กราบพระ กราบอย่างไร ให้ถึงแก่นพระพุทธศาสนา

[naylex]

ขออนุญาต เปิดประเด็น
"กราบพระ กราบอย่างไร ให้ถึงแก่นพระพุทธศาสนา"

เชิญทุกท่าน แสดงความคิด ร่วมเสวนา บนเวทีอย่างเปิดกว้าง เปิดใจ
ให้ให้ถึงอรรถธรรม
เพื่อเป็นธรรมทาน อย่างน้อยให้naylex ได้อ่าน ได้ศึกษา
จะได้เปิดใจเปิดตาnaylexให้กว้างขวางยิ่งขึ้นด้วยเทอญ 

ขอบคุณล่วงหน้าครับ
 

[nantong]

ไหว้สา

กราบ  ด้วย กาย  น้อมลงด้วย  ใจ  ไปให้ถึง  พระ  ถึงคุณงาม ความดี  ของ  ท่าน 

[สบายแมน]

ขอยกเอาเรื่องในหนังสือ แรงบุญมาแบ่งกันให้อ่านนะครับ

แรงบุญเรื่องที่เจ็ด ตอน ศรัทธาที่แท้จริง

สมัยเมื่อครั้งพุทธกาล ระหว่างที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมท่ามกลางพระสงฆ์สาวก
มีพระสงฆ์สาวกรูปหนึ่งทูลถามเกี่ยวกับการปฎิบัตตนของเหล่าพุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาว่า
"ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลใดกันหรือที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความศรัทธาเลื่อมใส มีความเคารพต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง"
พระะุทธเจ้าทรงตรัสว่า
"บุคคลที่ได้ชื่อว่ามีความศรัทธาเลื่อมใสในตัวพระตถาคต ก็คือบุคคลที่เมื่องฟังธรรมของพระตถาคตแล้วตั้งใจน้อมนำไปปฎิบัติเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น...
หากแม้นว่ามีผู้ใคทำความเคารถบูชาพระตถาคต ฟังธรรมของพระตถาคตทุกเช้าค่ำ หากแต่ไม่นำไปปฎิบัติ บุคคลนั้น ไม่อาจถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความศรัทธา เคารพต่อพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง..."

เรื่องจากท่าน สพานธรรม...ผู้บันทึก
พิมพ์โดย สบายแมน
ผมว่ากราบพระกราบด้วยใจที่บริสุทธิ์และศรัทธาครับเดี๋ยวตอนต่อไปจะเล่านิทานก่อนนอนของผมให้ฟังนะครับ

[jirapraserd]

ในขณะที่กราบ ก็ให้ทำความรู้สึกตัว เห็นร่างกายที่เคลื่อนไหว มือที่พนมก้มลงกราบ
ให้ใจเป็นผู้ดูอยู่เฉย ๆ ดูลงไปว่ามันไม่ใช่เรา มันเป็นเพียงสิ่งบางสิ่ง กลุ่มก้อนบางอย่าง
ที่กำลังเคลื่อนไหว  หรือ ดูลงไปที่ใจที่มันกำลังนึก คิด ปรุงแต่ง ขณะกราบ ว่ามีความรู้สึกอย่างไร
มีความรู้สึกสุข หรือรู้สึกทุกข์ หรือ รู้สึกเฉย ๆ หรือ ใจมันกำลังหนีไปคิด ให้รู้ทัน

ให้ไว้เป็นธรรมทาน สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องฝึก ต้องพากเพียร มักน้อย สันโดษ ไม่คลุกคลี
รักษาศีลให้ดี เพื่อลดภาระความวุ่นวายทางใจ
ศาสนพุทธ เป็น ศาสนาแห่งเหตุและผล อย่าไปเชื่อเรื่องเหลวไหล ไร้สาระ อันหาเหตุหาผล
หาที่มาที่ไปไม่ได้ ธรรมะเป็นของสูง ปฏิบัติต่อธรรมะด้วยใจที่เคารพ ศึกษาให้ถึงแก่น อย่าศึกษาเพียงแค่เปลือก เมื่อสมควรแก่ธรรมแล้ว ธรรมจะให้ผล ความอัศจรรย์จะบังเกิดขึ้น

[naylex]

ขอยกเอาเรื่องในหนังสือ แรงบุญมาแบ่งกันให้อ่านนะครับ

แรงบุญเรื่องที่เจ็ด ตอน ศรัทธาที่แท้จริง

สมัยเมื่อครั้งพุทธกาล ระหว่างที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมท่ามกลางพระสงฆ์สาวก
มีพระสงฆ์สาวกรูปหนึ่งทูลถามเกี่ยวกับการปฎิบัตตนของเหล่าพุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาว่า
"ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลใดกันหรือที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความศรัทธาเลื่อมใส มีความเคารพต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง"
พระะุทธเจ้าทรงตรัสว่า
"บุคคลที่ได้ชื่อว่ามีความศรัทธาเลื่อมใสในตัวพระตถาคต ก็คือบุคคลที่เมื่องฟังธรรมของพระตถาคตแล้วตั้งใจน้อมนำไปปฎิบัติเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น...
หากแม้นว่ามีผู้ใคทำความเคารถบูชาพระตถาคต ฟังธรรมของพระตถาคตทุกเช้าค่ำ หากแต่ไม่นำไปปฎิบัติ บุคคลนั้น ไม่อาจถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความศรัทธา เคารพต่อพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง..."

เรื่องจากท่าน สพานธรรม...ผู้บันทึก
พิมพ์โดย สบายแมน
ผมว่ากราบพระกราบด้วยใจที่บริสุทธิ์และศรัทธาครับเดี๋ยวตอนต่อไปจะเล่านิทานก่อนนอนของผมให้ฟังนะครับ

รอฟังนิทาน ท่านสบายแมน มานานโข แล้วนะครับ
 

[chaplainbalm]

มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
ทุกอย่างอยู่ที่ใจล้วน ๆ ครับ
ถ้าใจถึงก็ถึงใจ

[ร้อยป่า]

การจะรู้ว่าเรามีศรัทธามากแค่ไหน  ไม่ยาก  เวลากราบพระแล้วรู้สึกอย่างไรให้สังเกต

.....บางคนกราบเร็วปานจรวด คนประเภทนี้ คือคนกราบ ให้พอเสร็จไป ใจอยากให้เสร็จอย่างเดียว

.....กราบด้วยความเร่งรีบ นี้ไม่ได้ประโยชน์อะไร

.....คนที่มีศรัทธาแท้จริง ใจต้องถึงพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์

.....ถึงอย่างไร   กราบจนรู้สึกขนลุกขนพอง  ใจพองโต (ลักษณะของใจพองโตคือ กราบแล้ว รู้สึกอิ่ม  ไม่ใช่อิ่มข้าวนะ )

.....คนมีศรัทธาเวลากราบพระแล้ว น้ำตาจะไหล เพราะอะไร พระใจ  ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  รู้คุณค่าของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  ถ้าน้ำตาไหลเมื่อไร  เมื่อนั้นแหละได้บุญมาก

.....คนที่มีศรัทธาเวลากราบแล้วอิ่มอกอิ่มใจ  มองเห็นพระที่ไรใจยินดีในบุญในกุศล

.....คนที่มีศรัทธาเวลากราบแล้วให้นึกถึงคุณของพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ เป็นอาจินกรรม กราบเมื่อไรให้นึกคุณของพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์เมื่อนั้น (บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ มีคุณอย่างไร และ คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีอะไรบ้าง )

.....เมื่อมีศรัทธาแล้ว จะเร่งรีบหาความรู้ทางธรรมะ ใส่ตัวเองตลอดเวลา

.....เมื่อมีศรัทธาแล้ว จะเข้าใจธรรมะ และรีบ หาทางให้ตนเองพ้นทุกข์ได้ทันที

เริ่มต้นศึกษาธรรม

วิธีเช็คว่าคุณมีธรรมะเป็นที่พึ่งหรืออย่างอื่นเป็นที่พึ่ง
ทำไมต้องทำอารมณ์ให้ชินกับความดี
กรรมที่ให้ผลแรงที่สุด

[ร้อยป่า]

กราบแบบพระพุทธ

 เห็นพระ กราบพระ ครั้งใด น้อมใจ ให้ถูก ด้วยหนา ชาวพุทธ กราบด้วย ปัญญา ใช่ว่า กราบอย่าง งมงาย
เห็นพระ กราบพระ ครั้งใด

น้อมใจ ให้ถูก ด้วยหนา

ชาวพุทธ กราบด้วย ปัญญา

ใช่ว่า กราบอย่าง งมงาย

เห็นพระ กราบพระ ครั้งใด

น้อมใจ ตามไป ง่ายง่าย

หัวแหลม ปัญญา ว่องไว

ทุกข์ใจ ดับได้ ทันที

หูยาน คือความ หนักแน่น

ไม่แล่น รับเสียง เร็วรี่

ใครว่า ใครด่า ท้าตี

ไม่มี โมโห วู่วาม

มองต่ำ คือตา สติ

ไม่ดำริ ในสิ่ง ทั้งสาม

คือการ ดำริ ในกาม

พยาบาท และการ เบียนเบียน

เห็นพระ กราบพระ ทุกครั้ง

ระวัง อย่ากราบ ให้เพี้ยน

พระพักตร์ ยิ้มแย้ม ไม่เปลี่ยน

เพราะใจ โล่งเตียน เบิกบาน

นิ้วมือ สั้นยาว เท่ากัน

สิ่งนั้น คือรัก แผ่ซ่าน

เมตตา กรุณา ตลอดกาล

สงสาร สรรพสัตว์ เสมอกัน

กราบองค์ พุทธรูป ครั้งใด

ตั้งใจ ดำรง คงมั่น

น้อมเอา คุณธรรม อนันต์

เหล่านั้น มาไว้ ในตน

นั่งลุก เดินเหิน ไปไหน

ดอกบว เกิดได้ ทุกหน

คือความ บริสุทธิ์ หลุดพ้น

มิมี เจือปน กิเลสกาม

ที่มา : น้อมสู่ใจ  โดย : พระประสงค์ ปริปุณฺโณ

 

[ร้อยป่า]

นี่คือการ กราบพระแบบพุทธ ที่ถูกต้อง เข้าวัดไปทำบุญไหว้พระ ต้องทำใจให้สงบนิ่ง นึกถึงการทำดี เพื่อเจริญสติปัญญา ไม่ใช่เข้าวัดไหว้พระด้วยความโลภ ขอให้ได้บุญเยอะๆ ขอให้ร่ำรวยเยอะๆ กราบพระแบบนั้น ไม่มีทางหลุดพ้นจากทุกข์แน่นอน.

[naylex]

 

[naylex]

จิต + ทิฏฐิ + โลภะ = อกุศล


กราบพระ ขอพรพระ ขอชัยชนะจากพระ ขอความสำเร็จจากพระ เกิดจากอำนาจกิเลส คือความโลภ
(ความอยาก)
แม้จิตเกิดความสบาย(สบายใจ) แต่ไม่ใช่กุศล เป็นอุบายของกิเลสปรุงแต่ง
เห็นคนกราบพระ ไม่รู้ว่าเขากราบด้วยอุบายของกิเลส เพราะอวิชชา หรือกราบด้วยกุศล....

[สบายแมน]

ขอยกเอาเรื่องในหนังสือ แรงบุญมาแบ่งกันให้อ่านนะครับ

แรงบุญเรื่องที่เจ็ด ตอน ศรัทธาที่แท้จริง

สมัยเมื่อครั้งพุทธกาล ระหว่างที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมท่ามกลางพระสงฆ์สาวก
มีพระสงฆ์สาวกรูปหนึ่งทูลถามเกี่ยวกับการปฎิบัตตนของเหล่าพุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาว่า
"ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลใดกันหรือที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความศรัทธาเลื่อมใส มีความเคารพต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง"
พระะุทธเจ้าทรงตรัสว่า
"บุคคลที่ได้ชื่อว่ามีความศรัทธาเลื่อมใสในตัวพระตถาคต ก็คือบุคคลที่เมื่องฟังธรรมของพระตถาคตแล้วตั้งใจน้อมนำไปปฎิบัติเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น...
หากแม้นว่ามีผู้ใคทำความเคารถบูชาพระตถาคต ฟังธรรมของพระตถาคตทุกเช้าค่ำ หากแต่ไม่นำไปปฎิบัติ บุคคลนั้น ไม่อาจถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความศรัทธา เคารพต่อพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง..."

เรื่องจากท่าน สพานธรรม...ผู้บันทึก
พิมพ์โดย สบายแมน
ผมว่ากราบพระกราบด้วยใจที่บริสุทธิ์และศรัทธาครับเดี๋ยวตอนต่อไปจะเล่านิทานก่อนนอนของผมให้ฟังนะครับ

รอฟังนิทาน ท่านสบายแมน มานานโข แล้วนะครับ
 

นึกว่าจะบ่ามีไผฟัง ผมปอลืมล่ะครับ ฮ่าๆ เอาเรื่องนี้ไปดูก่อนบ๋อ

[naylex]

ขอยกเอาเรื่องในหนังสือ แรงบุญมาแบ่งกันให้อ่านนะครับ

แรงบุญเรื่องที่เจ็ด ตอน ศรัทธาที่แท้จริง

สมัยเมื่อครั้งพุทธกาล ระหว่างที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมท่ามกลางพระสงฆ์สาวก
มีพระสงฆ์สาวกรูปหนึ่งทูลถามเกี่ยวกับการปฎิบัตตนของเหล่าพุทธศาสนิกชนผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาว่า
"ข้าแด่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลใดกันหรือที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความศรัทธาเลื่อมใส มีความเคารพต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง"
พระะุทธเจ้าทรงตรัสว่า
"บุคคลที่ได้ชื่อว่ามีความศรัทธาเลื่อมใสในตัวพระตถาคต ก็คือบุคคลที่เมื่องฟังธรรมของพระตถาคตแล้วตั้งใจน้อมนำไปปฎิบัติเพื่อแสวงหาทางหลุดพ้น...
หากแม้นว่ามีผู้ใคทำความเคารถบูชาพระตถาคต ฟังธรรมของพระตถาคตทุกเช้าค่ำ หากแต่ไม่นำไปปฎิบัติ บุคคลนั้น ไม่อาจถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความศรัทธา เคารพต่อพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง..."

เรื่องจากท่าน สพานธรรม...ผู้บันทึก
พิมพ์โดย สบายแมน
ผมว่ากราบพระกราบด้วยใจที่บริสุทธิ์และศรัทธาครับเดี๋ยวตอนต่อไปจะเล่านิทานก่อนนอนของผมให้ฟังนะครับ

รอฟังนิทาน ท่านสบายแมน มานานโข แล้วนะครับ
 

นึกว่าจะบ่ามีไผฟัง ผมปอลืมล่ะครับ ฮ่าๆ เอาเรื่องนี้ไปดูก่อนบ๋อ

ขอบคุณครับ เอาอีกๆ