เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันที่ 29 กรกฎาคม 2025, 18:43:46
หน้าแรก ช่วยเหลือ เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก



  • ข้อมูลหลักเว็บไซต์
  • เชียงรายวันนี้
  • ท่องเที่ยว-โพสรูป
  • ตลาดซื้อขายสินค้า
  • ธุรกิจบริการ
  • บอร์ดกลุ่มชมรม
  • อัพเดทกระทู้ล่าสุด
  • อื่นๆ

ประกาศ !! กรุณาอ่านเพื่อทำความเข้าใจ : https://forums.chiangraifocus.com/index.php?topic=1025412.0

+  เว็บบอร์ด เชียงรายโฟกัสดอทคอม สังคมออนไลน์ของคนเชียงราย
|-+  ศูนย์กลางข้อมูลเชียงราย
| |-+  คนเชียงราย สังคมเชียงราย (ผู้ดูแล: bm farm, [ตา-รา-บาว], zombie01, ۰•ฮักแม่จัน©®, ตาต้อม, nuifish, NOtis)
| | |-+  ชาวบ้านเชียงรายรุมค้านนายทุนตั้งโรงโม่เพิ่ม - รุมแจงผลกระทบผ่าน กมธ.วุฒิ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] พิมพ์
ผู้เขียน ชาวบ้านเชียงรายรุมค้านนายทุนตั้งโรงโม่เพิ่ม - รุมแจงผลกระทบผ่าน กมธ.วุฒิ  (อ่าน 1725 ครั้ง)
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« เมื่อ: วันที่ 21 กันยายน 2010, 11:00:11 »

เชียงราย - กรรมาธิการวุฒิสภา ลงลุยตรวจโรงโม่เชียงรายหลังปัญหายืดเยื้อมาร่วม 10 ปี ขณะที่กลุ่มชาวบ้าน รุมค้าน ขวางทุนใหญ่เข้าทำโรงโม่เพิ่ม หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อมเพิ่ม
       
       รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า นางจิราวรรณ วัฒนศิริธร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) จ.เชียงราย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา ได้นำคณะอนุกรรมาธิการฯ เดินทางไปตรวจสอบโรงโม่หินของบริษัทวันไชยธนวงศ์ จำกัด และบริษัทเชียงแลนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด ซึ่งเป็นเอกชน 2 ราย ที่เปิดกิจการตั้งโรงโม่หินอยู่บริเวณดอยผาหมื่น ต.ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ที่ทางจังหวัดประกาศให้เป็นแหล่งหินจังหวัดมานาน เพื่อติดตามเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพว่าเป็นเช่นใด เนื่องจากมีชาวบ้านร้องเรียนเข้าไปมาก
       
       ขณะเดียวกันได้เดินทางไปตรวจสอบดอยแม่ออกฮู ถัดจากดอยผาหมื่น ที่มีบริษัทเบิร์ดอาย จำกัด ของนายศักดิ์ชัย จงสุทธนามณี ญาติของนางจิราวรรณ ซึ่งได้มีการผลักดันให้บริษัทสามารถเข้าไปรับสัมปทานตั้งโรงโม่หินได้เหมือน 2 บริษัทแรกมานานหลายปี แต่ก็ถูกชาวบ้านบางส่วนคัดค้านเพราะเกรงจะเกิดผลกระทบหนักเข้าไปอีก
       
       ทั้งนี้ ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้ใช้สถานที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ผางาม ในการเข้าไปรับทราบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวทั้งภาครัฐและเอกชนรวมทั้งกลุ่มชาวบ้าน ซึ่งพบว่า ตลอดช่วงการรับการชี้แจงได้เกิดการโต้เถียงกันเป็นระยะระหว่างชาวบ้านกับกลุ่มนายทุนและผู้นำท้องถิ่นที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
       
       โดยชาวบ้านกลุ่มใหญ่แสดงความไม่พอใจที่ผู้นำท้องถิ่นบางคนไม่ได้ช่วยชาวบ้านด้วยกัน แต่กลับไปสนับสนุนกลุ่มทุนเสียเอง รวมทั้งแสดงความกังวลว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้มีผลกระทบต่อสุขภาพทำให้เป็นโรคมะเร็งตายแล้วหลายสิบราย
       
       นางจิราวรรณ กล่าวว่า การตรวจสอบของคณะอนุกรรมาธิการฯ ในครั้งนี้เรามุ่งเน้นเกี่ยวกับปัญหาเรื่องฝุ่นละอองในอากาศและน้ำ ซึ่งชาวบ้านเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและทำให้แหล่งน้ำได้รับผลกระทบ ซึ่งเรื่องนี้เคยมีการยื่นร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรม จ.เชียงราย รัฐสภาและศาลปกครองกลาง มาแล้ว แต่ก็ยืดเยื้อมานานร่วม 10 ปี กระทั่งศาลปกครองมีคำสั่งเมื่อวันที่ 14 ก.ย.ที่ผ่านมา ให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในครั้งนี้
       
       ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่ามีปัญหาในหลายด้านแต่ยังขาดหลักฐานทางวิชาการ แต่คณะอนุกรรมาธิการฯ จะส่งเรื่องทั้งหมดให้คณะกรรมการใหญ่ชุดใหญ่ได้พิจารณาเพื่อเสนอไปยังศาลปกครอง จากนั้นจะแจ้งผลที่ได้รับให้ชาวบ้านได้ทราบต่อไป
       
       ด้านนางหอมหวล บุญเรือง แกนนำชาวบ้านร่องเจริญ ต.ผางาม กล่าวว่า ลำพังโรงโม่หินที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ได้สร้างผลกระทบต่อชีวิตชาวบ้านอย่างหนัก ทั้งเรื่องฝุ่นละอองที่ทำให้เจ็บป่วยตลอดปี นาข้าวโดยรอบก็เสียหาย ที่สำคัญที่สุดคือดอยแม่ออกฮู จะมีตาน้ำจึงมีน้ำไหลออกมาตลอดทั้งปี โดยในฤดูแล้งเมื่อไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติอื่นๆ ชาวบ้านก็พึ่งพาน้ำจากแม่ออกฮู มาใช้บริโภคและการเกษตร จึงไม่อยากให้มาใช้ดอยแม่ออกฮูเป็นแหล่งหินจังหวัดอีก
       
       รายงานข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับพื้นที่ ต.ผางาม ถือเป็นพื้นที่ที่มีภูมิประเทศที่มีภูเขาหินหลายลูกตั้งอยู่ติดๆ กันบนถนนสายเวียงชัย-พญาเม็งราย จนสามารถเห็นทิวทัศน์เมื่อเดินทางไปเยือนได้อย่างชัดเจนและสวยงาม อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาจังหวัดได้ประกาศให้เป็นแหล่งหินจังหวัดและเปิดให้เอกชนที่เป็นเครือข่ายของนักการเมืองใหญ่ในพื้นที่หลายคนเข้าไปสัมปทานระเบิดหิน และเคยมีชาวบ้านออกมาต่อต้านเพราะต้องการอนุรักษ์เอาไว้รวมทั้งเกรงจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แหล่งน้ำ ป่าไม้ และสุขภาพ
       
       แต่ปรากฏว่ามีแกนนำชาวบ้านคนหนึ่งถูกยิงเสียชีวิตไป 1 คน รวมทั้งบางครั้งเกิดคดีความยิงกันเสียชีวิตในหมู่เอกชนที่เข้าไปสัมปทานเสียเอง กระทั่งเรื่องยืดเยื้อถึงปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ก็ยังถูกกลุ่มทุนที่เข้าไประเบิดหินและทำโรงโม่หินมาอย่างต่อเนื่อง
 
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000132145
IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
boondham
ระดับ :ป.โท
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,111


« ตอบ #1 เมื่อ: วันที่ 21 กันยายน 2010, 21:43:29 »

เชียงราย - กลุ่มทุนโรงโม่หินเปิดห้อง อบต.ผางาม เมืองพ่อขุนฯ ทำประชาพิจารณ์สัมปทานระเบิดหินดอย “แม่ออกรู หรือแม่ออกฮู” ซ้ำ ขณะที่ชาวบ้านยังคงเดินหน้าค้านเต็มที่
       



       วันนี้ (21 ก.ย.) ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ผางาม อ.เวียงชัย จ.เชียงราย บริษัท เบิร์ดอาย จำกัด ได้เปิดเวทีประชาพิจารณ์เพื่อรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ หลังจากที่บริษัทได้เคยยื่นขอสัมปทานระเบิดหินออกมาจาก ดอยแม่ออกรู หรือดอยแม่ออกฮู ซึ่งเป็นภูเขาหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่เขตหมู่บ้านผางาม หมู่ 9 ต.ผางาม และผู้สัญจรผ่านไปมาบนถนนสายเวียงชัย-พญาเม็งราย สามารถมองเห็นความสวยงามและสูงเด่นได้อย่างชัดเจน
       
       ในครั้งนี้ บริษัทได้แจ้งว่า ได้จ้างเอกชนให้เข้าทำการศึกษาผลกระทบด้านต่างๆ แล้ว และหลังจากการทำประชาพิจารณ์รอบแรกไปเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ได้รับการต่อต้านจากประชาชนส่วนใหญ่จึงได้กลับมาทำความเข้าใจกับชาวบ้านอีกครั้ง
       
       นายศักดิ์ชัย จงสุทธนามณี กรรมการบริหารบริษัท เบิร์ดอาย จำกัด กล่าวว่า ดอยแม่ออกรูเป็นแหล่งหินของเชียงราย มีเนื้อที่ 37 ไร่ 40 ตารางวา ซึ่งทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ทำการสำรวจและพบว่าเป็นแหล่งหินเพื่ออุตสาหกรรมได้ เนื่องจากไม่ได้อยู่ในเขตลุ่มน้ำ โบราณสถาน ฯลฯ ดังนั้นทางบริษัทจึงได้ขอรับสัมปทานมาตั้งแต่ปี 2533 หรือกว่า 20 ปีแล้ว กระทั่งปี 2541 ก็ผ่านความเห็นชอบจาก อบต.ผางาม
       
       อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนดให้ต้องมีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้ดีก่อน บริษัทจึงทำตามขั้นตอนด้วยการทำประชาพิจารณาและศึกษาผลกระทบ
       
       นายศักดิ์ชัย ยืนยันว่า บริษัทได้ทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และยืนยันว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายกำหนดพื้นที่ที่จะเข้าไปสัมปทานหินเอง แต่กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้ที่กำหนดให้ดำเนินการได้ บริษัทจึงเป็นเพียงผู้เข้าไปขอสัมปทานเท่านั้น ดังนั้นหากประชาชนจะคัดค้านก็ต้องยื่นเพิกถอนดอยแม่ออกรูออกจากการเป็นแหล่งหิน จ.เชียงราย และเพิกถอนแหล่งหินอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณเดียวกันไปยังกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย
       
       ในช่วงนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ซึ่งผลเป็นอย่างไรบริษัทก็พร้อมจะนำมาประกอบการพิจารณาต่อไป
       
       ด้าน นางหอมนวล บุญเรือง แกนนำชาวบ้านร่องเจริญ ต.ผางาม ที่ต่อต้านโครงการนี้ กล่าวว่า ในช่วงเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ได้มีเอกชนสองราย คือ บริษัท เชียงรายแลนด์แอสโซซิเอทส์ จำกัด และ บริษัท วันไชยธนวงศ์ จำกัด เข้าไปรับสัมปทานระเบิดหินในบริเวณใกล้เคียงกับดอยแม่ออกรูไปแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบกับชาวบ้านอย่างหนัก ทั้งด้านฝุ่นละออง การเจ็บป่วย เสียงดัง พืชผลทางการเกษตรเสียหาย ฯลฯ
       
       ดังนั้น ชาวบ้านจึงไม่อยากได้รับผลกระทบเพิ่มเติมจากเอกชนรายที่สามอีก รวมทั้งดอยแม่ออกรูเป็นตาน้ำที่อุดมสมบูรณ์ จึงต้องการอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานต่อไปด้วย

IP : บันทึกการเข้า

กลุ่มคุยแลกเปลี่ยน เรื่องการพัฒนา สิ่งปลูกสร้าง เรื่องราวต่างๆของเชียงราย https://www.facebook.com/groups/273622956012759/
wat
ชั้นประถม
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 322


« ตอบ #2 เมื่อ: วันที่ 21 กันยายน 2010, 21:59:08 »

แล้วจะเอาหินที่ไหน มาสร้างบ้าน สร้างเมือง ทุกวันนี้เชียงรายหินแพง
IP : บันทึกการเข้า
เชียงรายพันธุ์แท้
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,024



« ตอบ #3 เมื่อ: วันที่ 21 กันยายน 2010, 23:49:04 »

นามสกุลกรรมการบริษัทคุ้นๆนะครับ
IP : บันทึกการเข้า
thanawat3
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #4 เมื่อ: วันที่ 04 มกราคม 2011, 23:00:17 »

                 “ดอยแม่ออกรู” เป็นภูเขาหินปูนลูกโดด สูงชัน ซึ่งถือเป็นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มีคุณค่าของชุมชนและชองชาติ ที่สมควรต้องได้รับการอนุรักษ์ให้คงอยู่เพื่อการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนได้ โดยตั้งอยู่ห่างจากทางหลวงจังหวัดหมายเลข 1152 ประมาณ 500 เมตร มีขนาดพื้นที่ประมาณ 320 ไร่ สภาพเป็นป่าเบญจพรรณและป่าเขาหินปูน มีแมกไม้ สมุนไพรและสรรพสัตว์จำนวนมากมาอาศัยอยู่กิน ทำรัง และแพร่ขยายพันธุ์มาโดยตลอด สภาพโดยรอบภูเขาเป็นพื้นที่ทำนาเป็นส่วนใหญ่ มีพื้นที่ทำไร่และทำสวนอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ลักษณะพิเศษของภูเขาลูกนี้ คือ ใต้ภูเขามีถ้ำน้ำ มีทางน้ำไหลเข้าทางหนึ่งและไหลออกอีกทางหนึ่ง ในหน้าฝนน้ำจะไหลเข้าแต่ก็จะมีน้ำไหลออกโดยสม่ำเสมอตลอดปี ชาวบ้านได้อาศัยน้ำที่ไหลออกจากถ้ำแห่งนี้ไปจัดทำระบบเหมืองฝาย ส่งน้ำไปเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมได้นับพันไร่ จึงได้ชื่อว่า “ดอยแม่ออกรู”
                  ลักษณะของถ้ำใต้ภูเขาดอยแม่ออกรู มีลักษณะเป็นถ้ำธารลอด กว้างประมาณ 3 เมตร มีความสูงของเพดานถ้ำประมาณ 2-3 เมตร บางช่วงเพดานต่ำลงมาประมาณ 1.5 เมตร และบางช่วงเป็นโถงถ้ำกว้าง โพรงถ้ำมีเส้นทางหลักๆทอดยาวตามภูเขาในทิศเหนือ-ใต้ ระยะทางคดโค้งภายในภูเขาประมาณ 2-3 กิโลเมตร สามารถเห็นน้ำไหลเข้าในถ้ำจากปากถ้ำทางทิศใต้และมีทางออกทางปากถ้ำทิศเหนือ นอกจากนี้ ยังมีทางแยกย่อยภายในถ้ำอีกมากมาย มีน้ำที่ไหลหยดลงมาจากรอยชั้นหิน(bedding)และรอยแยก(joint)ตลอดเวลา และยังพบการไหลของน้ำจากโพรงถ้ำสาขาต่างๆ ลงมายังโพรงถ้ำใหญ่ ที่พื้นถ้ำหนาประมาณ 20-50 เซนติเมตรมีน้ำในระดับความสูงจากพื้นถ้ำ ประมาณ 0.5-1 เมตร ตามระดับพื้นที่ความสูงต่ำจากพื้นถ้ำ ปรากฏลักษณะของหินงอกหินย้อยมากพอสมควรตามการไหลหยดลงของน้ำจากเพดานถ้ำ เมื่อพิจารณาจากระดับน้ำภายในถ้ำ แสดงให้เห็นว่าน้ำในถ้ำอยู่ในระดับของน้ำใต้ดิน มีการไหลเข้ามาจากน้ำผิวดินภายนอกและเพิ่มเติมจากระบบรอยชั้นไม่ต่อเนื่อง ต่างจากพื้นที่รับน้ำบนภูเขาไหลลงสู่เพดานถ้ำทะลุลงมายังธารน้ำ นอกจากนี้ อาจสันนิษฐานได้ว่าน่าจะมีการไหลต่อเนื่องของน้ำใต้ดินมาจากชั้นหินอุ้มน้ำอื่นที่มีต่อเนื่องมาจากฝั่งตะวันตกของภูเขาอีก ลักษณะเช่นนี้ถือเป็นแหล่งน้ำที่เป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญต่อการใช้ประโยชน์ของชุมชนท้องถิ่น เพราะธรรมชาติได้ออกแบบให้มีการเก็บน้ำไว้ในถ้ำได้ตลอดเวลา แม้ในฤดูแล้งที่ไม่มีน้ำมาจากทุ่งนาโดยรอบก็สามารถกักเก็บและค่อยๆปล่อยไหลออกมาได้ตลอด ถือว่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของชุมชน และประเทศชาติ ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ
                   จังหวัดเชียงรายมีลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขา อาจเป็นภูเขาที่หลายลูกติดต่อกันหรือเป็นภูเขาลักษณะโดด และที่สำคัญใต้ภูเขาจะมีลักษณะเป็นที่เก็บกับ ซึมซับน้ำ โดยชุมชนโดยรอบสามารถอาศัยแหล่งน้ำ ใช้ในการเกษตรกรรม ชุมชนจะเรียบสถานที่ดังกล่าวว่า “ขุนน้ำ” เช่น ขุนน้ำที่อยู่ใต้ภูเขาที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จะเรียกว่า “ขุนน้ำนางนอน” ที่อำเภอเมือง เรียกว่า ”ขุนน้ำแม่กรณ์”  แหล่งน้ำดอยแม่ออกรู ชาวบ้านจะเรียกว่า “ขุนน้ำแม่ออกรู”
                  ดอยแม่ออกรู เป็นขุนน้ำที่มีตั้งแต่ดั้งเดิม ตั้งแต่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของผู้ฟ้องคดีและชุมชนบริเวณชุมชนโดยรอบได้ใช้น้ำ จากขุนน้ำแห่งนี้ทำนา เลี้ยงชีวิตผู้คนในหมู่บ้าน ชุนชน มาโดยตลอดจนหลายชั่วอายุคน ถึงลูกหลาน พื้นที่โดยรอบภูเขาทั้งหมดถูกประกาศให้เป็นพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม ดอยแม่ออกรูจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญต่อระบบนิเวศน์ของหมู่บ้านแล้วยังเป็นต้นกำเนิดแหล่งประเพณีที่สำคัญที่กระทำสืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ กล่าวคือ เมื่อถึงเดือนสิบของทุกปี ชาวบ้านจะร่วมกันจัดประเพณี “ตานช้างเผือก” ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ จะสร้างช้างเผือกไปถวายที่หินผาลูกนี้ เพื่อทำพิธีขอฟ้าขอฝนให้ตกลงมาเพื่อให้ได้ทำนาตลอดปี การทำพิธีจะมีพระสงฆ์และชาวบ้านทั้งสองหมู่บ้าน จะร่วมกันแห่รูปช้างที่แกะสลักด้วยไม้ตกแต่งสวยงามแห่ไปที่ขุนน้ำเพื่อทำพิธีของฝนคล้ายพิธีแห่นางแมวของชาวอีสาน             
            ทรัพย์สินและทรัพยากรบางประการที่เป็นสมบัติร่วมกันของประชาชน เช่น อากาศ พื้นน้ำ แผ่นดิน ป่าไม้ และแร่ธาตุอันเป็นทรัพยากร เป็นสิ่งที่หน่วยงานของรัฐทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น ต้องมีหน้าที่ที่ต้อง เก็บ รักษา ไว้เป็นกองทรัพย์สินส่วนรวมไว้ให้ประชาชน มหาชน อนุชนได้ใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนได้ ซึ่งตรงกับหลักการเรื่อง ทรัสต์ต่อมหาชน (Public Trust Doctrine) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช พ.ศ. 2550 ได้บัญญัติ ไว้ในหมวด 5 แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ส่วนที่ 8 แนวนโยบายด้านที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ตามมาตรา 85 (5) ที่ว่ารัฐต้องส่งเสริม บำรุงรักษา และคุ้มครองคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน ตลอดจนควบคุมและกำจัดภาวะมลพิษที่มีผลต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ และคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยประชาชน ชุมชนท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องมีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการดำเนินการ
        ดังนั้น คนเจียงฮายซึ่งเป็นเจ้าของทรัพยากรธรรมชาติในเมืองเจียงฮายและเป็นประชาชนชาวไทยที่มีสิทธิและหน้าที่ที่สมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญย่อมต้องมีหน้าที่ ปกป้อง คุ้มครอง ควบคุม ดูแล รักษาทรัพยากรของท้องถิ่น ของชาติของแผ่นดิน แทนประชาชนในรัฐ และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร พ.ศ.2550 บัญญัติกำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐโดยตรงที่ต้องดำเนินการ เจ้าหน้าที่ของรัฐบ่ายอมดำเนินการหรือดำเนินการไปแล้วแต่ไม่ตลอดไม่ครบถ้วน หรือ ไม่ให้เป็นไปตามหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ย่อมถือว่า ถือว่าไม่ปฏิบัติหน้าที่ ละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยผลของการไม่ปฏิบัติหน้าที่หรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเสียหาย จึงเป็นผลกระทบกระเทือนถึงสุขภาพของประชาชน กระทบต่อทรัพย์สินของมหาชน และต่อคนเจียงฮาย ดังนั้นย่อมมีสิทธิที่จะร้องเรียนหรือฟ้องเป็นคดี ได้ในนามของตนเองและหรือแทนมหาชนในรัฐ  เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งกฎหมายดังกล่าว คือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1337 และพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 มาตรา 96 และตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณา จักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 66 ประกอบมาตรา 67   
IP : บันทึกการเข้า
kaewhilow
ระดับ ป.ตรี
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,172


« ตอบ #5 เมื่อ: วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2011, 18:21:08 »

 ยิ้มกว้างๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2011, 22:42:52 โดย kaewhilow » IP : บันทึกการเข้า
หน้า: [1] พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  


เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

 
เรื่องที่น่าสนใจ
 

ข้อความที่ท่านได้อ่านบนกระดานข่าวแห่งนี้ เกิดขึ้นจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย
และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ผู้อ่านจึงต้องใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรองด้วยตัวเอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศีลธรรม พาดพิง ละเมิดสิทธิบุคคอื่น ต้องการแจ้งลบ
กรุณาส่งลิงค์มาที่
เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกให้ทันที..."

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2013, Simple Machines
www.chiangraifocus.com

Valid XHTML 1.0! Valid CSS!