆ เพราะทุกคนรับรู้และยอมรับแล้วว่าเป็นคนไทยทุกคน และมีกษัตริย์ราชวงศ์จักรีเป็นเจ้าอยู่หัว ขอทรงจงพระเจริญ... แต่ก็อย่าลืมชาติพันธุ์ของตัวเองด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 พฤษภาคม 2010, 08:40:46 โดย ล้อล้านนา » IP : บันทึกการเข้า
tungkao08
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 293


We Are "Independent"


« ตอบ #31 เมื่อ: วันที่ 11 พฤษภาคม 2010, 23:44:18 »

เพราะแบบนี้ไง ประเทศถึงเป็นแบบปัจจุบันนี้ (ภาคใต้)
IP : บันทึกการเข้า
เทพบุตรดาวเหนือ เคนชิโร่
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,614


เฮาจะฮักคนที่ฮักเฮา@^__^@


« ตอบ #32 เมื่อ: วันที่ 24 พฤษภาคม 2010, 16:41:17 »

เพราะแบบนี้ไง ประเทศถึงเป็นแบบปัจจุบันนี้ (ภาคใต้)

ตกลงเถียงเอาหยังกั๋นครับนี่  เศร้า
IP : บันทึกการเข้า

ขายปลีกและส่ง
       - Micro SD Card,Flash Drive ยี่ห้อKingston Sandisk Apacer
       - Power Bank ,สายชาร์ท สายซิงค์ทุกรุ่น
       - ลำโพงกระป๋อง ,ลำโพงรถ
คำอ้ายบ้านดู่
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,033


คำอ้ายบ้านดู่


« ตอบ #33 เมื่อ: วันที่ 25 พฤษภาคม 2010, 08:44:35 »

เรื่องของ "ฅนไธย" กับ "คนไทย" ครับ เหมือนจะคนละเรื่องเดียวกัน อิ อิ
IP : บันทึกการเข้า
krirung
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,992



« ตอบ #34 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2010, 21:20:11 »

ชีวิตทุกวันนี้เอาอะรัยที่เป็นเรื่องปากท้อง ครอบครัว เรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมาคิดดีกว่าครับ
จะทำอย่างไรให้สังคมน่าอยู่ จะทำอย่างไรให้ครอบครัวสุขสบาย ไม่เป็นหนี้ สำหรับหัวข้อกระทู้มีหลายท่านแสดงความคิดเห็นมาเยอะพอสมควร แต่ผมว่าเรามาช่วยกันอนุรักษ์สืบสานให้ภาษาถิ่น วัฒนธรรมประเพณีของคนเมืองเรา ให้กับลูกหลานอย่างสร้างสรรค์ดีกว่าครับ
IP : บันทึกการเข้า
Dorminic
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 902



« ตอบ #35 เมื่อ: วันที่ 27 พฤษภาคม 2010, 22:01:30 »

ไค่ตี๋คนไทย ก่อเอาบะกุยจ๊ดปากตัวเก่าก่ะคับ  ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
ล้อล้านนา
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 444


« ตอบ #36 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2010, 08:29:14 »

ไค่ตี๋คนไทย ก่อเอาบะกุยจ๊ดปากตัวเก่าก่ะคับ  ยิงฟันยิ้ม
         จากที่เจ้าของกระทู้โพสต์มา ผมคิดว่าจะสื่อให้เห็นว่าทางล้านนาหรือภาคเหนือตอนบนของดินแดนประเทศไทยนี้เรียกตัวเองว่า "คนเมือง" และเรียกคนทางใต้ (ภาคกลางของประเทศไทย) ว่า "คนไทย" เป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น เพราะเป็นคนละประเทศ สยามผนวกกับล้านนาเมื่อร้อยกว่าปี และคำว่า "ประเทศไทย" เพิ่งมาเปลี่ยนเมื่อครั้ง จอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรีทหาร นับคร่าวๆ ก็ประมาณ 60-70 ปี ก่อนหน้านั้นคือ "ประเทศสยาม" แต่ทว่าดินแดนต่างๆ ที่สยามผนวกเข้านั้น มิได้เรียกตัวเองว่าเป็นคนสยามเลยแม้แต่ดินแดนเดียว รัฐบาลขณะนั้นจึงได้ตระหนักดี เลยเห็นว่าเรียกว่าคนไทย และประเทศไทย จะช่วยให้ดินแดนต่างๆ เข้าใจง่ายกว่าว่าเป็นคนไทยด้วยกัน ประกอบกับเร่งใช้นโยบายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียน เพลงปลุกใจ ฯลฯ บังคับให้ทุกคนในดินแดนเหล่านี้ได้รับรู้ว่าตัวเองเป็น "คนไทย" และอยู่ในประเทศไทย ประเทศที่เป็นเอกราชไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร แต่ก็ไม่ยอมนึกว่าสยามเองก็ทำให้ดินแดนต่างๆ กลายเป็นเมืองขึ้นของตนเองเช่นกัน ข้อนี้สวนทางกันอย่างชัดเจน แต่มิวายกลับใช้ชื่อประเทศเป็นภาษาต่างประเทศว่า "ไทยแลนด์" (Thailand) ซึ่งคำว่า land มักนิยมใช้กับประเทศอาณานิคม หรือ ประเทศในเครือจักรภพ จึงเป็นข้อถกเถียงกันในขณะนั้น แต่ก็คงใช้แบบนี้เรื่อยมา คำว่า"สยาม" ที่เคยยิ่งใหญ่ ก็จะได้หายไปในสังคม เฉกเช่นเดียวกับประเทศล้านนานั่นแล ...
          ประวัติศาสตร์ไทยไม่ได้เกี่ยวข้องหรือดำรงอยู่เพียงแค่เรื่องราวของไทยเราอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ในแง่ความสัมพันธ์แล้วเรื่องราวและเหตุที่เกิดกับบรรดาเพื่อนบ้าน คนไทยเราก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจ อยากให้ใช้สายตาและมุมมองแบบเป็นกลางศึกษาเรื่องราวก่อน แล้วจะไม่มีคำว่า "เอามะกุยจดปากตั๋วเก่าก่ะ"


* ดินแดน.jpg (72.12 KB, 227x337 - ดู 242 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 พฤษภาคม 2010, 08:42:18 โดย ล้อล้านนา » IP : บันทึกการเข้า
Mr.R
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #37 เมื่อ: วันที่ 28 พฤษภาคม 2010, 20:33:07 »

จากอดีตถึงปัจจุบัน และสู่อนาคต

สังคมจะมีการพัฒนาการของมันเอง
ไม่มีใครจะหยุดยั้งได้

 ยิงฟันยิ้ม



IP : บันทึกการเข้า
marlzavito
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #38 เมื่อ: วันที่ 20 มิถุนายน 2010, 02:43:00 »

เป๋นเหมือนกั๋นหมดครับนิสัยคนไท(ย)เฮา
จะไปเครียดยะหยั๋งอ้ายเหย
ต่างคนต่างก่อกดขี่ข่มเหง เบ่งทับเชื้อชาติอื่นเป๋นธรรมดา
แต่นั้นมันบ่าก่อน เป๋นเรื่องในอดีต หลายร้อยปี๋ผ่านไป
เฮาเกิดมากับความฮู้จากส่วนกล๋าง
ทำใจ๋เต๊อะ เฮาฮักตั๋วเก่าได้โดยตี้บ่าต้องแตกแยกกับไผ
เฮาเฮียน เฮาฮู้ แล้วก็อู้ในสิ่งตี้ถูก : )




จะว่าไปบะเด่วนี้บ่าเป๋นเมืองขึ้นมันก้อเหมือนเมืองขึ้นนั้นเนาะ
IP : บันทึกการเข้า
uddtar
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #39 เมื่อ: วันที่ 13 กรกฎาคม 2010, 15:49:51 »

ในใจ๋ลึกๆ   ผมเป็นคนเมือง   อยากหื้อ  มีรัฐล้านนาเหมือนกั๋น  บริหารเอง  แต่จะเป็นได้บ่ได้ก็รอกั๋นต่อไป   ทุกสิ่งเคลื่อนไหว  บ่มีหยังเป็นไปได้ และบ่อมีหยังเป็นไปบ่ได้    เฮาแค่เตรียมตัวยอมรับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!