เมื่อวันที่ 1 พ.ค.56 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่า ขบวนการสวมรอยบุญ หรือแก๊งเรี่ยไร ยังคงเข้ามาอาละวาดหากิน โดยใช้ศาสนามาบังหน้าหาเงินโดยไม่เกรงกลัวขุมนรกอเวจี ไม่ละอายต่อบาปกรรม โดยทำให้ประชาชนชาว จ.เชียงราย ถึงขั้นต้องแจ้งตำรวจ และเจ้าหน้าที่เทศกิจนครเชียงราย เข้าทำการจับกุมกลุ่มมารศาสนา ที่มีเข้ามาไม่ต่ำกว่า 5 กลุ่ม ซึ่งจะเป็นคนหน้าเดิม วนเวียนผลัดเปลี่ยนอ้างชื่อวัดแต่ละแห่งทางภาคเหนือ และทางภาคอีสาน เข้ามาสวมรอยหากิน เช่น การเรี่ยไรทำบุญสร้างอุโบสถ สร้างวิหาร สร้างพระพุทธรูป แต่ในความเป็นจริง เมื่อตรวจสอบไปตามรายชื่อวัดที่ถูกอ้าง กลับไม่พบว่ามีการทำกิจกรรมทางศาสนาแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าว พบด้วยว่าแก๊งเรี่ยไรกลุ่มใหญ่ ที่หากินทั่วภาคเหนือ มาจาก อ.วังเหนือ จ.ลำปาง มากันเป็นขบวนการ โดยมีหัวหน้าแก๊ง เป็นเจ้าของรถยนต์กระบะ จ้างพระสงฆ์จริงบ้าง บางครั้งก็จะมีการให้คนหัวโล้นปลอมตัวใส่จีวร สวมรอยเป็นพระ มานั่งในขบวนรถเรี่ยไร เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เพิ่มความจริงในการเร่ขอทำบุญ โดยในรถ 1 คัน จะมีหญิงชาย ที่มาเดินถือขัน เร่ขอทำบุญ ประมาณ 7-8 คน สวมหมวกกันแดด แต่จะเป็นคนหน้าเดิมๆ เมื่อทุกฝ่ายตกลงเรื่องค่าจ้าง ค่าตอบแทน ค่าน้ำมันรถกันแล้ว ก็จะออกรถแต่ละครั้ง หมุนเวียนไปตามจังหวัดเป้าหมาย เช่น เชียงราย เชียงใหม่
"โดยวิธีการเรี่ยไร จะมีการตั้งกองกฐิน กองผ้าป่าบนรถ มีการจัดพิมพ์ซองผ้าป่าขึ้นมา ซึ่งทำกันเอง โดยใช้เครื่องพิวเตอร์ บางครั้งก็จะใช้ป้ายผ้า เปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆ โดยให้หญิงชาย เดินเร่ ถือขันขอเงิน ซึ่งการมาแต่ละครั้งจะได้เงินไม่ต่ำกว่า 5-6 พันบาท อยู่ที่ชุมชน หากเป็นย่านการค้า มีชาวบ้านหลงเชื่อก็จะได้เงินทำบุญมาถึง 10,000 บาท ทำให้ขบวนการกลุ่มดังกล่าว เร่ขอเงินในพื้นที่นานร่วมสัปดาห์ ก่อนจะกลับไปยัง อ.วังเหนือ เพื่อเปลี่ยนคนไม่ให้ซ้ำหน้า กลับเข้ามา โดยใช้ชื่อวัดแห่งใหม่ และพระคนอื่น มาแทน แต่ละคนจะมีรายได้ไม่ตำ่ำกว่า 5-6 พันบาท ต่อ 1 สัปดาห์ มากกว่าการไปรับจ้างทำงานอื่นๆ เป็นเหตุผลทำให้ขบวนการทั้งหมด เดินหน้าหากินดดยไม่สนเรื่องบาปกรรม"
ด้านเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครเชียงราย เผยด้วยว่า กลุ่มที่มาเรี่ยไร ระยะหลังรู้ว่า การเรี่ยไรผิดกฏหมาย หลายแห่งมีการจับกุมเข้ม หากไม่มีหนังสือการขออนุญาตมาแสดง ทำให้กลุ่มคนพวกนี้ เพิ่มความแนบเนียนขึ้นไปอีก มีการจ้างวานสมาชิกสภาเทศบาล (ส.ท.) ส.อบต. อดีตผู้ใหญ่บ้าน พระจริงและพระปลอม มาร่วมในขบวน เวลาเข้ามาในพื้นที่เชียงราย ก็จะอ้างตัว เพื่อให้น่าเชื่อถือ ไม่ให้ถูกจับกุม แต่เจ้าหน้าที่เทศกิจ จำหน้าได้หมด มีการจับกมุตัวไปเปรียบเทียบปรับ ดำเนินคดีหลายรายแล้ว พฤติกรรมเรี่ยไรโดยคนหน้าเดิมๆ ถือว่าเข้าข่ายหลอกลวง เจอทุกครั้งจะจับทุกครั้ง.
แหล่งที่มาจาก
http://maesainewsonline.com/index.php?main=read&id=604&CID=10