การดำหัวตามวิถีล้านนา ...
การดำหัวต่อผู้หลักผู้ใหญ่ในวิถีล้านนาที่ถูกต้อง เนื่องจากปัจจุบันเรานำวิถีของทางภาคกลางมาผสมผสานจนออกมากลืนวิถีแห่งล้านนาอย่างผิดวิธี และหลักความเชื่อในแบบล้านนา
ก่อนอื่นก็ต้องรู้จักคำว่า "ดำหัว" กันเสียก่อน คำว่าดำหัวนั้นไม่ได้หมายถึงให้เอาหัวไปดำในน้ำ หรือรดน้ำให้หัวเปียกชุ่มเหมือนคนดำน้ำนะครับ !!! ความจริงแล้วคำว่า "ดำหัว" หมายถึง"สระผม" หรือ "พิธีแสดงความเคารพผู้มีอาวุโสหรือผู้มีบุญคุณ ในประเพณีสงกรานต์" (อ้างจาก พจนานุกรมล้านนาไทยฉบับแม่ฟ้าหลวงหน้าที่ 444) (ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ . ศ . 2542 หน้าที่ 405 ให้ความหมายว่า เป็นประเพณีทางภาคเหนือซึ่งกระทำในวันปีใหม่ เพื่อเป็นการแสดงความเคารพนับถือและรักใคร่ และยังอธิบายต่ออีกว่า วิธีดำหัวคือเอาสิ่งของและน้ำที่ใส่เครื่องหอมเช่นน้ำอบไทยไปให้แก่ผู้ที่ เคารพและขอให้ท่านรดน้ำใส่หัวของตนให้อยู่เย็นเป็นสุข)
ในพิธีการดำหัวของคนล้านนาก็ต้องตระเตรียมขันสลุง(ขันเงิน) ภายในมีน้ำขมิ้นซอมป่อย(ส้มป่อย) และจะลอยด้วย ดอกไม้ ให้สวยงามก็สามารถทำได้ (ส่วนน้ำอบน้ำปรุงนั้นเป็นของคนภาคกลาง) แล้วนำไปเคารพสักการะต่อผู้อาวุโสในครอบครัว หรือผู้หลักผู้ใหญ่ที่เราเคารพนับถือ ผู้มีบุญคุณโดยเฉพาะอย่างยิ่ง บิดา มารดา พระภิกษุสงฆ์ และ ครูบาอาจารย์ เป็นต้น ซึ่งการทำพิธีรดน้ำดำหัวนั้นต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจและความศรัทธา และผู้หลักผู้ใหญ่ที่จะดำหัวนั้นก็ใช้ความอาวุโสเป็นหลัก ไม่ใช่การเกณฑ์กันไปตามแบบสมัยปัจจุบันที่ทำๆ กันให้เห็น และไปยึดเอาตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นเกณฑ์ จะเป็นสิ่งที่น่าเกลียดมากหากผู้ที่อาวุโสกว่านำขันสลุงน้ำขมิ้นซอมป่อยไปดำหัวกับเจ้านายซึ่งอายุน้อยกว่าตนเอง (ในปัจจุบันมักมีให้เห็น เพราะทำไปเพื่อเอาหน้าเอาตาและหวังตำแหน่งหน้าที่การงานของตน จนไม่สนใจต่อขนบธรรมเนียมประเพณีที่ถูกต้อง)
เมื่อได้ขันสลุงพร้อมกับน้ำขมิ้นซอมป่อยแล้วก็นำไปเคารพสักการะแด่ผู้ที่มีพระคุณหรือผู้อาวุโสดังที่ได้กล่าวมา ทางที่ดีก็ควรให้ผู้หลักผู้ใหญ่นั่งอยู่สูงกว่า โดยให้นั่งบนแหย่งหรือบนเก้าอี้ ส่วนผู้ที่ไปดำหัวก็ให้นั่งพับเพียบ (หรือทำท่าเทพพนม) อยู่ต่ำกว่า ซึ่งผู้ไปดำหัวให้แสดงความเคารพสักการะด้วยกาย วาจา ใจ ที่บริสุทธิ์ ยกมือไหว้แล้วกล่าวอวยพรในสิ่งที่ดีงามต่อผู้อาวุโส ขอสุมาลาโทษในสิ่งที่ได้พลาดพลั้งไป และขอพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งท่านก็จะยกมือไหว้รับแล้วก็ให้พรกลับต่อลูกหลาน จากนั้นแล้วก็นำมือจุ่มลงไปในน้ำขมิ้นซอมป่อย เพื่อเป็นการแสดงการรับสุมาคาราวะความสักการะของลูกหลานและผู้ที่ไปดำหัว ต่อมาท่านก็นำมาลูบที่ศีรษะของตน ก็คือการ "ดำหัว" นั่นเอง หลังจากนั้นแล้วท่านก็จะพรมน้ำขมิ้นซอมป่อยให้กับลูกกับหลานเพื่อเป็นสิริมงคลต่อไป ดังนั้นบางครอบครัวจึงใช้ใบกุศลหรือใบโกศลเพื่อให้ผู้หลักผู้ใหญ่ได้ปะพรมน้ำขมิ้นซอมป่อยแด่ลูกแด่หลานได้อย่างทั่วถึง ไม่ใช่การนำน้ำขมิ้นซอมป่อยไป รด มือผู้หลักผู้ใหญ่ นั่นถือว่าเป็นการแช่ง เพราะงานที่ใช้น้ำรดมือมีอยู่สองงาน ก็คืองานแต่งงาน และ งานศพ!! ดังนั้นที่เห็นออกสื่อออกทีวีนั้น เป็นการผมสผสานพิธีที่มั่ว! โดยขาดการศึกษาหาข้อมูลที่ถูกต้อง จนทำให้ขนบประเพณีนั้นเสียหาย ยิ่งเอาน้ำรดมือมากๆ มือก็ซีดขาว ไม่ต่างอะไรจากคนตาย ดังนั้นตามวิถีล้านนาจะไม่รดที่มือ และจะไม่รดที่หัวของผู้ใหญ่ แต่เป็นผู้ใหญ่ที่รับความเคารพสักการะด้วยการจุ่มแล้วรดตัวเอง ผู้ที่ไปรดน้ำดำหัวมีหน้าที่แค่ให้พรอย่างนอบน้อม และรอรับน้ำขมิ้นซอมป่อยจากผู้ใหญ่ที่จะประพรมให้กับเราเพียงอย่างเดียว …
สิ่งนี้แหละที่ข้าพเจ้าและลูกหลานไคร่หันในความที่ถูกที่ควรอันเป็นประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของคนบ้านเฮาเมืองเฮา บ่าเดี่ยวนี้เอาภาคกลางและความสะดวกมาไจ๊ วันนี้ไปสหกรณ์เปิ้นปิดบ่าทำงานเป๋นเปิ้นจัดงานดำหัวปี๋ใหม่กั๋น ถ้าหื้องามกวรเป็นหลังวันสังขารล่องไปแล้วจะเป๋นวันใดก็ได้วันที่ซาวขึ้นไปก็ได้เพราะว่ายังเป๋นขึ้นปี๋ใหม่อยู่ ทางราชการตี๊เอาคนภาคกลางมาเป๋นหัวหน้าก็จะเป๋นอย่างอี้ต่อไปก็จะเป็นวัฒนธรรมกลายพันธ์ุ์ไปเหีย ฮ้องว่าจะเหลิ้มจะเกิ่ม ปี่นี้คงบ่าหันคนเจียงฮายนุ่งเสื้อชาวเลแบบภาคกลาง เพราะได้ยินป่อหลวงประกาศตังเสียงต๋ามสายว่า ปี๋ใหม่นี้ทางก๋านเปิ้นรณรงค์หื้ออู้เมือง กิ๋นของกิ๋นเมือง ใส่เสื้อม่อฮ้อม ละอ่อนบ่าเด่วซ้ำอู้ไทย คนอู้ไทยสังเกตุผ่อ 1 พม่า 2 ไตใหญ่ 3 ชาวดอยพื้นที่สูง ส่วนคนเมืองอุ้ย, กาว่าน้า, ป่อ, แม่ นำอู้กั๋วบ่าตันสมัย ปี๋ใหม่ไคร่หื้อป่ออุ้ยแม่อุ้ยปิ๊กมาแอ่วบ้านเพราะเปิ้นไปอยู่เมืองกอกเปลี่ยนเป๋นตา เป็นยายมาแอ่วปี๋ใหม่เมินแล้ว