และมีบทความหนึ่งที่อยากให้ทำความเข้าใจ
เป็นไฟที่มักจะเรียกกันสั้น ๆ ซึ่งชื่อเต็มจริง ๆ คือ Daytime Running Light หรือจะเขียนย่อ ๆ คือ DRL ไฟ DRL นั้นเป็นไฟที่เริ่มมีความนิยมใช้กันมากขึ้น อาจจะเพราะความสวยงาม แต่จริง ๆ แล้ววัตถุประสงค์ของไฟ DRL นั้น
ถ้าแปลกันตามตัวคือ ไฟที่เปิดใช้งานในเวลากลางวัน ซึ่งไฟลักษณะดังกล่าวนั้น จะช่วยแจ้ง หรือเตือนให้รถคันอื่น ๆ จะเห็นรถของเราได้ง่ายขึ้นจากไฟ DRL โดยไฟ DRL นั้นจะต้องมีความความสว่างมากเพียงพอที่จะทำให้รถคันอื่น ๆ เห็น
และต้องเปิดตลอดเวลาในช่วงเวลากลางวัน แต่เดิมนั้นไฟ DRL จะเป็นไฟอะไรก็ได้ ที่จะช่วยให้รถคันอื่นเห็นรถของเราได้ง่ายขึ้น แต่ต้องไม่สร้างความรำคาญ หรือรบกวนสายตาของรถคันอื่น ๆ จึงนิยมใช้เป็นไฟสีเหลือง(อัมพัน)
แต่ด้วยความสวยงามและความคุ้มค่าทั้งเรื่องความสว่างและกินพลังงานจึงนิยมใช้เป็นไฟ LED ที่กินไฟน้อยแต่ให้ความสว่างได้สูง ในต่างประเทศทางฝั่งยุโรปนั้น
ได้ออกเป็นกฎหมายให้รถทุกคันติดตั้งไฟ DRL เพื่อช่วยในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น เช่นเดี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ที่ให้เปิดไฟตลอดทั่งกลางวัน และกลางคืนเช่นกัน
สำหรับรถยนต์ที่ออกแบบมาให้มีระบบไฟ DRL แล้วนั้น รถยนต์จะมีไฟที่มีสวิทช์เปิดอัตโนมัติ เมื่อเครื่องยนต์ถูกสตาร์ท โดยในช่วงกลางคืน ผู้ขับจะต้องเปิดสวิทช์ไฟขับด้วยมือ และระบบ DRL จะปิดเองโดยอัตโนมัติ
เนื่องจากเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการรบกวน ผู้ขับรถคันอื่น ๆ เพราะไฟ DRL จะเป็นไฟที่มีความสว่างสูงจึงทำให้แยงตาคันอื่นได้ หากใช้ในเวลากลางคืนหรือ ในที่ร่ม
ประโยชน์หลัก ๆ ของการใช้ไฟ DRL คือ สามารถเพิ่มทัศนวิสัยการมองเห็นแก่รถคันอื่น และช่วยเพิ่มความปลอดภัย ลดภาพลวงตา และภาพสะท้อน (Highway Mirage) แม้แต่การวิ่งใต้เงาร่มไม้
หรือลอดใต้อุโมงค์ DRL ก็จะช่วยให้รถยนต์ที่วิ่งสวนมาสามารถมองเห็นกันได้ในระยะไกล
ที่มา
http://tepthecruze.blogspot.com/2012/12/daytime-running-light.html#!/2012/12/daytime-running-light.html