เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 02 พฤศจิกายน 2025, 17:59:03
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ห้องนั่งเล่น
| | |-+  ลาว เขมร เวียดนาม แรงงานต่างด้าว ชั้นคือหนึ่งในนั้น จะมีสักกี่คน ที่โชคดีแบบชั้น
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ลาว เขมร เวียดนาม แรงงานต่างด้าว ชั้นคือหนึ่งในนั้น จะมีสักกี่คน ที่โชคดีแบบชั้น  (อ่าน 1042 ครั้ง)
zArOmAn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 288



« เมื่อ: วันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2014, 17:17:03 »

ยืมกระทู้เขามาเล่าให้ฟังค่ะ

*** เพื่อเป็นการไม่เข้าใจผิดนะคะ จขกท ไม่ได้เขียนเพื่อสนับสนุน การเข้ามาแบบผิดกฏหมาย อย่างที่ จขกท เคยเป็น จขกท เขียน เพื่อบอกเล่า เรื่องราว ประสบการณ์ และด้วยใจขอบคุณเมืองไทยที่ให้โอกาสในการศึกษาโดยไม่เกี่ยวสัญชาติ  จขกท เชื่อว่า การศึกษาคือการให้โอกาส ให้แนวคิดและเป็นสิทธิ์ที่เด็กทุกคนควรได้รับ ไม่ว่าเขาจะมาจากไหน ให้การศึกษา เพื่อสร้างด็กคนหนึ่งให้เป็นคนคิดเป็น มีความรู้ ไม่เบียดเบือนไม่นำมาซึ่งความเดือดร้อน เพราะ จขกท ชื่อในเรื่องของการปลูกฝังเด็ก ให้เขาได้มีโอกาสสร้างอนาคตของตนเอง หากตรงไหนไม่ชัดเจน จขกท ต้องขออภัยค่ะ ***

จขกท เป็นแรงงาานต่างด้าวแบบหลบหนีเข้าเมือง มาอาศัยเมืองไทยแบบไม่มีเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น เคยลักเล็กโขมยน้อยเพื่อความเป็นอยู่ เป็นเด็กขายดอกไม้ตามริมท้องถนน คอยหลบตามป้ายรถเมล์เวลาเจอตำรวจ เคยเป็นเพื่อนกับเด็กขอทานทั้งนั่งแถวสะพานลอย  
เวลาใครถามทำไมไม่ไปโรงเรียน ก็เนียนๆ บอกเรียน กศน . . . . . . ทั้งๆที่ความจริงโรงเรียนชั้นก็ไม่เคยได้เข้า !!!!!!! แต่เชื่อมั้ยว่าความบากปั่นเท่านั้นที่จะนำเราไปถึงหลักชัย.

ขอเริ่มจากตรงนี้นะคะ

พ่อแม่ จขกท เป็นคนยากจนในประเทศที่สุดแสนจะยากจน เร่ร่อนไปเรื่อยจนมาเจอเมืองไทย ทำงานตามร้านอาหาร เลี้ยงเด็กออ่น อยู่กับกลุ่มมิฉาชีพปละปราย  ทำทุกอย่างเพื่อหาเงิน เงิน เงิน (ครั้งแรกแม่เล่าให้ฟังว่าอยู่บ้านไม้ย่าน นนทบุรี ราคาเดือนละ ร้อย สองร้อย ก็จำไม่ได้)
พ่อ จขกท มาก่อน หลบมาทางป่าจากฝั่งเขมร กับเพื่อร่วมชะตาอีก สามคน (ปัจจุบันทุกคนถึงแกกรรม รวมถึง พ่อ จขกท) ชายวัย สามสิบ สามคน มาถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยการนำพาของนายหน้า มีการเสียเงินนิดหน่อย เดินเลาะพอเป็นพิธี ก็เข้าถึงแผ่นดินไทย

แม่เล่าให้ฟังว่าช่วงแรกไม่มีที่อยู่พ่ออาศัยอาบน้ำตามตลาด รับแบกหามเป็นกรรมกร นอนตามสะพานลอย ซื้อข้าวเหลือจากแผงลอยตอนเขาเลิกขาย บางครั้งซื้อมาม่าดิบ เก็บไว้กิน พอมีเงินเก็บได้พอเป็นค่านายหน้า เช่าห้องไม้เล็กอยู่ หุ้่นกะเพื่อนที่มา เงินพอเหลือให้นายหย้าพา แม่ จขกท มา (ที่ต้องมาเพราะแม่ จขกท ไม่สามารถอยู่ที่ประเทศกัมพูชาได้ เนื่องจากเหตุการสงครามช่วงปี 1990 - 1992 ถ้าจำไม่ผิด)

อยู่กันสองสามีภรรยาจนพอมีเงินเก็บ คิดว่าชีวิตเราคงรอดแล้วจึงมีการนำลูกสาวมา

(ที่ต้องมาเพราะไม่มีคนดูแล ยาย จขกท แก่มาก และพี่น้องของแม่ก็แต่งงานมีลูกเยอะ ไม่สามารถดูและ จขกท และ น้องสาวได้ ที่บ้านเรา ทำนา ไร่ แม่จึงคิดว่าพาเรามาอยู่ด้วยดีกว่า และแน่นอนการมาของเราทั้งครบครัวนั้น ไม่มีเอกสารใดๆ ใช้วิธีหลบหนีเท่านั้น จ้า เพราะอะไรน่ะหรือ เพราะประเทศเราเป็นคอมมิวนิส เราไม่สามารถทำเอกสารเดินทางได้ หากเราไม่เงินหรือทรัพย์สินที่จะทำให้รัฐเชื่อว่าเรามีความสามารถที่จะออกนอกประเทศได้ แน่ละชั้นมาเพื่อหางานย่อมผิดตามหลักฏหมาย แต่ปัจจุบันง่ายละ เพราะกฏหมายเริ่มหยวนๆ กัน ากไม่มีหนี้สินที่ติดรัฐ จะไปไหนก็ไม่มีใครห้ามมม)


เมื่อตอน จขกท เป็นเด็ก มาเมืองไทยตอนประมาณ 5 - 6 ขวบ อาศัยความเป็นเด็ก เนียนๆ เล่นกะเด็กห้องข้างๆ ไปๆมาๆ พอสื่อสารได้ ช่วงนั้นจำได้พักมีพี่นักศึกษาพักหอใกล้ เย็นๆ มีลงมาช่วยสอนให้อ่าน ก-ฮ  แม่ จขกท แรก ๆ ก็กลัว กลัวเขารู้ว่าเราเป็นต่างด้าวแล้วแจ้งตำรวจ แต่คนไทยใจดีและมีน้ำใจกว่านั้นนะเออ ไม่มีใครทำแบบนั้นสักคน จำได้ ป้าๆ ขายข้าวแกงยังให้ขนมบ่อย ๆ ตอนไปเล่นกะลูกเขา มีการให้หนังสือเด็กที่ใช้แล้ว น้ำใจที่เขาหยิบยื่นให้ จขกท ก็ไม่เคยลืมนะเออ มีทุกวันนี้ได้เพราะสิ่งที่ป้าๆ ยื่นให้  (มีคำถามทิ้งใว้แล้วจะมาตอบต่อ)
ช่วงนี้ถ้าจำไม่ผิดเราย้ายไปอยู่แถวคลองตัน

อ่ะกลับมาต่อ

วันเวลาผ่านไป 2-3 ปี จขกท สื่อสารภาษาไทยได้แบบ ไทยจริงๆ ไทยแท้ สำเนียงไม่มีตกหล่น เว้าได้ทั้งเหนือ อีสาน กลาง (แน่ล่ะ อยู่กะป้าขายส้มตำยันข้าวแกงปักษ์ใต้ )

พ่อของ จขกท เริ่มติดเหล้า เงินทองอันน้อยนิดที่หาได้เริ่มไม่พอ แม่ จขกท ก็พาไปขายดอกไม้ตอนกลางคืน ตามร้านอาหาร RCA หน้า เซ็นทรัลเวิล์ด ข้าวสาร (มีคนสอนให้พูดคำว่า เต็น(เท็น) ทเวนตี้ วันฮันเดร็ด ก็ตอนนี้แหละ ปลื้มสุด จำได้บอกชั้นพูดภาษาที่สาม 5 5 5 เจอผมทองตัวใหญ่ๆ ขาวๆ ใหรีบวิ่งเข้า เพราะฝรั่งอ่ะรวย แถมซื้อง่าย บางทีให้เงินแบบไม่เอาของ อันนี้เด็กเก่าบอกเด็กใหม่ ไปๆมาๆ มีเด็กแอบขโมยของเยอะขึ้น กลายเป็นว่าช่วงหลังบางร้านห้ามคยขายดอกไม้เข้า (เด็กยุคใหม่ที่ยืนขายตอนนี้ทำมาหากินยากน่าดู)
เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่ได้เข้าผลับเร็วสุด ๆ

แต่ใช่ว่าอาชีพเราจะทำคนเดียว ไปๆมาๆ มีเพื่อนจากต่าง พม่า เขมร ลาว เวียดนาม (ยุคนั้นฟิลิปปินส์ยังไม่เข้า แต่ก็ถือว่าอินเตอร์เนชั่นแนลเลยทีเดียว) รายได้คืนละ 200 - 300 บาท หักทุน ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ

ตื่น 6 โมงเย็น อาบน้ำแต่งตัว แม่พาไปขายดอกไม้
แม่จะหลบอยู่หลังร้านอาหาร จขกท กะเพื่อนร่วมงาน (เด็กขายดอกไม้) จะไปด้วยกันประมาณ 4-5 คน ดอกไม้ หมากฝรั่ง ยืนตื๊อ บอกเรื่องราวแบบน่าสงสาร เช่น มีน้องอีกสามคนที่บ้าน ยังไม่ได้กินข้าว ไม่มีตังไปโรงเรียน ยากจนโน่นนี่นั่น ขายไปเรื่อยๆ พอดูเวลา 1 ชั่วโมงให้รีบกลับมาหาแม่ที่จุดนัดพบ ถ้าเด็กคนไหนหายไปสักสองชั่วโมง เป็นอันรู้กันว่าถูกตำรวจจับ หรือเดินหลง (ซึ่งก็จะมีเจ้าถิ่นหาให้ หรือตำรวจมาเก็บเงินกับคนเป็นแม่)


ขายดอกไม้ใช่ว่าง่ายนะคะ ต้องคอยหลบพวกการ์ด สาวบาร์ เพราะเขาไม่ให้เข้าไปในร้าน ทีนี้เราก็ลอดไปทางหลังครัว ซอกแซก บางวันมีอาหารให้กินด้วยนะเออ อ่ะ พอสักตีสาม ตีสี่เราก็จะเรียกตุ้กๆ ไปปากคลองตลาด แม่ๆ ทั้งหลายก็ไปซื้อดอกไม้ กระดาษ สำหรับทำของ ส่วนหนูๆ อย่างเราก็ไปยืนรอ ประมาณหกโมงก็กลับบ้านนอน ห้ามออกไปข้างนอกจนกว่า สามโมงเย็น (เพราะเด็กปกติจะอยู่ในโรงเรียนจนถึง สามโมงเย็น โรงเรียนเลิกเราค่อยออกมา เลี่ยงการตอบคำถาม ทำไม ไม่ไปโรงเรียน)

จขกท รักแม่ที่สุดในชีวิตก็ต้องเป็นช่วงนี้แหละ เพราะแม่ต้องคอยดูแลน้อง อายุห่างจาก จขกท สี่ปี ต้องดูแลพ่อ(ขี้เมา) ต้องทำดอกไม้ให้ จขกท ให้ จขกท ไปขาย ครั้งแรกทำไม่เป็น ถามใคร ก็ไม่มีใครสอน แม่ จขกท เลยไปหยิบดอกที่เขาทำแล้วไม่สวยมาจากถังขยะ มาแกะและทำใหม่ จนรู้วิธีแล้วหาทุน สี่ร้อย ไปซื้อดอกไม้มาทำขาย อย่าคิดว่า แม่ จขกท จะสบายรอลูกไปขายดอกไม้อย่างเดียวนะ หากคืนใหนที่แม่ จขกท ต้องรอ จขกท ไปขาย แม่ก็ต้องนอนหลบแถวสะพานมืดๆ บางวันอดเพื่อให้ จขกท ได้กินอิ่ม  มีครั้งนึง จขกท ขายดอกไม้ได้ 30 บาท น้องและ จขกท ก็หิวมากกกกก แม่ควักเอาเงินนั้นไปซื้อข้าวผัดมากล่องนึง ให้เราสองคนกิน พอถามแม่กินมั้ย แม่บอกกินเถอะแม่อิ่มแล้ว สักพักเห็นแม่ไปกินน้ำประปาที่ก๊อก เป็นสิ่งที่ จขกท ไม่มีวันลืมเลย
แม่นอนวันละแค่ สองชั่วโมง เกือบทุกวัน เพราะกลางวันรับจ้างรีดผ้า ทำดอกไม้ ทำกับข้าว จนถึงหกโมง พา จขกท ไปขายของ แล้วค่อยอาศัยนอนตอนนั้นแทน เชื่อเลยล่ะรักใครก็ใหญ่ไม่เท่ารักของแม่


ชีวิตเราวนไป วนมา แบบนี้ จน จขกท อายุ 10-11 ขวบ (จำไม่ได้เพราะนานมากแล้ว) . . . .เหตุการ์บางอย่างก็เกิดขึ้น เป็นจุดเปลี่ยนชีวิต จขกท เลย  . . .

ขอตัวไปทำงานก่อนแล้วจะมาเล่าต่อตอนเบรกค่ะ

แท็ก
ชานเรือน เพราะเป็นเรื่องครอบครัว
สีลม ประชาคมอาเซี่ยน
สยาม เพราะจะมีเรื่องของความรัก ทั้งดีและเลว
ไกลบ้าน เพราะจะมีเรื่องของ วีซ่า การทำเอกสาร สำหรับคนต่างชาติ ในไทย

จขกท มีเรื่องแบ่งปันเช่น กฏหมาย อาชีพ และที่สำคัญ การศึกษาของเด็กต่างด้าวในไทย แต่ไม่ทราบห้องใหนบ้าง



กลับมาเห็นกระทู้แล้วตกใจ o.o บร้ะเจ้า มีคนตามอ่าน ตามเม้น ดีใจจัง วิ้ววฮิ้ววว (แม่นางเจ้าของล็อกอินโทรไปเตือนให้มาอัพต่อ)

ต่อค่ะต่อ
ต่อส่วนที่  ชีวิตของแม่ในบ่อน

จากการเป็นเด็กขายดอกไม้ หมากฝรั่ง มาหนึ่งปี ด้วยความเป็นเด็ก จขกท ไม่เคยตระหนักถึงความอันตรายที่อยู่รอบตัวเองเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนชาวเวียดนามที่ขายดอกไม้ด้วยกันได้หายตัวไป . . .  ขอเรียกเธอว่า เปรียว เปรียวอายุประมาณ 14 ปี จำได้ว่าเหมือนเธอจะสวย สูง ขาว ผมยาว หน้าตาน่ารัก หลายครั้งที่ไปขายของด้วยกัน เปรียวจะขายได้ค่อนข้างเยอะ ด้วยความว่าสวยหวาน พอๆกับดอกไม้ (มั้ง อันนี้แม่บอก)

คืนนั้น จขกท และ เปรียว พร้อมกับเพื่อนอีกสองคนก็เดินขายกัน โดยแยกไปคนละร้าน คนละบาร์ เพื่อที่จะไม่แย่งลูกค้ากัน แต่พอออกมา รอแล้วรออีก จขกท และ เพื่อนๆ ก็ไม่เจอเปรียวสักที ผ่านไปจนถึงเวลานัดเจอแม่ๆ  จขกท และ เพื่อนก็คิดว่าเปรียวคงกลับไปหาแม่เธอแล้ว แต่ในความเป็นจริงคือ ไม่มี ! เปรียวหายไป หายไปแบบไร้ร่องรอย คืนนั้น จขกท และ คนส่วนที่เหลือเริ่มออกมาตามหาเปรียว หาถึงเช้าก็ต้องแยกย้ายกันกลับ เพราะไม่มีใครอยากเสี่ยงเจอตำรวจ เพราะอาจโดนเก็บเงิน หรืออาจถูกส่งตัวไปโรงพักจากนั้นถูกส่งไปบ้านเกิด ชีพใครๆก็รัก ดังนนั้นไม่มีการตามหา หลายคืนผ่านไป การหาตัวเปรียวก็ไม่ประสพความสำเร็จ นายหน้าที่พาเปรียวมาก็แจ้งไปทางพ่อแม่ของเปรียวที่บ้านว่าเปรียวหลงหายไปซึ่งไม่รู้ชะตากรรมเป็นเช่นไร

ที่ จขกท เขียนคำว่านายหน้า เพราะ พ่อแม่ของเปรียวติดหนี้ ไม่มีเงินจ่าย เลยต้องส่งตัวลูกสาวมาทำงานให้นายหน้า ใช้หนี้แทน ซึ่งนายหน้าพวกนี้ก็จะใช้งานเด็กหลายหย่าง เช่น ขายดอกไม้ ส่งยา ดูบ่อน ขอทาน ก็แล้วแต่ว่าอายุและหน้าตาพอจะทำอะไรได้ ที่สร้างเงินให้เขาได้ เขาก็เอาทั้งนั้น
เหมือนหนังใช่มั้ยคะ ?

แต่ความเป็นจริงชีวิตของพวกเขาโหดร้ายกว่านั้นเยอะค่ะ หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเปรียว แม่ของ จขกท เริ่มเกิดความกังวลและเป็นห่วง เราสามคน แม่ จขกท น้องสาว (ส่วนพ่อช่วงนี้อยู่กับขวดเหล้าและบ่อน) ก็วางแผนหางานใหม่ทำ เพราะ
1.จขกท เริ่มเป็นสาว เดินขายดอกไม้ เจอแต่คนเมา นั้นไม่ดี (จริงๆก็ไม่ดีตั้งแต่แรกอ่ะนะ แต่ตัวเลือกครอบครัวเรามันน้อย )
2.เสี่ยงต่อการโดนจับ และหากถูกส่งกลับประเทศอ่ะ เรื่องใหญ่ๆ เผลอ ๆ ไม่มีสิทธิ์มา

ทีนี้แม่ของ จขกท ก็เริ่มทำงานในบ่อน บ่อนคนบ้านเดียวกันและคนไทย ตามสลัมนี่แหละค่ะ ชีวิตมันต้องเถื่อนและดิบ แม่เริ่มทำอาหารขายในบ่อน (ผีพนันชอบขี้เกียจ) รับจ้างซื้อของใช้จุกจิก บางทีแม่ไปกะบ่อนหลายๆ วัน ทิ้งเงินใว้ให้ จขกท และ น้องกิน สัก สองร้อย บาท แค่นี้ก็อยู่ได้เป็นอาทิตย์  ช่วงไหนแม่โดนตำรวจจับในบ่อน คนบ้านเดียวกันก็จะแวะมาเอาเงินให้ยืม แล้วรอเจ้าบ่อนประกันตัวแม่ออก (ส่วนมากไม่โดนเพราะทุกอย่างคือเรื่องของเงิน ถึงโดนก็ไถ่ออกได้ ในนามบ่อน)

สิ่งหนึ่งที่แม่มักสอนเสมอ และบอกว่า แม่ยอมลำบากทุกอย่าง ขอแค่ จขกท และ น้อง ไม่ไปพัวพัน กับยาเสพติด การพนัน และเป็นนักลัก(ทรัพย์)แบบคนรอบตัวเราที่ทำ

ดังนั้นมีบางครั้ง บ้านเราโดนตัดไฟ(หลายเดือน) ตัดน้ำ(บางเดือน) อดมื้อกินมื้อ แต่เรามีกันและกัน มีคนที่ไว้วางใจ  
มันก็ทำให้เราอบอุ่นใจถูกมั้ยคะ มีครั้งนึง เรานั่งกินข้าวกัน จุดเทียน ห้องข้างๆ เปิดทีวี พัดลม มีไฟฟ้าให้ใช้ ไม่ต้องไปอาบน้ำในตลาด หรือห้องเพื่อนบ้าน คุณเชื่อมั้ยว่านั่นคือสิ่งที่ จขกท ไฝ่ฝัน -_- ตามจริงไม่เว่อร์เลยนะ บ้านเราอาบน้ำ สองวันครั้ง จขกท ไปกดน้ำลิตร รอเอาน้ำฝนมาอาบ เพราะเราไม่มีตังจ่ายค่าห้องจริง ๆ  เรายืมใครไม่ได้ เพราะไม่มีใครให้เรายืม  ชีวิตเรารันทด แต่เราก็อยู่แบบมีความสุขของเรา โดยไม่เอาชีวิตไปเสี่ยงต่อคุกมากกว่าที่เป็นอยู่


วันนึง จขกท ตั้งจิตภาวนา แบบนี้ค่ะ ถ้าโลกนี้มีพระเจ้า จะเป็นองค์ไหน ศาสนาไหนก็แล้วแต่ หนูจะบอกว่า หนูขอให้ได้มีโอกาสเรียนหนังสือ หนูขอให้บ้านมีไฟฟ้าใช้ (ก็ขอได้นะ) หนูขอให้ได้อาบน้ำวันละสองครั้ง เพราะหนูตัวเหม็นมาก และที่สำคัญหนูขอให้ตัวเองได้มีงานทำ มีอนาคตดีๆ หนูไม่อยากอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม  อีกต่อไป . . . . . . .คุณรู้มั้ยพระเจ้าตอบจริงนะเออ ชีวิตเปลี่ยนแบบไม่มีเวทมนต์ แต่เปลี่ยนด้วยความมานะและอดทน

ต่อ ส่วนที่ สาม ทำมาค้าขายกันเถอะ

เมื่อแม่ จขกท ได้ทำงานในบ่อนมาระยะ หนึ่ง โดนจับหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายเราตัดสินใจออกมาค้าขาย เงินเราไม่มีนะคะ จินตนาการเราขายทีวี สินค้าที่ไม่ได้ใช้และดูเหมือนมีค่าที่สุดในบ้าน (จำได้ยี่ห้อ ger อะไรสักอย่าง เล็ก ) ได้ราคา 400 บาท เคาะตามตู้โทรได้อีก เกือบร้อยบาท และเงินในกระเป๋าที่ทั้งสามแม่ลูกมีอีกประมาณ 500 บาท เอาเงินทั้งหมดไปลงสำเพ็งค่ะ ใช่ค่ะ แม่และ จขกท ไปสำเพ็งซื้อกิ๊ปแผง หนังยางแบบโลๆ แปรงสีฟันยกแผง และหวีแบบโหล ๆ ซื้อมาแบ่งขาย เทหมดตักประมาณ 700 บาท เหลือนิดหน่อยพอค่ารถ กลับบ้าน

อ่อ บอกนิดนึดนึง ตอนนั้นเขามียุคทำบัตรต่างด้าว ครั้งแรกเนี่ยไม่ต้องมีนายจ้างก็ทำได้เลย แม่ จขกท ยอมควักเนื้อ แบบทำงานหนักสุดๆ เพื่อเก็บเงิน 5000 บาท มาทำบัตรต่างด้าว พร้อมจ้างคนมารับรองว่าเป็นนายจ้าง ตอนนั้นลงหน้าบัตร ค้าขาย (เราไม่ใช่กัมพูชานะจ๊ะ แต่ แม่ จขกท พูด กัมพูชาได้ เพราะเคยอพยพไปอยุ่เราเลยแอบอ้างไป เพราะไม่มีการสอบสัญชาติและมีนายจ้างรับรองเหมือนตอนนี้ แต่ต่อครั้งที่สามเนี่ยทำไม่ได้ เพราะมีการพิสูจน์ว่าต้องเป็นเฉพาะ 3 ประเทศ เพื่อนบ้านเท่านั้นที่ทำได้ ซึ่ง ครอบครัว จขกท ไม่ใช่หนึ่งในนั้น อ่ะๆ อยากรู้อ่ะจิ ว่าเราเป็นอะไร งั้นทายไปๆ เดี๋ยวจะบอกตอนจบ ใบ้ให้ไม่ใช่ ไทย ลาว เขมร และ ไม่ใช่ พม่า )

ครั้งแรก ไปแย่งที่ขายตามตลาดนัด ปกติเขาจะมีเจ้าประจำ จขกท ก็รอ รอ รอ จนมีคนมายืนยันว่าตรงนี้ว่าง เราก็ไปขาย ปูผ้าพลาสติกผืนนึง เทของรวมๆกัน ทุกอย่าง 20 บาท 2 อย่าง 30 บาท วันแรกขายได้ 150 จำได้ว่าน้องสาว จขกท รีบไปซื้อสเลอปี้ใน 7/11 กินฉลอง  5 5 5 มีความสุขมากค่ะ ครั้งแรกในปีที่ได้ออกมากลางวัน นั่งขายของทำเนียน เหมือนเราเป็นคนไทย   . . . . . . . . . .

แต่รายจ่ายเราเยอะค่ะ เยอะมาก สามชีวิต ที่ต้องกิน ต้องใช้ ขายยังไงก็ไม่พอ จขกท ตัดสินใจไปสมัครงาน เรียกว่ากล้าสุดๆ วุฒิไม่มี อาศัยรู้ภาษาไทย อ่านออก เขียนได้  

ณ ตอนนี้ จขกท อายุ 15 ปี บริบูรณ์ . . . .

ทีนี้ ทำงานอะไรดีล่ะ ?
เป็นเด็กขายของหน้าร้าน ? ไม่ได้ เพราะเขาต้องการให้เป็นเด็กอยู่เฝ้าร้าน แต่แม่ จขกท ต้องการให้กลับบ้านตอนเย็น
เป็นคนเลี้ยงเด็ก ? ก็ไม่ได้ หน้าเด็กน้อยแบบนี้ใครจะมาเชื่อใจเราให้ดูแลลูกเขา
ร้านอาหารละกัน ? ไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่ร้านใหญ่ตอนนั้นรับคนไทย เด็กฝึกงานง่ายกว่า รับต่างชาติ ตำรวจรู้อ่ะยุ่ง ร้านที่รับก็ไม่ไหว เห็นแล้วละเหี่ยใจ จะให้ไปนั่งกะแขก ใครจะไป ถูกมั้ย ?

ไปๆมาๆ ได้งานออฟฟิศ เป็น GB เจนเนรัล เบ๊ ทำตั้งแต่กวาดบ้าน ป้อนอาหารหมา ส่งเอกสาร ยันผู้ช่วย เงินเดือน เยอะว้าก 3,000  -_-

บทสนทนาตอนสมัครงาน จำได้จนขึ้นใจ . . . . . .
นายจ้าง : บอกความสามารถเรามาซิ   excel word ppw อะไรแบบนี้ทำได้มั้ย
จขกท : สตั๊นไปสามวิ   . . . .หนูไม่รู้ว่าที่พี่พูดถึงมันคืออะไร แต่หนูพร้อม และไวในการเรียนรู้ค่ะ
นายจ้าง :   . . . . งั้นบอกมาซิ ทำไมพี่ต้องจ้างเรา ดูๆแล้ว เราไม่รู้เรื่อง สนง แถมเป็นแรงงานเถื่อนด้วยนะ (โหยยย แรง ฟังแล้วเจ็บจี้ดๆ)
จขกท : เพราะพี่สามารถประหยัดค่าใช้จ่าย หนูเรียกเงินเดือนถูก หนูพร้อมทำงานดึก หนูไม่เกี่ยงงาน และหนูพร้อมที่จะเรียนรู้ หนูยอมให้พี่ทดสอบ สามวัน ถ้าไม่ผ่าน หนูเข้าใจค่ะ แต่หนูขอโอกาส (พร้อมทำตาปริบ ๆ )

ไม่รู้ว่าเขาเขาเมา หรือ จขกท ตาหวานพอ สุดท้ายเขารับค่ะ กลับบ้านบอกแม่ด้วยความภาคภูมิใจ แม่หนูได้งาน เป็นงานสำนักงานนนนนน
บ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานมากค่ะ ย้ำ ว่า มากกกกก นั่งรถเมย์ ต่อรถตู้ วันไหนมีเวลารอรถเมล์ เพราะมันถูกกกก

เมื่อเขาจ่ายเงินเดือนเราแค่ 3,000 จขกท ต้องใช้ไม่เกิน วันละ 80 บาท 80 x 30 = 2,400 สิ้นเดือนมีเงินเก็บ 600 ถือว่ากำไรสุดๆ

เช้าตื่นมานั่งรถเมล์ สีแดง 4 บาท สีขาวฟ้า 5 บาท พักเที่ยงกินนมกล่องถั่วเหลือ 15 บาท กล่องใหญ่ยักสีฟ้า  . . . .  อิ่มยาวว กลับบ้าน กินข้าว ใช้ยังงั้ยยังไงก็ไม่หมด 80 บาท -_- ประหยัดได้สัก สาม สี่ วัน ค่อยมากินข้าวผัดหน้าออฟฟิศ 25 บาท กินที อิ่ม ใจ อิ่มท้อง มีความสุขสุด - - ให้ดีต้องเป็นผัดกุ้ง ทะเล 30 บาท อ่ะนะ

ชีวิตใช่ว่าจะราบรื่นอย่างละคร อยู่ดีๆ มีคนมาบอกช่วยให้น้อง จขกท เข้าเรียน และ สามารถเปลี่ยนสัญญาชาติได้ บ้านเราตาโต การได้สัญาติไทยคงเป็นพรสูงสุดในชีวิตนี้ ยอมอีกค่ะ เงินเดือน เงินทุน กำไร เอาทุกอย่างไปให้คนที่บอกว่าทำได้ พอเขาได้เงินเขาหายไป หายไป หายไป กับกลีบเมฆ เราสามคนกอดคอร้องไห้ สู้กันต่อไป

ช่วงระยะที่พูดถึงนี้ แม่ จขกท เริ่มมีรายได้ดีขึ้นจากการขายของ เริ่มพัฒนามีการขายเสื้อผ้า รองเท้า ของเล่น เด็ก บ้านก็มีไฟฟ้าใช้แล้วถึงแม้อาจโดนตัดบ้างเป็นบางครั้งอ่ะนะ . . . ชีวิตเริ่มดีขึ้น ไม่มีบ่อน ไม่พัวพันกับ พวกขายยยา ติดพนัน แรงงานเด็ก วันๆ ทำงานกลับบ้าน มีแม่ มีน้อง โอ๊ย ชีวิตมีความสุข วันไหนมีเงินเหลือเช่านิยายมาอ่านสักเล่ม ชีวิตนี่ฟินสุดๆ วันนั้น ไม่ต้องมีมีเงินขึ้น BTS ขอแค่นั่งรถเมล์แอร์ก็สุขใจแล้ว ไม่ต้องเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นแพง แค่อาหารตามสั่ง 25 ก็ถือว่าเริ่ดแล้ว ไม่ต้องดูหนังโรงราคาหลักร้อย กลับบ้านมีไฟฟ้าให้เปิดพัดลม มีน้ำอาบ แค่นี้ยังหวังอะไรอีก ??

แต่มนุษย์คือมนุษย์ เมื่อได้แล้วก็อยากได้อีก พระเจ้าเลยต้องสอนนิดหน่อย ให้นะ ให้ฟรี แต่ต้องเรียนรู้ถึงคุณค่าของสิ่งที่อยากได้ ตอนต่อไป เมื่อชั้นอยากเรียนหนังสือ ไม่ต้องสูงหรอก ขอแค่ ป6 ชีวิตก็สุขขีแล้ว   . . . . . . . .

มาต่อให้จบค่ะ

หลังจากนั้นไม่นานพ่อของ จขกท ก็เสียชีวิตดื่มเหล้าเยอะเกินไปค่ะ และประสบอุบัติเหตุเส้นเลือดสมองแตก
จากการจัดงานศพและความช่วยเหลือจากหลายๆ ท่านๆ จขกท และครอบครัวได้กลับภูมิลำเนา เพื่อทำหนังสือเดินทางเข้ามาอย่างถูกต้องตามกฏหมาย จขกท มีความฝันว่าชั้นต้องได้เรียนและมีวุฒิบัตรเหมือนเด็กคนอื่น ๆ !!  เราต้องเดินผ่านป่า เข้าเขมร จนทะลุออกเวียดนามทางใต้

หลังจากงานที่ออฟฟิศ และ มีพาสปอร์ตของตัวเอง จขกท เริ่มมีความมั่นใจในการไปสมัครหลายๆ ที่ เช่นทำงานโรงงาน ร้านหนังสือ เด็กขายของตามบู๊ท ทำความสะอาดบ้าน เลี้ยงเด็ก ทำทุกอย่างที่เขาใหเราทำ จากเงินเดือน 3000 บาท เพิ่ม เป็น 5 พัน เขยิบมาถึง 7 พัน  อายุตอนนั้นประมาณ 18 ซึ่งถือว่าเยอะมากสำหรับ จขกท

หลังจากได้พาสปอร์ตตอนอายุ  18 จขกท บึ่งไปสมัครเรียน กศน ค่ะ

สมัครมาแล้วหลายเขต ไม่มีที่ไหนรับ สุดท้ายมีโอกาสได้เจอเขตหนึ่ง ซึ่งอาจารย์ใจดีน่ารัก ยอมรับเข้าเรียน วันแรกที่ใส่ชุดนักศึกษา (เข้าเรียนชั้นประถม) แม่ จขกท ดีใจมากกกกกกกกก เรียกได้ว่ายืนส่งจนลูกขึ้นรถเมล์กันไปเลย

จขกท ตระหนักเสมอว่า การทำงานนั้นนอกเหนือจากวุฒิที่คุณมี คือคุณภาพในตัวของคุณ จขกท ไม่เกี่ยงงาน จะเป็นงานจับหนอน กิ้งกือใส้เดือน เลี้ยงเด็ก คนแก่ ดูแลคนพิการ ทำหมด ขอแค่ไม่ผิดกฏหมาย ให้เรามีงานทำ มีคนให้โอกาสในการทำงาน คือพรอันประเสริฐแล้วค่ะ

หลายครั้งทำงานพลาดเขา ด่า ว่า ไม่เป็นไร ตั้งใจ ทำใหม่ ไม่ได้เดี๋ยวก็ได้

จขกท มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับคนหลายรูปแบบ และในนั้นก็มีแต่เจ้านายที่น่ารัก และ ใจดี ให้โอกาส สอนงาน และให้ประสบการณ์

จขกท เริ่มหันมาเรียนภาษาอังกฤษเอง ใช่ค่ะ พูดผิด พูดถูก พูดๆ ไปเถอะ เอาให้เข้าใจเป็นพอ ประกาศหาเพื่อนและเปลี่ยนภาษา จขกท สอนภาษาไทย เวียดนาม (ใช่ค่ะ จขกท เป็นเวียดนาม ไม่ใช่ กัมพูชาจร้า)  ให้เขาสอนอังกฤษเรียน ฟรี ไม่เสียตังค์  . . . .

พอได้ภาษา จขกท ก็ไปสมัครงานที่ต้องให้ภาษาอังกฤษ เริ่มตั้งแต่ พนักงานต้อนรับ เซลล์ ผู้ช่วย จนไปถึง ล่าม ภาษาไม่เป๊ะแบบคนที่เรียนมา แต่พอเข้าใจ ความสามารถมากขึ้น  เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จขกท ก็เรียนภาคสุดสัปดาห์ และทำงานควบคู่กันไป

พอโตมาหน่อยก็มีเรื่องความรัก เศร้า ๆ ทุกข์ๆ ดิบๆ สุขๆ คละเคล้ากันไป แต่ถ้าคุณมีความรักที่อิ่มจากครอบครัวแล้ว คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด จขกท อกหัก รักคุด มาหลายครั้ง แต่เชื่อมั่นค่ะ ว่ารักแท้เกิดจากการรักตัวเอง (ไม่ใช่เห็นแก่ตัว) และรักคนอื่นให้เป็น ก่อนที่ขอให้เขามารักเรา



ปัจจุบัน จขกท ยังเรียนไม่จบ ( เริ่มเรียน กศน ประถม ตอน 18 คงจะจบโน่น 25 -26 ) แต่จะบอกว่าใครมอง จขกท เป็น โข่ง จขกท หาได้แคร์ไม่  5 5 5 และตั้งเป้าด้วย ว่าชั้น จะคว้า โท มาให้ได้  

จขกท เรียน เพื่ออนาคตตัวเองและเพื่อคนที่ จขกท รัก

จขกท มีความสุขกับงานที่ทำ ได้ภาษา ทักษะการต่อรองและที่สำคัญได้เจอคนหลายรูปแบบ

จขกท ก้าวมาถึงจุดที่บอกว่า ขอบคุณพระเจ้าองค์นั้นที่ฟังหนู วันนี้หนูมีน้ำอาบ มีไฟฟ้าใช้ มีโอกาสได้เรียน มีงานทำและมีโอกาสที่จะเติบโต ได้ไปหลายๆ ที่ ไม่ได้อยู่ในกล่องสี่เหลี่ยม อย่างเดียว

และที่สำคัญได้อยู่อย่างถูกต้องตามกฏหมายเว้ยยยยยยยยยย เจอตำรวจไม่กลัวแล้ว หุหุหุ

เรามาถึงเนื้อหาที่สำคัญกันเถอะค่ะ


อยากจะฝากไว้ว่า อย่าเกี่ยงเงินน้อย อย่าคอยวาสนา นั้นจริงที่สุด คุณต้องทำมันเดี๋ยวนั้น
ทำเถอะถ้ามีงานให้ทำ เรียนเถอะ ถ้าคุณมีโอกาสเรียน จะช้า จะเร็ว  คุณก็จบ หากคุณตั้งใจ
ที่สำคัญคือใจต้องสู้ !   ถ้าคุณทำได้คุณจะภูมิใจในตัวเองมาก ๆ ฝันให้ไกล อาจไปไม่ถึง แต่การได้ก้าวออกมาจากจุดเริ่มต้น ก็นับว่ายิ่งใหญ่แล้ว  

จขกท อยากให้ทุกคนที่มีลูกจ้าง พม่า กัมพูชา ลาว หรือเวียดนาม หากเด็กคนนั้นดูแล้วเป็นคนรักเรียน มีใจใฝ่รู้ อยากวอนที่จะให้โอกาสเขา เขาเรียน กศน ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย ถึงมีก็น้อยนิด เทอมละไม่ถึง ห้ารอยบาท ! ขอแค่ให้เขามีวันหยุดวันอาทิตย์ เพื่อไปเรียน และต่างชาติสามารถเรียนได้ !


สิ่งสุดท้าย หากคุณมีโอกาส ขอให้เผื่อแผ่ไปให้คนที่เขาขาด
จขกท คงไม่มีวันนี้ หากปราศจากน้ำใจของคนที่คอยสอนภาษาตั้งแต่ตอนเล็ก คงไม่มีวันนี้หากไม่มีโอกาสทำงาน และไม่มีวันนี้หากปราศจากน้ำใจของทุกคน   ขอบคุณประเทศไทย เมืองไทย คนไทย ขอบคุณในน้ำใจของทุกคนที่เผื่อมาให้ ขอบคุณในโอกาส และขอบคุณเวลาของคุณๆ ที่สอนงาน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2014, 15:30:27 โดย zArOmAn » IP : บันทึกการเข้า
แก้วใบเดียว
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 897


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2014, 15:19:47 »

ชื่นชม และเป็นกำลังใจให้เลยครับ คนไทยควรอ่านและตระหนักถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการสู่ประชาคมอาเซียน จะเกิดอะไรขึ้นหากคนไทยยังคิดไม่ได้เหมือนเขา
 ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
fim pee
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 321


_Man U จงเจริญ_


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2014, 14:49:40 »

อ่านจนจบ เป็นเรื่องที่น่าจะเกิดขึ้นจริงคับ เพราะคนเวียดนาม คนยวน ที่ลักลอบเข้ามาเมื่อก่อนมีความมานะสูงมากๆ ขยันอดทน พ่อของพี่สาวผมก็เป็นคนเวียดนามหนีเข้ามาตั้งแต่เด็ก  ทุกวันนี้เป็นเจ้าของร้านขายทองที่ จ.เลย
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!