เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 20 สิงหาคม 2025, 10:24:18
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ห้องนั่งเล่น
| | |-+  กายนี้ของพ่อแม่
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน กายนี้ของพ่อแม่  (อ่าน 1208 ครั้ง)
Pok Havana(รักในหลวง)
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,054


อย่ามองคนที่ภายนอก เพราะมันไม่ได้บ่งบอกถึง "สันดาน" !!


« เมื่อ: วันที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 07:17:40 »

กายของเรานี้เป็นของพ่อแม่ให้มาทั้งหมด  เจ้าของเดิมก็คือพ่อแม่นั่นเอง  มาจากข้าวสุกขนมสดที่พ่อแม่เคี้ยวกิน เป็นเลือดเป็นเนื้อเป็นน้ำเหลือง  หรือเป็นการป้อนข้าวป้อนน้ำนมให้เราจนเจริญเติบโตมาถึงทุกวันนี้  ร่างกายของเรานี้จึง


ไม่ใช่ของใครเลย  นอกจากของพ่อแม่

ฉะนั้น  เราอย่าคิดโกรธเกลียดพ่อแม่เลย  อย่าได้คิดถกเถียงดื้อรั้นด่าตีพ่อแม่เลย  เพราะการกระทำ เช่นนั้นล้วนเป็นการเนรคุณและเป็นบาปกรรมที่ใช้ไม่หมดลบล้างไม่ได้ มีเพียงบุญกุศลเท่านั้นที่จะให้พ่อแม่  ให้แต่ความดีอย่างเดียวสำหรับพ่อแม่  ให้พูดดีอย่างเดียว  ให้ทำดีอย่างเดียวจึงจะเป็นการตอบแทน  ถ้าพูดไม่ดีทำไม่ดีก็มีแต่เวรมีแต่กรรม  มีแต่หนี้สินอยู่ตลอดเวลา วันนี้เรามาชดใช้บุญคุณของพ่อแม่  ด้วยการมาภาวนาให้จิตของเราหยุดคิดหยุดนึก  สงบใจสักพักหนึ่ง  ตั้งอกตั้งใจให้สบาย  ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องกังวลอะไร  เอากายวาจาใจของเราที่ดีที่พ่อแม่ให้มานั้นให้ทาน  รักษาศีล  ทำสมาธิ  ทำสมาธิให้ใจของเราสงบเย็นสักห้านาทีสิบนาที เช่น "พุท" ลมหายใจเข้า "โธ"  ลมหายใจออก  ทำความรู้สึกไว้ ที่สองช่องจมูกของเรา  จำใบหน้าจำจมูกของเราไว้จนกว่าใจของเราจะว่าง สว่าง เฉย เป็นดวงเดียว  จิตของเราจะได้ผ่องใสเบิกบานรื่นเริงบันเทิงใจ  ทำบุญกุศลถึงใจเรา

ถ้าเราไม่สงบเราจะไม่รู้เลยว่า  พระคุณของพ่อแม่นั่นมีมากมายเพียงไร  พอใจสงบแล้าเราระรู้เลยว่าบุญคุณของพ่อแม่นั้นมี่มากสุดที่จะพรรณนา  สุดที่จะประมาณได้  จึงเรียกว่าเป็นพระอรหันต์ของลูก  เป็นพระพรหมของบุตร

พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกเพราะอะไร?

เพราะพ่อแม่มีความรักอันบริสุทธิ์ใจ  พร้อมที่จะให้อภัยแก่ลูกเสมอ  ส่วนพ่อแม่เป็นพระพรหมของลูกก็คือเป็นผู้ประเสริฐต่อชีวิตลูก อะไร ๆ ก็เสียสละได้ทุกอย่างเพื่อลูก

ทุกวันนี้เราเป็นพ่อคนแม่คน  เราได้สำนึกแล้วว่าเรารักลูกมากเพียงไร  พ่อแม่ก็รักเรามากเพียงนั้น  เมื่อตอนเป็นเด็กเล็ก ๆ เราไม่เคยรู้ถึงความรักความห่วงใยของพ่อแม่ที่แสดงออกมา  เพราะเรายังไม่รู้เดียงสาเราจึงมองไม่ออก  แต่เราจะมองเห็นการแสดงออกถึงความรักความห่วงใยที่พ่อแม่มีต่อเราได้ก็เมื่อตอนที่เรามีลูก เราอุ้ม เรากอด เราจูบ เรากระวนกระวาย เราคอยดูแลตลอดวันตลอดคืนอย่างไร  นั่นแหละ!พ่อแม่ของเราก็ทำเช่นนั้นกับเราเหมือนกัน  เราห่วงใยลูกเราอย่างไร  พ่อแม่ก็ห่วงใยเราเมื่อตอนเป็นเด็กเล็ก ๆ อย่างนั้น  เหมือนกัน  คนจะคิดได้ก็ตอนที่ตนเองมีลูกนะ  ถ้าคิดไม่ได้ก็สายเสียแล้วก็กลายเป็นคนเนรคุณไม่รู้คุณพ่อแม่

ส่วนมากคนเราจะรักแต่ลูกตัวเอง  รักแต่หลานตัวเอง  ไม่เคยย้อนกลับไปดูพ่อแม่ตัวเองว่าพ่อแม่ก็รักเราเพราะเราเป็นลูก  พ่อแม่ของเราก็รักเราเหมือนเรารักลูกนั่นเอง  ถ้าคิดได้อย่างนี้เราจะมองเห็นเลยว่า  อ๋อ!  เวลาเราอุ้มท้องลูก เราห่วงใยกังวลอยู่ตลอดวันตลอดคืน  ตอนที่แม่อุ้มท้องเราก็คงห่วงใยกังวลตลอดวันตลอดคืนไม่ต่างอะไรกันแน่นอน

เรื่องนี้เราคิดได้หรือยัง? เราคิดถึงบุญคุณพ่อแม่ได้หรือยังว่าท่านทำอะไรให้เราบ้าง  มากน้อยแค่ไหนในชีวิตนี้  ตั้งแต่อุ้มท้องมาเก้าเดือน  เลี้ยงดูจนถึงทุกวันนี้  พ่อแม่ให้อะไรเราบ้าง  คิดได้หรือยัง?  แล้วเราได้ให้อะไรแก่พ่อแม่หรือยัง?

ยังเลย!  เราให้แต่ลูกของเรา  ให้แต่สามีภรรยาของเรา  เรายังไม่เคยย้อนกลับไปให้แม่ของเราเลย  เพราะเราลืมบุญคุณ  เราไม่ได้คิดว่าพ่อแม่เลี้ยงดูรักเรามากถึงขนาดนี้เชียวหรือ?

เราคิดได้แต่เพียงว่าเรารักลูกของเรา  อยากจะให้ลูกของเรา  แต่เราไม่เคยคิดว่าพ่อแม่ก็ให้เราอย่างนี้มาก่อน  มันเป็นกงกรรมกงเกวียนที่ปิดบังหัวใจมนุษย์ให้นึกไม่ออก  ให้หลง  ให้งงอยู่ตลอดเวลา  ทำให้ไม่สามารถออกจากทุกข์ได้  ไม่เหมือนพระอรหันต์  ไม่เหมือนพุทธเจ้า  ไม่เหมือนผู้กตัญญูรู้คุณ  จะมองออกเลยว่าใช่!  เรายอมรับ  เรารักลูกของเราอย่างไร  พ่อแม่ก็รักเราอย่างนั้น  เราเสียสละให้ลูกของเราอย่างไร  พ่อแม่ก็เสียสละให้เราอย่างนั้น  เจ็บแทนลูกได้  ตายแทนลูกได้  แต่เมื่อลูกโตแล้วก็ไม่เคยคิดที่จะเสียสละให้พ่อแม่อย่างนั้นเลย  กลับเถียงกลับว่ากลับ  มองพ่อแม่ในแง่ไม่ดี

กลับไม่เข้าใจพ่อแม่  หาว่าคนแก่เป็นแผ่นเสียงตกร่อง  ว่าพ่อแม่เป็นแผ่นเสียงตกร่อง  พูดแล้วก็พูดอีกเป็นหนังเก่าฉายแล้วก็ฉายอีกเราก็มานั่งบ่นนั่งว่าพ่อแม่เอาจุดที่พ่อแม่นี่เองมาย้อนพ่อแม่ให้เจ็บช้ำใจ  พอเรามีลูก  เราก็เป็นแผ่นเสียงตกร่องต่อไปอีก  หนังเก่าฉายใหม่เหมือนกัน  เป็นกงเกวียนกำเกวียนไม่มีผิดเลย  ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น

ถ้าเราไม่อยากให้เป็นกงเกวียนกำเกวียน  ก็ต้องไม่ว่าพ่อแม่  นิ่งเฉยเสีย  ยอมอดทน  ถือว่าเป็นเรื่องของคนแก่ เป็นพ่อคนแม่คนก็ต้องบ่นอย่างนี้เอง  เพราะความรักความห่วง  ถ้าไม่รักไม่ห่วงไม่มีบ่นเลย  ที่บ่นที่ด่าลูกก็เพราะความรักความห่วง  กลัวลูกจะไม่ได้ดี

เมื่อเราคิดได้อย่างนี้เราจะทะนุถนอมพ่อแม่เหมือนเรารักลูกเลย  เราทะนุถนอมลูกของเราเท่าไร  เราก็ทะนุถนอมพ่อแม่ของเราเท่านั้น  อันนี้จึงว่าเป็นบุคคลฉลาด  เป็นบุคคลประเสริฐที่รู้บาปบุญคุณโทษว่าพ่อแม่รักเราอย่างไร

มีอยู่วันหนึ่งอาตมาไปงานศพที่จังหวัดสมุทรสาคร  ลูกสาวเป็นพยาบาล  แม่ผ่าตัดแล้วเป็นโรคหลงลืม  กินไม่รู้นอนไม่รู้  ไม่รู้จักลูก  ลูกคนอื่น ๆ พยาบาลไม่ได้เพราะไม่มีเวลา  ลูกคนหัวปีเลยเอาแม่ไปเลี้ยง  แม่เหมือนกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง  เสื้อผ้าก็ต้องนุ่งให้  ต้องช่วยอาบน้ำเช็ดอุจจาระปัสสาวะ

คิดดูซิ!  แม่ทำอะไรไม่ได้เลย  แม่ช่วยตัวเองไม่ได้  กินข้าวก็กินเองไม่ได้  ต้องให้ลูกคอยป้อน  เขาปรนนิบัติแม่อยู่ ๔-๕ ปี กตัญญูมากเลย  เขาบอกว่าทำให้เขาได้ซึ้งในบุญคุณของพ่อแม่  ทำให้เขาได้กลับมาตอบแทนพ่อแม่เหมือนตอนที่พ่อแม่ได้เลี้ยงเขามาสมัยเด็ก ๆ ไม่ต่างกัน  ลูกหลาย ๆ คนทำให้แม่คนเดียวไม่ได้  แต่ทีทำให้ลูกๆ ของตัวเองกลับทำได้  แล้วเขาก็ทำบุญอุทิศให้แม่เป็นพันเป็นหมื่น  นิมนต์พระมาถวายอาหารทั้งอำเภอเลย

นอกจากนั้นยังให้ทุนการศึกษาเด็กยากจน  ให้ทุนอาหารเด็กนักเรียนอีกไม่ใช้จะเลี้ยงพ่อแม่เพียงอย่างเดียว  แต่ยังมีการทำบุญให้พ่อแม่อีก  คนเราถ้าเป็นอย่างนี้แล้วลูกหลานก็คล้อยตาม  ต่อไปพอเราแก่หรือเจ็บป่วย  ลูกหลานก็ต้องเลี้ยงดูและพยาบาลเราอย่างนี้

คนเราทุกวันนี้มีวิชาความรู้มากยิ่งไกลจากพ่อแม่มาก  ยิ่งศึกษาสูงเท่าไร  ยิ่งทอดทิ้งพ่อแม่มากขึ้นเท่านั้น  ต่อไปพ่อแม่จะต้องเดียวดาย  เพราะเขาไม่ศึกษาธรรมะ  เขาไม่ศึกษาเรื่องพระพุทธศาสนา เรื่อง  กตัญญูรู้คุณ  เขามัวศึกษาแต่ความเจริญทางวัตถุ  เขาจะต้องทอดทิ้งให้เราเป็นคนแก่ที่ไร้สาระ  ถูกทอดทิ้งให้ลำบาก

สมัยก่อน  คนเราไม่ได้มีการศึกษาอะไรกันมาก  คนจะรักพ่อรักแม่  ดูแลพ่อแม่ยันตาย  ถ้าเราศึกษามากเท่าไรเราต้องศึกษาธรรมะมากเท่านั้น  ให้ธรรมะเจริญในใจของเราจนเกิดความรู้ความเข้าใจ  เราจะได้ไม่ทอดทิ้งผู้มีพระคุณ

วันนี้โยมระลึกถึงพระคุณพ่อพระคุณแม่ได้หรือยังว่าท่านให้อะไรแก่เราบ้าง…แล้วอะไรล่ะที่เราให้พ่อแม่ได้บ้าง?



ความสบายใจที่พ่อแม่ต้องการ  เราให้ท่านหรือยัง?

พ่อแม่นั้นหวังเพียงอย่างเดียวคือ ให้ลูกเจริญ  ที่เคี่ยวเข็ญทุกวันนี้ก็เพราะอยากให้ลูกเจริญอยากให้ลูกรวย  อยากให้ลูกมีการศึกษาดีมีงานทำ  ไม่อาภัพเหมือนคนอื่น  คืออยากให้ได้ดีความปรารถนาของพ่อแม่ไม่มีอะไรมากไปกว่าให้ลูกได้ดี  แก้วแหวนเงินทองก็ไม่อยากได้จากลูก  มีแต่อยากจะเอาไปให้ลูกให้มากขึ้น

- เรื่องเหล่านี้ทำไมเราจึงคิดไม่ได้?
- อะไรปิดบังใจเราอยู่?
- ทำไมเราจึงเสียสละให้พ่อแม่ไม่ได้?
- อะไรปิดบังใจเราอยู่?
- เราสละให้ลูกของเราได้  แล้วทำไมเราสละให้พ่อแม่ของเราไม่ได้?
- พ่อแม่ของเราก็เหมือนกัน  ท่านสละให้เราได้  แต่ทำไมสละให้พ่อแม่ของตัวเองไม่ได้?
- มันก็คงจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกกระมัง!


ถ้าเรามีลูกมีหลานต่อไปก็คงจะต้องทำกันอย่างนี้เรื่อยไป  ไม่มีใครตอบสนองบุญคุณด้วยการทำให้เราสบายใจเลย

เราจะต้องคิกกันให้มากเรื่องอย่างนี้  เพราะมันเป็นเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในทุกวันนี้ เราเกิดมามีพ่อมีแม่  มีผู้มีพระคุณให้เรา ไม่ใช่ไม่มีใครให้เรา  บางคนถึงพ่อแม่จะไม่เคยเลี้ยงดูเรามา  แต่อย่างน้อยเลือดเนื้อกายใจนี้ท่านก็ให้เรามา  เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเป็นพระคุณสูงสุดแล้ว เรามีปากเอาไปชมเชยพ่อแม่  เอาไปสรรเสริญพ่อแม่  เอาไปเรียกพ่อแม่กินข้าวกินน้ำไม่ใช่มีปากเอาไว้เถียงพ่อแม่  เอาไปด่าว่าพ่อแม่ให้เจ็บช้ำใจ  เรามีตาเอาไปมองดูแลพ่อแม่ให้พ่อแม่มีความสุข  ไม่ใช่เอาตาไปค้อนไปควักพ่อแม่ให้เจ็บช้ำ ไม่ไปมองพ่อแม่เหมือนไร้ความหมาย  ก็ขอให้เราได้เข้าถึงความเป็นพ่อแม่ที่ดีกันทุกคน..

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย!  บุคคล ๒ จำพวก คือ มารดาและบิดานี้  เราไม่กล่าวว่าจะตอบแทนคุณให้สิ้นสุดได้ง่าย

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย!  บุตรที่ปฏิบัติมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง  ปฏิบัติบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่งอยู่จนตลอดอายุร้อยปี  บุตรนั้นได้ปฏิบัติด้วยปัจจัยสี่  ด้วยการอบกลิ่น  การนวด  การอาบน้ำ  และการดัดกาย  มารดาบิดาได้ถ่ายอุจจาระปัสสาวะอยู่บนบ่าของบุตรนั้น  ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่นับว่าตอบแทนคุณบิดามารดาให้สิ้นสุดได้ หรือแม้บุตรจะพึงสถาปนามารดาบิดาไว้ในราชสมบัติของแผ่นดินด้วยแก้ว ๗ ประการก็ยังไม่ชื่อว่าได้ตอบแทนบุญคุณมารดาบิดาให้สิ้นสุดได้เลย


ข้อนี้เพราะเหตุใด? เพราะเหตุว่า มารดาบิดาเป็นผู้มีคุณมาก เป็นผู้รักษาชีวิตบุตรไว้ เป็นผู้เลี้ยงบุตร เป็นผู้แสดงโลกนี้แก่บุตร

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย!  ผู้ใดชักชวนมารดาบิดาซึ่งไม่มีศรัทธาให้มีศรัทธามั่นคง  ชักชวนมารดาบิดาผู้ไม่มีศีลให้ตั้งมั่นในศีล  ชักชวนมารดาบิดาผู้ไม่มีปัญญาให้มีปัญญาเป็นเครื่องนำทางที่ถูกต้องได้ ภิกษุทั้งหลาย! 

ด้วยการตอบแทนบุญคุณดังกล่าวนี้  ชื่อว่าบุตรได้ตอบแทนคุณมารดาบิดาแล้ว"

หลวงพ่อสนอง กตฺปุญโญ

ทีมา  ::  มณีทิพย์  ธรรมะบันเทิง


* j12.jpg (59.96 KB, 480x600 - ดู 351 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ฮาวาน่าเมดช็อป ออกแบบ ป้ายไวนิล งานเพ้นท์ การ์ตูนล้อเลียน งานแฮนด์เมด นามบัตร แกะสติ๊กเกอร์
092-6899354
ผลงาน
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=49812
ⒷⒼ*
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,368

นิพพานคือนิรันดร์


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 08:23:57 »

ขอบคุณครับ  ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
treedee007
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 211


คาคาชิ


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 18 พฤศจิกายน 2010, 21:32:20 »

อ่านแล้วรู้สึกดีคับ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
นายเหตุผล
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 564



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 04 ธันวาคม 2010, 21:12:59 »

ขอบคุณมากๆ
IP : บันทึกการเข้า
paipich
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 208



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 04 ธันวาคม 2010, 22:25:41 »

ท้ายที่สุดของชีวิตก็คือ อิ๊ป่อ อิ๊แม่
IP : บันทึกการเข้า
khonchiangrai
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 87


อย่าลืมก้มมองตัวเอง ก่อนที่จะเริ่มตำหนิผู้อื่น


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 05 ธันวาคม 2010, 00:34:33 »

 
   ลูกคนนี้อยู่ไกล แต่ทุกๆครั้งที่ลูกคนนี้โทรไปหา ก็จะบอก อิ๊ป่อ อิ๊แม่ ตลอดว่า น้องฮักอิ๊ป่อกับอิ๊แม่หนาเจ้า
IP : บันทึกการเข้า
AIT
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,914



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 05 ธันวาคม 2010, 00:42:25 »

ชอบรูปที่คุณป๊อกโพสต์ครับ ได้ใจจริง ๆ
IP : บันทึกการเข้า
Ck 401
"....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,267


...งานหนักไม่เคยฆ่าคน...


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 05 ธันวาคม 2010, 11:58:02 »

ชอบรูปที่คุณป๊อกโพสต์ครับ ได้ใจจริง ๆ
+1 ครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

"....คณะเรา ไม่ยอมให้ด้อยถอยลง ต่ำเราต้องค้ำชูให้สูงจรุงศรี....."
....เมื่อเห็นทุกสิ่งเป็นธรรมดา  ก็ไม่มีอะไรมาทำให้ทุกข์ได้อีก...."
Pok Havana(รักในหลวง)
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,054


อย่ามองคนที่ภายนอก เพราะมันไม่ได้บ่งบอกถึง "สันดาน" !!


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 09 ธันวาคม 2010, 20:59:58 »

ชอบรูปที่คุณป๊อกโพสต์ครับ ได้ใจจริง ๆ
+1 ครับ ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

ขอบคุณมากคะ ยิ้มเท่ห์


* j10.jpg (90.99 KB, 502x600 - ดู 152 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

ฮาวาน่าเมดช็อป ออกแบบ ป้ายไวนิล งานเพ้นท์ การ์ตูนล้อเลียน งานแฮนด์เมด นามบัตร แกะสติ๊กเกอร์
092-6899354
ผลงาน
http://www.chiangraifocus.com/forums/index.php?topic=49812
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!