สำหรับสัดส่วนในการหักเงินประกันสังคมในอัตรา 5% นั้น ได้แบ่งเป็น
■จัดเก็บในอัตราร้อยละ 1.5 ของค่าจ้าง สำหรับประโยชน์ทดแทน 4 กรณีคือ เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพและเสียชีวิต ■จัดเก็บในอัตราร้อยละ 3 ของค่าจ้าง สำหรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ ซึ่งผู้ประกันตนจะได้รับคืนไปในกรณีชราภาพ■จัดเก็บในอัตราร้อยละ 0.5 ของค่าจ้าง สำหรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน
ผู้ประกันตนสามารถตรวจสอบเงินสมทบที่นำส่งไปแล้วได้จากเว็บไซด์ของสำนักงานประกันสังคม โดยให้ท่านลงทะเบียนก่อนที่จะเข้าไปตรวจสอบข้อมูลของท่าน
http://www.sso.go.th/wpr/login.jsp ณ วันที่ 30 กันยำยน พ.ศ. 2556
กองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุนรวม 1,062,696 ล้านบาท ในจำนวนนี้
เป็นเงินกองทุนกรณีสงเคราะห์บุตรและชราภาพ จำนวน 939,859 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินออมของผู้ประกันตน จำนวนกว่า 12 ล้านคนทั่วประเทศที่สำนักงานประกันสังคม สะสมไว้เตรียมจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีบำนาญชราภาพ โดยจะเริ่มมีการจ่ายบำนาญชราภาพในปี พ.ศ. 2557 เป็นเงินกองทุนที่ดูแลผู้ประกันตนกรณีเจ็บป่วย ตาย ทุพพลภาพ คลอดบุตรจำนวน 42,396 ล้านบาท เป็นเงินกองทุน กรณีว่างงานจำนวน 78,332 ล้านบาท และ เป็นเงินกองทุนมาตรา 40 จำนวน 2,109 ล้านบาท
----------------------------------------------------------------------------
ยอดเงินกองทุนประกันสังคม เป็นยอดเงินที่สูงมาก
เงินที่เราส่งประกันสังคม ส่วนหนึ่งก็เป็นเงินออมให้เราไว้ใช้ในยามแก่ชรา (กรณีส่งเกิน 15 ปีขึ้นไป)
แต่การแบ่งสรรมาให้กับผู้ประกันตน ในเรื่องการดูแลรักษาผู้ประกันตน น่าจะทำให้ดีกว่าปัจจุบันนี้
ไม่มีใครอยากที่จะใช้สิทธิ์ประกันสังคมในเรื่องรักษาพยาบาลกันหรอกนะ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ
แต่เมื่อใดที่จำเป็นจะต้องใช้่สิทธิ์ ก็อยากที่จะได้รับบริการที่มันดีกว่าปัจจุบันนี้หน่อย ก็เท่านั้นเอง