เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 เมษายน 2024, 04:45:48
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  งานบ้านงานครัว คลีนิค ถามหมอ เรื่องสุขภาพ (ผู้ดูแล: แชทซาโนย่า กอยุ่ง~*-., ©®*)
| | |-+  สาระน่ารู้เกี่ยวกับหนังศีรษะและเส้นผม (เรื่องโภชนาการ upd 20/12/13)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน สาระน่ารู้เกี่ยวกับหนังศีรษะและเส้นผม (เรื่องโภชนาการ upd 20/12/13)  (อ่าน 7395 ครั้ง)
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« เมื่อ: วันที่ 05 มิถุนายน 2013, 01:47:24 »

ขออนุญาตแชร์เรื่องราวของสาเหตุที่ทำให้หนังศีรษะและเส้นผมไม่ดีนะครับ  เพื่อให้ทุกท่านสามารถตั้งรับและป้องกันก่อนจะสายเกินแก้

เมื่อรวบรวมและจัดทำข้อมูลในแต่ละสัปดาห์เสร็จ ผมจะลงมาแชร์ในนี้ด้วย เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกท่านได้ทราบถึงข้อดีข้อเสียของพฤติกรรมที่เราทำกับหนังศีรษะและเส้นผมครับ

คัดลอกมาจากบทความ "เรื่องของผม"

ลง 4/6/13
1. ดินกับผิว



ลง 5/6/13
2. สาเหตุที่ทำให้ผมเสีย


3. ผลของการสระผมบ่อย และสระผมหลัง 6 โมงเย็น

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 20 ธันวาคม 2013, 10:31:35 โดย chantorn » IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 09 มิถุนายน 2013, 13:59:06 »

"เรื่องของผม" ตอนล่าสุด 'ข้อเสียของการใช้ครีมนวดผม'



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 พฤศจิกายน 2013, 10:32:00 โดย chantorn » IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 11 มิถุนายน 2013, 18:59:01 »

เกร็ดประจำวัน (11/6/13)

สมุนไพรที่นิยมใช้ปิดผมขาว "เฮนน่า"


เฮนน่าเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง ลักษณะของต้นเฮนน่าเป็นไม้พุ่มใบเขียว ดอกสีขาวกลิ่นหอม เป็นพืชตระกูลลีทราซี (Lythraceae) หรือตระกูล “เทียน” มีชื่อทางพฤกษศาตร์ว่า Lawsonia inermis มีชื่อแบบไทยๆ หลายชื่อ เช่น เทียนขาว เทียนต้น เทียนกิ่ง เทียนไม้ เทียนย้อม เป็นต้น ส่วนที่ใช้ คือ ใบเพสลาด (ใบไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป) ใช้เป็นสีย้อมผมแบบกึ่งถาวร ให้สีน้ำตาลเข้มออกแดง เฮนน่ามีสารกลุ่ม naphthoquinone ชื่อ “ลอโซน” (Lawsone, 2-hydroxy-1, 4-naphthoquinone) ซึ่งมีความปลอดภัย เนื่องจากสารนี้ สามารถจับกับเคอราติน (สารที่เคลือบเส้นผม)ได้ โดยส่วนใหญ่จะเคลือบอยู่บนเส้นผม จึงไม่ทำลายโครงสร้างของเส้นผม ไม่มีพิษ ไม่ทำให้ระคายเคือง และไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์หรือไม่ก่อมะเร็ง เฮนน่าจึงสามารถใช้ได้ดีกับการเคลือบผมขาวโดยไม่ทำร้ายเส้นผม เฮนน่าจะช่วยย้อมผมขาวให้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล โทนสีที่ได้จะแตกต่างกันไปแล้วแต่สภาพเส้นผมของแต่ละบุคคล นอกจากเฮนน่าจะเปลี่ยนสีผมแล้ว ยังช่วยปกป้องเส้นผมจากแสงแดด และฝุ่นผงในอากาศได้ เฮนน่าที่เคลือบอยู่บนเส้นผมจะทำให้ผมเป็นสีน้ำตาลแดง เป็นเงางาม มีน้ำหนัก สปริงตัวได้ดีเป็นธรรมชาติ และแก้ผมแตกปลายไปในตัวด้วย เมื่อใช้เป็นประจำเฮนน่ายังจะช่วยบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะให้มีสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน

สีที่ได้มาจากผลิตภัณฑ์เฮนน่าแท้ที่ไม่ได้เจือปนสีเคมีย้อมผมจะเป็นสีโทนน้ำตาลเข้มถึงน้ำตาลแดงแล้วแต่สภาพเส้นผมของแต่ละบุคคล แต่จะกำหนดให้แน่นอนไม่ได้ การจะกำหนดสีให้แน่นอนจำเป็นต้องพึ่งเคมีเท่านั้น ควรใช้ข้อสังเกตนี้ประกอบการวิเคราะห์ดูว่าผลิตภัณฑ์เฮนน่าใดเป็นสมุนไพรล้วนหรือไม่ใช่ ถึงแม้จะกำหนดสีตายตัวไม่ได้ แต่ก็สามารถเติมสมุนไพรอื่น เช่น อัญชัน กะเม็ง บัวบก มะขามป้อมลงไปเพื่อที่จะทำให้ได้โทนสีที่แปลกออกไป ซึ่งมะมาเฮิร์บมีสมุนไพรอื่น ๆ เติมลงไปเพื่อเปลี่ยนโทนสีและดูแลหนังศีรษะไปด้วย

การหมักเฮนน่าทิ้งไว้บนศีรษะเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สารสำคัญตกผลึกและทำหน้าที่ได้สมบูรณ์ ส่วนการจะย้อมผมให้เสร็จเร็วทันใจในเวลาอันสั้นยังคงต้องพึ่งเคมีเท่านั้น

เฮนน่าไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองและอาการแพ้ ไม่มีความเป็นพิษที่ผิวหนัง และระบบภายในร่างกาย เฮนน่าใช้สำหรับย้อมผมเท่านั้น ห้ามใช้กับหนังศีรษะที่เป็นแผล ห้ามใช้ย้อมขนตา ขนคิ้ว หรือ รอบดวงตา แต่ขณะนี้พบว่ามีการลักลอบเติมสาร p-phenylenediamine (PPD) หรือพีพีดี ลงในเฮนน่า เพื่อให้มีสีเข้มขึ้น และสีติดทนนาน โดยเรียกกันว่า แบล็กเฮนน่า (Black Henna) หรือบลูเฮนน่า (Blue Henna) ซึ่งสารดังกล่าวจัดเป็นสารเคมีที่มีความเสี่ยงสูง อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ และที่สำคัญ คือ ถ้านำไปย้อมขนคิ้วหรือขนตาหากเข้าตาอาจเป็นอันตรายถึงขั้นตาบอดได้

ผลิตภัณฑ์แบล็กเฮนน่ามีสองรูปแบบ    
ชนิดแรกเป็นเอนน่าผสมครามหรือครามล้วน ๆ ครามได้จากพืชซึ่งไม่เป็นอันตรายที่จะใช้ย้อมผมแต่ไม่มีสารเหมือนเฮนน่าที่จะเคลือบอยู่บนเส้นผม ผลิตภัณฑ์นี้จะมีสีเขียวและกลิ่นเหมือนถั่วเน่า ถ้าละลายน้ำจะเห็นเป็นฝ้าสีน้ำเงินบนผิว หรือถ้าหยดบนกระดาษจะเห็นเป็นสีน้ำเงิน

ชนิดที่สองคือเฮนน่าที่ผสมสารพีพีดีลงไปที่ อย. ห้ามใช้ จะเห็นเป็นผงสีดำหรือสีน้ำตาล ถ้าผสมกับน้ำจะเป็นสีน้ำตาลหรือสีดำ

*** ดังนั้นการก่อนที่จะเลือกให้เฮนน่า ควรศึกษาให้ดีก่อน เฮนน่าที่สามารถปิดผมขาวได้ดีตั้งแต่ครั้งแรก และทนนาน ส่วนใหญ่จะผสมสารเคมีทั้งสิ้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 11:29:38 โดย chantorn » IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 13 มิถุนายน 2013, 12:25:58 »

หลายท่านอยากทราบเหลือเกินว่า สรุปแล้วมีอะไรบ้างที่เป็นสาเหตุทำให้ผมให้ผมร่วง ผมบาง และผมขาว   ผมเลยขอทำสรุปคร่าวๆ ไว้ก่อนเพื่อให้เข้าใจหลักการ ซึ่งมีอยู่ 3 สาเหตุหลักๆ

1. สระผมบ่อย
     แชมพู คือส่วนสำคัญที่จะทยอยให้หนังศีรษะค่อยๆ เสียไป เนื่องจาก สารชำระล้างในแชมพูมีค่า ph เป็นด่าง ซึ่งนอกจากจะชะล้างสิ่งสกปรกแล้ว มันยังเอาน้ำมันที่เคลือบอยู่บนผนังผิวและเส้นผมออกไปด้วย ดังนั้นเมื่อน้ำมันที่มีหน้าที่สร้างความชุ่มชื้นและป้องกันสิ่งสกปรกถูกขจัดออกไป ร่างกายก็จะดึงน้ำมันหรือชั้นขึ้ผึ้งใต้ผิวขึ้นมาใหม่ ยิ่งคุณสระผมบ่อยเท่าไหร่ คุณก็จะรู้สึกว่าผมคุณมันเร็วขึ้น และเมื่อสระผมอีก คุณก็จะสูญเสียน้ำมันไปมาก จนร่างกายผลิตชดเชยไม่ทัน และเมื่อชั้นใต้ผิวบางลงก็จะไปดึงน้ำมันในต่อมไขมันตรงรากผมออกมาแทน หากเป็นเช่นนี้นานๆ นอกจากชั้นใต้ผิวจะบางมากจนทำให้เส้นผมยึดเกาะได้ไม่ดีแล้ว ตัวรากผมเองก็ไม่แข็งแรง สุดท้ายผมก็จะร่วงจนผมบางมากขึ้น แต่หากคุณงดการสระผมบ่อยได้ ร่างกายจะดึงน้ำมันกลับไปใต้ผิวเองตามธรรมชาติ

2. การสระผมหลัง 6 โมงเย็น
     เป็นการสร้างความชื้นให้กับชั้นใต้ผิว ถึงแม้ว่าคุณจะใช้การเป่าผมมาช่วยก็ตาม ผิวด้านนอกแห้งจริง แต่ชั้นใต้ผิวยังไม่แห้ง ประกอบกับในช่วงเย็นและหัวค่ำมีความชื้นในบรรยากาศมาก ทำให้การระบายความชื้นในชั้นใต้ผิวเป็นไปได้ช้า เมื่อถึงเวลานอนจะมีการกดทับของหนังศีรษะ ยิ่งทำให้ชั้นใต้ผิวแห้งยากเข้าไปอีก จะก่อให้เกิดการอับชื้นและเชื้อราในชั้นใต้ผิว (สังเกตุได้ว่าคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้จะมีรังแคแบบเป็นขุ่ยผง) นอกจากนั้นยังสร้างบรรยากาศให้ "ตัวไร" เจริญเติบโตได้ดี คุณจะรู้สึกคัน (ตัวไร คือปรสิตที่มีอยู่คนทุกคน แต่ถ้ามีมากจนเกินไป ก็จะเกิดผลเสียได้) ตัวไร จะอาศัยอยู่ในรูขุมขน อาหารที่ชอบคือ น้ำมันจากรากผม ดังนั้นเมื่อรากผมถูกดูดน้ำมันออก แน่นอนว่าการยึดเกาะของเส้นผมก็จะแย่ตามไปด้วย (ตัวไร มีอายุประมาณ 7-10 วัน ออกไข่ประมาณ 24 ฟอง และจะออกเป็นตัวได้ประมาณ 10 ตัวต่อการออกไข่ 1 ชุด) เมื่อศีรษะมีตัวไรมาก โอกาสที่ผมร่วงก็จะมีสูงตามไปด้วย รังแคที่เกิดจากการขับของเสียและซากเมื่อตายของตัวไร จะเป็นแผ่นหนาๆ สีออกเหลืองๆ เกาะอยู่ตามหนังศีรษะ

3. การใช้สารเคมี
        ทั้งแต่แชมพู ครีมนวดผม เจล แว๊กซ์ สเปรย์ ที่หนักกว่านั้นก็คือสารเคมีที่ให้สำหรับการเปลี่ยนสีผม (โกรกย้อม) การดัดผม และการยืดผม  3 อันหลังนี้ถือว่าหนักมาก สารเคมีช่วยให้ได้ผลอย่างที่เราต้องการจริง (ทั้งการโกรก การดัด การย้อม) แต่ทว่า มันก็ไปทำร้ายชั้นผิวและเส้นผมอย่างหนัก ทำไปนานๆ ผิวหนังจะเกิดการอักเสบ บางคนทำจนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองมีผมร่วงเป็นจุดกลมๆ รอบศีรษะ บางคนถึงขนาดแพ้จนผมร่วงหมด โดยเฉพาะการทำสีผม บางคนเสพติดกับการทำสี เพราะชื่นชอบบ้าง หรือเพื่อปิดผมขาวบ้าง ถ้าสังเกตุดีดีจะพบว่า คนเหล่านี้จะทำสีบ่อยขึ้น (สารเคมีเข้าไปทำลายเซลสีผม ทำให้เกิดผมขาว) เพราะเขาจะรู้สึกว่าผมขาวเร็วขึ้น แต่หารู้ไม่ว่ายิ่งเน้นการทำร้ายหนังศีรษะเป็นอย่างมาก  อาการที่จะสังเกตุว่าหนังศีรษะแย่หรือยังคือ คุณจะรู้สึกแสบเมื่อโดนน้ำ หรือเมื่อโดนน้ำยา รังแคที่เกิดขึ้นจะเป็นแผ่นบางๆ สีขาวๆ

ทั้ง 3 พฤติกรรมนี้เป็นต้นเหตุที่ทำร้ายสมดุลธรรมชาติของหนังศรีษะและเส้นผมให้เสียไป คุณผู้อ่านเป็นแบบไหนครับ ถ้าทำอยู่ ก็ควรปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ แค่สระผมให้น้อยลง หลีกเลี่ยงการให้ศีรษะ-เส้นผมโดนน้ำหลัง 6 โมงเย็น และงดใช้สารเคมีที่จะทำร้ายผิวทุกชนิด ก็จะช่วยชะลอผลร้ายที่เกิดกับหนังศีรษะและเส้นผมได้แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 13 มิถุนายน 2013, 12:57:33 โดย chantorn » IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 22 มิถุนายน 2013, 16:07:25 »

เรื่อง "ผมร่วง ธรรมชาติที่ทุกคนต้องมี" จะทำการเรียบเรียงใหม่อีกครั้งครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 มิถุนายน 2013, 00:18:39 โดย chantorn » IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 02 กรกฎาคม 2013, 17:06:27 »

upd เรื่อง "ตัวไรมนุษย์" ตัวการที่ทำให้เราคันศีรษะและผมร่วงครับ










« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 พฤศจิกายน 2013, 10:34:48 โดย chantorn » IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 08 สิงหาคม 2013, 10:55:00 »

ต้องขออภัยที่ห่างหายไปนานนะครับ
วันนี้จะเป็นเกร็ดเล็กน้อยสำหรับคุณผู้หญิงที่ผมยาว ที่ชอบปล่อยผมในช่วงที่นอน ระวังไว้นะครับ.....

เพราะการปล่อยผมเวลานอนโดยเฉพาะสาวผมยาว อาจจะทำให้ผมเสียโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากในระหว่างที่เรานอนนั้นผมอาจจะเสียดสีกับหมอนหรือลงมาคลอเคลียบ่า ก่อนที่คุณจะนอนทับมันไปมา แล้วมันจะถูกดึงให้ขาดร่วงโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหานี้ หลังจากที่คุณวางศีรษะลงบนหมอนและช้อนผมขึ้นไปไว้ด้านบนแล้ว ควรรวบผมหลวม ๆ บริเวณกลางเรือนผมเพื่อป้องกันผมพันกันระหว่างนอนด้วยครับ

เราจะได้หลับสบายโดยไม่มีผมร่วง
IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 04 กันยายน 2013, 09:48:26 »

7 วิธีการดูแลเส้นผมที่ผิด

1. สระผมบ่อย สารชำระล้างในแชมพูจะไปล้างน้ำมันที่เคลือบผิวหนังศีรษะและเส้นผมออกไป ทำให้ร่างกายต้องทำงานหนักในการผลิตน้ำมันเพื่อมาล่อเลี้ยงผิวเพิ่มมากขึ้น  ฉะนั้น ควรสระผมให้น้อยลงพยายามทำให้ได้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่ถ้าช่วงแรกยังทำไม่ได้  ให้ใช้วิธีค่อยเป็นค่อยไป อาจเริ่มที่ 3 วันครั้ง แล้วค่อยๆ เพิ่มจำนวนวันขึ้น  ถ้าทำได้ อาการผมร่วงจะลดลง และควรงดการสระผมหลัง 6 โมงเย็นอีกด้วย

2. การใช้ครีมนวดผม เพราะสารเคมีในครีมนวดผม “ซิลิโคน” จะไปเคลือบที่หนังศีรษะและเส้นผม ทำให้ไม่สามารถระบายของเสียออกมาได้ เมื่อใช้ไปนานๆ จะเกิดการอุดตัน และผิวอักเสบ นอกจากนั้น คนที่มีเส้นผมใหญ่ หากใช้ครีมนวดผมไปนานๆ จะทำให้เส้นผมมีขนาดเล็กลงได้

3. ไม่ค่อยเล็มผม การเล็มผม เป็นการเอาปลายผมที่เสียและแตกปลายออก เพื่อให้ผมสามารถยาวได้อีกเพราะปลายผมที่แตกหรือเสียไปนั้น จะยาวขึ้นได้ยาก และยังกำจัดสารเคมีที่สะสมอยู่ปลายผม ทำให้ไม่เกิดอาการระเคืองต่อบริเวณหลังและคอ

4. หวีผมตอนเปียก เส้นผมจะอ่อนแอนมาที่สุด คือตอนที่เส้นผมเปียกการหวีผมตอนนี้ จะทำให้เส้นผมที่ไม่แข็งแรงอยู่แล้ว หลุดร่วงได้ง่ายมากขึ้นควรทิ้งให้เส้นผมหมาดๆ หรือแห้งเกือบสนิท แล้วค่อยหวีผม

5. หวีผมบ่อย จะทำให้เส้นผมขาด ร่วง และแตกปลายได้ง่าย  ดังนั้น เราควรหวีผมตามความจำเป็นอย่าบ่อยจนเกินไป

6. การใช้อุปกรณ์ทำผมบ่อยหรือเยอะเกินไป หลายคนนอกจากไดร์ผมเสร็จเรียบร้อย ก็ยังใช้ที่หนีบผมตรงหรือที่ทำเกลียวผม เพื่อแต่งทรงผมให้สวยงาม แต่ความร้อนทั้งจากไดร์ หรือจากอุปกรณ์ต่างๆ นั้น จะทำให้ผมแห้งเสีย ขาดความชุ่มชื้น  สุดท้ายเส้นผมจะเปราะบางและขาดร่วงได้ง่าย

7. การใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีสารเคมีมากเกินไป  เราไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผมที่ใช้กันอยู่นั้นมีสารเคมีมากน้อยขนาดไหน ยิ่งถ้าใช้เยอะเพราะคิดว่ายิ่งมากยิ่งดี มันก็จะยิ่งทำให้เส้นผมและหนังศีรษะเกิดการอุดตันหมักหมม  ไม่มีอะไรที่ใช้เยอะแล้วจะดี  และก่อให้เกิดผลเสียไปโดยเปล่าประโยชน์  ควรเลิกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเคมีและไม่ใช้มากจนเกินไป เป็นหนทางที่ดีที่สุด
IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 28 พฤศจิกายน 2013, 10:40:19 »

ผลเสียของการใช้สารเคมี กับหนังศีรษะและเส้นผม ที่อาจนึกไม่ถึง  แต่ทั้งนี้ ผลเสียที่จะเกิดขึ้นนั้น ขึ้นกับปริมาณและความเข้มข้น หรือความถี่ที่ใช้ด้วยนะครับ


IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 20 ธันวาคม 2013, 10:30:49 »

กลุ่มอาหารที่คนผมร่วงไม่ควรยุ่งเกี่ยว มีทั้งหมด 6 กลุ่ม ดังนี้


รายละเอียดโดยสังเขป
1. ไขมัน : อาหารที่มีไขมัน ร่างกายจะนำเอาไปสร้างชั้นไขมันมากขึ้น คนที่มีผมเส้นเล็กจะร่วงได้ง่าย  ส่วนไขมันที่มาจากเนื้อสัตว์ จะไปเพิ่มระดับของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งจะทำให้ผมร่วงมากขึ้น

2. ผงชูรส : จะทำให้ร่างกายดูดซึมวิตามินได้น้อยลง โดยเฉพาะวิตามินบี 6 ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมเป็นอย่างมาก (วิตามินบี 6 ช่วยรักษาสภาพผิวหนัง รวมถึงหนังศีรษะด้วย)

3. เกลือ : ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง เส้นเลือดหดตัว เลือดไปเลี้ยงรากผมได้น้อยลง

4. อาหารขัดขาว : คุณค่าของสารอาหารที่เคลือบอยู่ชั้นนอก ถูกเอาออกไป โดยเฉพาะวิตามิน

5. คาเฟอีน : ทำให้เส้นเลือดหดตัว สารอาหารต่างๆ ถูกส่งไปล่อเลี้ยงหนังศีรษะและเส้นผมได้ไม่เต็มที่

6. แอลกอฮอล์ : ทำให้เกิดภาวะเส้นเลือดหดตัว ทำให้แก่เร็ว เส้นผมเสื่อมสภาพเร็ว

ปัจจัยที่ทำให้ผมร่วงมีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพันธุกรรม ฮอร์โมน ความเครียด การใช้เคมีในรูปแบบต่างๆ (ยา และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเส้นผม หรือเคมีบำบัด) โรคที่เกี่ยวกับหนังศีรษะ  

และอีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ "การบริโภค"  ซึ่งมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เฉพาะแค่หนังศีรษะและเส้นผมเท่านั้น แต่เกี่ยวกับทุกระบบของร่างกาย เหมือนที่หลายๆ คนมักพูดว่า "ควรให้ดีจากภายในสู่ภายนอก"  หลักง่ายๆ คือ อะไรก็ตามที่รับประทานไปแล้ว ไม่ก่อประโยชน์ต่อร่างกาย อันนั้นแหละ มันก็จะทำให้หนังศีรษะและเส้นผมไม่ดีตามไปด้วย สำหรับท่านที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง อาจต้องดูแลพฤติกรรมการบริโภคให้เข้มงวดกว่าคนทั่วไป และเน้นกลุ่มอาหารที่มีประโยชน์ต่อการปัองกันและเสริมสร้างให้สุขภาพของหนังศีรษะ-เส้นผมดีให้มากขึ้น (คราวหน้าจะนำเรื่องราวของกลุ่มอาหารที่ช่วยฟื้นฟูหนังศีรษะ-เส้น มาแชร์ครับ)

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก กระปุกดอทคอม,ผู้จัดการออนไลน์,พันทิปดอทคอม (ขออภัยที่ไม่ได้ใส่เครดิตโดยละเอียดครับ เพราะตอนหาข้อมูลมันเยอะมาก บางส่วนจึงลืมเก็บเอาไว้)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 20 ธันวาคม 2013, 10:33:29 โดย chantorn » IP : บันทึกการเข้า
Mangpor^ 0 ^
มัธยม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 884


อดีตคือการเรียนรู้ ปัจจุบันคือทำสิ่งที่ดีที่สุด


« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 25 ธันวาคม 2013, 19:12:20 »

โหห ..คงจิงมากค่ะ
ทำงานเลิก 5 โมงครึ่ง (ตอนเย็ฯ) กลับถึงหอก็ 6 โมงเย็นแล้วสระผมก็6 โมงครึ่ง
กว่าจะแห้งก็เป่าผมอีก เกือบ 20 นาที กว่าจะแห้งอีกนะคะ
และสระผมทุกวัน ผมหล่นทุกคร้ง และใช้ครีมนวดผมด้วย
IP : บันทึกการเข้า
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 27 ธันวาคม 2013, 10:47:57 »

ค่อยๆ ปรับเปลี่ยนวิธีการสระผมดูครับ ค่อยๆ ลดครีมนวดผม อย่างน้อยก็จะช่วยให้ลดอาการผมร่วงได้บ้างครับ
IP : บันทึกการเข้า
mikijung
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,444


คนที่จะประสบความสำเร็จ....ต้องมีเป้าหมายเสมอ


« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 02 มกราคม 2014, 10:58:49 »

ปกติจะสระผมวันเว้นวัน เพราะเวลาผมมันจะทำให้ผมร่วงง่าย วันนี้ลองวันที่ 2 แล้วที่ไม่สระผม ผมมันมากกค่ะ แล้วตอนหวีก็ร่วงด้วย ทำไงยังไงดีคะ....
IP : บันทึกการเข้า

คิดดี ทำดี แล้วทุกอย่างจะดีเอง ^_______^
chantorn
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 144


« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 03 มกราคม 2014, 14:41:59 »

คนที่สระผมบ่อย ร่างกายจะดึงน้ำมันขึ้นมาทดแทนที่หายไปจากการสระผมครับ และจะผลิตมากขึ้น ยิ่งสระผม มันก็จะยิ่งมัน ผมร่วงง่าย เพราะการยึดเกาะของรากผมไม่ดี (เหมือนรากต้นไม้ที่ยึดเกาะดิน ถ้าดินไม่ดี มันก็ยึดเกาะได้ยาก)

อย่าสระผมด้วยน้ำอุ่น สระผมให้น้อยลงและอย่าสระหลัง 6 โมงเย็น ช่วงที่ลดการสระผม แรกๆ จะมันมาก ต้องอดทนครับ พอร่างกายปรับตัวได้ความมันจะลดลง  แต่หากต้องการหยุดเรื่องผมร่วง นอกจากการปฏิบัติตัวเรื่องการสระผมแล้ว อาจต้องหาสมุนไพร มาช่วยด้วย แนะนำอย่าใช้อะไรที่มีส่วนผสมของเคมี เพราะมันอาจเห็นผลในช่วงแรก แต่ระยะยาวมันจะไม่เป็นผลดีกับสภาพหนังศีรษะครับ แต่หลักการใช้สมุนไพรของมะมาเฮิร์บ เรามีขั้นตอนบางอย่างอยู่ สามารถโทรมาสอบถามได้ครับ (เพราะบอร์ดนี้เน้นการแชร์ข้อมูล อาจไม่สะดวกเรื่องการให้บริการของศูนย์ฯ   ต้องขออภัยด้วยนะครับ)

ลองปรับพฤติกรรมการสระผมแบบข้างต้น  แต่ช่วงแรกต้องอดทนหน่อยนะครับ  พอทำไปสักพักเมื่อร่างกายปรับตัวได้ ความมันจะลดลงไปเองครับ
IP : บันทึกการเข้า
mikijung
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,444


คนที่จะประสบความสำเร็จ....ต้องมีเป้าหมายเสมอ


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 04 มกราคม 2014, 18:07:37 »

ขอบคุณมากนะคะ  ยิ้มกว้างๆ
IP : บันทึกการเข้า

คิดดี ทำดี แล้วทุกอย่างจะดีเอง ^_______^
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!