เชียงของ - หลวงพระบาง ไปเรือ กลับเรือ 3คืน4วัน
เดินทาง 24-27 ธ.ค. ท่านละ 6,500 บาท
ตื่นเต้น เเละเพลิดเพลินกับ โปรแกรมท่องเที่ยวหลวงพระบาง 4 วัน 3 คืน ไปเรือ กลับเรือ 17-20 ธ.ค.ปิดรับจองแล้ว
โปรแกรมท่องเที่ยวหลวงพระบาง 4 วัน 3 คืน วันที่ 1 เชียงของ – หลวงพระบาง
เช้า 07.00 น. คณะพร้อมกันและรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารบ้านพักข้าราชการครูเชียงของ เสร็จแล้วลงเรือเล็กที่ท่าเรือ อ.เชียงของ เพื่อข้ามไปยังเมืองห้วยทราย จากนั้นพาท่านลงเรือใหญ่ที่ท่าเรือห้วยทราย
- นั่งเรือ จากเมืองห้วยทราย ล่องลำน้ำโขง ลงใต้ ก็จะเข้าสู่บ้านปากทา จุดเชื่อมบรรจบ ระหว่าง ลำน้ำโขง และน้ำทาที่ไหลลงจากเมือง หลวงน้ำทา จุดนี้ ชาวเรือเรียกว่า บ้านท่าด่าน เพราะมีจุดตรวจเช็คเรือ ที่แล่นขึ้น-ลง ในลำน้ำโขงตอนบน ของประเทศลาว
เที่ยง เดินทางถึงด่านตรวจเมืองปากแบง และเที่ยวชมธรรมชาติของเมืองพร้อมรับประทานอาหารกลางวันและของว่างในเรือ
เย็น เดินทางถึง เมืองหลวงพระบาง เข้าพักที่โรงแรมเมืองชัว ในเมืองหลวงพระบาง
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย หลังอาหารเชิญท่านอิสระที่ตลาดค่ำ ( Night market ) เป็นถนนคนเดินตอนเย็นตั้งแต่เวลา 5โมงเย็น ถึงประมาณ 4 ทุ่ม ก็จะมีชาวลาวสูง ลาวเทิ่ง ลาวม้ง แม้แต่ชาวหลวงพระบางเองก็จะนำสินค้าพื้นเมืองไม่ว่าจะเป็นผ้าปัก ผ้าทอมือ ผ้านุ่ง ผ้าซิ้นเครื่องเงิน เครื่องไม้ สินค้ามากมายถูกวางอยู่บนถนนและริมทางเดินตั้งแต่หน้าพระราชวังจนสุดหัวถนน
วันที่2 : เที่ยวชมเมืองหลวงพระบาง
เช้า 06.00 น. เชิญท่านร่วม ตักบาตรข้าวเหนียว ในทุกๆ เช้าพระสงฆ์ และ สามเณรจากวัดต่างๆ จะเดินออกบิณฑบาตรเป็นแถวอย่างมีระเบียบนับร้อยๆรูป โดยการตักบาตรนี้จะรับแต่ข้าวเหนียวสีขาวเท่านั้น ส่วนกับข้าวไม่ต้องใส่ในบาตร ( ชาวบ้านจะนำไปถวายที่วัดเอง ) ทำบุญใส่บาตรพระสงฆ์ เสร็จแล้วนั่งรถไปเที่ยวชมตลาดเช้า
- รับประทานอาหารเช้า
- เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวตามโปรแกรมประกอบด้วย
- วัดวิชุน เจ้าชีวิตวิชุนราชโปรด สร้างขึ้นเมื่อปี ค . ศ .1503 เป็นวัดที่มีความแปลกจากวัดอื่นๆ ในหลวงพระบาง ตรงพระเจดีย์พระประทุมหรือพระธาตุดอกบัวใหญ่ พระธาตุเจดีย์ดีรูปโค้งที่คนลาวเรียกกันว่า พระธาตุหมากโมตามลักษณะที่คล้ายแตงโมผ่าครึ่งที่พระนางพันตีนเชียง พระอัครมเหสีโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1514 ช่วงปี ค.ศ.1914 พระธาตุหมากโมได้พังทลายลงบางส่วน เจ้ามหาชีวิตสว่างวงศ์ และชาวหลวงพระบางจึงร่วมกันบูรณะพระธาตุแห่งนี้ จากการซ่อมแซมครั้งนั้นได้พบวัตถุมีค่ามากมาย อาทิเช่น พระพุทธรูปทองคำ เงิน และทองสำริด พระพุทธรูปแกะสลักทองคำจากแก้ว และ อัญมณี รวมทั้งวัตถุทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และ ศิลปะวัฒนธรรมในช่วงศตวรรษที่ 15 และ 16 อีกเป็นจำนวนมาก
- วัดเชียงทอง ( wat xieng thong ) ซึ่งเป็นวัดหลวงคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบาง สร้างในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ก่อนหน้าที่จะย้ายเมืองหลวงไปนครเวียงจันทน์ วัดนี้ได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตมหาสว่างวงค์ และเจ้าหมาชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ชมพระอุโบสถ หรือ สิม ที่มีหลังคา อ่อนโค้งและลาดต่ำซ้อนกันอยู่ 3 ชั้น เกือบจรดฐาน ชมช่อฟ้าหรือพุทธสีมา 17 ช่อ ชมผนังด้านหลังอุโบสถที่ใช้กระจกสีตัดต่อกันเป็นรูปต้นทอง ชมหอพระไตรปิฏก ที่นำกระจกมาตัดเป็นชิ้นเล็กๆ เล่าเรื่องนิทานพื้นบ้านบนพื้นสีชมพู ชมวิหารพระม่าน ด้านหลังอุโบสถที่ในวันขึ้นปีใหม่ลาวจะอัญเชิญให้ประชาชนสรงน้ำและกราบไหว้ นำท่านกราบพระธาตุศรีสว่างวงค์ ซึ่งเป็นที่เก็บอัฐิของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงค์
- พระราชวังเจ้าชีวิต ( Royal Palace Museum ) สร้างขึ้นปี ค.ศ.1904 ก่อนที่เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงค์จะขึ้นครองราชย์สมบัติ 1 ปี ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เป็นอาคารชั้นเดียวยกพื้นสูงแบบฝรั่งเศส แต่มีการผสมผสานระหว่างความเป็นฝรั่งเศสและลาวหลังคายอดปราสาทเป็นศิลปะลาวล้านช้างที่นี้จึงถูกเปรียบเปรยว่าเป็นลักษณะของฝรั่งสวมชฎา เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงค์ประทับอยู่ที่นี้จนสิ้นพระชนม์ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงถูกเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์วังเจ้ามหาชีวิตแทน ภายในประกอบด้วยห้องฟันธรรม จัดแสดงธรรม ไม้แกะสลักสกุลช่างหลวงพระบางและพระพุทธรูปสำริดสกุลช่างลาวโบราณช่างศตวรรษที่ 17-19 ห้องที่สองด้านขวามือเป็นห้องพิธีหรือห้องรับแขกมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวลาวโดยช่างฝีมือชาวฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1930 ห้องที่สามเป็นห้องท้องพระโรงประดับกระจกสีบนพื้นสีทอง เป็นห้องที่เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงค์วัฒนาเตรียมไว้เพื่อทำพิธีราชาภิเษกแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองเสียก่อน ปัจจุบันเป็นที่จัดแสดงราชบัลลังก์ไม้แกะสลักหุ้มทองและเครื่องสูงทั้ง 5 ส่วนด้านหลังเป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิต เครื่องใช้ไม้สอยเป็นแบบฝรั่งเรียบง่ายไม่หรูหราเตียงพระบรรทมเป็น ไม้สักฝีมือช่างไทยในสยามในสมัยนั้น ภายนอกอาคารพระราชวังมีหอพระบางซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระคู่บ้านคู่เมือง เป็นพระพุทธรูปศิลปะขอมสมัยหลัง “บายน” ปางประทานอภัย หรือปางห้ามสมุทร หล่อขึ้นจากทองคำถึง 90% นอกจากนี้ยังมีอนุสาวรีย์เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ผู้พระราชทานรัฐธรรมนูญอยู่ด้วย
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน
- เดินทางออกนอกเมืองประมาณ 45 นาที ไปน้ำตกกวางสี เป็นน้ำตกที่สวยงามมากเป็นน้ำตกหินปูนสูงราว 70 เมตร มี 2 ชั้น บางช่วงมีสายน้ำไหลตามผาคล้ายกับม่าน เนื่องจากเป็นน้ำตกหินปูนจึงทำให้น้ำของน้ำตกแห่งนี้ใสและมีสีเขียวมรกต
- ช่วงบ่าย ไปเที่ยวผานมเป็นชุมชนไทลื้อที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านเล่าว่าเจ้ามหาชีวิตแห่งล้านนาได้สู่ขอเจ้านางผมหอม ธิดาของกษัตริย์เมืองเชียงรุ้ง (สิบสองปันนา) มาเป็นพระชายา มีบริวารบ่าวไพร่ติดตามรับใช้เป็นข้าราชการในราชสำนักสืบต่อกันมา 10 ชั่วอายุคน จนมีจำนวนคนเพิ่มขึ้น เจ้ามหาชีวิตจึงมีรับสั่งให้ออกมาตั้งบ้านเรือนนอกราชวัง โดยแห่งแรกอยู่ที่บ้านเวียงนาคำและบ้านนาอ้อมดอยบริเวณเชิงเขาภูว่าวนอกเมืองหลวงพระบาง และต่อมาได้อพยพมาอยู่ที่บ้านผานมแห่งนี้ ปัจจุบันมีประชากรราว 200 หลังคาเรือน หญิงชาวไทลื้อที่เคยทอผ้าถวายเจ้ามหาชีวิตมาก่อน ทำให้บ้านผานมมีชื่อเสียงในเรื่องความประณีตและสวยงามมากจึงมีการตั้งศูนย์หัตถกรรมสินค้ารวมทั้งมีการสาธิตการทอผ้าด้วยทั้งแบบย่ามและกระเป๋าเสื้อต่างๆ
- ขึ้นสู่ยอดเขาภูสี นมัสการพระธาตุพูสี ยอดเขาพูสีมีความสูงประมาณ 150 เมตร ทางขึ้นเป็นบันไดจำนวน 328 ขั้น ตลอดสองขางทางร่มรื่นไปด้วยดอกจำปา หรือ ลั่นทม ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติลาวที่จะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงฤดูร้อน เชื่อแต่เดิมว่าบริเวณนี้เป็นเขตป่าศักดิ์สิทธิ์ ต่อมามีฤษีขึ้นไปอาศัยอยู่ชาวบ้านจึงเรียกว่าภูฤษี หรือ ภูสีมา สามารถมองเห็นเมืองหลวงพระบางจากบนยอดเขาซึ่งนับว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่ง
เย็น รับประทานอาหารเย็น และคืนนี้ มีกิจกรรมจากทางทีมนำเที่ยว และเราจะพาท่านที่สนใจสัมผัสบรรยากาศร้านบันเทิงของหลวงพระบาง ยามราตรีพักโรงแรม ชนะแก้ว
วันที่ 3 : หลวงพระบาง – ปากแบง
เช้า 07.00 น. : รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
- เตรียมตัวเดินทางจาก หลวงพระบางโดยเรือสู่ เมืองปากแบง
- บ้านซ่างไห ที่มีประวัติ การต้มเหล้ามานานกว่า 600 ปี ชุมชนริมแม่น้ำโขงแห่งนี้ มีอาชีพหลักในการต้มเหล้าว่ากันว่าเหล้าขาวของที่นี่รสชาติดีมาก
- พาท่านล่องเรือแม่น้ำโขง สู่ถ้ำติ่ง ถ้ำติ่งเป็นถ้ำที่เกิดจากธรรมชาติ ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านปากอูในภูเขาลูกใหญ่ที่ตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำโขง ช่วงที่แม่น้ำอูไหลลงสู่แม่น้ำโขง ชาวบ้านเรียกกันว่า ผานางแอ่น ถ้ำติ่งประกอบด้วยถ้ำ 2 แห่งได้แก่ ถ้ำติ่งเทิ่ง ( ถ้ำติ่งบน ) และถ้ำติ่งลุ่ม ( ถ้ำติ่งล่าง ) ในสมัยโบราณใช้เป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิณญาณผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง แต่เมื่อศาสนาพุทธเข้ามาแทนที่ ถ้ำติ่งจึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทางพุทธศาสนาของผู้แก่เฒ่า บอกว่าเจ้ามหาชีวิตแห่งหลวงพระบางต่างไปสักการะพระพุทธรูปในถ้ำเป็นประเพณีที่ขาดไม่ได้โดยช่วงปีใหม่หลังเสร็จงานบุญที่หลวงพระบางแล้วประมาณ 2 – 3 วันพระองค์จะนำข้าราชบริพารชั้นผู้ใหญ่พระสงฆ์และประชาชนขึ้นไปสรงน้ำพระพุทธรูปที่ถ้ำติ่งบนก่อนจึงลงมาทำพิธีที่ถ้ำติ่งล่างภายในถ้ำมีการค้นพบพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15และ19 จำนวนหลายพันองค์ และมีบางส่วนที่สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 17และ20 ส่วนใหญ่ทำจากไม้บางส่วนทำจากหิน และโลหะนอกจากนี้ยังมีการพบพระพุทธรูปที่ทำจากเงินและทองคำบุแต่ถูกลอกเอาเงินและทองคำออกไปหมดเหลือไว้แต่ดินเผาที่เป็นแกนกลาง
- ชมวิถีชีวิตของชาวลาวสองฝั่งแม่น้ำโขง และ รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ
- ชมการร่อน ทองคำในแม่น้ำโขง
- เดินทางถึง เมืองปากแบง เข้าที่พักโรงแรม วีระศักดิ์
เย็น รับประทานอาหารเย็น พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่ 4 : ปากแบง – ห้วยทราย – เชียงของ
เช้า 07.00 น. เที่ยวชมตลาดเช้า
08.00 น. : รับประทานอาหารเช้า
- เดินทางออกจาก ปากแบง
- รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ บริการพิเศษให้แก่ท่านด้วย ภาพยนตร์ หรือ การร้องคาราโอเกะท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ สองฝั่งโขง
เย็น เดินทางถึง ห้วยทราย และข้ามกลับเข้า อ.เชียงของ
- เพียงท่านละ 6,500 บาท (รับ35 ท่านขึ้นไป)
- รถกลับรถ เพิ่มคนละ 1,000 บาท
บริการรวม
1. บริการที่พักโรงแรม 3 คืน 5. ไกด์ – สต๊าฟ
2. บริการอาหารทุกมื้อตามโปรแกรม 6. บริการเครื่องดื่ม-อาหารว่าง – ผ้าเย็น ทุกวัน
3. บริการเข้าชมสถานที่ตามโปรแกรม 7. บริการทำประกันวงเงินท่านละ 1,000,000 บาท
4. ค่าเช่ารถ-และเรือไปกลับ ห้วยทราย-หลวงพระบาง
หมายเหตุ โปรแกรมการเดินทางอาจจะปรับเปลี่ยนได้ แล้วแต่ความเหมาะสม ทั้งนี้จะรักษาผลประโยชน์ของท่านเป็นสำคัญ