เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 22 กรกฎาคม 2025, 10:46:30
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  อยากถามผู้รู้เกี่ยวกับการบริจากเลือดค่ะ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน อยากถามผู้รู้เกี่ยวกับการบริจากเลือดค่ะ  (อ่าน 588 ครั้ง)
ZooM ZooM
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 79


« เมื่อ: วันที่ 09 กรกฎาคม 2013, 19:06:40 »

คือเห็นกระทู้ขอรับบริจากเลือดเยอะมาก ก็เลยไปบริจากดูที่เค้าให้กรอกประวัติแล้วสอบรายระเอียดเพราะว่าเคยเป็นไวรัสตับ บี เค้าถามว่าเป็นขั้นไหน ก็บอกเค้าไปว่าตัวเหลือตับบวมนอนโรงพยาบาลประมาณ 1 อาทิตย์ เค้าก็กากบาทว่าเลือดไม่ผ่าน ไม่ให้บริจาก อยากทราบว่าตอนนี้เราก็แข็งแรง รักษาหายแล้ว แล้วโรคนี้คนก็เป็นกันมากด้วย ถ้าเราแกล้งบอกว่าเราไม่เคยเป็นจะเป็นอันตรายกับผู้ที่รับเลือดเรามั้ยค่ะ หรือว่าเราไม่สามารถให้เลือดใครได้เลยตลอดชีวิตค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
yodsakorn
สมาชิกลงทะเบียน
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,471



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 09 กรกฎาคม 2013, 21:35:11 »

คือเห็นกระทู้ขอรับบริจากเลือดเยอะมาก ก็เลยไปบริจากดูที่เค้าให้กรอกประวัติแล้วสอบรายระเอียดเพราะว่าเคยเป็นไวรัสตับ บี เค้าถามว่าเป็นขั้นไหน ก็บอกเค้าไปว่าตัวเหลือตับบวมนอนโรงพยาบาลประมาณ 1 อาทิตย์ เค้าก็กากบาทว่าเลือดไม่ผ่าน ไม่ให้บริจาก อยากทราบว่าตอนนี้เราก็แข็งแรง รักษาหายแล้ว แล้วโรคนี้คนก็เป็นกันมากด้วย ถ้าเราแกล้งบอกว่าเราไม่เคยเป็นจะเป็นอันตรายกับผู้ที่รับเลือดเรามั้ยค่ะ หรือว่าเราไม่สามารถให้เลือดใครได้เลยตลอดชีวิตค่ะ
ไวรัสตับอักเสบ..โรคที่บริจาคโลหิตไม่ได้


    โรคไวรัสตับอักเสบเป็นโรคที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า โรคตัวเหลืองตาเหลือง หรือโรคดีซ่าน... เชื้อไวรัสตับอักเสบมีมานานแล้ว แต่มาค้นพบเมื่อการแพทย์เจริญมากขึ้น เชื้อไวรัสตับอักเสบที่ค้นพบขณะนี้คือ เชื้อไวรัสตับอักเสบเอ เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสตับอักเสบดี และเชื้อไวรัสตับอักเสบที่ไม่ใช่เอและบี ซึ่งภายหลังได้ชื่อว่า ไวรัสตับอักเสบซี และไวรัสตับอักเสบอี...

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบ
    เชื้อไวรัสตับอักเสบที่เรียกชื่อแตกต่างกันนั้น โดยทั่วไปพบว่ามีอาการคล้ายคลึงกัน คือจะมีอาการอ่อนเพลียนำมา มีไข้ต่ำๆ เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด เจ็บบริเวณชายโครงขวา ตัวเหลือง ตาเหลือง โดยทั่วไปแล้ว อาการของโรคตับอักเสบอาจปรากฏอยู่ ๒-๓ สัปดาห์ จากนั้นค่อยๆลดลงจนหายเป็นปกติภายใน ๔-๖ สัปดาห์... โรคตับอักเสบบางชนิดอาจหายขาดได้ บางชนิดอาจเป็นเรื้อรังไปหลายปี หรืออาจเกิดผลแทรกซ้อนตามมาในระยะยาว...

โรคไวรัสตับอักเสบ บี
    ปัจจุบันมีผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบีกว่า ร้อยละ ๕ หรือประมาณ ๓ ล้านคน ในจำนวนนี้จะมีคนจำนวนหนึ่งที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรัง นอกนั้นเป็นแค่พาหะ ซึ่งในบ้านเรายังเข้าใจผิดคิดว่าคนที่เป็นไวรัสตับอักเสบจะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ร่างกายอ่อนเพลีย... ทั้งที่จริงแล้ว ผู้ป่วยที่เป็นไวรัสตับอักเสบบีจะไม่แสดงอาการใดๆเลย นอกจากจะไปตรวจเลือดถึงจะรู้... ส่วนผู้ที่เป็นพาหะเชื้อไวรัสตับอักเสบบี สามารถติดต่อทางเลือด ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะมีระยะฟักตัวของโรคภายในเวลา ๓๐-๑๕๐ วัน โดยผู้ป่วยอาจจะมีอาการไข้ต่ำๆ ปวดข้อ ต่อมน้ำเหลืองโต หรือมีลมพิษ เกิดขึ้นก่อนที่อาการตัวเหลือง ตาเหลือง จะปรากฏชัดเจน...

    ผู้ที่ตรวจพบไวรัสตับอักเสบบี มักจะไม่ค่อยกลัวและวิตกกังวลเท่าไร เพราะว่าถ้าได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างถูกต้อง ดูแลสุขภาพตัวเอง ไม่ดื่มสุราจัด หรือใช้ชีวิตสมบุกสมบัน อะไรที่เป็นพิษเป็นภัยก็เลิกเสีย สภาพตับจะดีขึ้น จะมีอันตรายก็ต่อเมื่อผู้ที่ได้รับเชื้อเข้าไปแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ หายแล้วก็ไม่ค่อยระวัง โรคอาจกลับมาเป็นอีกได้ และหากเป็นเช่นนี้แล้ว ความรุนแรงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้...

โรคไวรัสตับอักเสบ ซี
    อาการของโรคไวรัสตับอักเสบซี ก็เหมือนโรคไวรัสตับอักเสบบี คือเมื่อได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเข้าไป จะใช้เวลาฟักตัว ๖ สัปดาห์ ถึง ๖ เดือน ... อาการที่พบจะรุนแรงหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับภาวะของผู้ติดเชื้อ ความรุนแรงของเชื้อที่พบใกล้เคียงกัน ผลจากการแทรกซ้อน สามารถทำให้เกิดโรคตับเรื้อรังได้เช่นเดียวกัน...

ความรุนแรงของโรค
    โรคไวรัสตับอักเสบบี ถ้าอยู่ในร่างกายเป็นเวลานานจะมีอาการของโรคตับอักเสบเรื้อรังได้.. ในบางรายอาจเป็นตับแข็ง.. บางรายอาจเปลี่ยนเป็นมะเร็งตับ.. สำหรับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี มีข้อได้เปรียบกว่าโรคไวรัสตับอักเสบซี คือ มีวัคซีนป้องกัน .... ฉะนั้น สามี ภรรยา หรือบุตรของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี สามารถฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อได้ และยังช่วยป้องกันการแพร่เชื้อกับบุคคลภายนอกในครอบครัว หรือ คนอื่นๆ ได้อีกด้วย...

คลีนิกไวรัสตับอักเสบบี
    ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยและสาขาบริการโลหิตทั่วประเทศ “งดรับ”บริจาคโลหิตจากผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ...
IP : บันทึกการเข้า

ติดต่อ  090-0355598 line 0801972766  อ.พาน จ. เชียงราย
นู๋หมวยค่ะ
AIA พร้อมดูแลคุณ
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ ป.ตรี
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,369



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 09 กรกฎาคม 2013, 21:42:14 »

กรณีที่เค้าสอบถามก่อน เพื่อเป็นการคัดกรองเบื้องต้นค่ะ แต่ถ้าเราไม่รู้ว่าป่วย หรืออยากแกล้ง ก็ไม่สามารถทำได้แน่นอนค่ะ เพราะเลือดที่เราบริจาคไปนั้น ทาง ร.พ. เค้าจะนำไปตรวจหาโรคต่างๆ ค่ะ มีหลายโรค จำไม่ได้ค่ะ แต่หลักๆ ก็มีเอดส์ ไวรัสตับอักเสบ ถ้าเราเข้าข่ายเป็นโรคต่างๆ ที่เค้าระบุไว้ จะมีจดหมายแจ้งเตือนให้เราถึงบ้านหรือตามที่อยู่ที่กรอกไว้  ดังนั้นการไปบริจาคเลือดทุกๆ 3 เดือน มีข้อดีคือ เราจะได้ตรวจสุขภาพฟรีไปในตัวค่ะ ^^
IP : บันทึกการเข้า

kangaroo_41
สมาชิกลงทะเบียน
ระดับ :ป.โท
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,650



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 09 กรกฎาคม 2013, 21:44:22 »

ใช่แล้วครับ
IP : บันทึกการเข้า
yodsakorn
สมาชิกลงทะเบียน
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,471



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 09 กรกฎาคม 2013, 22:32:04 »

อันที่ดีรักษาร่างกายเราใว้ก่อนครับ รอฟื้นตัวสักระยะ แล้วไปตรวจร่างกายใหม่ ถ้าหาย จริงๆแล้วคงไม่สายเกินไปที่เราจะร่วมบริจาคใหม่
IP : บันทึกการเข้า

ติดต่อ  090-0355598 line 0801972766  อ.พาน จ. เชียงราย
kyzaa
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 506


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 10 กรกฎาคม 2013, 00:46:02 »

คือผมบริจาคประจำนะคับ อยากจะบอกว่าอย่าไปบริจาคเลยคับถึงเอาไปก็ใช้ไม่ได้ อีกอย่างคืออุปกรณ์มีราคาสูงมาก ถ้าเลือดใช้ไม่ได้ก็คือต้องทิ้งไปเลยเสียดายมาก อย่างเรื่องพวกที่เป็นเกย์ที่เค้าไม่รับผมก็เพิ่งเข้าใจ แต่ผมก็เป็นเกย์เพียงแต่ว่าผมเคยบริจาคมาตลอดแล้วดูแลตัวเองเลยสามารถบริจาคได้ ตอนนี้เปลี่ยนจากบริจาคเลือดมาเป็นบริจาคเกล็ดเลือดละเพราะมีคนบริจาคน้อยมาก
IP : บันทึกการเข้า
ZooM ZooM
เตรียมอนุบาล
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 79


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 10 กรกฎาคม 2013, 07:52:28 »

อันที่ดีรักษาร่างกายเราใว้ก่อนครับ รอฟื้นตัวสักระยะ แล้วไปตรวจร่างกายใหม่ ถ้าหาย จริงๆแล้วคงไม่สายเกินไปที่เราจะร่วมบริจาคใหม่
อยากทราบจริงๆค่ะว่าโรคนี้เราเป็นตั้งแต่อายุ 26 ตอนนี้อายุ 35 แล้วร่างกายแข็งแรงดีมากก็เลยคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร แต่เค้าไม่รับเลยค่ะ ก็เลยอยากรู้ว่าเราไม่สามารถให้เลือดใครได้ตลอดชีิวิตรึเปล่า ขอบคุณข้อมูลของคุณมากๆนะค่ะ ขอบคุณทุกความเห็นด้วยค่ะต่อไปคงต้องหลีกเลี่ยงกระทู้ขอบริจากเลือดละค่ะเพราะถ้าเห็นแล้วเราช่วยอะไรเค้าไม่ได้ก็จะรู้สึกแย่ไปเลย
ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะค่ะ
IP : บันทึกการเข้า
yodsakorn
สมาชิกลงทะเบียน
แฟนพันธ์แท้
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,471



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 11 กรกฎาคม 2013, 08:28:34 »

ถ้าเรามีใจอยากบริจาคจริงๆลองไปตรวจที่คลินิคนิรนามก็ได้ครับแล้วรอผลถ้าไม่เป็นเราก็บริจาคได้ครับ
IP : บันทึกการเข้า

ติดต่อ  090-0355598 line 0801972766  อ.พาน จ. เชียงราย
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!