ใครที่กำลังตามหาหรือสนใจจะเลี้ยง บัวหิมะ (ธิเบต) kefir ให้ติดต่อมาหาเรานะคะ เราจะแนะนำให้ค่ะ หรือใครที่ยังไม่เคยเห็น ไม่รู้จัก เราจะแจ้งรายละเอียดให้นะคะ ^^

ลองมาดูกันค่ะ

นมบัวหิมะ Kefir คืออะไร
รองศาสตราจารย์พรผจง เลาหวิเชียร ผู้อำนวยการวิทยาลัยการแพทย์ทางเลือก นมคีเฟอร์เป็นผลิตภัณฑ์นมที่มีการหมักเพื่อผลิตนมที่มีกรดและแอลกลฮอล์เล็กน้อย กรดโคนม ชนิดนี้เป็นกรดแอซีติกและกรดแลคติค ทำให้เกิดความเปรี้ยว นมหมักคีเฟอร์ผลิตจากการหมักนมกับเม็ดคีเฟอร์ (kefir grain) การทำนมคีเฟอร์ เดิมทีแพร่หลายในชนเผ่าพื้นเมืองของพวกคอเคซัส โดยพระธิเบตจากเทือกเขาเกียนเป็นคนเผยแพร่ และศาสตราจารย์นายแพทย์ชาวโปแลนด์นำไปเผยแพร่ในยุโรป เนื่องจากสามารถรักษามะเร็งได้ ต่อมาได้กระจายทั่วไปในกลุ่มประเทศทางตะวันตก การหมักนมคีเฟอร์ในชนเผ่าดั้งเดิม หมักไว้ในถุงหนังสัตว์แล้ววางไว้ใกล้ประตูบ้าน เมื่อคนผ่านเข้าออกประตูบ้าน ก็จะผลักถุงหรือแตะถุงนมเพื่อให้เกิดการผสมกันของนม
สำหรับในประเทศไทยส่วนใหญ่ได้รับเม็ดคีเฟอร์มาจากประเทศธิเบต “เม็ดคีเฟอร์” หรือที่รู้จักกันในนามของชื่อ “บัวหิมะ” คือ การรวมกลุ่มของจุลินทรีย์หลายชนิดประกอบด้วย แลกติกแผลซิคแบคทีเรีย (Lactic acid bacteria) แลกโตคอกไค (Lactococci) ลิวโคนอสตอกส์ (Lcuconostoc) และยีสต์ (yeast) หลากหลายชนิด รวมถึง จุลินทรีย์อื่นๆ อีกหลายชนิด ลักษณะเม็ดคีเฟอร์ มีสีขาวเหมือนดอกกะหล่ำ จุลินทร์เหล่านี้มาเกาะกลุ่มรวมกัน (cluster) แบบเอื้อประโยชน์แก่กันเป็นความสัมพันธ์แบบพึ่งพา (symbiosis) สร้างสารอาหารที่มีประโยชน์ เป็นส่วนผสม ในนมคีเฟอร์ แบคทีเรียและยีสต์หลายชนิดนี้ จะมีชีวิตอยู่รอดและเติบโตได้ดีต้องอาศัยการอยู่ร่วมกัน ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ชีวิตหนึ่งจะอยู่รอดได้ขึ้นอยู่กับสิ่งมีชีวิตอีกหลายสายพันธุ์ ความสัมพันธุ์แบบนี้เป็นการส่งเสริมการเป็นอยู่ซึ่งกันและกัน เมื่อไหร่ที่จุลิทรีย์ทั้งหลายเหล่านี้ มาอยู่ร่วมกัน ก็จะสร้างสารที่มีประโยชน์ การแยกสายพันธุ์บริสุทธิ์ออกมาเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เนื่องจากจุลินทรีย์เหล่านี้ไม่สามารถอยู่อย่างโดเดี่ยวได้เมื่อที่แยกกันอยู่ จุลิทรีย์เหล่านี้ ไม่สามารถที่จะเจริญเติบโตได้ และกิจกรรมทางชีวเคมีที่สร้างสารที่มีประโยชน์จะลดลง นี่คือตัวอย่างการอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยอย่างแท้จริง (Margulis, 1995) การอยู่ร่วมกันของจุลินทรีย์เหล่านี้สอนสัจธรรมให้เราได้สำนึกว่า หากกลุ่มคนดีมาอยู่ร่วมกัน ช่วเหลือเกื้อกูลกัน เหมือนกลุ่มแบคทีเรีย และยีสต์ในคีเฟอร์ ย่อมสามารถสร้างสรรค์ประโยชน์ให้สังคมได้อย่างใหญ่หลวงนมคีเฟอร์ที่เกิดจากการหมักนมสดพลาสเจอร์ไรซ์ กับเม็ดคีเฟอร์ เป็นนมที่มีลักษณะข้นเป็นครีมเนื้อละเอียด มีความสด รสเปรี้ยว มีฟอง จากการหมักตัวของยีสต์ รสหวานเล็กน้อย เนื่องจากมีน้ำตาลแลคโตด (lACTOSE)มีแรงตึงผิวน้อยทำให้ดื่มง่าย รสกลมกล่อมคล่องคอ มีกลิ่นเฉพาะตัว นมคีเฟอร์จะไม่บูด เพราะมีกรดจากแบคทีเรียในคีเฟอร์ ที่จะยับยั้งการทำงานของแบคทีเรียที่จะทำให้นมบูด ภายหลังกระบวนการหมักนมคีเฟอร์ ผู้บริโภคสามารถกรองนมมาดื่มได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ (Pastcurization) ดังนั้นในนมคีเฟอร์จึงยังคงมีแบคทีเรีย และยีสต์ที่มีชีวิต และเป็นประโยชน์อาศัยอยู่ ความจริงในร่างกายของคนจะมีแบคทีเรียตัวดีเหล่านี้ ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่เป็นเชื้อโรค บางครั้งการบริโภคยาหลายชนิด หรือบริโภคสารเคมีปนเปื้อนเข้าไปในร่างกาย จะไปทำลายแบคทีเรียที่ดีมีประโยชน์ ทำให้ร่างกายเราอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันโรคต่ำ การดื่มนมคีเฟอร์จึงมีประโยชน์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เพราะในนมคีเฟอร์ มีแบคทีเรียตัวดีหลากหลายชนิดที่ทำหน้าที่คอยเป็นทหารเอกคอยช่วยเราอยู่ รวมทั้งยีสต์สายพันธุ์ที่มีประโยชน์ในคีเฟอร์ เช่น Saccharomyces kefir และ Torula kefir จะควบคุมและกำจัดยีสต์ที่เป็นโทษต่อร่างกาย โดยการสร้างสารเคลือบผนังทางเดินอาหาร ทำให้ทางเดินอาหารสะอาด และแข็งแรงขึ้นอย่างน่าทึ่ง
ประโยชน์ของ นมบัวหิมะ (ธิเบต) kefir คีเฟอร์
1. มีกรดโฟลิก (Folic acid) จํานวนมาก โดยเฉพาะหากทิ้งไวถึง 48 ชั่วโมง กรดโฟลิกจะเพิ่มมากถึง 116% จากปริมาณของนมเดิม กรดโฟลิกทําหน้าที่สร้างเลือด เม็ดเลือดแดงและป้องกันการพิการของทารกแรกเกิด จากผลการวิจัยพบว่า นมคีเฟอร์สามารถดื่มขณะมีครรภ์และสามารถนํามาเลี้ยงทารกได้ภาพขยาย คีเฟอร์เกรน 2,500เทาจากภาพ เม็ดรี ๆ เม็ดใหญ่คือยีสต์ เม็ดเล็กคือแบคทีเรีย ซึ่งอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นไมโครฟลอรา (อาณาจักรของคีเฟอร์)4
2.มีน้ำตาลเชิงซ้อนที่ละลายน้ำได้ ได้แกคีเฟอแรน (Kefiran) ซึ่งสามารถนํามาประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่นทําเครื่องสําอางค์ใช้นมคีเฟอร์ทาใบหน้าจะช่วยกระชับรูขุมขน ทําให้ใบหนาดูอ่อนเยาว์ เต่งตึง และยังช่วยขจัดสิวคีเฟอร์แรนยังช่วยป้องกันการเกิดแผลพุพองในปากที่เกิดจากเชื้อรา(Thrush) ชนิด C.alhicans
3. มีวิตามินบีรวมหลายชนิด B6 B12 B13
4. ช่วยขยายเส้นเลือด ทําให้โลหิตมีการไหลเวียนดี เนื่องจากผลการหมักนมจะมีแอลกอฮอลเป็นส่วนประกอบเล็กน้อย ตั้งแต่ 0.02%-1.5 %
5.มีวิตามิน เค ช่วยในการทํางานของตับไต
6. ช่วยให้ระบบต่างๆ ของร่างกายสร้างระบบภูมิคุ้มกันชีวิตที่ดีขึ้น รักษาภูมิแพ้
7.สามารถป้องกันโรคหัวใจ และระบบการทํางานของหัวใจที่บกพร่อง
8. ช่วยให้การทํางานของตับ ม้ามดีขึ้น
9. ป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี และช่วยสลายนิ่วในถุงน้ำดี
10. สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ขจัดเชื้อโรคที่จะเขาสู่ร่างกาย
11. ช่วยปรับความดันโลหิตให้ปกติ
12. ระงับการแพร่กระจายของโรคมะเร็ง
13. ช่วยให้การทํางานของไต และกระเพาะปัสสาวะขึ้น
14. ทําให้ร่างกายสดชื่น ไม่อ่อนเพลีย ลดความเครียดได้ เพราะในคีเฟอร์มีทิพโทแฟน (Tryptophan) จํานวนมาก ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจําเป็น ช่วยการทํางานของระบบประสาท นอกจากนี้ในนมคีเฟอร์ยังมี แคลเซียมและ แมกนีเซียมมาก ทําให้มวลกระดูกมีความหนาแน่นมากขึ้น ป้องกันโรคกระดูกพรุนและทําให้ความเครียดคลายลง
15. เนื่องจากนมชนิดนี้มีสภาพเป็นกรด จึงมีคุณค่าในการบําบัดโรค (Therapcutic) ของระบบทางเดินอาหาร โดยเชื้อแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในนมคีเฟอร์ จะผลิตกรดออกมามีผลยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดอาการท้องเสีย ในลําไส้ และรักษาแผลในกระเพาะลําไส้ ลดการเกิดแก็สในทางเดินอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และยังช่วยย่อยจึงทําให้ระบบขับถายดี เนื่องจากนมคีเฟอร์อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่ธาตุ และกรดอะมิโนที่จําเป็นมากชนิด จึงรักษาสุขภาพร่างกายได้แข็งแรง และโปรตีนในนมคีเฟอร์เป็นโปรตีนโมเลกุล ที่ง่ายต่อการดูดซึมไปเสริมสร้างร่างกาย ทําให้ร่างกายกลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้น นอกจากนี้เม็ดคีเฟอร์ยังช่วยลดคลอเรสเตอรอล โดยถ้าหมักนม 24 ชั่วโมง ณ. อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียสคลอเรสเตอรอลในนมจะลดลง 22.63 % จากปริมาณเริ่มต้น หมัก 48 ชั่วโมง คอลเรสเตอรอลในนมจะลดลง 41.84% ปัจจุบันมีการทดลองนําคีเฟอร์มารักษาคนไข้โรคเลือด เช่น ทาลาสซีเมีย โลหิตจาง โรคเกร็ดเลือดต่ำ
16. ใช้ลดความอ้วนได้ ด้วยการดื่มนมคีเฟอร์แทนอาหารมื้อค่ำ
17. ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตส ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กที่มีปัญหาเกี่ยวกับขาดเอนไซม์ย่อยน้ำตาลในนม เมื่อดื่มนมคีเฟอร์แล้ว จุลินทรีย์ในนมคีเฟอร์จะช่วยย่อยน้ำตาลในนม ทําให้สามารถดื่มนมทุกชนิดได้โดยท้องไม่เสีย
ฯลฯ