เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 18 เมษายน 2024, 09:58:33
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  ศาสนา กิจกรรมทางวัด (ผู้ดูแล: ap.41, ลุงหนาน)
| | |-+  ปากเป็นเหตุ สู่ หนทางนรก
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 3 4 5 พิมพ์
ผู้เขียน ปากเป็นเหตุ สู่ หนทางนรก  (อ่าน 8836 ครั้ง)
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2013, 09:41:15 »

บุคคลที่ชอบนินทาพระสังฆเจ้า อันเป็น 1 ในรัตนะตัง 3 โดยไม่มีมูลเหตุความจริง นั่นคือการสร้างหนตางไปสู่อบายตัง 4 อันมีหม้อนรกเป็นต้นแล...


* 598952_443906195686048_1015924968_n.jpg (20.89 KB, 298x400 - ดู 696 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2013, 09:55:44 »

เป็นเรื่องในสมัยพระพุทธเจ้า พระโมคัลลาน์เดินลงจากเขาพบเปรตตนหนึ่งเป็นหญิง ผอมแห้ง ใช้เล็บคมๆ จิกกินเนื้อของตัวเอง พระโมคัลลาน์ทราบด้วยฌาณว่า เปรตตนนี้อดีตเคยเป็นหญิงปากร้าย ชอบด่าว่า เสียดสีเพื่อนฝูง ญาติมิตรให้ได้รับความเจ็บช้ำอยู่เสมอ จึงต้องใช้กรรมมาเป็นเปรตทำร้ายตัวเอง ทุกข์ทรมาณยิ่งนัก
     หญิงนับถือพราหมณ์เห็นสมณะเดินบิณฑบาตมาทุกเช้า ชอบมาด่าพระว่า "สมณะโล้น ไม่ทำงาน ดีแต่ขอชาวบ้านกิน" เห็นขอทานมาขอก็ด่าว่า "มือเท้าดี ๆ ทำไมไม่รู้จักทำงาน" ทำอย่างนี้เป็นประจำ

เมื่อตายไปตกนรกขุมอุจจาระ มีหนอนไต่ลำตัว ทุกข์ทรมาณมาก
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 03 มีนาคม 2013, 12:18:10 »

ไหว้สา ใน ธรรมทานครับ  ปาก เป็นเหตุ  สู่ หนทาางนรก   
  มีคำคมว่า  นักปราชญ์  เป็น  เปรต      นักเทศน์  เป็น  ปาราชิก  อีกด้วยครับ อาจารย์

บางที คนที่กล้า แนะนำ ในสิ่งที่ดี ๆ หรือ พวกปราชญ์ นักเทศน์ เขา
 แต่ ทำไม่ได้อย่าง ที่ พูด   เขาก็ คือ        กูดี  แต่  ปาก
พวกยึดมั่น แต่ ความเห็นอัน ผิด ๆ  กล้าแย้ง กับ ความถูกต้องตามธรรม
 เอาแต่ ถูกใจ ถูกกิเลส มาใหญ่กว่า ธรรมะ ของ พระพุทธเจ้า
     จำพวก   กู  ดี แต่ ..........  ปาก

ผมก็โชคดี  ที่รู้สึกตัว  ว่า  เป็นพวก   กู ดี  แต่  ปาก   
คนผิด แล้ว ยอมรับ     กับ      ผิดแล้ว ยังปากแข็ง
เป็นความ ขึ้นโรง ขึ้นศาล    หากเขา จับได้ พวกหลัง โดนโทษหนักกว่า ใช่เปล่าครับ อาจารย์ซามูไร       
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2013, 07:20:23 »

เป็นเรื่องในสมัยพระพุทธเจ้า พระโมคัลลาน์เดินลงจากเขาพบเปรตตนหนึ่งเป็นหญิง ผอมแห้ง ใช้เล็บคมๆ จิกกินเนื้อของตัวเอง พระโมคัลลาน์ทราบด้วยฌาณว่า เปรตตนนี้อดีตเคยเป็นหญิงปากร้าย ชอบด่าว่า เสียดสีเพื่อนฝูง ญาติมิตรให้ได้รับความเจ็บช้ำอยู่เสมอ จึงต้องใช้กรรมมาเป็นเปรตทำร้ายตัวเอง ทุกข์ทรมาณยิ่งนัก
     หญิงนับถือพราหมณ์เห็นสมณะเดินบิณฑบาตมาทุกเช้า ชอบมาด่าพระว่า "สมณะโล้น ไม่ทำงาน ดีแต่ขอชาวบ้านกิน" เห็นขอทานมาขอก็ด่าว่า "มือเท้าดี ๆ ทำไมไม่รู้จักทำงาน" ทำอย่างนี้เป็นประจำ

เมื่อตายไปตกนรกขุมอุจจาระ มีหนอนไต่ลำตัว ทุกข์ทรมาณมาก

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 กรกฎาคม 2013, 12:20:40 โดย samurai_ฅนเมือง » IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
สบายแมน
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,485



« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 06 มีนาคม 2013, 12:04:34 »

เป็นเรื่องในสมัยพระพุทธเจ้า พระโมคัลลาน์เดินลงจากเขาพบเปรตตนหนึ่งเป็นหญิง ผอมแห้ง ใช้เล็บคมๆ จิกกินเนื้อของตัวเอง พระโมคัลลาน์ทราบด้วยฌาณว่า เปรตตนนี้อดีตเคยเป็นหญิงปากร้าย ชอบด่าว่า เสียดสีเพื่อนฝูง ญาติมิตรให้ได้รับความเจ็บช้ำอยู่เสมอ จึงต้องใช้กรรมมาเป็นเปรตทำร้ายตัวเอง ทุกข์ทรมาณยิ่งนัก
     หญิงนับถือพราหมณ์เห็นสมณะเดินบิณฑบาตมาทุกเช้า ชอบมาด่าพระว่า "สมณะโล้น ไม่ทำงาน ดีแต่ขอชาวบ้านกิน" เห็นขอทานมาขอก็ด่าว่า "มือเท้าดี ๆ ทำไมไม่รู้จักทำงาน" ทำอย่างนี้เป็นประจำ

เมื่อตายไปตกนรกขุมอุจจาระ มีหนอนไต่ลำตัว ทุกข์ทรมาณมาก

น่ากลัวเน๊าะครับ คำพูดคำจานี้เฮาก่อต้ัองระวังเน๊าะ ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 09 มีนาคม 2013, 19:44:32 »

  พระพุทธเจ้า สอนสิ่งใด ควรทำ ไม่ควรทำ  แล้ว ไม่ยอมรับ

แถมยัง กล่าวแย้ง ด้วย  ความนึกคิด  จิตใจ  ของตัวเก่า  แถมยังชักนำให้คนอื่น คิดเห็นผิดตาม ๆ ตัวเก่าด้วย ยิ่งมีผิดตามมากเท่าใด  ไปยินดีในผิดนี้  ว่ามีหมู่  มีพวก สนับสนุนเรา
จัดเข้าเป็นพวก  ปาก  เป็นเหตุ  สู่  หนทางนรก

       นรกตน  ยังไม่พอ   ยังพาพวกหมู่  ไปนรก ด้วย 

ไหว้สาธุ  ใน  ธรรมทาน  :  ปากเป็นเหตุ  สู่  หนทางนรก
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #6 เมื่อ: วันที่ 13 มีนาคม 2013, 00:39:28 »

พวก เอา  กำพระเจ้า ออกไป ป้น ๆ   แล้วเอา กำอู้ กำกึ๊ด  ทิฎฐิ มานะ  ตั๋วเก่า หรือ กำจาวบ้าน  มาหลวก มาล้ำ  มาเหลือกำ  ล้ำกว่า  กำสั่งกำสอน  องค์สัปปัญญูพุทธเจ้า
กำหม่าเก่า เปิ้นเอิ้น ว่า 
  ขวัก แก่นต๋า ตั่วออก    เอาแก่นหม่ากอก  เข้ายัด

พระพุทธองค์เจ้า            เปิ่น สอน จะอี้         มันว่า  จะอั้น
 ใผ บ่  หันเตยมัน           มันว่า            ใจ้ก๋าร  บ่ ได้     ใจ้ก่าร บ่  ได้

มันหัน  หม่ากอก    จัก ดีเหลือ       หม่าต๋า   
 ใผสอนมันจา           หื้อ ขวางกำ พระเจ้าองค์สัปปัญญู   
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #7 เมื่อ: วันที่ 24 มีนาคม 2013, 14:02:28 »

หากเรา ได้ไปศึกษา ใน กระทู้            กูดี  แต่  ปาก
 
                    เรา  อาจ มีสิทธิ์  ลงนรก   ด้วย     :     ปาก  เป็น  เหตุ  สุ่ หนทางนรก
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #8 เมื่อ: วันที่ 25 มีนาคม 2013, 19:12:23 »

นานาจิตตัง


* 1234.jpg (74.33 KB, 600x411 - ดู 454 ครั้ง.)
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
ละอ่อนเจียงของ
บทเรียนนอกห้องเรียน
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120


เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


« ตอบ #9 เมื่อ: วันที่ 26 มีนาคม 2013, 16:05:36 »

นานาจิตตัง ยิ้ม
IP : บันทึกการเข้า

หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #10 เมื่อ: วันที่ 27 มีนาคม 2013, 09:11:24 »

ผู้กล่าวตู่ พระธรรม  เป็น  พวก ปาก เป็นเหตุ  สู่  หนทางนรก
บุคคลที่ชอบนินทาพระสังฆเจ้า อันเป็น 1 ในรัตนะตัง 3 โดยไม่มีมูลเหตุความจริง นั่นคือการสร้างหนตางไปสู่อบายตัง 4 อันมีหม้อนรกเป็นต้นแล...
อันตราย ทั้ง พวกกล่าวตู่  พวกกล่าวนินทา พระ โดย ไม่มีมูลความจริง เป็นการกล่าวร้าย ให้ความเท็จ
 หรือ กล่าวตู่ คือ กล่าวผิดเพี้ยน จาก ความจำเดิม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 28 มีนาคม 2013, 10:12:17 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #11 เมื่อ: วันที่ 29 มีนาคม 2013, 07:57:53 »

มโนปุพฺพงฺคมา       ธมฺมา           มโนเสฎฺฐา    มโนมยา
มนสา   เจ     ปทุฎฺเฐน            ภาสติ   วา   กโรติ    วา
ตโต   นํ     ทุกฺขมเนฺวติ        จกฺกํว    วหโต   ปทํ    ฯ๑ฯ

ใจเป็น ผู้นำ  สรรพสิ่ง    ใจเป็นใหญ่  (กว่าสรรพสิ่ง)    สรรพสิ่ง สำเร็จได้ด้วยใจ
ถ้า พูด  หรือ  ทำ  สิ่งใด  ด้วยใจชั่ว
ความทุกข์  ย่อมติดตามตัวเขา    เหมือน  ล้อ  หมุนเต้าตาม  เท้าโค

Mind  fore runs  all mental  condition ,  Mind  is  chief , mind-made  are  they ;
If  one  speaks  or  acts  with  a  wicked  mind ,
           Them  suffering  follows  him.
     Even  as      the  wheel     the  hoof      of    the ox .

ที่มา :  พทธวจนะ ใน  ธรรมบท  โดย  เสฐียรพงษ์   วรรณปก (มหา) / ราชบัณฑิต  
นาคหลวง องค์แรก ใน รัชกาล ที่ 9

ไหว้สาธุ ใน ธรรมทาน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 29 มีนาคม 2013, 08:00:48 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #12 เมื่อ: วันที่ 18 เมษายน 2013, 08:35:26 »

จิตชอบส่งออกเพราะยินดียินร้าย จิตไม่ส่งออกเพราะมีกัมมัฏฐาน

ตามธรรมดาของจิต ของคนเราชอบส่งออกไปกับการรับรู้ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์คือสิ่งที่ใจรู้สึกนึกคิด เพราะ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นวัตถุกามคือพัสดุอันน่าใคร่ ที่ชวนให้รัก, ชักให้ใคร่,พาใจให้ไหลหลง, ทำให้เกิดความรู้สึกยินดียินร้าย เป็นกิเลสกามคือกิเลสเป็นเหตุให้ใคร่อันได้แก่ความอยาก ถ้าเราไม่มีการเจริญกัมมัฏฐาน คือวิธีอบรมจิตใจและเจริญปัญญา, หรืออุบายทางใจ, หรืออารมณ์เป็นเป็นที่ตั้งแห่งการงานของใจ, เราก็ไม่อาจที่จะมีสติเกิดรู้เท่าทันที่จะปล่อยวางในความรู้สึกยินดียินร้ายได้ทันอย่างแน่นอน จึงเป็นเหตุให้จิตส่งออกไปจับใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ จึงเป็นเหตุให้เกิดการนึกคิดปรุงแต่งทำให้จิตฟุ้งซ่านไม่สงบสุข มีการส่งออกไปตลอดเวลาไม่นิ่ง เพราะราคะ โทสะ โมหะ

ฉะนั้นเราจึงต้องมีกัมมัฏฐานไว้ในจิตของตนอยู่เสมอๆ จึงจะมีสติรู้เท่าทัน รู้ปล่อยวางในความรู้สึกยินดียินร้ายได้ คำภาวนาว่า “อย่ายินดียินร้าย...อย่าว่าร้ายใคร...อย่าคิดร้ายใคร...” นี่คือกัมมัฏฐาน เพราะเป็นเหตุให้เกิดการสังวรอินทรีย์ รู้ระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ไม่ให้เกิดความรู้สึกยินดียินร้าย เมื่อจิตมีสติรู้ละความรู้สึกยินดียินร้ายได้ จิตก็จะไม่ส่งออกไปจับสิ่งที่รู้ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ต่างๆที่มากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จิตของเราก็จะเกิดความสงบนิ่งเป็นกัมมัฏฐาน เมื่อจิตมีความสงบนิ่ง เพราะราคะ โทสะ โมหะ ลดลงไป ก็จะเกิดปัญญารู้สภาวธรรมต่างๆ(คือสิ่งที่เป็นเองตามธรรมดาของเหตุปัจจัย) ที่เรียกว่าวิปัสสนากัมมัฏฐาน และยังทำให้เกิดอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา ที่เป็นเหตุให้เรารู้ประพฤติตนปฏิบัติตนอยู่ในสุจริตธรรม ๓ อย่าง คือสุจริตทางกาย สุจริตทางวาจา และสุจริตทางใจ ดังนี้...พะนะ
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #13 เมื่อ: วันที่ 18 เมษายน 2013, 12:30:47 »

ติดปัญญา  ยังดีกว่า  ติดสมถะ  

ติดสมถะ คือ ติดสงบ  ไม่ต่าง จาก ติดโง่ง่าว    
ติดสงบ  ติดโง่  ยังดีกว่า   ติด  ความคิดเห็นส่วนตัว ผิดจาก พระธรรม พระวินัย

การกล่าวเสียดสีกัน  ท่าน โนวิส ฯ  เขา ตำหนิ   ว่า กระดาษทราย มันหยาบ ฯ

จาก คนเคย เป็น ครูบา  มาก่อน        หนาน.....นะ
 
        @ กราบขออภัย อย่าได้เป็น หนทางลง นรก

-----------------------------------------------------------------------------------------------------
  บางคน เรียนจบ ได้ กระดาษ มาหนึ่ง ใบ    คาราบาว เอา มาร้องเป็นเพลง  แต่นานมา เมินแล้ว
ยังดีกว่า เรียน บ่  ผด   แต่  เอาความรวย  มาเกทับ คนอื่น 
 ปมเด่น ข่ม ปมด้อย ตนดีแล้ว     แต่     เอาข่มใคร เขา        เรา ไม่งาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 เมษายน 2013, 12:47:56 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
ละอ่อนเจียงของ
บทเรียนนอกห้องเรียน
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120


เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


« ตอบ #14 เมื่อ: วันที่ 18 เมษายน 2013, 13:21:04 »

ติดสมถะ คือ ติดสงบ  ไม่ต่าง จาก ติดโง่ง่าว

ติดสงบ ไม่ต่างจากติดโง่ง่าวอย่างไร ช่วยอธิบาย แถลงไข ไม่เข้าใจในจุดนี้  ฮืม

นตฺถิ  สนฺติปรํ  สุขํ สุขอื่นจากความสงบ ย่อมไม่มี   เคยได้ฟังมาอย่างนี้  ฮืม

ปัญญาผมมันไม่พอจะพิจาณาเข้าใจได้ ช่วยบอกกล่าวเป็นธรรมทาน วิทยาทานเถอะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 18 เมษายน 2013, 13:49:02 โดย ละอ่อนเจียงของ » IP : บันทึกการเข้า

หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด
ละอ่อนเจียงของ
บทเรียนนอกห้องเรียน
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120


เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


« ตอบ #15 เมื่อ: วันที่ 18 เมษายน 2013, 13:47:38 »

จิตชอบส่งออกเพราะยินดียินร้าย จิตไม่ส่งออกเพราะมีกัมมัฏฐาน

ตามธรรมดาของจิต ของคนเราชอบส่งออกไปกับการรับรู้ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์คือสิ่งที่ใจรู้สึกนึกคิด เพราะ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เป็นวัตถุกามคือพัสดุอันน่าใคร่ ที่ชวนให้รัก, ชักให้ใคร่,พาใจให้ไหลหลง, ทำให้เกิดความรู้สึกยินดียินร้าย เป็นกิเลสกามคือกิเลสเป็นเหตุให้ใคร่อันได้แก่ความอยาก ถ้าเราไม่มีการเจริญกัมมัฏฐาน คือวิธีอบรมจิตใจและเจริญปัญญา, หรืออุบายทางใจ, หรืออารมณ์เป็นเป็นที่ตั้งแห่งการงานของใจ, เราก็ไม่อาจที่จะมีสติเกิดรู้เท่าทันที่จะปล่อยวางในความรู้สึกยินดียินร้ายได้ทันอย่างแน่นอน จึงเป็นเหตุให้จิตส่งออกไปจับใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ จึงเป็นเหตุให้เกิดการนึกคิดปรุงแต่งทำให้จิตฟุ้งซ่านไม่สงบสุข มีการส่งออกไปตลอดเวลาไม่นิ่ง เพราะราคะ โทสะ โมหะ

ฉะนั้นเราจึงต้องมีกัมมัฏฐานไว้ในจิตของตนอยู่เสมอๆ จึงจะมีสติรู้เท่าทัน รู้ปล่อยวางในความรู้สึกยินดียินร้ายได้ คำภาวนาว่า “อย่ายินดียินร้าย...อย่าว่าร้ายใคร...อย่าคิดร้ายใคร...” นี่คือกัมมัฏฐาน เพราะเป็นเหตุให้เกิดการสังวรอินทรีย์ รู้ระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ไม่ให้เกิดความรู้สึกยินดียินร้าย เมื่อจิตมีสติรู้ละความรู้สึกยินดียินร้ายได้ จิตก็จะไม่ส่งออกไปจับสิ่งที่รู้ใน รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ต่างๆที่มากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ จิตของเราก็จะเกิดความสงบนิ่งเป็นกัมมัฏฐาน เมื่อจิตมีความสงบนิ่ง เพราะราคะ โทสะ โมหะ ลดลงไป ก็จะเกิดปัญญารู้สภาวธรรมต่างๆ(คือสิ่งที่เป็นเองตามธรรมดาของเหตุปัจจัย) ที่เรียกว่าวิปัสสนากัมมัฏฐาน และยังทำให้เกิดอธิศีล อธิจิต และอธิปัญญา ที่เป็นเหตุให้เรารู้ประพฤติตนปฏิบัติตนอยู่ในสุจริตธรรม ๓ อย่าง คือสุจริตทางกาย สุจริตทางวาจา และสุจริตทางใจ ดังนี้...พะนะ


เดี๋ยวนี้ธรรมะ มันอยู่ที่ปากครับ ไม่ใช่ที่การปฏิบัติ พระพุทธองค์ทรงวางแนวให้ศึกษาและปฏิบัติ
แต่บางคนบอก "ผมไม่ใช่นักกัมมัฏฐาน นักปฎิบัติ" ผมจะปาก ปาก ปาก และก็ปากอย่างเดียว  ตกใจ
ได้แต่พูด ไม่ปฏิบัติ จึงไม่เคย มองกาย มองจิต มองการกระทำของตน ไม่มอง ไม่ดูตัวเราเอง  ขยิบตา
ตาบอดเพราะไม่เห็นตัวเอง ตาสว่างเพราะเห็นแต่คนอื่น ส่วนตัวผมก็ปฏิบัติและศึกษาไปด้วยกัน ยิงฟันยิ้ม
ผมก็เลยแพ้ปาก ปากไปก็ปากกลับ สู้ปากเขาไม่ได้ เพราะไม่ได้มัวแต่ปาก 5555 ก็ได้แต่มองผ่านๆ
ไม่อ่าน ไม่ตอบ ไม่สนใจ ปล่อยไปอย่างนั้น อีกหน่อยคนไม่ให้ความสนใจ ก็สุดแล้วแต่นั้น  ยิ้มกว้างๆ ยิ้มกว้างๆ

ความเข้าใจในธรรมะของแต่ละคนนั้นต่างกัน แต่จุดสูงสุดก็คือการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์
การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทำพระนิพานให้แจ้ง ตามที่พระพุทธองค์ทรงวางแนวทางไว้ให้
ทำไมเราไม่เอาเรื่องที่เป็นแก่นสารสูงสุดมาพูดคุยกัน ธรรมะอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจ อยู่ที่การปฏิบัติ
แต่เดี๋ยวนี้ธรรมะอยู่ที่ปากนะเออ 55 ไม่ใช่การรู้ธรรมชาติ แต่เป็นปากธรรมชาติ

IP : บันทึกการเข้า

หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด
ละอ่อนเจียงของ
บทเรียนนอกห้องเรียน
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120


เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป


« ตอบ #16 เมื่อ: วันที่ 22 เมษายน 2013, 20:22:49 »

 ฮืม
IP : บันทึกการเข้า

หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด
samurai_ฅนเมือง
VIP
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,120



« ตอบ #17 เมื่อ: วันที่ 24 เมษายน 2013, 20:48:17 »

การรู้ปล่อยวางในอารมณ์ เป็นวิถีทางแห่งความสงบสุขของพระพุทธเจ้า

การฝึกจิตให้รู้ปล่อยวางความวุ่นวาย ปัจจุบันนี้เราอยู่ในโลกแห่งความวุ่นวายสับสน ที่มีแต่สิ่งยั่วยุอยู่มากมายที่มากับวัตถุแห่งกามคือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ที่ชวนให้รัก, ชักให้ใคร่, พาใจให้ไหลหลง, ทำให้เกิดอารมณ์ คือความรู้สึกยินดียินร้าย, ความพอใจหรือความไม่พอใจ, ความชอบใจหรือความไม่ชอบใจ, ที่เกิดเป็นกิเลสกามตัณหาคือความอยาก เป็นบาปอกุศล เป็นอัตตาและอคติ ฝังอยู่ในใจจนเป็นเหตุให้เกิด ความโลภ ความโกรธ ความหลง มองคนในแง่ร้ายบ้าง อิจฉาริษยาบ้าง ที่ทำให้ใจของเราขุ่นมัวเศร้าหมองฟุ้งซ่านอยู่เสมอ หาความสงบสุขไม่ได้ มีแต่ความทุกข์ใจเพราะสิ่งยั่วยุ การเสพคุ้นอยู่กับสิ่งยั่วยุ มีแต่จะทำให้ใจของเราเกิดความเศร้าหมองพาใจให้เกิดทุกข์ เพราะกิเลสคือความอยากต่างๆที่มากับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสต่างๆ...พะนะ
IP : บันทึกการเข้า

หลายคนเรียนไม่จบแต่พบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เพราะเป็นคนใฝ่เรียนรู้ด้วยตนเอง ปัญญาไม่ได้อยู่ในมหาวิทยาลัยแต่อยู่ในจิตใจที่ใฝ่รู้
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #18 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2013, 19:30:24 »

 
ติดสมถะ คือ ติดสงบ  ไม่ต่าง จาก ติดโง่ง่าว

ติดสงบ ไม่ต่างจากติดโง่ง่าวอย่างไร ช่วยอธิบาย แถลงไข ไม่เข้าใจในจุดนี้  ฮืม

นตฺถิ  สนฺติปรํ  สุขํ สุขอื่นจากความสงบ ย่อมไม่มี   เคยได้ฟังมาอย่างนี้  ฮืม

ปัญญาผมมันไม่พอจะพิจาณาเข้าใจได้ ช่วยบอกกล่าวเป็นธรรมทาน วิทยาทานเถอะครับ


สนฺติปรํ  / สันติปะรัง น่าจะหมายเอา บรมสุข ความสงบอย่างยิ่ง จาก กิเลส ความเศร้าหมอง ของ จิต ไม่มีแล้วซึ่ง อวิชชา  ความโง่ ที่จะ พาไปวนเกิด ตาย
ความสงบ ขั้น  สมถะ ที่ไม่มี วิปัสสนา มาข้องเกี่ยว ยังไม่มีปัญญา ทางธรรม  จัดเป็น  ความสงบ ที่ยังติดโง่  ติดง่าว ขาดปัญญา ทาง ธรรม

ผู้ไม่โง่ แล้ว  คือ ผู้หมดอวิชชา มีแต่ อรหันตบุคคล เท่านั้น ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือ สมมุติสงฆ์ ที่ได้ อรหันต์

อริยบุคคล ที่ต่ำกว่า อรหันต์ ยังมี อวิชชา  จัดว่า ยังมีตัวโง่ คือ ความไม่รู้ ในการ ไม่ต้องไปเกิดใหม่

ทิฎฐิวิบัติ มิจฉาทิฎฐิ  เป็น ธรรมกลาย  คือ  สิ่งอันตราย ตัวเริ่มต้น ก็คิดผิด  เห็นผิด ขัดพระพุทธธรรม  พระวินัย ได้ไปเกิดภพภูมิ ต่ำแน่ ๆ เมื่อ กรรมส่งผล
เหมือน เราปิดกระดุมเสื้อผิด  เสียแต่เม็ดแรก

เราไม่ เป็น พวกเอาอธรรม มาเหนือกว่า  ธรรม     ใฝ่ธรรม แล้วต้อง รู้จัก แสวงหาความสงบสุข  จาก การภาวนา ทำสมถะ
ได้สมถะ  ท่านก็ไม่ให้  ไปติดแค่นั้น    ติดฌาน  ได้ฤทธิ์  ไม่ยกไป วิปัสสนา หาปัญญา ไปสู่พระนิพพาน
เท่ากับ  ติดโง่ติดง่าว

พระพุทธเจ้า ท่าน ให้ทำงาน ทำคันถธุระ  กับ  วิปัสสนาธุระ      ให้เรียนรู้  แล้ว ใช้ปัญญายกจิตให้หลุดพ้นนิพพาน

ใครไป นิพพานยังไม่ได้ ก็ยัง ง่าวอยู่ ด้วย  อวิชชา คือ ความโง่

จะง่าว ระดับใด มี อริยชน ที่ ต่ำกว่า  อรหันต์ ลงมา  กัลยาณชน ปุถุชน อันธบุคคล จนถึง นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน
ใครได้  นิพพานก่อน คนนั้น  ฉลาดแท้  ไม่มีอวิชชา

ติดปัญญา โดย  ศึกษาพระพุทธธรรม จัดว่า เป็น ปัญญา จาก  คันถธุระ  
แล้วก้าวขึ้นสู่ การทำวิปัสสนาธุระ  พระพุทธเจ้า ฝากเป็น พุทธมรดก            

                           ดีกว่า  ติดแต่ สมถะ  ติดสงบ      ไม่เอาปัญญา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 25 เมษายน 2013, 19:32:34 โดย nantong » IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
nantong
ปั๋น กั๋นฮู้ แล้วก่อยเอาไปกึ๊ดอ่าน กั๋น แหมกำ อาจมีผิดถูก ฯ
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,579



« ตอบ #19 เมื่อ: วันที่ 25 เมษายน 2013, 19:51:33 »

พฤหัสบดี 25 เมษายน 2556  ผมได้ขึ้นดอยดาวดึงส์ วัดคีรีวงศ์ นครสวรรค์ ขึ้นไหว้ พระจุฬามณีเจดีย์ ที่สร้างทับฐานเจดีย์เก่ายุคสุโขทัย เอาไว้ เขาทำปล้องไฉน เจดีย์ 27 ปล้อง แทน สุคติภพ ได้แก่
มนุษย์ 1 สวรรค์ 6 รูปพรหม 16 อรูปพรหม 4  รวม 27 สุคติ


บุญใด ๆ ของ ผม ในวันที่ 25 เมษายน 2556  นี้ ขอจง มีแด่ พ่อบุญอิ่ม  โสรัจจกิจ  แม่วัลลี  แสงแก้ว
ตลอดจนบิดามารดา ในอดีตชาติ ถึง อนาคตชาติ ของ ผมด้วยเถิด

ญาติธรรม  ที่เข้ามาอ่าน อาจ เป็น พ่อแม่ ของผม ในชาติใดๆ ในอดีตชาติ หรือ ในอนาคตชาติ  ก็ได้       ใครจะรู้ ?

ขอกราบไหว้สาธุ ครับ
IP : บันทึกการเข้า

หนานขี้อู้หำยาน : นายจิราวัฒน์  โสรัจพงศ์เกษม / หนานธง   อีเมล : k e n g k a b h e n g @ g m a i l . c o m    มือถือ  081 777  51 76
หน้า: [1] 2 3 4 5 พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!