เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 14 กันยายน 2025, 20:43:40
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ห้องนั่งเล่น
| | |-+  ลิงกับแพะ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 พิมพ์
ผู้เขียน ลิงกับแพะ  (อ่าน 692 ครั้ง)
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:19:41 »

เรื่องบางเรื่องเราเคยรู้เคยอ่าน
ลืมบ้างจำได้บ้าง ข้อคิดหรือความรู้ก็ดี
ครั้งก่อนอาจไม่ได้ใช้ ครั้งนี้อาจมีประโยชน์
เพจนี้ก็ประมาณนี้แหละค้าบ เพียงแค่อยากให้ผ่านตา ถึงคราวต้องใช้ ถึงคราวที่ท้อ
อาจมีประโยชน์ก็ได้นะ
ลิงกับแพะ"
..หญิงคนหนึ่งอาศัยอยู่ในกระท่อมกับสัตว์เลี้ยงสองตัว ลิงและแพะ
..วันหนึ่งเธอได้ออกไปทำงาน
..ก่อนออกจากบ้าน เธอได้เอาเชือกมาผูกคอลิง แล้วมัดขาของแพะเอาไว้ทั้งสองข้างเพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัว เดินย่ำไปมาในกระท่อม จนทำให้ข้าวของต่างๆ ได้รับความเสียหาย
..ทันทีที่เธอออกจากบ้านไป ลิงซึ่งมีความฉลาดและแสนซน เป็นคุณลักษณะประจำตัว ก็ค่อยๆแกะปมเชือกออกจากคอของมัน อีกทั้งยังซุกซนไปแก้เชือกมัดขาให้แก่แพะอีกด้วย
..หลังจากนั้นเจ้าลิงก็ไปรื้อข้าวของในกระท่อมจนเสียหาย ในขณะที่แพะได้แต่มองดูการกระทำของเจ้าลิงอยู่เฉย ๆ
..หลังจากหญิงเจ้าของบ้านได้กลับมาจากการทำงาน เจ้าลิงมองเห็นเจ้าของเดินมาแต่ไกล ก็รีบเอาเชือกมาผูกคอตนไว้อย่างเดิม
..เมื่อเจ้าของบ้านเปิดประตูกระท่อมเข้ามาเห็นข้าวของของตนถูกรื้อค้นกระจุยกระจายก็เกิดโมโหขึ้นทันที หันมองลิงและแพะเพื่อดูว่าใครเป็นผู้ก่อเรื่อง
..มองเห็นว่าแพะไม่มีเชือกผูกขาดังเดิม เธอก็คิดเอาเองว่าเจ้าแพะนี่เองคือตัวปัญหา
..ดังนั้นเธอจึงวิ่งไปหยิบท่อนไม้นอกบ้านมาทุบตีแพะอย่างรุนแรง ซึ่งเจ้าแพะผู้น่าสงสารก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย
***นิทานเรื่องนี้ต้องการชี้ให้เห็นถึงความเป็นผู้นำของเธอที่ไม่พิจารณาเหตุการณ์ให้ถ่องแท้
เชื่อแค่สิ่งที่ตนเห็นแล้วลงโทษไปตามความรู้สึกเธอ
มองเห็นข้าวของเสียหายและมองเห็นแพะที่หลุดออกมาจากเชือกก็ด่วนตัดสินว่า "แพะ" คงเป็นผู้กระทำ
แต่ไม่ได้มองว่าแพะไม่มีปัญญาจะแก้เชือก และไม่มีนิสัยชอบรื้อของ
ความจริงถ้าเธอรู้จักสำรวจร่องรอยความเสียหายสักเล็กน้อย เธอก็จะพบรอยเท้าและฟันของลิงกระจายไปทั่วห้อง
เหตุที่องค์กรของเราต้องเหน็ดเหนื่อยทรมานกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะความสะเพร่าของผู้นำที่ "ปล่อยให้ลิงสร้างปัญหา แต่แพะรับบาป"***
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:44:12 โดย ศิษย์หลวงพ่อ » IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:23:45 »

วันอังคาร
**คุณ"กำ"อะไรอยู่?**
..มีครอบครัวที่น่ารักอยู่ครอบครัวหนึ่ง ในครอบครัวนี้มีพ่อ แม่ และบุตรชายวัย 5 ขวบ
..เจ้าหนูเป็นเด็กที่ซุกซนและขี้สงสัยอย่างมาก
..อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหนูก้อนึกครึ้มอกครึ้มใจอย่างไรบอกไม่ถูกไปคว้าเอาแจกันหยกแกะสลักต้นราชวงศ์หมิง ซึ่งนั่นก้อหมายความว่ามันราคาแพงมาก นำมาเล่นพลิกคว่ำพลิกหงาย สักพักก้อล้วงมือเข้าไปในแจกัน
..ทันใดนั้นเจ้าหนูก้อทำตาโตเท่าไข่ห่านดูเหมือนจะดีใจที่ล้วงเข้าไปเจออะไรสักอย่าง
..แต่ปัญหาหาอยู่ที่ว่า เจ้าหนูจะดึงมือออกมาได้อย่างไรเจ้าหนูเริ่มกระสับกระส่ายพยายามดึงมือออกมาแต่ก็ไม่สำเร็จ จนต้องใช้ไม้ตายคือ "ทำไม่ได้ร้องไห้ไว้ก่อน"
..เสียงเอ็ดอึงเป็นผลให้พ่อและแม่ต้องวิ่งมาดู
..เมื่อมาพบเข้าต่างก้อพยายามช่วยกันดึงมือของเจ้าหนูออกจากแจกันด้วยวิธีต่างๆน้ำมันก้อแล้ว น้ำสบู่ก้อแล้ว ทำอีท่าไหนก้อไม่ออก
..จนสุดท้ายผู้เป็นพ่อต้องตัดใจทุบแจกันหยกราชวงศ์หมิงทิ้งเพื่อรักษามือของลูกชายเอาไว้
..เมื่อมือของเจ้าหนูหลุดจากแจกันแล้วพ่อและแม่ก้อพบว่ามือเจ้าหนูกำอะไรบางอย่างจนแน่น
..ผู้เป็นแม่จึงถามลูกชายว่า "หนูกำอะไรอยู่จ้ะลูก ?"
..เจ้าหนูตอบพร้อมทำสีหน้าขึงขัง"ผมปล่อยมันไม่ได้หรอกครับ"
.."แล้วมันคืออะไรจ้ะลูก?" ผู้เป็นพ่อเริ่มสงสัย
.."มันเป็นสตางค์ครับ" เจ้าหนูตอบพร้อมกับค่อยๆ แบมือออกอย่างทนุถนอม จึงปรากฏว่า ในมือของเจ้าหนูมีเพียงเหรียญสลึงอยู่สองเหรียญ
..เจ้าหนูหารู้ไม่ว่าการที่เขาพยายามกำเหรียญเอาไว้ ทำให้ครอบครัวต้องสูญเสียของมีค่ากว่าเป็นพันๆ เท่า
..แล้วเพื่อนๆ ล่ะ ขณะที่คุณกำลังใช้ชีวิตอยู่นี้ คุณกำลัง"กำ"อะไรไว้ในชีวิตบ้าง
เงิน? บ้าน? งาน?รถ? ทิฐิ?
..แล้วสิ่งที่คุณกำอยู่ทำให้คุณสูญเสียอะไรที่มีค่ามหาศาลไปบ้าง
เวลา? ครอบครัว? พ่อแม่?คนที่รักเรา? สวรรค์?
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:25:31 »

"เครื่องบินกระดาษ"
..อาจารย์คนหนึ่งสั่งให้นักศึกษาทุกคนยืนชิดติดผนังห้องแล้วส่งกระดาษให้คนละแผ่น
..ก่อนตั้งโจทย์แบบฝึกหัดง่าย ๆ
"ให้ทุกคนพับเครื่องบินกระดาษ และปาจากที่ยืนอยู่ไปให้ถึงผนังฝั่งตรงข้าม"ผนังนั้นห่างจากผนังอีกฝั่งหนึ่งที่นักศึกษายืนอยู่ประมาณ 10 เมตร
..ทุกคนพยายามพับกระดาษเป็นรูปเครื่องบินต่าง ๆ หลากหลายรูปแบบตามที่คิดว่า จะทำให้พุ่งได้ไกลที่สุดทุกคนปาเครื่องบินกระดาษของเขาอย่างแรงที่สุด แต่ไม่มีลำไหนพุ่งถึงผนังฝั่งตรงข้ามเลย
..อาจารย์คนนั้นก็เดินเข้ามาแล้วบอกว่า ให้ทุกคนดูฝีมือการพับกระดาษระดับแชมป์เปี้ยนโลก
..เขาใช้เวลาพับเครื่องบินไม่ถึง 5 วินาที"เครื่องบิน" ของเขาไม่มีปีก"เครื่องบิน" ของเขาเป็นรูปทรงกลมครับ
..เขาขยำกระดาษให้เป็นก้อนกลม ขยำให้แน่นที่สุดแล้วปาไปที่ผนังฝั่งตรงข้ามสุดแรง
.."เครื่องบินกระดาษ" ของเขาไปถึง "เป้าหมาย" แม้จะไม่มีปีก
..เหตุผลง่าย ๆ สำหรับเรื่องนี้ก็คือ นักศึกษาทุกคนติด "กรอบ" เดิม ๆ ว่าเครื่องบินกระดาษต้องมีหน้าตาแบบเครื่องบินกระดาษ ทุกลำต้องมีปีก
..ทุกคนคิดถึง "กรอบ" ของรูปแบบมากกว่า "เป้าหมาย"
..แต่เพราะอาจารย์คนนี้เริ่มต้นคิดที่ "เป้าหมาย" แล้วค่อยคิดรูปแบบการพับเครื่องบินกระดาษ
..เขาไม่ติดกรอบรูปลักษณ์แบบเดิม ๆเพราะคำถามง่าย ๆ ว่า "ทำไมต้องเหมือนกับที่เป็นมา
.."เครื่องบินกระดาษของเขา จึงไม่เหมือนเครื่องบินของใครแต่ถึง "เป้าหมาย" ที่ต้องการ
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:26:57 »

"รอยตะปู"
..มีเด็กน้อยคนหนึ่งอารมณ์ไม่ค่อยจะดี
..พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุงและบอกเขาว่า ทุกครั้งที่ลูกรู้สึกไม่ดี โมโห หรือโกรธใครก็ตาม ให้ตอกตะปู 1 ตัวลงไปที่รั้วหลังบ้านก็แล้วกัน
..วันแรกผ่านไปเด็กน้อยตอกตะปูเข้าไปที่รั้วถึง 37 ตัว วันที่ 2 และ วันที่ 3
..และแต่ละวันที่ผ่านไป ผ่านไปจำนวนตะปูก็ค่อยๆลดลง ลดลงๆ เพราะเด็กน้อยรู้สึกว่า การรู้จักควบคุมตัวเองให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ
..แล้ววันหนึ่ง หลังจากที่เขาสามารถ ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้นใจเย็นมากขึ้น
..เขาเดินไปหาพ่อเพื่อบอกว่า เขาคิดว่าเขาไม่จำเป็นที่ต้องตอกตะปูอีกแล้ว เพราะเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว
..เขาสามารถควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนแล้ว
..พ่อยิ้มแล้วบอกลูกชายว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลองพิสูจน์ให้พ่อดู
..ทุกๆครั้งที่ลูกสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตัวเองได้ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้านที่ละ 1 ตัว
..วันแล้ววันเล่า เด็กชายก็ค่อยๆถอนตะปูออกทีละตัว ๆ จนในที่สุด วันหนึ่งตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออก
..เด็กชายดีใจมากรีบวิ่งไปบอกพ่อของเขาว่า ผมทำได้แล้วครับ ในที่สุดผมก็ทำได้สำเร็จ
..พ่อไม่ได้พูดว่าอะไร แต่จูงมือลูกของเขาไปที่รั้วนั้น แล้วบอกลูกทำได้ดีมาก
..ทีนี้ลองมองกลับไปที่รั้วสิ เห็นมั๊ยว่ารั้วมันไม่เหมือนเดิมมันไม่เหมือนกับที่มันเคยเป็นก่อนหน้านี้
..ลูกจำไว้นะ ว่าเมื่อไหร่ที่เราทำอะไรลงไปด้วยการใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมักจะเกิดรอยแผล เหมือนกับการเอามีดไปกรีดหรือแทงใครเข้า
..ต่อให้ใช้คำว่า..ขอโทษ..สักกี่หน ก็ไม่อาจจะลบรอยแผลหรือความเจ็บปวดที่เกิดกับเขาคนนั้นได้
..ลูกจงจำคำว่า ..ขอโทษ..ไว้เสมอนะ ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เรา หรือ ไม่ก็ตามนะ
..จำไว้อีกด้วยว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้น รอยร้าวที่เกิดขึ้นกับเขา เขาอาจจะไม่มีวันลืมมันได้......ตลอดไป
..สิ่งที่สำคัญคือ รู้ทันความโกรธให้เร็วที่สุด ทันทีที่สติรู้ทันว่าเราปล่อยให้ความโกรธครอบงำ
..อย่างน้อยมันจะหยุดเพ่งโทษคนอื่น วางความยึดมั่นว่าเราถูกลง
..เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขสถานการณ์ดีกว่าปล่อยให้ความยึดว่า ตัวเองถูกเสมอ หรือฐิทิมานะมาทำลายทุกอย่างรวมทั้งชีวิตตัวเราเอง
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:30:48 »

..เจ้ากบน้อยได้มาร่วมกันจัดการแข่งขันปีนขึ้นไปบนยอดเสาเพื่อหาผู้นำของฝูง
..เมื่อการแข่งขันได้เริ่มขึ้น กบตัวที่หนึ่ง ก็ปีนขึ้นไป พวกฝูงกบข้างล่างก็ตะโกนขึ้นมาว่า “ไม่สำเร็จหรอก เสานั้นมันสูงเกินไป” พอพูดไม่ทันจบประโยค กบตัวแรกก็รู้สึกเหนื่อยและท้อจนตกลงมา
..กบตัวที่สอง ก็พยายามปีนขึ้นไป สักพักฝูงกบก็ตะโกนอีกว่า “มันยากเกินไป ไม่มีใครทำได้หรอก” ไม่นานกบตัวนั้นก็ตกลงมาอีก จนถึงตัวที่ สาม สี่ ห้า ก็เป็นเช่นเดิม
..จนถึงกบตัวสุดท้าย มันตั้งหน้าตั้งตาปีนขึ้นไปสูงขึ้นสูงขึ้น ฝูงกบข้างล่างยังตะโกนเหมือนเช่นเดิมว่า “ลงมาเถอะ ไม่มีใครทำได้หรอก” แต่กบตัวนี้ยังปีนขึ้นไปปีนขึ้นไป จนในที่สุดมันก็ปีนไปถึงยอดเสาได้
..กบคู่แข่งขันต่างอยากรู้ว่า เจ้ากบตัวนี้สามารถปีนขึ้นสู่ยอดเสาได้อย่างไร?
..เรื่องกลับกลายเป็นว่า...กบผู้ชนะตัวนั้นหูหนวก!!!!
..จงจำไว้ว่าอย่าฟังคำพูดในด้านลบ หรือการมองในแง่ลบจากคนอื่น
..เพราะเขาเหล่านั้นจะดึงความฝัน ความปรารถนาในหัวใจคุณออกไป
..ให้ระวังพลังของคำพูดเสมอ เพราะทุกสิ่งที่เราได้ยิน หรือได้อ่าน จะมีผลต่อการกระทำของเรา
..ดังนั้นจงคิดแต่ในด้านบวกเสมอ และเหนือสิ่งอื่นใด จงหูหนวก เมื่อฝูงชนบอกเราว่าเราไม่สามารถเติมความฝันของเราให้เป็นจริงได้
***เพราะว่าเรา "สามารถทำได้"***
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:32:03 »

ณ ลานประหาร...นักศึกษาชายชาวอเมริกัน 3 คนเดินทางไปเที่ยวที่แม็กซิโก
ในคืนวันหนึ่งทั้ง 3 คนดื่มเหล้าในบาร์หนักไปหน่อย
พอตอนเช้า ก็พบว่าทั้ง 3 คนติดอยู่ในคุกและโดนตัดสินประหารชีวิตไปเรียบร้อย
แต่ทั้ง 3 คนไม่มีใครจำได้ว่าไปทำอะไรมาบ้างเนื่องจากเมาจัด เลยเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิด
พอถึงวันประหาร หลังจากที่นักศึกษาคนแรกถูกนำเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ไฟฟ้า เขาก็พูดสั่งเสียออกมาว่า
"ผมเป็นนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยแถบแกรนด์แคนยอน ผมเชื่อในพลังของพระเจ้าและเชื่อว่าพระเจ้าจะเข้าข้างผู้บริสุทธิพอสิ้นเสียงเจ้าหน้าที่ก็สับสวิทช์เก้าอี้ไฟฟ้า
ปรากฎว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่เลยเชื่อว่าพระเจ้าไม่ต้องการให้นักศึกษาคนนี้ตายจึงปล่อยตัวไป
เสร็จแล้วนักศึกษาคนที่2 ก็ถูกนำมานั่งเก้าอี้ไฟฟ้า แต่ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะสับสวิทช์ไฟ นักศึกษาคนที่ 2 ก็กล่าวมาว่า
"ผมเป็นนักศึกษากฏหมายอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอริโซน่า ผมเชื่อว่ากฏหมายอันศักดิสิทธิ์จะเข้าข้างผู้บริสุทธิ์เสมอ"
พูดจบเจ้าหน้าที่ก็สับสวิทช์ทันทีปรากฏว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่เชื่อว่ากฏหมายอันศักดิสิทธิ์ไม่ต้องการให้ชายผู้นี้ตายก็เลยยอมปล่อยตัวไป
หลังจากนั้นพอนักศึกษาคนที่3 ถูกนำมานั่งเก้าอี้ไฟฟ้าเขาก็กล่าวว่า
"ผมเป็นนักศึกษาวิศวะไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัย MIT และผมจะขอบอกพวกคุณว่า
ถ้าพวกคุณไม่ต่อสายไฟ 2เส้นที่ขาดอยู่นั้นเข้าด้วยกันไอ้เก้าอี้ไฟฟ้าตัวนี้ก็จะไม่มีวันใช้การได้"
หลังจากนั้นอีก5นาทีวิญญานของนักศึกษาคนที่3 ก็ไปสู่สุขคติ
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:33:03 »

..บทความนี้เขียนขึ้นโดย จอร์จ คอลลิน ซึ่งเป็นดาราตลกที่โด่งดัง
..เขาเขียนขึ้นในวันที่ 11 กันยายน (ตึกเวิรด์เทรดถล่ม) หลังจากที่ทราบว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตในตึกนั้นด้วย
.. ทำ..ในสิ่งที่อยากจะทำ อยากให้ทุกคนได้อ่าน ข้อความนี้
..ทุกวันนี้เรามีตึกสูงขึ้น มีถนนกว้างขึ้นแต่ความอดกลั้นน้อยลง
..เรามีบ้านใหญ่ขึ้น แต่ครอบครัวของเรากลับเล็กลง
..เรามียาใหม่ ๆ มากขึ้น แต่สุขภาพกลับแย่ลง
..เรามีความรักน้อยลง แต่มีความเกลียดมากขึ้น
เราไปถึงโลกพระจันทร์มาแล้ว แต่เรากลับพบว่าแค่การข้ามถนนไปทักทายเพื่อนบ้านกลับยากเย็น…………
เราพิชิตห้วงอวกาศมาแล้ว แต่แค่ห้วงในหัวใจกลับไม่อาจสัมผัสถึง
เรามีรายได้สูงขึ้น แต่ศีลธรรมกลับตกต่ำลง
เรามีอาหารดี ๆ มากขึ้นแต่สุขภาพแย่ลง
..ทุกวันนี้ทุกบ้านมีคนหารายได้ได้ถึง 2 คน แต่การหย่าร้างกลับเพิ่มมากขึ้น
..ดังนั้น……จากนี้ไป……ขอให้พวกเรา อย่าเก็บของดี ๆ ไว้โดยอ้างว่าเพื่อโอกาสพิเศษ
เพราะทุกวันที่เรายังมีชีวิตอยู่คือ ……โอกาสที่พิเศษสุด……
..จงแสวงหา การหยั่งรู้ จงนั่งตรงระเบียงบ้านเพื่อชื่นชมกับการมีชีวิตอยู่ โดยไม่ใส่ใจกับความ…..อยาก
…จงใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนฝูงคนที่รักให้มากขึ้น……
...กินอาหารให้อร่อย ไปเที่ยวในที่ที่อยากจะไป
ชีวิตคือโซ่ห่วงของนาทีแห่งความสุข
ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ให้รอด
เอาแก้วเจียระไนที่มีอยู่มาใช้เสีย
น้ำหอมดี ๆ ที่ชอบ จงหยิบมาใช้เมื่ออยากจะใช้
เอาคำพูดที่ว่า…….สักวันหนึ่ง……..ออกไปเสียจากพจนานุกรม
บอกคนที่เรารักทุกคนว่าเรารักพวกเขาเหล่านั้นแค่ไหน
อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ที่จะทำอะไรก็ตามที่ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้น
ทุกวัน ทุกชั่วโมง ทุกนาที มีความหมายเราไม่รู้เลยว่าเมื่อไรมันจะสิ้นสุดลง
..ใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่ากันนะครับ ดีกว่ามาบ่นว่า น่าจะทำตั้งแต่ตอนนั้นตอนนี้ ซึ่งแก้ไขอะไรไม่ได้..
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:35:21 »

..ชายสูงอายุผู้หนึ่งเปิดลิ้นชักตู้ของภรรยาแล้วหยิบของสิ่งหนึ่งซึ่งห่อด้วยกระดาษฟางออกมา แล้วรำพึงขึ้นเบาๆ ว่า
"นี่ไม่ใช่เพียงแค่อะไรสักอย่างหนึ่ง... หากแต่เป็นชุดชั้นในสตรี"
..เมื่อเขาแกะกระดาษห่อออก จึงเห็นผ้าไหมสวยๆ และฝีมือการตัดเย็บที่ประณีต
“เราซื้อเมื่อครั้งไปเที่ยวนิวยอร์กด้วยกันเป็นครั้งแรก สักแปดหรือเก้าปีก่อนกระมัง
เธอไม่เคยได้ใช้มันเลย เพราะตั้งใจเก็บไว้สวมในโอกาสพิเศษ ซึ่งฉันก็คิดว่าโอกาสนั้นมาถึงแล้ว”
..เขาเดินเข้าไปใกล้เตียงนอน วางชุดชั้นในนั้นร่วมกับข้าวของอื่นๆ ที่เขาจะนำไปที่สุสาน...
..ใช่แล้ว...ภรรยาของเขาเพิ่งจากไป แล้วชายชราผู้นั้นก็หันหน้ามาที่ฉันพร้อมกับพูดว่า
.. “โปรดอย่าเก็บสิ่งใดๆ ไว้ใช้ในโอกาสพิเศษ ขอให้ถือว่าทุกๆ วันที่กำลังผ่านไปเป็นวันที่มีความหมาย”
..ฉันกำลังนึกถึงคำพูดของเขา คำพูดที่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของฉันจากนั้นมา
..ทุกวันนี้ฉันอ่านหนังสือมากขึ้นพยายามเลิกวุ่นวายกับเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย
..ฉันนั่งลงตรงระเบียงและชื่นชมทิวทัศน์ โดยไม่ใส่ใจกับวัชพืชในสวน
ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับครอบครัว เพื่อนฝูง และทำงานให้น้อยลง
..ฉันเพิ่งมาเข้าใจว่าชีวิตนั้นเป็นผลพวงมาจากประสบการณ์ที่เราควรจะแสวงหาความเพลิดเพลิน มิใช่เพียงแค่การดำรงชีพไปวันๆ
..ฉันจึงเลิกเก็บสิ่งหนึ่งสิ่งใดไว้ นึกจะใช้อะไรก็หยิบออกมาใช้
..ทุกวันนี้ฉันใช้แก้วคริสตัลเป็นกิจวัตร ขณะที่ใส่เสื้อคลุมตัวใหม่ไป จับจ่ายซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต
..ก่อนหน้านี้ฉันจะใช้น้ำหอมอย่างดีเฉพาะในโอกาสสำคัญเท่านั้น... แต่ตอนนี้คำว่า "วันหน้า" ดูเหมือนจะเลือนหายไปจากฉันโดยปริยาย
.. อะไรก็ตามที่มีคุณค่าต่อการฟัง การชม หรือการกระทำ ฉันเป็นอันต้องขอฟัง ชมหรือขอทำเสียเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว
..ฉันไม่แน่ใจว่าภรรยาของเพื่อนชราของฉันคนนั้นจะทำอะไรบ้าง
ถ้าเธอสามารถล่วงรู้ว่าจะไม่มีโอกาสได้อยู่ชื่นชมกับวันพรุ่ง
..เธออาจโทรศัพท์หาพ่อแม่ ญาติๆ และเพื่อนสนิท
หรือบางทีเธออาจจะโทร.หาเพื่อนเก่าๆ ที่ได้แต่คิดถึงเป็นบางครั้ง เพื่อขอโทษขอโพยเรื่องราวในอดีต...
หรืออาจจะขอไปรับประทานอาหารตะวันออกที่เธอโปรดปราน
..ถ้าเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับฉัน...ฉันคงหัวเสียเพราะอดที่จะได้พบปะเพื่อนฝูงที่ฉันนึกว่า คงจะได้เจอะเจอกันในเร็วๆ นี้...
ไม่ได้เขียนจดหมายหาเพื่อนฝูง ทั้งที่ตั้งใจว่าจะเขียน...
..ขณะเดียวกันฉันก็คงเศร้าใจที่จะไม่มีโอกาสบอกคนใกล้ชิดว่าฉันรักพวกเขามากเพียงใด
..ฉันไม่ยอมผลัดวันประกันพรุ่งอีกแล้ว ตรงกันข้าม ฉันกลับเฝ้าบอกตัวเองเสมอว่า
วันนี้เป็นวันพิเศษ...ทุกๆ วัน ทุกๆ ชั่วโมง ทุกๆ นาที คือเวลาที่มีความหมายทั้งสิ้น
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:36:17 »

พระอรหันต์ที่แท้จริงอยู่ที่ใด
.........นิทานจีนเรื่อง "เอียฮูตามหาพระอรหันต์"
..เอียฮู ได้ทิ้งบ้านและเเม่ที่แก่ชราไว้เพื่อออกตามหาพระอรหันต์
..แม้แม่จะห้ามเท่าไรเขาก็ไม่ฟัง เขาหวังว่าเมื่อเขาได้พบ เขาจะมีอายุยืนเป็นหมื่นปี
..เวลาผ่านไปนานมากเขาได้พบกับพระที่อยู่ในถ้ำ เขาคิดว่าพระรูปนั้นคือพระอรหันต์จึงเข้าไปหา
..แต่พระรูปนั้นกลับปฏิเสธแล้วบอกเขาว่าพระอรหันต์นั้นอยู่ที่บ้านของเขา
..พระอรหันต์จะสวมรองเท้าสลับข้างและเสื้อคลุมกลับด้าน
..เอียฮูไม่รอช้า เขารีบเดินทางกลับบ้านไปตามหาพระอรหันต์
..เมื่อเขาเคาะประตูเรียกเเม่ของเขาซึ่งนอนหลับอยู่
..แม่ของเขาก็ดีใจมากที่ลูกกลับบ้าน เธอรีบหารองเท้า เสื้อคลุมและตะเกียงมาในความมืดเพื่อไปรับลูกด้วยความดีใจ
..พอแม่ของเขาเปิดประตู เขาก็วิ่งเข้าบ้านทันทีโดยไม่สนใจแม่
..เมื่อนึกได้เขาก็หันกลับมาและพบว่า เเม่ของเขาได้สวมเสื้อคลุมกลับด้านและรองเท้าผิดข้าง
..เมื่อนั้นเขาจึงสำนึกได้ว่า แม่ของเขานั่นเองที่เป็นพระอรหันต์ซึ่งเขาตามหามาเนิ่นนาน
..เขาได้ขอโทษแม่ และหลังจากนั้น เขาก็ทำงานอย่างหนักเพื่อไม่ให้แม่ต้องลำบากอีกต่อไป
....แล้ววันนี้ เราทำอะไรดีๆเพื่อพระอรหันต์ของเรากันรึยัง?
..นิทานแต่กาลก่อนที่ชาวแดนมังกรสอนลูกหลาน
หนุ่มน้อยนามเอียฮูสู้ซมซาน
เจ้าทิ้งบ้านทิ้งแม่ที่แก่ชรามุ่งตามหาพระอรหันต์ ดั้นด้นไปไกลแสนไกล
....เจ้ามุ่งมาดปรารถนาหวังฝากตัว
เป็นศิษย์เพียรเรียนวิชาอายุวัฒนะ มิรู้ตายจากวันเคลื่อนเดือนผ่านปี
เจ้าโชคดีสมดังจิตที่คิดหมาย
มาพบพระในถ้ำล้ำเลิศพราย
จึงคลานเข้าไปถวายอัญชลี
ท่านคงเป็นพระอรหันต์นั้นแน่เเล้ว
ข้าเเน่เเน่วตามหามาหลายที่
พระอรหันต์เอื้อนเอ่ยเผยวจี
ตัวข้านี้เป็นเพียงพระธรรมดา
พระอรหันต์นั้นอยู่ที่บ้านเจ้า
ใยโง่เง่าจงรับไปกลับไปหา
สวมรองเท้าสลับข้างดูขวางตา
สวมเสื้อคลุมกลับหลังหน้าลองหาดู
เจ้าปลาบปลื้มลืมทุกข์สุขหรรษา
แล้วกราบลาพระอาจารย์มิช้าอยู่
รีบกลับบ้านเร็วปานเหาะเคาะประตู
เเม่เอียงหูพอรู้แน่แกดีใจ
แม้ดึกดื่นคืนล่วงไปแม่ไม่หลับ
ยืนลูกกลับคืนมาน้ำตาไหล
รีบสวมเสื้อสวมรองเท้าก้าวเร็วไว
คว้าตะเกียงถลันไปเปิดประตู
เจ้าเอียฮูต้องผงะปะหน้าแม่
เราโง่เเท้เที่ยวค้นหาน่าอดสู
พระอรหันต์คือแม่ไม่แลดู
ปล่อยท่านอยู่เปล่าเปลี่ยวแสนเดียวดาย
.........ฟังนิทานอย่าผ่านเลยทำเฉยอยู่
กลับไปดูท่านบ้างอย่าห่างหาย
ทดแทนคุณยามท่านไม่ทันตาย
เลี้ยงใจกายให้ท่านสุขทุกคืนวัน
เครดิต : BE COMING
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:38:28 »

"กับดักหนู"
..หนูตัวหนึ่งแอบมองลอดรอยแตกของกำแพง เพื่อดูว่าชาวนากับภรรยาของเขาแกะห่ออะไร
"จะเป็นอาหารอะไรหนอ" เจ้าหนูสงสัย มันแทบล้มทั้งยืน เมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นคือ "กับดักหนู"!!
..มันวิ่งหัวซุกหัวซุนไปที่ทุ่งนา แล้วส่งเสียงร้องเตือน "มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! "
..แม่ไก่ร้องกุ๊กๆ และคุ้ยเขี่ยไปมา มันผงกหัวขึ้นแล้วพูดว่า "คุณหนู นี่คงเป็นเรื่องเศร้าสำหรับเธอ แต่มันไม่มีผลอะไรกับฉันหรอกนะ อย่ากวนใจกันเลย"
..เจ้าหนูวิ่งไปหาหมูและบอกแก่มัน " มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! "
..หมูเห็นอกเห็นใจ แต่ก็พูดว่า " ฉันขอโทษนะคุณหนู แต่ฉันคงทำได้แค่สวดมนต์เท่านั้น ไม่ต้องห่วงฉันจะสวดมนต์ให้เธอด้วย"
..เจ้าหนูวิ่งไปหาวัว และพูดว่า" มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! มีกับดักหนูอยู่ในบ้าน! "
วัวตอบว่า " โธ่! คุณหนู ฉันก็เสียใจด้วยนะ แต่มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันนี่"
..ดังนั้นเจ้าหนูจึงกลับเข้าบ้าน นอนลงและเศร้าใจเหลือเกินที่จะต้องเผชิญหน้ากับกับดักหนูเพียงลำพัง
..กลางดึกคืนนั้น เสียงๆ หนึ่งดังก้องไปทั้งบ้าน ฟังเหมือนเสียงกับดักหนูได้จับเหยื่อของมันแล้ว
..ภรรยาของชาวนารีบรุดไปดูว่าอะไรที่ถูกจับ
..ในความมืดนั้นเธอไม่เห็นว่ามีงูพิษถูกกับดักนั้นหนีบหางเอาไว้
..งูกัดภรรยาของชาวนา ชาวนาจึงรีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาล
..ตอนกลับบ้านเธอมีไข้สูง ใครๆ ก็รู้ว่าเราต้องพยาบาลคนป่วยด้วยซุปไก่
..ดังนั้นชาวนาจึงหยิบขวานเดินไปที่ทุ่งเพื่อฆ่าไก่มาทำซุป
..แต่อาการป่วยของภรรยาก็ยังไม่ดีขึ้น
..เพื่อนฝูงและเพื่อนบ้านต่างมาเยี่ยมดูใจ
..เพื่อเลี้ยงอาหารพวกเขา ชาวนาจึงฆ่าหมูซะ
..ภรรยาของชาวนาก็ยังไม่หาย ในที่สุดเธอก็ตายลง
..ผู้คนมากมายต่างมางานศพของเธอ
..ชาวนาจึงฆ่าวัวเพื่อให้ได้เนื้อมากพอมาเลี้ยงแขก
..เจ้าหนูได้แต่มองลอดรอยแตกของกำแพงด้วยความเสียใจ
..คราวหน้าหากคุณรู้ว่าใครสักคนกำลังเผชิญปัญหาและคิดว่าไม่เกี่ยวกับคุณสักหน่อย
..จงจำไว้ว่าเราทุกคนล้วนเกี่ยวพันกันอยู่
..ในการเดินทางของชีวิต หากคนอื่นประสบกับสิ่งๆหนึ่ง
นั่นอาจจะเกี่ยวข้องกับเราโดยทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทุกข์หรือเรื่องของความสุข หรือเพื่อนๆคิดว่าไง
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:41:49 »

" กาแฟ...ใส่เกลือ "
..เขาเจอเธอในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง เธอดูโดดเด่นมาก และมีคนมากมายรุมล้อมเธอ
..ในขณะที่เขาดูเป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีใครใส่ใจเขาเลย
..หลังงานเลี้ยงเลิก เขาได้มีโอกาสชวนเธอไปทานกาแฟต่อ
..เธอประหลาดใจมาก แต่ท่าทีที่สุภาพของเขา ทำให้เธอตอบตกลง
..พวกเขานั่งในร้านกาแฟดีๆแห่งหนึ่ง เขาดูประหม่าจนพูดอะไรไม่ออก เธอรู้สึกอึดอัดมาก จนคิดในใจว่า ได้โปรดให้ฉันกลับบ้านเหอะ
..แต่ทันใดนั้น เขาถามบ๋อยว่า ขอเกลือป่นได้ไหม อยากเอามาใส่ในกาแฟ
..ทุกคนในร้านหันมาจ้องเขาด้วยความประหลาดใจ เขาอายจนต้องก้มหน้า แต่ก็ยังเติมเกลือลงในกาแฟ และก็ดื่มมันเสียด้วย
..ทำให้เธอต้องถามเขาอย่างอดไม่ได้ว่า ทำไมชอบกาแฟรสชาติแบบนี้
..เขาตอบว่า เมื่อเขายังเด็ก บ้านเกิดเขาอยู่ริมทะเล เขาเป็นลูกน้ำเค็ม เล่นกับทะเลทุกวัน เคยชินกับรสเค็มของเกลือ เหมือนกับรสชาติของกาแฟเค็ม
..เพราะฉะนั้นเมื่อทุกครั้งที่เขาได้ลิ้มรสกาแฟเค็มๆ เขาก็จะคิดถึงวัยเด็ก คิดถึงบ้านเกิด เขาคิดถึงพ่อแม่ทียังอยู่ที่นั่น
..เธอก็เริ่มประทับใจในตัวเขา เริ่มชวนเขาคุย เล่าถึงบ้านเกิดของเธอบ้าง
..ชีวิตในวัยเด็ก ครอบครัวของเธอ เธอกับเขาคุยกันถูกคอมากขึ้นเรื่อยๆ
..และจากการเริ่มต้นที่ดี ทำให้เขากับเธอคืบหน้าความสัมพันธ์ต่อไป
..จนทีสุด เธอก็ค้นพบว่า เขาคือผู้ชายแบบที่เธอต้องการอย่างแท้จริง เขาใจกว้าง อ่อนโยน อบอุ่น และดูแลเป็นอย่างดี
..เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ แต่เธอเกือบจะมองข้ามเขาไป!
..หลังจากนั้นอีกสี่สิบปี เขาก็จากเธอไป ทิ้งจดหมายไว้ให้เธอฉบับหนึ่ง ข้างในมีใจความว่า
"ที่รัก อภัยให้ผมด้วย ที่ต้องโกหกคุณชั่วชีวิต
มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ผมโกหกคุณ เรื่องกาแฟเค็มนั่น
จำวันแรกที่เรามีนัดกันได้ไหม ผมประหม่ามากในตอนนั้น
จริงๆแล้วผมต้องการน้ำตาล แต่ผมพูดผิดเป็นขอเกลือ
ซึ่งมันยากที่จะกลับคำในตอนนั้น ผมจึงต้องปล่อยมันไป
ซึ่งผมไม่คิดว่า นั่นจะทำให้เราได้เริ่มต้นการพูดคุยกัน
ผมพยายามที่จะสารภาพกับคุณหลายต่อหลายครั้ง
แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะสารภาพออกไป ทำให้ผมสัญญากับตัวเองว่า จะไม่โกหกอะไรคุณอีกแม้แต่ครั้งเดียว
ตอนนี้ผมจากไปแล้ว ผมไม่ต้องหวาดกลัวอะไรอีก
ดังนั้นจึงเล่าความจริงในจดหมายฉบับนี้
แท้จริงแล้วผมไม่ได้ชอบทานกาแฟรสเค็มเลยแม้แต่น้อย
มันรสชาติค่อนข้างแย่ทีเดียว แต่ว่าผมทานมันตลอดทั้งชีวิตตั้งแต่ได้รู้จักคุณ
ผมไม่เคยนึกเสียใจในสิ่งที่ทำเพื่อคุณเลย
การได้พบคุณเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ที่สุดตลอด
ชีวิตของผมถ้าผมได้มีโอกาสมีชีวิตอีกครั้ง ผมก็ยังอยากจะได้พบคุณ และมีคุณเป็นภรรยาผมอีกครั้งเช่นกันแม้ว่าผมจะต้องดื่มกาแฟรสเค็มอีกตลอดชีวิตก็ตาม! "
น้ำตาของเธอหยด ใส่กระดาษจดหมาย จนเปียกชุ่ม
หลังจากนั้น หากมีใครถามเธอ กาแฟรสเติมเกลือรสชาติเป็นเช่นไร
เธอก็จะตอบเสมอว่า " มันหวาน "
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:46:17 »

..เศรษฐีคนหนึ่งชอบใจลูกสาวชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง
..เขาเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา ซึ่งเป็นสวนกรวดกว้างใหญ่ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว
..เศรษฐีบอกชาวนาว่า ท่านเป็นหนี้สินข้า'ถ้าหากท่านยกลูกสาวให้ข้า ข้าจะยกหนี้สินทั้งหมดให้'
..ชาวนาไม่ตกลง
..เศรษฐีบอกว่า 'ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม ข้าจะหยิบกรวดสองก้อนขึ้นมาจากสวน ใส่ในถุงผ้านี้ ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว ให้ลูกสาวของท่านหยิบก้อนกรวดจากถุงนี้
..หากนางหยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่านและนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า
..แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ นางต้องแต่งงานก้บข้าและแน่นอน ข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย'
..ชาวนาตกลงเศรษฐีหยิบกรวดสองก้อนใส่ในถุงผ้า
..หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่ากรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำ เธอจะทำอย่างไร?
..หากเธอไม่เปิดโปงความจริง ก็จะต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกง
..หากเธอเปิดโปงความจริง เศรษฐีย่อมเสียหน้า และยกเลิกเกมนี้ และพ่อของเธอก็ต้องเป็นหนี้เศรษฐีต่อไปอีกนาน
..หากเป็นคุณจะทำอย่างไร? คิดก่อนค่อยอ่านต่อ
.

.
..ลูกสาวชาวนาเอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน
..พลันเธอปล่อยกรวดในมือร่วงลงสู่พื้นกลืนหายไปในสีขาวและดำของสวนกรวด
..เธอมองหน้าเศรษฐีเอ่ยว่า 'ขออภัยที่ข้าพลั้งเผลอปล่อยหินร่วงหล่น
..แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อท่านใส่กรวดสีขาวกับสีดำอย่างละก้อนลงไปในถุงนี้
..ดังนั้นเมื่อเราเปิดถุงออกดูสีกรวดก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่า กรวดที่ข้าหยิบไปเมื่อครู่เป็นสีอะไร
พอเปิดดูก็เหลือเพียงกรวดสีดำ
..'ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตกย่อมเป็นสีขาว'
..ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้ และลูกสาวไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกงคนนั้น
"ปัญหาทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ไข จงหามันให้เจอ"
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:46:59 »

นิทานเรื่อง"ใบหู"
“ขอให้ชั้นดูหน้าลูกหน่อยได้มั๊ยคะ” คุณแม่คนใหม่เอ่ยขึ้น
เมื่อห่อผ้าน้อย ๆ อยู่ในอ้อมกอดเธอเธอค่อยๆ คลี่ผ้าที่ห่อออกเพื่อมองใบหน้าเล็กๆเธอกรีดร้อง!!!
หมอต้องอุ้มเด็กออกไปอย่างรวดเร็วเด็กทารกที่เกิดมาไม่มีใบหู
กาลเวลาพิสูจน์ว่าการได้ยินของเจ้าหนูไม่มีปัญหา ปัญหามีเฉพาะสิ่งที่มองเห็นภายนอก คือใบหูที่หายไป
หลายครั้งที่เจ้าหนูกลับจากโรงเรียนแล้ววิ่งมาซบอกแม่ เธอรู้ว่าหัวใจลูกปวดร้าวแค่ไหน
เจ้าหนูพูดโพล่งออกมาอย่างน่าเศร้า “พวกเด็กตัวโต พวกมันล้อผมว่านายตัวประหลาด”
เจ้าหนูเติบโตขึ้น หล่อเหลา เป็นที่รักของเพื่อน ๆเค้ามีพรสวรรค์ในด้านอักษรศาสตร์ วรรณคดี และดนตรี
เค้าอาจได้เป็นหัวหน้าชั้น แต่เพราะเจ้าสิ่งนั้น…
“ลูกต้องพบปะกับผู้คนบ้างนะลูก” แม่กล่าวด้วยความสงสาร
พ่อของเด็กชายปรึกษากับหมอประจำครอบครัว“ผมสามารถปลูกถ่ายใบหูได้ครับ ถ้ามีผู้บริจาค แต่ใครล่ะจะเสียสละใบหูเพื่อเด็กน้อยคนนี้” คุณหมอกล่าว
2 ปีผ่านไป พ่อบอกกับลูกชาย“ลูกเตรียมตัวไปโรงพยาบาลนะ พ่อกับแม่หาคนบริจาคใบหูที่ลูกต้องการได้แล้ว แต่นี่เป็นความลับ”
การผ่าตัดสำเร็จด้วยดี คนคนใหม่เกิดขึ้นเค้ากลายเป็นผู้มีพรสวรรค์เป็นอัจฉริยะในโรงเรียน ในวิทยาลัย จนเป็นที่กล่าวขานกันรุ่นต่อรุ่น
ต่อมาเขาได้แต่งงานและทำงานเป็นข้าราชการในสถานทูต
วันหนึ่งชายหนุ่มถามผู้เป็นพ่อ “พ่อครับใครเป็นคนมอบใบหูให้ผม ใครช่างให้ผมได้มากมายแต่ผมไม่เคยทำอะไรเพื่อเค้าได้เลยสักนิด”
“พ่อไม่เชื่อว่าลูกจะตอบแทนเค้าได้หมดหรอก เรื่องนี้เป็นความลับ เราตกลงกันแล้ว” พ่อตอบ
หลายปีที่มันยังคงเป็นความลับแต่แล้ววันหนึ่ง วันที่มืดมิดที่สุดผ่านเข้ามาในชีวิตลูกชาย
เค้ายืนข้างพ่อใกล้หีบศพของแม่ พ่อค่อยๆ ลูบผมแม่อย่างช้า ๆ และนุ่มนวล ผมสีน้ำตาลแดงถูกเสยขึ้นจนมองเห็น..แม่ไม่มีใบหูใบหูของแม่ถูกตัดไป
พ่อกระซิบผ่านลูกชาย “แม่บอกพ่อว่า เธอดีใจที่ได้ทำอย่างนี้ เธอไม่เคยตัดผมอีกเลยไม่มีใครมองเห็นว่าเธอไม่สวย จริงมั๊ย”
============================
จงจำไว้ สิ่งมีค่าที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่การมองเห็น หากแต่อยู่ที่สิ่งที่เรามองไม่เห็น
ความรักที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่เราทำแล้วมีคนรับรู้หรือเปล่า แต่คือการทำให้เขามีความสุขก็เท่านั้นเอง
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:47:43 »

"ชาวนากับลาแก่"
..กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีชาวนาคนหนึ่งเลี้ยงลาไว้ตัวหนึ่งซึ่งแก่มากแล้ว
..วันหนึ่งชาวนาได้พาเจ้าลาแก่ออกไปข้างนอก
ด้วยความซุ่มซ่ามของมัน มันจึงเดินตกลงไปในบ่อน้ำซึ่งแห้งขอดมาเป็นเวลานาน
มันร้องครวญครางอยู่เป็นเวลานาน ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญคิดหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมาให้ได้
..แต่แล้วในที่สุด ชาวนาก็หวนคิดขึ้นมาได้ว่าเจ้าลาก็แก่เกินไปแล้ว
อีกอย่างหนึ่งบ่อนี้ก็แห้งขอด ไม่มีน้ำมาเป็นเวลานานแล้ว อย่างไรเสียก็จะต้องกลบบ่ออยู่ดี ไม่คุ้มเลยที่จะช่วยเจ้าลา
..ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้านเพื่อมาช่วยกลบบ่อ
ทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ
..ครั้นเมื่อดินไปถูกหลังลาเข้า มันก็ตกใจและรู้ชะตากรรมของตนทันทีจึงร้องโหยหวนขึ้นมาอย่างน่าสงสาร
..สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เสียงของเจ้าลาแก่เงียบไป
หลังจากที่ชาวนาและชาวบ้านช่วยกันตักดินใส่ไปในบ่อได้สักสองสามพลั่ว พวกเขาก็เหลือบมองลงไปในบ่อ และก็ต้องประหลาดใจไปตามๆกัน
เพราะทุกครั้งที่ทุกคนสาดดินไปถูกหลังลา มันจะสะบัดดินออกจากหลังแล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น
ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นมาจากก้นบ่อได้เร็วมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
..ในไม่ช้าทุกคนก็ต่างประหลาดใจที่เจ้าลาสามารถโผล่พ้นขึ้นมาจากปากบ่อดังกล่าวได้สำเร็จในที่สุด
..เมื่อรู้จักใช้สติพิจารณาแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็จะสามารถเปลี่ยนจากวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ไม่ยาก
..สิ่งดีๆกำลังรอคุณอยู่
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:50:44 »

**เรื่องเล่าสอนใจ เรื่อง "แม่ไม่คิดเงิน"**
..เด็กชายตัวน้อยเดินเข้าไปหาแม่และส่งกระดาษให้
..หลังจากแม่เช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนแล้วเธอก็ก้มลงอ่าน
ค่าตัดหญ้า 5 บาท
ค่าทำความสะอาดห้องผมอาทิตย์นี้ 1 บาท
ค่าซื้อของให้แม่ 2.5 บาท
ค่าดูแลน้องชาย 2.5 บาท
ค่าเอาขยะไปทิ้ง 1 บาท
ค่าได้คะแนนดี 5 บาท
ค่ากวาดสนาม 2 บาท
รวมค้างชำระ 19 บาท
..เธอหยิบปากกาขึ้นมาพลิกไปด้านหลังแล้วเขียน
เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้อง ไม่คิดเงิน
เวลาแม่พยาบาลลูก ไม่คิดเงิน
ของเล่น อาหาร เสื้อผ้า ไม่คิดเงิน
แม้แต่เช็ดน้ำมูกให้ ไม่คิดเงินหรอกจ๊ะลูก
เมื่อรวมทั้งหมดเป็นราคาเต็มของความรัก ไม่คิดเงินเหมือนกัน
..เมื่อลูกชายของเราอ่านสิ่งที่แม่เขียน น้ำตาหยดโตก็ไหลออกมา
เขาสบตาแม่และพูดว่า แม่ครับ ผมรักแม่จริงๆนะครับ
..แล้วเขาก็เอาปากกา เขียนหนังสือตัวโตว่า จ่ายหมดแล้ว แม่จ่ายหมดแล้ว แต่ลูกทอนให้ยังไม่หมด

อยู่กับท่านให้มากๆเมื่อมีโอกาสนะค้าบ
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:51:44 »

..อ่านเจอกี่ครั้งก็ซึ้ง
..มีร้านค้าแห่งหนึ่ง ติดประกาศขายลูกสุนัข 7 ตัว
..เมื่อรู้ข่าว ก็มีเด็ก ๆ แวะเวียนเข้ามาเล่น มาชมลูกสุนัขทุกวันแต่ก็ยังไม่มีใครตกลงใจซื้อ เพราะเป็นสุนัขพันธุ์ดี มีราคาค่อนข้างแพง
..วันหนึ่ง ขณะที่เจ้าของร้านกำลังยุ่งอยู่กับการขายของอื่น ๆ ให้แก่ลูกค้าในร้าน
..เด็กชายหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่งก็มากระตุกชายเสื้อเขา เขาก้มลงมอง และถามว่ามีอะไรให้ช่วยหรือไม่
.."เพื่อนของผมบอกว่า ที่ร้านของคุณอามีลูกหมาขายผมอยากเลี้ยงลูกหมาสักตัว พ่อแม่ก็อนุญาตแล้ว ขอผมดูลูกหมาของคุณอาหน่อยได้ไหมครับ?" เด็กบอกอย่างสุภาพ
.."อ๋อ ได้สิหนู พวกมันกำลังนอนเล่นอยู่หลังร้านน่ะ" เจ้าของร้านกล่าวอย่างยินดีแล้วผิวปากเรียกสุนัขทั้งเจ็ดออกมา
..เด็กชายยิ้มร่าเมื่อเห็นลูกสุนัขวิ่งตุ้ยนุ้ยออกมาทีละตัว เขานับ...แต่ก็มีแค่หกตัวเท่านั้น
.."ไหนว่ามีเจ็ดตัว มีคนซื้อไปตัวหนึ่งแล้วหรือครับ?" เด็กชายถาม
..เจ้าของร้านตอบว่า "อ๋อ เปล่าหรอกหนู ยังไม่มีใครซื้อไปเลยสักตัวเพียงแต่ตัวสุดท้ายขาหลังเขาไม่ดี มันก็เลยต้องคลานออกมาวิ่งมาพร้อมกับพี่ ๆ ของมันไม่ได้"
..สิ้นคำเจ้าของร้าน ลูกสุนัขตัวที่เจ็ดก็คลานออกมา ขาหลังทั้งคู่ของมันลีบเหลือนิดเดียว มันต้องใช้ขาหน้าลากพาร่างกายออกมาจากหลังร้าน
..ลูกสุนัขมองมาทางเด็กชายแล้วครางงี้ด ๆ เห็นได้ชัดว่ามันพยายามคลานมาหาเขาหางของมันกระดิกดุ๊กดิ๊ก ๆ อยู่ตลอดเวลา
..มันคลานเข้าไปเลียรองเท้าของเด็กชาย ท่าทางจะชอบเขามาก
..เด็กชายหัวเราะแล้วอุ้มมันขึ้นมาก่อนจะถามเจ้าของร้านว่า "หมาตัวนี้ราคาเท่าไรครับ?"
.."ปกติ อาบอกขายอยู่ตัวละสองพันบาทนะ" เจ้าของร้านตอบ
..เด็กชายนิ่งอึ้งไปก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบเงินออกมานับ เขามีเงินอยู่เพียงสี่ร้อยห้าสิบบาทเท่านั้น
.."ผมมีเงินไม่พอซื้อหมาตัวนี้" เด็กชายพึมพำอย่างเศร้าใจ
..เจ้าของร้านรีบบอกทันทีว่า "โอ๊ะ!! หนู ถ้าหนูอยากได้หมาตัวนี้ไปก็เอาไปเถอะไม่ต้องจ่ายเงินหรอก อายกให้หนูฟรี ๆ ไปเลย"
..เด็กชายฟังเจ้าของร้านแล้วชะงักไป ก่อนจะถามกลับไปอย่างไม่พอใจว่า"ทำไมครับ ทำไมถึงบอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินถ้าจะซื้อหมาตัวนี้"
.."ก็อย่างที่หนูเห็นอย่างไรล่ะ ลูกหมาตัวนี้มันติดมาพร้อม ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ของมันและอาก็ไม่คิดว่าจะขายมันอยู่แล้ว เพราะมันพิการ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้ ความจริงอาไม่อยากให้หนูได้ของมีตำหนิอย่างนี้ไปนะ ลองดูตัวอื่นดีไหม"
..เด็กชายเม้มปากแน่นก่อนจะพูดว่า "คุณอาดูอะไรนี่สิครับ"ว่า แล้วเขาก็ดึงขากางเกงทั้งสองข้างขึ้นเจ้าของร้านจึงได้เห็นว่า ขาของเด็กชายคนนี้เล็กลีบเช่นเดียวกับขาหลังของลูกสุนัขแต่ที่ทำให้เขายืนอยู่ได้ ก็เพราะมีขาเทียมช่วยพยุงเอาไว้
.."คุณอาครับ ขาของผมก็ลีบใช้การอะไรไม่ได้เหมือนกันผมเดินช้ากว่าเพื่อนคนอื่น ๆ วิ่งก็ไม่ได้ กระโดดก็ไม่ได้อย่างนี้ผมก็เป็นคนไร้คุณค่าหรือเปล่าครับ"
..เจ้าของร้านนิ่งอึ้งไป ความรู้สึกผิดแล่นปราดเข้าสู่หัวใจของเขา
..เด็กชายปล่อยขากางเกงลงแล้วพูดต่อว่า"ผมจะซื้อสุนัขตัวนี้ในราคาสองพันบาทเท่ากับลูกหมาตัวอื่น ๆแต่ว่าผมมีเงินไม่พอ ถ้าผมจะอ้อนวอนคุณอา ขอผ่อนราคาของลูกหมาตัวนี้เดือนละหนึ่งร้อยบาททุกเดือน จนครบสองพันบาท คุณอาจะว่าอย่างไรครับ"
..เจ้าของร้านน้ำตาไหลริน ทรุด ตัวลงตรงหน้าเด็กชายและกอดเขาไว้ด้วยความประทับใจพลางกล่าวขอโทษขอโพยในสิ่งที่ตนได้ทำผิดพลาดไป
..เขาบอกว่าไม่ขัดข้องที่จะให้เด็กชายผ่อนค่าตัวของลูกสุนัขตัวนี้และกล่าวว่า
..ถ้าสุนัขทุกตัวมีเจ้านายที่จิตใจดีอย่างเด็กชาย พวกมันก็คงจะมีชีวิตที่เป็นสุขอย่างมาก
...................................................
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อย่าตัดสินคุณค่า จากรูปลักษณ์ภายนอก
ที่มา : นิทานสีขาว
เล่าโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:55:26 »

ณ. สนามบินนานาชาติระดับโลก
มีนักธุรกิจหญิงแต่งตัวดีคนหนึ่งจำเป็นต้องรอเวลาถึง ..3 ชั่วโมงในการเปลี่ยนเครื่องบิน เพื่อไปจุดหมายปลายทาง
เธอจึงตัดสินใจเดินไปซื้อหนังสือ 1 เล่ม และ คุ๊กกี้ 1 ห่อและเตรียมหาที่นั่งเพื่ออ่าน และ กินฆ่าเวลาไปพลาง ๆ
..เธอสอดส่ายมองหาที่นั่งได้ 1 แห่ง
เธอสังเกตเห็นว่าข้างๆเธอมีชายหนุ่มซึ่งนั่งเหยียดกายอย่างไม่สนใจใคร ว่าจะมีใครนั่งอยู่ข้าง ๆ เขา
สักครู่หนึ่ง .. ขณะที่เธออ่านหนังสือ
ชายหนุ่มก็หยิบขนมคุ๊กกี้ออกจากถุงซึ่งวางอยู่ระหว่างคนทั้งสอง แล้วกินมันอย่างละชิ้น
เธอมองด้วยความโกรธ แต่ไม่ต้องการทำเรื่องวุ่นวาย เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ
เธอเริ่มรู้สึกเบื่อที่จะกินคุ๊กกี้และเฝ้ามองนาฬิกา
ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งเป็นผู้ขโมยไร้ยางอายกำลังกินมันให้หมดสิ้นไป
เธอเริ่มโมโหและคิดในใจว่า .."ถ้าฉันไม่ใช่ผู้ดีมีการศึกษาแล้วละก็..ฉันจะชกหน้าเจ้าหมอนี้ให้แหลกไปเลย"
ทุกครั้งที่เธอหยิบกิน 1 ชิ้น ชายหนุ่มก็หยิบมันกิน 1 ชิ้นทั้งสองส่งสายตามองกัน
เมื่อคุ๊กกี้เหลือเพียงชิ้นสุดท้ายเธอหยุดและอยากรู้ว่าชายหนุ่มจะทำอย่างไร ?
ชายหนุ่มค่อย ๆ หยิบคุ๊กกี้ชิ้นสุดท้ายแล้วหักออกเป็น 2 ชิ้นส่งให้เธอครึ่งชิ้นและกินเองครึ่งชิ้น
เธอรับจากชายหนุ่มอย่างรวดเร็วและคิดในใจว่า .." เขาช่างเป็นคนไร้มารยาทสุดๆ
ช่างไร้การศึกษา ไม่มีแม้แต่พูดขอบคุณสักคำ "
เธอลุกขึ้นหยิบข้าวของทั้งหมดแล้วตรงไปยังประตูขึ้นเครื่อง ไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามองหัวขโมยผู้ไร้มารยาท ซึ่งยังนั่งอยู่ที่เดิม
ภายหลังจากขึ้นเครื่องและนั่งประจำที่อย่างสบายแล้ว
เธอก็หยิบหนังสือที่อ่านค้างอยู่ขึ้นมาอีกครั้ง
ในขณะที่หยิบหนังสือจากกระเป๋า ก็พบว่ามีขนมคุ๊กกี้ 1 ห่อ
เธอตกใจมากถ้าคุ๊กกี้ของฉันยังอยู่ที่นี่ ก็แปลว่า.....คุ๊กกี้ห่อนั้นเป็นของชายหนุ่มที่แบ่งให้เธอกิน !!
เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งออกจากเครื่องบินไปยังที่นั่งของชายหนุ่ม แต่คงเหลือไว้แต่ที่นั่งว่างเปล่า
มันสายไปเสียแล้วที่จะได้ขอโทษชายหนุ่ม
ระหว่างเดินกลับเข้าเครื่อง เธอรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ
เธอนั่นเองที่ไร้มารยาท เป็นหัวขโมยที่ไร้การศึกษาตัวจริง
มีกี่ครั้งในชีวิตของคนเรา ที่ค้นพบในภายหลังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง
มันเป็นการเข้าใจผิด
มีกี่ครั้งในชีวิตที่เราขาดความไว้วางใจผู้อื่น และทำให้เราตัดสินผู้อื่นจากความคิดเย่อหยิ่งของเราเอง ซึ่งห่างไกลจากความเป็นจริงมากมาย
.. นี่แหละที่ทำให้เราต้องคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกก่อนตัดสินผู้อื่น
หลาย ๆสิ่งไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น
ควรมองผู้อื่นในแง่ดี แล้วคอยสังสัยตัวเองว่า ..
" เรามองโลกในแง่ดีพอแล้วหรือยัง ?"
เราเคยแบ่งปันอะไรแก่คนอื่นบ้างหรือไม่ ?
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ศิษย์หลวงพ่อ
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 346



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 17:56:48 »

เล่าสอนใจเรื่อง"รางรถไฟกับการตัดสินใจ"
มีเด็กกลุ่มหนึ่งเล่นกันใกล้รางรถไฟ 2 ราง
รางหนึ่งอยู่ในระหว่างการใช้งาน
ในขณะที่อีกรางหนึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว
มีเพียงเด็กคนเดียวเท่านั้นที่เล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
ส่วนเด็กที่เหลือนั่งเล่นอยู่บนรางที่ยังใช้งานอยู่
เมื่อรถไฟแล่นมา คุณอยู่ใกล้ๆที่สับรางรถไฟ
คุณสามารถเปลี่ยนทางรถไฟไปยังรางที่ไม่ได้ใช้งานเพื่อช่วยชีวิตเด็กส่วนใหญ่
แต่นั่นหมายถึงการเสียสละชีวิตของเด็กคนที่เล่นอยู่บนรางที่ไม่ได้ใช้งาน
หรือคุณเลือกจะปล่อยให้รถไฟวิ่งทางเดิม?
ลองหยุดคิดสักนิด มีทางเลือกใดที่เราสามารถตัดสินใจได้
คุณต้องทำการตัดสินใจก่อนที่จะอ่านต่อไป
.
.
.
.
.
.
.
.รถไฟไม่สามารถหยุดรอให้คุณไตร่ตรองได้
คนส่วนมากอาจเลือกที่จะเปลี่ยนทางรถไฟ และยอมสละชีวิตของเด็กคนนั้น
ผมคิดว่าคุณก็อาจจะคิดเช่นเดียวกันแน่นอน
ตอนแรกผมก็คิดเช่นนี้เพราะการช่วยชีวิตเด็กส่วนมาก ด้วยการเสียสละชีวิตเด็กหนึ่งคนนั้น
ดูสมเหตุผลทั้งทางศีลธรรมและความรู้สึก
แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่าเด็กที่เลือกเล่นบนรางที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
ที่จริงเขาได้ตัดสินใจถูกต้องที่จะเล่นในสถานที่ๆปลอดภัยแล้วต่างหาก
แต่ทว่าเขากลับต้องเสียสละชีวิตให้กับเพื่อนที่ไม่ใส่ใจและเลือกที่จะเล่นในที่อันตราย
สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นรอบตัวเราทุกวัน
ในสถานที่ทำงาน ย่านชุมชน การเมือง
โดยเฉพาะในสังคมประชาธิปไตย
คนกลุ่มน้อยมักจะถูกเสียสละให้กับผลประโยชน์ของคนหมู่มาก
แม้ว่าคนกลุ่มน้อยจะฉลาด มองการณ์ไกล
และคนหมู่มากจะโง่เง่า ไม่ใส่ใจก็ตาม
==========================================
เรารู้ว่าชีวิตเต็มไปด้วยการตัดสินใจอันยากลำบาก
บางครั้งเราลืมไปว่าการตัดสินใจอันรวดเร็ว ใช่จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
จำไว้ว่าสิ่งที่ถูกต้องไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่นิยมปฎิบัติ
และสิ่งที่เป็นที่นิยมไม่จำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป
IP : บันทึกการเข้า

ซื่อกินไม่หมด คตกินไม่นาน
ละอ่อนน้อยเมืองเทิง
เอ่อนั้นเต๊อะ !!!! ฮานี่บ่าเฮ้ย
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 170


สุ้ต๋ายค้าาาบบบบ........


« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 18:05:13 »

โอ้สุดยอดคัยอ้าย  ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์ ยิ้มเท่ห์


* 972310_582304718486636_62553938_n.jpg (10.02 KB, 244x207 - ดู 178 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

เพื่อเทอร์....ฉันฮิมต๋าย!!!!.....ฮู้ก่อ ? ? ?
IamNottaa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 509


« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 18:13:31 »

อ่านแล้ว..ได้ข้อคิดดีๆมากมายเลย
ขอบคุณมากๆคับผม ^^
IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!