แต่งก่อนอยู่ กับ อยู่ก่อนแต่ง

[~KT 2 U~]

"แต่งก่อนอยู่ VS อยู่ก่อนแต่ง"

แต่ละท่านเห็นชอบว่าอย่างไหนควรทำ หรือไม่ควรทำบ้าง เพราะเหตุใด (เอาเหตุผลส่วนตัวล้วนๆเลยค่า ไม่เอาหลักทฤษฎีจากสังคมนะ)  

(เคยดูรายการ "ชูรัก ชูรส" เห็นมีการโต้วาทีในเรื่องนี้ก็เลยอยากจะทราบความเห็นหลายๆท่านว่าคิดอย่างไรกันบ้างคะ  )

เพื่อสถาบันครอบครัวที่น่าอยู่ ผู้ลงทุน(ชีวิต)ควรศึกษาให้ดีก่อนตัดสินใจ (เกี่ยวอยู่เนาะ ฮ่าๆ)

( VS ย่อมาจาก versus เน้อน้องๆ เผื่อมีไผแอบสงสัยอยู่  )

[คนหาดแฟน]

ต้องมีการแต่งก่อนครับ  เพราะจะทำให้ผู้หญิงมีคุณค่า และการเลิกกันจะยากกว่า เพราะสังคมส่วนใหญ่รับรู้ครับ    ถ้าอยู่ก่อนแต่งมันเลิกกันง่าย  เหมือนผม  เลิกมา 5 คนละ
คนสุดท้ายได้ ตบแต่งกัน  ยังอยู่ด้วยกันมา 10 ปีแถมยิ่งมีตัวเล็กออกมานะ   ยากที่จะเจ้าชู้ได้อีกครับ  หลงลูกรักลูกครับ เลยทำให้ครอบครัวผม มีความสุขมากๆๆ ครับ

[mcmcmcac]

    อยู่ก่อนแต่งครับ  ทดลองอยู่ด้วยกันก่อนถ้าดีค่อยแต่ง   แต่ถ้าแต่งก่อนอยู่ กลัวว่าจะแต่งกันทุกๆ3เดือนอ่ะครับ

[oyoyo *^_^*]

อยู่กันไปไม่ต้องแต่งครับ..จะเลิกเมื่อไหร่ก็ได้ จะมีกิ๊กเท่าไหร่ก็ไม่มีปัญหา.. ..

[เเมวมองเชียงรายโฟกัส]

เเต่งก่อนอยู่ หมายถึง ซื้อก่อนกินครับ
อยู่ก่อนเเต่ง หมายถึง ชิมก่อนซื้อ ครับ
ถ้าให้เหลือก ผมเอาชิมก่อนซื้อครับ เพราะจะได้ชิม ไปเรื่อยๆๆอันใหนอะหร่อยเเต่งเลยครับ
55555555555555 อย่างนี้สิเขาเรียกว่าวีระกรรมชายไทยเเท้จริง

[flashi]

ถ้าอยู่ก่อนแต่ง โดยที่ทั้งสองฝ่ายมีวุฒิภาวะเพียงพอแล้ว แบบนี้ก็โอเคค่ะ
ชีวิตคู่มันไม่ได้มีแค่ กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง เหมือนตอนจีบกันเป็นแฟน
อย่างน้อยๆเราก็ได้รู้ล่ะ ว่าอีกฝ่ายมันนอนกรนมั้ย มันซกมกรึเปล่า 

[นานา..จิตตัง รักพ่อค่ะ]

เอาเพลงไปฟังก่อนเด๋วมาตอบ

[~ Bullet for my Brother ~]

ลองมาอยู่กินด้วยกันสัมผัสนิสัยสันดานกันก่อนดีไหมถ้าโอเคไปกันได้ค่อยแต่ง ถ้าไม่ถูกใจเลิกกันไปไม่มีใครเดือดร้อน
ดีกว่าไปจีบๆคบๆทำหล่อทำสวยใส่กัน พอหมั้นแล้วแต่งแล้วอยู่ด้วยกันจริงๆไปกันไม่ได้ต้องมาเป็นเวรเป็นกรรมของพ่อแม่ญาติพี่น้องและบุคคลใกล้ชิด แล้วก็มาโพสในบอร์ด

จะมัวคิดถึงเรื่องซิงไม่ซิงก่อนแต่งหลังแต่งไปทำไม ในเมื่อผู้ชายไปจุ่มของใครมาก็ได้แต่ผู้หญิงต้องซิง คิดแบบนี้ผู้ชายเห็นแก่ตัวไปไหม มันน่าเบื่อตรงความเชื่อที่เป็นนามธรรมแต่ปลูกฝังต่อๆกันมาแบบนี้แหละ

ไอ้ประเภทซิงๆรักนวลสงวนตัวแตะต้องไม่ได้เดี่ยวคำจะหลัวะนั้นมันเป็นนิทานที่ต้องตามหากันไปแล้ว อีกหน่อยก็จะกลายเป็นตำนานที่เล่าต่อกันมาแต่ไม่มีอยู่จริง

[~KT 2 U~]

ลองมาอยู่กินด้วยกันสัมผัสนิสัยสันดานกันก่อนดีไหมถ้าโอเคไปกันได้ค่อยแต่ง ถ้าไม่ถูกใจเลิกกันไปไม่มีใครเดือดร้อน
ดีกว่าไปจีบๆคบๆทำหล่อทำสวยใส่กัน พอหมั้นแล้วแต่งแล้วอยู่ด้วยกันจริงๆไปกันไม่ได้ต้องมาเป็นเวรเป็นกรรมของพ่อแม่ญาติพี่น้องและบุคคลใกล้ชิด แล้วก็มาโพสในบอร์ด

จะมัวคิดถึงเรื่องซิงไม่ซิงก่อนแต่งหลังแต่งไปทำไม ในเมื่อผู้ชายไปจุ่มของใครมาก็ได้แต่ผู้หญิงต้องซิง คิดแบบนี้ผู้ชายเห็นแก่ตัวไปไหม มันน่าเบื่อตรงความเชื่อที่เป็นนามธรรมแต่ปลูกฝังต่อๆกันมาแบบนี้แหละ

ไอ้ประเภทซิงๆรักนวลสงวนตัวแตะต้องไม่ได้เดี่ยวคำจะหลัวะนั้นมันเป็นนิทานที่ต้องตามหากันไปแล้ว อีกหน่อยก็จะกลายเป็นตำนานที่เล่าต่อกันมาแต่ไม่มีอยู่จริง

เปิงใจ๋ขนาด 

[เเมวมองเชียงรายโฟกัส]

ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆๆครับเพราะ ซึ้งมากขอบคุณเพลงที่เพราะมากๆๆครับ

[นายเหตุผล]

ยังโสดสนิทอยู่เลยอ่ะ อิอิ
ถ้าจะให้เลือก  คงไม่เอาทั้งสองอย่าง  แต่...

จะคบหาเห็นแฟน ไปเรื่อยๆ สักระยะหนึ่ง  เพื่อดูนิสัีย ว่าไปด้วยกันได้มั้ย  แล้วค่อยสินใจแต่ง

คนปัจจุบัน มักอยู่ก่อนแต่ง.... โดยเอาอารมณ์เป็นตัวตัดสิน...และยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว  แต่ก็อยู่ด้วยกันแล้ว  ดังนั้น จึงเห็นๆ หายคู่  เลิกกันง่ายมาก 
...เพราะก่อนที่จะอยู่ด้วยกัน  ไม่ได้คิดพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนว่า ฐานะ หน้าที่การงาน พร้อมหรือยัง...

[คนน้อย]

อยู่ก่อนแต่ง นิสัยไปด้วยกันได้ค่อยแต่งกัน ไปกันไม่ได้ก็เลิกซะ

[หลานอุ้ยเกี๋ยง]

ผมก็อยู่ก่อนมาหลายปีละนิ บ่อมีปัญหาไร  ใครจะนินทาก็ช่างเพราะสำคัญที่ตัวเราครับ มีการงานทำก็ไม่ต้องอายใคร เลี้ยงกันได้ พร้อมมีลูกก็เอา...เอ้ย...มีได้   
อย่าแคร์คนอื่น นอกจากครอบครัวเราเอง  แต่อย่าเดินผิดให้คนอื่นซ้ำก็เท่านั้น

[Unlimited แหล...]

                    ธรรมะสำหรับชีวิตคู่..ครับ (พระพุทธองค์ตรัสไว้ เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว)
คนที่จะครองคู ควรจะต้องมีธรรมะเหล่านี้ครับ

1.สัจจะ (ความจริง, ซื่อตรง, ซื่อสัตย์, จริงใจ, พูดจริง, ทำจริง)

2.ทมะ (การฝึกฝน, การข่มใจ, ฝึกนิสัย, ปรับตัว, รู้จักควบคุมจิตใจ, ฝึกหัดดัดนิสัย แก้ไขข้อบกพร่องปรับปรุงตนให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา)

3.ขันติ (ความอดทน ตั้งหน้าทำหน้าที่การงานด้วยความขยันหมั่นเพียร เข้มแข็ง ทนทาน ไม่หวั่นไหว มั่นในจุดหมายไม่ท้อถอย)

4.จาคะ (ความเสียสละ, สละความสุขสบายและผลประโยชน์ส่วนตนได้ ใจกว้าง พร้อมที่จะรับฟังความทุกข์ ความคิดเห็นและความต้องการของผู้อื่นพร้อมที่จะร่วมมือช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่คับแคบเห็นแก่ตนหรือเอาแต่ใจตัว)

ถ้าปฏิบัติได้ตามสี่ข้อนี้...รับรอง อยู่กันยืดยาว..แน่นอนครบ

[~KT 2 U~]

                    ธรรมะสำหรับชีวิตคู่..ครับ (พระพุทธองค์ตรัสไว้ เมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว)
คนที่จะครองคู ควรจะต้องมีธรรมะเหล่านี้ครับ

1.สัจจะ (ความจริง, ซื่อตรง, ซื่อสัตย์, จริงใจ, พูดจริง, ทำจริง)

2.ทมะ (การฝึกฝน, การข่มใจ, ฝึกนิสัย, ปรับตัว, รู้จักควบคุมจิตใจ, ฝึกหัดดัดนิสัย แก้ไขข้อบกพร่องปรับปรุงตนให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา)

3.ขันติ (ความอดทน ตั้งหน้าทำหน้าที่การงานด้วยความขยันหมั่นเพียร เข้มแข็ง ทนทาน ไม่หวั่นไหว มั่นในจุดหมายไม่ท้อถอย)

4.จาคะ (ความเสียสละ, สละความสุขสบายและผลประโยชน์ส่วนตนได้ ใจกว้าง พร้อมที่จะรับฟังความทุกข์ ความคิดเห็นและความต้องการของผู้อื่นพร้อมที่จะร่วมมือช่วยเหลือเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่คับแคบเห็นแก่ตนหรือเอาแต่ใจตัว)

ถ้าปฏิบัติได้ตามสี่ข้อนี้...รับรอง อยู่กันยืดยาว..แน่นอนครบ

ข้อคิดดีๆ ขอบคุณค่า 

[+Mivec Turbo+]

ต้องมีการแต่งก่อนครับ  เพราะจะทำให้ผู้หญิงมีคุณค่า และการเลิกกันจะยากกว่า เพราะสังคมส่วนใหญ่รับรู้ครับ    ถ้าอยู่ก่อนแต่งมันเลิกกันง่าย  เหมือนผม  เลิกมา 5 คนละ
คนสุดท้ายได้ ตบแต่งกัน  ยังอยู่ด้วยกันมา 10 ปีแถมยิ่งมีตัวเล็กออกมานะ   ยากที่จะเจ้าชู้ได้อีกครับ  หลงลูกรักลูกครับ เลยทำให้ครอบครัวผม มีความสุขมากๆๆ ครับ

ท่านนี้ก็สุดยอดนิ อยู่ก่อนแต่งมาตั้งห้าคน แต่สุดท้ายก็อยู่แล้วก่อแต่ง  อิอิ

[ยาวเยียด]

ฮู้บ่ออก...เดียวเข้าตั๋วเก่า...เอิ๊ก!!!!!!

[Ck 401]

...ขอขอบคุณแขกผู้มีเกิยรติที่มางานแต่งงาน...ของผมในครั้งนี้
หากมีข้อผิดพลาดพกพร่องประการใด....งานหน้า...ขอแก้ตัวใหม่นะครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ ผมเมา....

[เด็กชาววัง(หงส์)แพร่]

แต่งก่อนอยู่ส่วนมากจะอยู่ด้วยกันไม่ตลอดรอดฝั่งเพราะว่าไม่ได้มีการศึกษาอุปนิสัยของกันและกัน
อยู่ก่อนแต่งนั้นจะอยู่ด้วยกันตลอดรอดฝั่งเพราะว่ามีเวลาได้ศึกษาอุปนิสัยกันมีเวลาที่จะปรับความเข้าใจกันมาก

[Ck 401]

...ขอขอบคุณแขกผู้มีเกิยรติที่มางานแต่งงาน...ของผมในครั้งนี้
หากมีข้อผิดพลาดพกพร่องประการใด....งานหน้า...ขอแก้ตัวใหม่นะครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ ผมเมา....

แล้วเจ้าบ่าวก็ร้องเพลงพิเศษมอบให้แก่เจ้าสาว

"แม่....น้ำตาล......ก้นแก้ว.......
เขาชิมเจ้าแล้ว.......
จึงหล่นถึง....มือ......พี่......"

เพลงนี้จื้ออะหยังครับ
จะได้เอาไปขอฟังที่ห้องแซท