ต้องออกตัวก่อนครับ ไม่ได้ตั้งใจมาสั่งสอน หรือเป็นผู้รู้กว่า ท่านใดๆ
เพียงแต่เจอกลอนนี้ สกิดใจ เลยนำมาแบ่งปัน ครับ.
///////////////
มีบางครั้งเราอยากโต้เถียง ต้องการเผชิญหน้า หรือต่อสู้เพื่อสิ่งที่เราเชื่อถือ
แต่จำเป็นหรือไม่ที่เราต้องพิสูจน์ทุกครั้ง ว่าเราเป็นคนถูก และเขาเป็นคนผิด
จำเป็นหรือไม่ ที่จะต้องดุด่าว่ากล่าวผู้อื่นอย่างรุนแรง
เพียงเพราะเขาทำไม่ได้อย่างที่เราต้องการ
เขาแต่งตัวไม่เหมือนเรา หรือชอบฟังเพลงที่เราไม่ชอบ
การเลือกว่าจะไปกินอาหารที่ร้านไหน หรือจะไปดูหนังเรื่องอะไร
มีความสำคัญเพียงพอที่เราจะทะเลาะกันหรือไม่
หรือเพียงแค่เพื่อนบ้านจอดรถล้ำมาทางหน้าบ้านเรา
เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จนถึงกับต้องตัดสัมพันธ์กันไปเลย
มีเรื่องเล็กน้อยอย่างนี้อีกนับร้อยนับพันเรื่อง ที่คนจำนวนมาก
ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของชีวิตที่จะต้องต่อสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะ
เวลาที่มีรถคันอื่นขับแซงไป
นักขับรถมือเก่าที่ใจยังไม่แก่
จะรู้สึกเหมือนกับถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ารถที่แซงเป็นรถที่เก่ากว่า
ต้องเร่งเครื่องตามไปทันที
พยายามจะแซงกลับคืนให้ได้
ทั้งที่ตามปกติ ก็ไม่เคยขับรถเร็วขนาดนั้น
เราต้องยอมรับกับตัวเองว่า
จุดมุ่งหมายหลักของชีวิตเราไม่ได้อยู่ที่
การทำทุกอย่างให้ได้สมบูรณ์ที่สุด
เราจะต้องตัดสินใจอย่างมีสติว่า
สิ่งไหนมีค่าพอที่เราจะต่อสู้
และสิ่งไหนควรจะปล่อยให้ผ่านไป
ถ้าทำได้เช่นนั้น เราก็สามารถจะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความเครียดได้
ถึงเวลาแล้ว ที่จะหันมาดูตัวเองว่า
เราเคยต่อสู้กับสิ่งต่างๆ ด้วยเหตุผลที่ไร้สาระมาแล้วกี่เรื่อง
ถ้าเราไม่ต้องการเสียเหงื่อ หรือเสียเลือดเนื้อ กับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง
เราจะต้องเลือกให้ดีว่า มีสนามรบไหนบ้าง ที่เราควรจะโดดลงไปสู้
บางทีถ้าเรามีโอกาสนั่งพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
เราอาจจะรู้สึกว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเคยสู้อย่างหัวชนฝา
เป็นเรื่องที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ
ฮั่นแน่! คุณเป็นแบบนี้บ้างหรือเปล่า
คำขอโทษจากใจ.....
คุณเคยใช้คำพูดที่พูดออกไปด้วยอารมณ์ ความคะนอง
แต่แล้วคำพูดที่พูดออกไป ทำร้ายความรู้สึกดีๆ ของอีกฝ่าย
ผู้ฟังฟังแล้วเสียความรู้สึกดีๆ ไป....
........จะเป็นด้วยความตั้งใจที่จะพูดออกไปหรือไม่ก็ตามแต่
สุดท้ายคนที่รับฟังประโยคเหล่านั้นรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินอย่างนั้น
.........คุณอาจจะรู้สึกดีที่ได้พูดอย่างนั้นออกไป ได้ระบายความรู้สึก
แต่ภายหลัง...คุณกลับมานั่งขบคิดในสิ่งที่คุณทำลงไป
คุณกำลังทำลายความรู้สึกดีๆ ระหว่างกันลงไป
คุณเริ่มรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ทำลงไป
.........คำพูดที่หลุดออกจากปากไปแล้ว
มันคืออดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย
มีแต่สติเท่านั้นที่ควบคุมคำพูดที่จะออกจากปากไม่ให้พลั้งเผลอ
พูดในสิ่งไม่สมควร เพียงแต่เราขาดสติควบคุม
คำพูดที่หลุดออกไปก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งทันที
.........บางครั้งคุณอยากจะเป็นฝ่ายกล่าวขอโทษในสิ่งที่คุณกล่าว
ซึ่งทำร้ายความรู้สึก ดีๆ ของอีกฝ่าย
เพียงแต่คุณไม่กล้า คุณมีทิฐิ
คุณเป็นฝ่ายลังเลที่จะกล่าว อยากให้อีกฝ่ายยกโทษให้คุณ
แต่ในใจคุณ ความมีทิฐิ กลัวเสียหน้า
ข่มความกล้าที่จะทำให้คุณเป็นฝ่ายเริ่มต้นกล่าวก่อน
คุณกลับรอเวลาให้ผ่านไปด้วยหวังว่าเวลาที่ผ่านไป...ทุกอย่างก็จะดีเอง
.......คุณเคยคิดบ้างไหมว่า
เวลาที่ผ่านไปยิ่งทำให้ทุกอย่างไม่ดีขึ้นเลย อีกฝ่ายที่รับฟังคำพูดของคุณ
ถึงแม้ว่าคำพูดที่ผ่านไปมันกลายเป็นอดีต
แต่ความรู้สึกมันยังคงค้างอยู่ในใจ
........ถ้าทิฐิมันทำลายความรู้สึกที่ดีระหว่างกัน
มีประโยชน์อะไรที่คุณจะถือทิฐิเอาไว้กับตัว คุณควรจะปล่อยทิฐิตรงนั้นไป
การกล่าวขอโทษดูเหมือนจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่
และยากในยามที่ความรู้สึกดีๆ ระหว่างกันเกิดรอยร้าวขึ้น
ความรู้สึกดีๆ จะกลับมา ก็เพียงแต่คุณกล้าที่จะเริ่มต้นกล่าวคำขอโทษออกไป
.......ถามใจตัวคุณเองว่า
คุณยังให้ความสำคัญกับคนๆ นั้นอยู่ไหม
ไม่ต้องกลัวเสียหน้า ถ้าคุณจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นกล่าวก่อน
หลังจากกล่าวออกไป คุณจะรู้สึกว่าจิตใจคุณบางเบา
อีกฝ่ายคงรู้สึกดีที่ได้ยินอย่างนั้น และยินดีจะให้อภัยคุณ
.......การมีทิฐิและไม่ยอมที่จะลดละความมีทิฐิ
สุดท้ายจะพบว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรจากการทำแบบนั้น
แล้วกลับมานั่งเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไปแทน
......ถ้าความรักหมายถึง การไม่โกรธ และให้อภัย
คนที่คุณรักเขาคงยินดี และไม่โกรธเมื่อได้ยินคำขอโทษจากคุณ
และเขาก็ยินดีที่จะให้อภัยคุณตราบเท่าที่เขายังรักคุณอยู่
http://www26.brinkster.com/skpcenter...mile/sm96.html