ถ้ำตับเตา
ตั้งอยู่ที่บ้านตับเตา ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ
บนเส้นทางสายเชียงใหม่-ฝาง ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 120 และ 121
แยกซ้ายมือเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร ภายในบริเวณวัดร่มรื่น
มีหอพระไตรปิฎกสร้างอยู่กลางน้ำ สิ่งสำคัญในวัดคือถ้ำตับเต่า
มีขนาดเล็กกว่าถ้ำเชียงดาว แต่มีความสวยงามไม่แพ้กัน
ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ถ้ำตับเต่านี้แยกออกเป็น 2 ถ้ำ
คือ ถ้ำผาขาว และถ้ำปัญเจค บริเวณหน้าถ้ำมีกุฏิและศาลาสำหรับพักผ่อน
วัดถ้ำตับเต่า ถือเป็นศาสนสถานโบราณนานนับหลายร้อยปีมาแล้ว
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านถ้ำตับเต่า ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
วัดแห่งนี้มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 35 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาถ้ำตับเต่า
ซึ่งเป็นภูเขาหนึ่งในเทือกเขาที่กั้นเขตอำเภอไชยปราการกับอำเภอเมืองเชียงดาว
และเป็นเทือกเขาที่สลับซ้อนกันกั้นเขตแดนไทยกับพม่า
วัดถ้ำตับเต่า เป็นชื่อที่เรียกเพี้ยนมาจากคำว่า “ดับเต้า” ซึ่งหมายถึงการดับขี้เถ้า
ที่เกิดจากการเผาไหม้ของป่า ทั้งนี้เมื่อเรียกกันนานๆ เข้าก็เลยเพี้ยนมาเป็นตับเตา
ซึ่งคนในภูมิภาคอื่นไม่ทราบความหมายก็เลยเรียกว่า”ถ้ำตับเต่า”
ซึ่งมีความหมายไปอีกอย่างหนึ่ง คือตับของสัตว์ชนิดหนึ่ง
วัดถ้ำตับเต่าสร้างขึ้นในยุดใด สมัยใดไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด
มีเพียงแค่สันนิษฐานตามสิ่งก่อสร้างในวัด นั่นก็คือพระพุทธรูปไสยาสน์องค์ใหญ่
ขนาดความยาวไม่น้อยกว่า 9 เมตร สร้างด้วยการก่ออิฐถือปูนพอกด้วยยางไม้รัก
ปิดทองในแบบศิลปะอยุธยา ทั้งนี้ตามคำบอกเล่าของเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
ท่านสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ
เมื่อคราวท่านยกกองทัพมาเพื่อจะเข้าตีเมืองพม่า และตีเมืองตองอูในปี พ.ศ. 2135
และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกกองทัพหลวงไปทางเชียงดาวเข้าพักพล
ที่เมืองหางซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองในราชอาณาจักรไทย มีผู้เฒ่าคนหนึ่งเล่าว่า
ณ ถ้ำตับเต่าแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับพักกองทัพของสมเด็จพระเอกาทศรถ
เจ้าอาวาสจึงสันนิษฐานว่าด้วยเหตุผลที่พระพุทธรูปไสยาสน์องค์นี้เก่าแก่โบราณ
ซึ่งคนโบราณแต่ละถิ่นแคว้นจะมีลักษณะศิลปะการก่อสร้างเป็นของตนเอง
ถ้าสร้างโดยช่างฝีมือล้านนาไทยคงจะต้องมีลักษณะศิลปะแบบล้านนา
สร้างแล้วก็คงมอบให้เจ้าเมืองฝางเป็นผู้ดูแล