ประชาชนมีสิทธิ์เลือกผู้ว่า-นายอำเภอ-ผู้การ-ผู้กำกับ

[artfactory]

MR. R มีข้อเสนอและมุมมองที่ก้าวหน้าครับ ชื่นชมครับ  ติดตามอยู่นะครับ

[เชียงรายพันธุ์แท้]

ก็ดีนะ

[Mr.R]

และระบบอุปถัมภ์มันมีทุกที่แหละครับ ไม่ใช่แค่ราชการ ตำรวจ ทหาร
พวก อบต. เทศบาล บ้านเรามีหมดแหละระบบอุปถัมภ์ ดึงลูกหลาน เหลน โหลน คนของตัวเอง ของ อบต ทต อบจ

การแก้ไขระบบอุปถัมภ์ของนักการเมือง
มีการใช้ระบบอุปถัมภ์ นำบุตรหลานเข้ามาทำงานในองค์กร เรื่องนี้
สามารถตรวจสอบที่มาที่ไป ความถูกต้องตามหลักเกณฑ์
ทดสอบบุคคล ให้ได้มาตรฐาน

เมื่อนักการเมืองผู้นั้นคนเก่า หมดวาระ หมดตำแหน่ง
เมื่อมีนักการเมืองคนใหม่มาแทนก็สามารถตรวจสอบ
ประเมินผลปฏิบัติงานบุตรหลาน นักการเมืองคนก่อน ๆ ได้
ถ้าหากไม่ผ่านเกณฑ์ สามารถปรับ ลด ปลด ออก ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

ซึ่งเรื่องนี้ถ้าหากประชาชนมี
ความศรัทธา เชื่อมั่น ต่อระบบเลือกตั้ง
แล้วก็สามารถหาข้อสรุปที่ดีต่อการแก้ไขปัญหา
ต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งเป็นรายละเอียด แก้ไขได้ไม่ยาก

แต่ถ้าหากไม่มีความศรัทธา ไม่มีความเชื่อมั่นต่อระบบเลือกตั้งแล้ว
ก็ย่อมไม่มีความพยายามที่จะหาวิธีแก้ไขจุดบกพร่องอันเล็กน้อยนี้

มิหนำซ้ำบางคนยังยกย่องระบบแต่งตั้ง ยกอำนาจให้คนไม่กี่คนกุมชะตา
กำหนดทิศทางของประชาชนทั้งประเทศ

เรียกได้ว่าไม่เชื่อมั่นในประชาชน ซึ่งก็หมายถึงไม่เชื่อมั่นในตัวเอง

[Mr.R]

ระบบแต่งตั้งหรือระบบเผด็จการ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือ

- ประเทศเกาหลีเหนือ ผู้นำที่ผูกขาดสามารถสืบทอดตำแหน่งให้บุตรชาย โดยไม่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง

- ประเทศเผด็จการทหาร พม่า แต่งตั้งทหารเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมือง โดยประชาชนไม่สามารถเข้าไปมีบทบาท

- มีบางประเทศใช้อำนาจได้แนบเนียนกว่า พม่า ทหารยึดอำนาจแล้วส่งต่ออดีตทหารเป็นรัฐบาล บริหารไปได้ระยะหนึ่งส่งต่อ
ให้รัฐบาลพลเรือน โดยแอบชักใยอยู่เบื้องหลัง

[tongchai]

เอาจริงนะถ้าเราไปเดินสมัครตาม อบต อบจ เทศบาล ไม่มีทางได้หลอกแต่ถ้าลูกหลานคนในประกาศเป็นพิธี ผมไปถามมาแล้วนะไม่มีตำแหน่งว่างแต่ไม่นานวางปุบเอาหลานตัวเองเข้าเลยโดยประกาศเอาเป็นพิธีเซ้งเลย

[เชียงรายพันธุ์แท้]

เอาจริงนะถ้าเราไปเดินสมัครตาม อบต อบจ เทศบาล ไม่มีทางได้หลอกแต่ถ้าลูกหลานคนในประกาศเป็นพิธี ผมไปถามมาแล้วนะไม่มีตำแหน่งว่างแต่ไม่นานวางปุบเอาหลานตัวเองเข้าเลยโดยประกาศเอาเป็นพิธีเซ้งเลย

ใช่ครับ

[Mr.R]

เอาจริงนะถ้าเราไปเดินสมัครตาม อบต อบจ เทศบาล ไม่มีทางได้หลอกแต่ถ้าลูกหลานคนในประกาศเป็นพิธี ผมไปถามมาแล้วนะไม่มีตำแหน่งว่างแต่ไม่นานวางปุบเอาหลานตัวเองเข้าเลยโดยประกาศเอาเป็นพิธีเซ้งเลย

ใช่ครับ

เป็นตำแหน่งลูกจ้าง หรือว่า ขรก. ครับ

การจะขจัดระบบอุปถัมภ์ได้ด้วยเราต้องสอบแข่งขันให้ชนะเขาเหล่านั้น
ให้ได้ แต่ถ้าหากไม่ได้รับความเป็นธรรม

รวบรวมหลักฐานร้องเรียนทั้งส่วนงานต้นสังกัด
และร้องเรียนประชาชนผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเขตนั้นครับ

[เสือไฟ]

แล้วบางที่อย่างประเทศจีน เขาก็ใช่ระบบแต่งตั้งกันนิครับ และสิงค์โปร์อีกครับออกแนวเผด็จการ แต่ทำไมประเทศของเขาเหล่านั้นถึงเจริญเอาๆ มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ

ทั้งที่บ้านเราใช้ระบบเลือกตั้ง น่าจะดีกว่า แต่กลับมีปัญหามากมาย ผมว่าการวางระบบต่างๆ หรือโครงสร้างต่างๆ น่าเกี่ยวกับความเหมาะสมของคนในที่นั้นๆ มากกว่าครับ ใช้ระบบที่เหมาะสมประเทศถึงจะพัฒนาได้ครับ

และระบบอุปถัมภ์ไม่ได้แค่มีในระบบแต่งตั้งนะครับ ระบบเลือกตั้งส่วนใหญ่ยังเือื้อให้ต่อระบบอุปถัมภ์เลย

[Mr.R]

ประเทศจีนเป็นเผด็จการจากคอมมิวนิสต์
ซึ่งพื้นฐานของระบบคอมมูน ถือเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง
คอมมูนเพื่อประชาชน ชาวนา+กรรมกร ที่มาของรูปฆ้อน+เคียว

ส่วนสิงคโปร์ได้ผู้นำเก่ง ภูมิประเทศเป็นศูนย์สัญจรทางน้ำ แหล่งการค้า
ประชากรมีการศึกษาสูง

บ้านเรายังมีปัญหาในโครงสร้าง
มีอำนาจซ้อนอำนาจ ระบบแต่งตั้ง
มีอำนาจสูงกว่าระบบเลือกตั้ง
ผู้นำระบบเลือกตั้งของเราจะต้องเข้าบ้าน ฉี่....สาว ก่อน 
ผู้นำระบบเลือกตั้งไม่มีอำนาจเต็ม
เรียกว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยไม่เต็มใบ

[tongchai]

แค่ลูกจ้างชั่วคราวยังได้ยากเลยครับผมไปสมัครลูกจ้าง

[เสือไฟ]

ประเทศจีนไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากกรรมกร ประเทศจีนเปลี่ยนแปลงโดยชนชั้นชาวนาเท่านั้น เพราะประเทศจีนตอนนั้นเป็นประเทศเกษตรกรรมไม่ใช่ประเทศอุตสาหกรรมเหมือนโซเวียต (ลองไปหาอ่านดูกับการเดินทางหมื่นลี้ของเหมา เจ๋อ ตุง)

และถ้าระบบการแต่งตั้งบ้านเราใหญ่ที่สุด
3 เสาอำนาจของไทย (รัฐบาล รัฐสภา ตุลาการ) ส่วนใหญ่ก็มาจากการเลือกตั้ง ยกเว้นตุลาการ งั้นรัฐบาล รัฐสภา ก็ด้อยกว่าระบบแต่งตั้งหรือครับ

ถ้างั้น รมต. ก็ด้อยกว่า ปลัดกระทรวงสิครับ

[Mr.R]

เรื่องปัญหาการปกครองมีคำถามเดียว ก็คือ

ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองสนับสนุนระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ?

ซึ่งหาคำตอบยาก
แต่ !!! คำตอบ สามารถดูได้จากปรากฏการณ์ความพิกลพิการโครงสร้างการ
ปกครองที่เห็น ๆ กัน นี่แหล่ะครับ

[Kampoln.ck]

การเลือกตั้ง กับ การแต่งตั้ง เป็นปัญหาที่นักรัฐศาสตร์เถียงกันมานาน แต่ไม่มีข้อยุติ เหมือนปัญหาไก่กับไข่
ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละท่าน จะยกเอาตัวอย่างประเทศใดมาเป็นตัวตั้ง
เพราะเราเอาตัวอย่างการเลือกตั้งมาจากอารยธรรมตะวันตก
แต่งการแต่งตั้ง เป็นอารยธรรมของตะวันออก (ไล่ตั้งแต่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไทย ฯลฯ) ไม่มีการเลือกตั้งมาแต่ไหนแต่ไร

ของพี่ไทยเรา ก็ตามเคย เอามันทั้งคู่แบบรักพี่เสียดายน้อง
ผมยังเชื่อว่า ทุกระบบ มันมีจุดอ่อนจุดแข็งในตัวเอง (ระบบไหนมันก็มี แ-ก กันทั้งนั้น)

และผมก็ศรัทธาทั้งสองระบบอยู่ ดังนั้น ผมว่า ระบบไหนมันคงไม่ใช่ประเด็น
เราอย่าไปหลงเพ้อพกอยู่กับกองเชียร์ของฝ่ายใด
ผมขอเพียงแค่ว่า บ้านเมืองเราต้องการระบบการตรวจสอบที่ดี ตรวจสอบนักการเมือง ตรวจสอบข้าราชการ (บ้านเรา ก็เลยมีท่านเปาฯ เต็มบ้านเต็มเมืองอย่างทุกวันนี้ไง )
น่าเวียนหัวนะ

สรุปแล้วผมเชียร์ทั้งสองระบบนะ

[Mr.R]

ระบบแต่งตั้ง หมายถึง ผู้ปกครองมีอำนาจ มีอิทธิพลสูงสุด
เป็นผู้กำหนด ตำแหน่ง งานบริหาร งานผลประโยชน์ ต่าง ๆ
มีการสนองความรู้สึกและต้องการของประชาชนน้อยกว่า สิทธิ์การแต่งตั้งอยู่ที่ผู้ปกครอง แต่เพียงผู้เดียว
เพราะฉะนั้นบุคคลที่อยากได้ตำแหน่งจะต้องเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์ภายใต้อิทธิพลของผู้ปกครอง
หากใครกระด้างกระเดื่องหรือไม่ยอม จะไม่ได้รับการแต่งตั้งเด็ดขาด
ผลประโยชน์ของผู้ปกครองมาก่อน ประชาชนมาทีหลัง
ระบบนี้ จะเห็นว่าความเป็นมนุษย์มีศักดิ์ศรีไม่เท่ากัน ประชาชนเป็นเพียงคนชั้นถูกปกครอง
ซึ่งอยู่ต่ำกว่าผู้ปกครอง เรียกง่าย ๆ ว่า ชนชั้นล่าง


ระบบเลือกตั้ง หมายถึง ประชาชนทุกคน มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกบุคคลหรือคณะบุคคล
เป็นตัวแทนเพื่อเข้าสู่ตำแหน่ง งานบริหาร งานผลประโยชน์ต่าง ๆ
จะคำนึงถึงความรู้สึกและความต้องการของประชาชน
ผลประโยชน์ของประชาชนต้องมาก่อนเสมอ ประชาชนทุกคนมีสิทธิเลือก
มีสิทธิ์เสนอตัวเข้าสู่ตำแหน่งเท่า ๆ กัน
เพราะฉะนั้นบุคคลที่อยากได้ตำแหน่งจะต้องเข้าสู่กระบวนการหาคะแนนหาความนิยมหาการยอมรับจากจากประชาชน
ระบบนี้ จะเห็นว่าความเป็นมนุษย์มีศักดิ์ศรีเท่ากัน ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น
ผู้ที่มีตำแหน่ง มาจากประชาชน โดยอำนาจของประชาชน และทำงานเพื่อประชาชน

การที่มีการอ้างว่าเลือกตั้งเป็นวัฒนธรรมตะวันตก แต่งตั้งวัฒนธรรมตะวันออกนั้น เป็นข้ออ้างของผู้ปกครองที่หวงอำนาจ

ประเทศตะวันตกในอดีต มีระบบหัวหน้าเผ่า ยุคกลางใช้ระบบแต่งตั้งจากราชา และแต่งตั้งศาสนจักร
ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนมาใช้ระบบเลือกตั้ง เพราะความเจริญในเรื่องสิทธิมนุษยชนมีสูง

ปัจจุบันมีประเทศตะวันออกที่ใช้ระบบเลือกตั้ง เช่น เกาหลีใต้ ใต้หวัน ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ติมอร์ มาเลย์เซีย ฯลฯ

[Mr.R]

นักรัฐศาสตร์มักจะพึงพอใจระบบแต่งตั้งมากกว่า
เพราะส่วนหนึ่งของผู้เรียนรัฐศาสตร์ มีเป้าหมายเข้าสู่ตำแหน่ง
ต่าง ๆ ภายใต้ระบบแต่งตั้ง เช่น ตำแหน่งปลัด นายกอำเภอ ผู้ว่าฯ ปลัดกระทรวง หรือตำแหน่งสูงกว่านั้น

คงจะไม่มีนักรัฐศาสตร์คนไหนจะออกมาสนับสนุนระบบการเลือกตั้ง
เพราะอำนาจจากระบบอุปถัมภ์ สิงห์....นั้น สิงห์....นี้ จะลดลงไป

อำนาจของประชาชนจะเข้ามาแทนที่

[Kampoln.ck]

ผมว่าแล้วว่ามันเป็นเหมือนไก่กับไข่อันไหนเกิดก่อนนั่นแหละ เค้าถกกันมานานแต่มันไม่มีข้อยุติแหละ บ้านเมืองเราปกครองด้วยกฎหมาย ซึ่งกฎหมายบอกว่าให้แต่งตั้ง ผู้ว่าฯลฯ และกฎหมายที่ว่านี่แหละ ที่นักเลือกตั้ง อ้าว..พูดผิด ท่าน ส.ส. ที่เราเลือกตั้งมาเป็นผู้ออกกฎหมายขึ้นมา ไม่ใช่ผู้ว่าฯลฯ เป็นคนออกกฎหมายเอง ฉะนั้น อยากให้ประชาชนมีสิทธิ์เลือกผู้ว่าฯลฯ ก็เสนอท่าน ส.ส.ออกกฎหมายมา ก็จบ

อีกอย่าง ผมถือว่าทั้งสองระบบมีจุดดีและจุดด้อยอยู่ด้วยกันนั่นแหละ ขอให้มีระบบตรวจสอบที่เข้มแข็ง บทลงโทษที่เด็ดขาด จะเลือกตั้งหรือแต่งตั้ง ประชาชนอยู่สุขแน่นอน

[boondham]

เอาระบบเดิมเลือกตั้งให้ดีก่อนคิดไว้ไม่เสียหาย

เสนอไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้อง หรือรอให้มีเวทีสาธารณะ

ถ้าระบบเลือกตั้งประชาธิปไตยแบบคนไทยเงินยังซื้อได้ ต่อไปใครมีเงิน

อำนาจคือพระเจ้า

[Mr.R]

เอาระบบเดิมเลือกตั้งให้ดีก่อนคิดไว้ไม่เสียหาย

เสนอไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้อง หรือรอให้มีเวทีสาธารณะ

ถ้าระบบเลือกตั้งประชาธิปไตยแบบคนไทยเงินยังซื้อได้ ต่อไปใครมีเงิน

อำนาจคือพระเจ้า

ถ้าหากประชาชนมี
ความศรัทธา เชื่อมั่น ต่อระบบเลือกตั้ง
แล้วก็สามารถหาข้อสรุปที่ดีต่อการแก้ไขปัญหา
แก้ไขได้ไม่ยาก (ขอย้ำ)

เรื่องเงินซื้อเสียง เรื่องนักการเมืองโกงนั้น ยอมรับว่าเป็นจุดอ่อน
ของระบบเลือกตั้ง แต่ก็แก้ไขได้ไม่ยาก
คือการบังคับใช้กฏหมายป้องกันแก้ไขต้องรุนแรงและเด็ดขาด
เหมือนในประเทศมาเลย์เซีย

ถ้าหากไม่สร้างระบบการเลือกตั้งให้เข็มแข็งแล้ว
การปกครองก็จะอยู่ภายใต้ระบบการแต่งตั้งของคนไม่กี่คน
กำหนดทิศทางชะตาชีวิตของคนทั้งประเทศ

ซึ่งกลุ่มคนที่มีอำนาจและอาศัยระบบแต่งตั้งนี้ก็จะไม่พึงพอใจกับระบบ
การเลือกตั้งที่
เข็มแข็งเพราะจะสูญเสียอำนาจไปนั่นเอง.