วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4266 ประชาชาติธุรกิจ
ผู้ประกอบการ "สื่อ" วิพากษ์ ร่าง พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นฯ
รายงาน
ขณะที่กฎหมายยังไม่ออก พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ฯยังไม่เกิด ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศไทยมีความตื่นตัวและมีการจัดสัมมนาใหญ่ ๆ ซึ่งบางวันมีเวทีพูดคุยกันถึง 3 งาน รวมถึงงาน "สัมมนาอุตสาหกรรมสื่อวิทยุ-โทรทัศน์ และโทรคมนาคม หลังกฎหมายองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯฉบับใหม่บังคับใช้ : โจทย์ต่อไปคืออะไร ?"
โดยมีผู้ร่วมอภิปรายจากหลายหลายวงการ คือ ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ ผอ. สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม (สพท.) อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ กรรมการอำนวยการ บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง วิชิต เอื้ออารีวรกุล อุปนายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย เจริญ ถิ่นเกาะแก้ว นายกสมาคมผู้ประกอบการวิชาชีพวิทยุท้องถิ่นไทย ต่อพงษ์ เสลานนท์ อนุกรรมการวิทยุกระจายเสียงหรือวิทยุโทรทัศน์ กทช. และ สุภิญญา กลางณรงค์ รองประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ
งานสัมมนาดังกล่าวมีการตั้งโจทย์ร่วมกันว่า "แผนแม่บทบริหารคลื่นความถี่และแผนแม่บทประกอบกิจการ ร่างอย่างไรให้เดินหน้ากันได้" ซึ่งบอร์ด กทช.มีมติให้มีการกำหนดตัวบุคคลร่าง พ.ร.บ. เริ่มต้นร่างในเดือนธันวาคม และเสร็จในเดือนพฤษภาคม ปี 2554
"อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ" กรรมการอำนวยการ บมจ.เนชั่น บรอดแคสติ้ง แสดงความเห็นว่า กสทช.ไม่ใช่กฎหมายใหม่ แต่เป็นการแก้ไข พ.ร.บ.จัดสรรคลี่นความถี่ปี 2543 ตาม รธน.ปี 2550 สิ่งที่น่าสังเกตก็คือบรอดแคสติ้งที่ไม่ใช่คลื่นความถี่สาธารณะ อาทิ แซตเทลไลต์ทีวี เคเบิลทีวี และวิทยุ มีคณะกรรมการดูแลอีกชุดที่อยู่ใน พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ปี 2551 ปัจจุบันก็ยังทำงานอยู่และกำลังจะทำประชาพิจารณ์ใบอนุญาต ผู้ประกอบการจึงไม่เห็นถึงความต่างของหน่วยงานใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
"กสทช.ต้องแยกให้ชัดว่าเคเบิลทีวีหรือทีวีดาวเทียมใช้คลื่นความถี่ แต่ไม่ใช่คลื่นความถี่สาธารณะต้องรับการจัดสรรหรือไม่ ต่างจากโทรคมนาคมที่เป็นคลื่นสาธารณะ ที่ต้องจัดสรรเพราะมีจำกัด"
"อดิศักดิ์" บอกด้วยว่า ธุรกิจบรอด แคสติ้งต่างจากเทเลคอม กล่าวคือ ทีวีดาวเทียม แซตเทลไลต์ ทีวีบนอินเทอร์เน็ต เคเบิลทีวีไม่ต้องใช้คลื่นความถี่จัดสรร จึงสามารถดำเนินการล่วงหน้าตามเทคโนโลยีใหม่ โดยไม่ต้องรอแผนแม่บท ต่างจาก เทเลคอมที่มีการใช้งบฯลงทุนก้อนใหญ่และมีความเสี่ยงมากกว่าจึงไม่ลงทุนทำอะไรล่วงหน้า ถ้าไม่ได้ใบอนุญาต
ดังนั้นคณะทำงานจึงต้องทำความเข้าใจอย่างดีก่อนร่างแผนแม่บท
สอดคล้องกับความเห็นของ "วิชิต เอื้ออารีวรกุล" อุปนายกสมาคมเคเบิลทีวีฯที่มองว่า ความต้องการอันดับต้น ๆ ของ ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีก็คือใบอนุญาต ซึ่งได้รับการตอบโจทย์แล้ว หลังจาก กทช.เข้ามาดูแลออกหลักเกณฑ์ใบอนุญาตชั่วเคราว 1 ปี สิ่งที่กังวลมากกว่านั้นก็คือ หลังเกิด กสทช.ในเดือนกรกฎาคม 2554 ธุรกิจเคเบิลจะเป็นอย่างไร การแข่งขันระหว่างรายเล็กและรายใหญ่จะเป็นอย่างไร
"การแข่งขันเสรีเหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็ก วันนี้มีผู้ประกอบการยื่นขออนุญาต 750 ราย จากเดิม 300ราย สะท้อนให้เห็นว่ามีรายเล็กเกิดขึ้นเต็มไปหมด"
ทั้งนี้ สิ่งที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกันก็คือ คณะทำงานควรเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมแสดงความเห็นและเสนอแนะอย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อแผนและได้รับการยอมรับมากที่สุด
ด้าน "ดร.สุพจน์ เธียรวุฒิ" ผอ. สถาบันวิจัยและพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคม มองว่า ในแผนแม่บทที่ ผู้ประกอบการต้องการคือความชัดเจน ความต่อเนื่อง เพราะแผนแม่บทที่จะออกมาเสมือนเป็นข้อผูกพัน เมื่อออกมาแล้วก็ต้องปฏิบัติตาม
ขณะที่ "สุภิญญา กลางณรงค์" รองประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ บอกว่า รอบนี้ยังไง กสทช.ก็ต้องเกิด ไม่เช่นนั้นประเทศไทยก็จะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ โดยปัจจัยที่น่าเป็นห่วงก็คือเรื่องของการเมือง เพราะประเทศไทยยังอยู่ในช่วงความไม่เสถียรภาพทางการเมืองที่จะทำให้หลาย ๆ เรื่องเกิดการชะงัก
ช่วงรอยต่อของการเปลี่ยนผ่านสำคัญนี้ คงต้องจับตาการทำงานในทุกกระบวนการให้ดี
หน้า 21
http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02mar09291153§ionid=0207&day=2010-11-29
หน้าหลักเว็บไซต์
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."
ผู้เขียน
