มุมานะจนจบป.ตรี หนุ่มอาข่า สอบติดเป็นตำรวจแรงบันดาลใจจากที่เห็นนายตำรวจแต่งเครื่องแบบเต็มยศคอยถวายงานรับใช้ในหลวง หนุ่มชาวเขาเผ่าอาข่าจึงอยากเป็นตร.เพื่อจะได้รับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทบ้าง มุมานะเรียนจนจบกฎหมายจาก ม.พายัพ แล้วสอบเข้าได้เป็นข้าราชการตำรวจ สร้างประวัติศาสตร์ให้ สตช. ที่ชาวเขาได้สวมเครื่องแบบสีกากี ให้ไปเป็น ผบ.หมู่ (ป.) ที่ สภ.บางกรวย เผยเคยไปสอบเป็นทนาย แต่ไม่ได้เพราะพูดไทยไม่แข็งแรง ขอขอบคุณประเทศไทยที่ให้ชนเผ่ามีที่เกิด ที่กิน ที่อาศัย และขอบคุณ สตช. ที่ให้แต่งเครื่องแบบอันมีเกียรติคอยรับใช้และให้บริการประชาชนทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย
จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ที่ สภ.บางกรวย จ.นนทบุรี มีชาวเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโรงพัก เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. ผู้สื่อข่าว “เดลินิวส์” จึงไปตรวจ สอบ พบ ส.ต.ต.อาเซ เยอเบาะ อายุ 33 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่(ป.) ช่วยงานพนักงานสอบสวน รหัสเรียกขาน บางกรวย 321 แต่งตัวเต็มยศยืนปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก
ส.ต.ต.อาเซ กล่าวด้วยสำเนียงภาษาไทยที่ไม่ค่อยแข็งแรงว่า มีชื่อเล่นว่า เซ เป็นลูกหลานของชาวเขาเผ่าอาข่าตั้งแต่กำเนิด อาศัยอยู่บนดอยแม่สลอง จ.เชียงราย พ่อชื่อ อาโต๊ะ มารดาชื่อ มีชู ตนเป็นลูกคนที่ 2 จากพี่น้องทั้งหมด 4 คน และปัจจุบันแต่งงานมีลูกชายแล้ว 2 คน อาศัยอยู่บนดอย และเพิ่งจะมีบัตรประจำตัวประชาชน รวมทั้งได้สัญชาติไทยตอนอายุ 19 ปี สังเกตได้จากรหัสบัตรประจำตัวประชาชนของตนที่ขึ้นต้นด้วยเลข 5 หมายความว่า ได้สัญชาติไทยโดยการโอน
ส.ต.ต.อาเซ กล่าวต่อว่า ต่อมาได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิแห่งหนึ่งของชาวต่างชาติเป็นผู้ส่งเสียอุปการะ จนได้ไปเรียนที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ ในตอนนั้นยังไม่ทราบเลยว่าคณะที่เรียนจะเน้นหนักไปทางด้านกฎหมาย แต่ตนก็ตั้งใจเรียนจนจบ หลังจากนั้นเห็นเพื่อนหลายคนไปสมัครเป็นทนายเลยไปสมัครตาม แต่ตกปฏิบัติเนื่องจากพูดไทยไม่ชัด ตนไม่ยอมแพ้ไปลองดูอีก ผลก็เหมือนกับครั้งแรก จึงไปทำงานอยู่ที่ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงาน จ.เชียงใหม่ เพื่อรอโอกาสสอบเป็นทนายอีก
แต่แล้วจุดหักเหในชีวิตก็เกิดขึ้น โดยเพื่อนที่เรียนด้วยกันชวนไปลองสอบเป็นตำรวจ ซึ่งสมัยเมื่อตนเป็นเด็ก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินมาที่ชนเผ่า แล้วมีนายตำรวจแต่งตัวเต็มยศมารอรับเสด็จและถวายงาน ทำให้รู้สึกว่าตำรวจเหล่านั้นคงจะภาคภูมิใจมากที่ได้รับใช้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จึงตัดสินใจสมัครและเดินทางมาสอบที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าตนสอบติดได้อันดับที่ 98 จากผู้เข้าสอบพันกว่าคน ตนแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าจะทำได้ รู้สึกดีใจสุด ๆ ที่สอบได้ เพราะถือว่าตนเป็นชาวเขาคนแรกที่ได้เข้ารับราชการเป็นตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
จากนั้นตนเข้าไปรายงานตัวอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 1 จ.สระบุรี เป็นเวลา 4 เดือน แล้วมาเลือกลงตำแหน่งที่ สภ.บางกรวย เนื่องจากที่อื่นตนไม่รู้จักใคร พอดีมีเพื่อนที่อบรมด้วยกันชวน จึงตัดสินใจเลือกที่นี่ ตนเพิ่งถูกบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจได้เดือนเดียว ซึ่ง พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ วรรณปิติวัฒน์ ผกก.สภ.บางกรวย ได้ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี ตนมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ที่เป็นคนแรกของชนเผ่าที่มุมานะจนประสบความสำเร็จ และเป็นแบบอย่างให้ลูกหลาน ของชนเผ่ารุ่นหลังดำเนินรอยตาม โดยตอนที่อบรมจบตนกลับไปที่ดอยคนทั้งหมู่บ้านดีใจและยินดีกับตน ด้วยการจัดงานต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่เหมือนงานประจำปีของชนเผ่าเลย
ส.ต.ต.อาเซ ทำท่ายืดอกกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า ตนภาคภูมิใจในเครื่องแบบตำรวจมาก เพลงมาร์ชตำรวจ ตนสามารถ ร้องได้อย่างขึ้นใจ คติประจำใจของชนเผ่ามีว่า ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้วพรุ่งนี้จะเป็นวันของเรา มีครั้งหนึ่งก่อนที่ตนจะสอบเข้าตำรวจ เคยดู โทรทัศน์เห็น “จ่าเฉย” วูบแรกที่รู้สึกคือ ขนาดหุ่นที่ไม่มีชีวิต ไม่มีลมหายใจยังเป็นตำรวจได้ แล้วเราเป็นคนแท้ ๆ ทำไมถึงจะใส่เครื่องแบบสีกากีนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะอายหุ่นมัน ตนอยากขอบคุณประเทศไทยที่ให้ ตนและชนเผ่ามีที่เกิด ที่กิน ที่อาศัย รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้โอกาสตนได้แต่งเครื่องแบบอันมีเกียรตินี้ ถึงวันนี้เป็นโอกาสของตนแล้วที่จะได้รับใช้และให้บริการประชาชนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยทุกคน
พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ ผกก.สภ.บางกรวย เปิดเผยว่า นับเป็นการเปิดมิติใหม่และเป็นภาพลักษณ์ของ สตช. ว่าไม่ได้ปิดกั้นคนที่มีความรู้ความสามารถให้เข้ามารับราชการตำรวจ สำหรับ ส.ต.ต.อาเซ มีตำแหน่ง ผบ.หมู่ งานป้องกันและปราบปราม แต่ตนได้ให้มาช่วย งานพนักงานสอบสวน เพราะ ส.ต.ต.อาเซ เป็นคนขยัน ทำงานอย่างเข้มแข็ง มีอัธยาศัยกับประชาชนที่มาติดต่อบนโรงพัก ส่วนการสนทนากับประชาชน ส.ต.ต.อาเซ เข้าใจภาษาไทยดี แต่อาจจะพูดช้าหน่อย เพราะเขาต้องคิดก่อนที่จะพูดออกมา
ด้าน รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ สายสุนทร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี แสดงว่าการศึกษาของชาวเขาขณะนี้เท่าเทียมกับคนในเมือง และมีโอกาสทำงานที่ดีได้เป็นข้าราชการตำรวจ ไม่ใช่ว่าชาวเขาชาวดอยจะมีอาชีพแค่กรรมกรแบกหามเหมือนเมื่อก่อน
“เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมประเทศไทยเป็นอย่างมากที่เคารพปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ข้อ 6 ว่าด้วยการเท่าเทียมกันของทุกคน และขอชื่นชม สตช.ด้วย ที่เปิดโอกาสให้เขาเข้ามาทำงานด้านความมั่นคงของประเทศ” รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กล่าว
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=420&contentID=111850